เมื่อได้ยินรายงานจากตานเต๋อคง โจวเพ่ยชิงจึงสบตากับพี่ชายแบบไม่ได้นัดหมาย แม้จะคาดคะเนไปในทิศทางเดียวกันแต่ก็ไม่คิดว่าชายที่ช่วยไว้ จะมีตำแหน่งเป็นถึงนายพลระดับสูงของเมืองปักกิ่ง“ตอนนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด นอกจากปิดบังการรักษาของท่านนายพลแล้ว ตัวของนายหญิงเองก็ต้องระวังไว้บ้างนะครับ หากคนพวกนั้นรู้เข้า ว่านายหญิงเป็นคนช่วยชีวิตท่านนายพลไว้ คงเบนเป้าหมายมาทางนายหญิงเป็นแน่”ตานเต๋อคงกังวลถึงความปลอดภัยของเจ้านายไม่น้อย เนื่องจากการที่นายหญิงเพ่ยเพ่ย ได้กระทำการช่วยชีวิตของท่านนายพลข่าย คงจะสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ขนาดนายพลข่าย ยังอาการสาหัสขนาดนี้ แล้วหากฝ่ายนั้นรู้ภายหลังว่าใครช่วยไว้ อีกฝ่ายคงตามมาเอาคืนทุกคนรู้ดีว่าการช่วยชีวิตนายพลข่ายในครั้งนี้ เป็นเรื่องอันตราย แต่เมื่อทำไปแล้วจะถอนตัวก็ไม่ได้ อย่างน้อยจากนี้ควรระวังตัว และที่สำคัญ ไม่มีใครรู้ว่านายหญิงเพ่ยเพ่ยคือใครโจวเพ่ยชิงคิดว่าตัวเองและครอบครัวไม่น่าจะเกิดอันตราย แต่คนที่น่าเป็นห่วงคือตานเต๋อคง เพราะทุกคนรู้ว่าเขาคือลูกน้อง คนสนิทของนายหญิงเพ่ยเพ่ย หากพวกที่ทำร้ายนายพลข่ายรู้ คง ไม่เอาตานเต๋อคงไว้แน่ ยังมีพี่รอ
“อย่าขอบคุณอีกเลย ผู้จัดการทำงานให้ฉันก็ไม่ต่างจากคนในครอบครัว การที่ฉันจะตอบแทนบ้าง ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย อย่าคิดมากเลยนะคะ ว่าแต่ฉันได้ข่าวว่าลูกชายและลูกสะใภ้ โดนไล่ออกจากโรงงานยาสูบไม่ใช่เหรอคะ ทำไมไม่ให้มาสมัครงานที่นี่ล่ะ ต่อให้เย็บผ้าไม่เป็น แต่ในโรงงานเราก็มีหลายตำแหน่งนี่นา”หญิงสาวคล้ายกับจะนึกขึ้นมาได้ เมื่อหลายวันก่อน ตานเต๋อคงบอกว่าลูกชายและลูกสะใภ้ของผู้จัดการโดนกลั่นแกล้ง จนต้องออกมาจากโรงงานยาสูบ เธอพูดกับคนสนิทเลยว่าเดี๋ยวสองคนนี้ต้องมาสมัครงานในโรงงาน ยังไงก็ดูตำแหน่งให้ด้วยแล้วกันแต่ผ่านมาหลายวันแล้ว ยังไม่ได้ข่าวเลยว่าทั้งสองมาสมัครงานที่นี่เลยเมื่อเจอคำถามของนายหญิงเข้าไป ผู้จัดการจึงก้มหน้าและไม่กล้าตอบ นี่จึงทำให้โจวเพ่ยชิงต้องถามย้ำอีกครั้ง“มีอะไรหรือเปล่าคะผู้จัดการ”“ไม่มีอะไรครับ นายหญิง”“ในเมื่อไม่มีอะไร ทำไมไม่ให้ลูกชายและลูกสะใภ้เข้ามาสมัครงานที่นี่ล่ะคะ หรือว่าได้ที่ทำงานใหม่แล้ว” หญิงสาวยังคงถามด้วยความไม่เข้าใจ“เปล่าครับ เพียงแต่ผมไม่กล้าให้ทั้งสองคนเข้ามาสมัครงานที่นี่ เพราะกลัวจะเกิดคำครหาได้ ว่าใช้เส้นสายจากผมเพื่อให้ได้เข้าทำงานที่นี่ครับ”ผู้จ
“ว่ายังไงล่ะ ถ้าฉันจะใช้สิทธิ์ของนายหญิงเพ่ยเพ่ยได้หรือไม่ ฉันอยากให้ผู้อำนวยการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ทั้งหมด” โจวเพ่ยชิงถามออกไปด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ“หมายความว่า คุณคือนายหญิงเพ่ยเพ่ยอย่างนั้นหรือ” ผู้อำนายการโรงเรียนไม่ตอบแต่กลับเอ่ยถาม เขาไม่เคยเห็นนายหญิงเพ่ยเพ่ยมาก่อน รู้เพียงว่าตัวตนของนายหญิงนั้น ยากที่คนทั่วไปจะพบได้ อีกทั้งข่าวลือที่ว่านายหญิงเพ่ยเพ่ยจะมีหน้ากากครึ่งหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เห็นเพียงแต่ดวงตาเท่านั้น จะว่าไปหญิงสาวตรงหน้ามีส่วนคล้ายนายหญิงเพ่ยเพ่ยเหมือนกันคราวนี้โจวเพ่ยชิงเลือกที่จะไม่สนใจผู้อำนวยการโรงเรียนอีก แต่หันไปสั่งการลูกน้องคนสนิทแทน“ในเมื่อไม่มีคนเชื่อว่าฉันคือนายหญิงเพ่ยเพ่ย และคิดว่าฉันแอบอ้าง ดังนั้นฉันรบกวนพี่เต๋อคงโทรหาท่านนายพลซีหน่อยให้ท่านช่วยยืนยันตัวฉันสักครั้ง”“ครับ นายหญิง” ชายหนุ่มรับคำก่อนจะเดินออกมา และไปยังห้องธุรการเพื่อขอใช้โทรศัพท์ทุกคนไม่คิดว่านายหญิงเพ่ยเพ่ยตัวจริงจะมาเยือนที่นี่ ใบหน้าของแต่ละคนจึงเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย“ว่ายังไงน่ะเรา ก่อเรื่องอะไรอีก อาโมว่ ไหนลองเล่าให้ฟังสิว่าเกิดอะไรขึ้น น้องสาวตัวแสบของฉันจึงได
กลับมาทางด้านของผู้กองซีและโจวว่านปิง ทั้งสองใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาล ทันทีที่ผู้กองซีเห็นหน้าของนายพลข่าย ชายหนุ่มจึงรีบทำความเคารพทันที ทว่านายพลข่ายส่ายหน้าเล็กน้อย“ท่านปลอดภัยดีใช่หรือไม่ แล้วทำไมถึง...”“หนักหนาเอาการเลยล่ะ ฝ่ายนั้นน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวว่าฉันเดินทางไกลเพื่อมาเอาเอกสารที่คนของฉันเตรียมไว้ พวกมันคงกลัวว่าถ้าเอกสารถึงมือฉันเมื่อไหร่ คงต้องสืบสาวราวเรื่องกันอีกนาน”นายพลข่ายเล่าเรื่องราวที่ประสบเหตุลอบโจมตีให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง แม้จะมีคนนอกอย่างโจวว่านปิงอยู่ด้วยก็ตาม เนื่องจากนายพลข่ายคิดว่าโจวว่านปิงไม่ใช่คนที่เป็นภัยกับตนเองหลังจากที่ฟังเรื่องราวจบสิ้น ซีอี้ข่ายพยักหน้าเข้าใจ“แล้วท่านนายพลจะให้ผมส่งข่าวถึงคนของท่านหรือไม่ครับ”ในเมื่อเรื่องการตามหาคนสนิทที่เดินทางมาพร้อมกับท่านนายพลข่ายนั้น เวลานี้เขาเชื่อว่านายหญิงเพ่ยเพ่ยน่าจะจัดการด้วยตัวเอง แต่อย่างไร เขาคงต้องส่งคนออกตามหาด้วยเช่นกัน และหวังว่าคนของท่านนายพลจะยังมีชีวิตรอดไม่ต่างกัน“อย่างไรฉันต้องรบกวนผู้กองส่งข่าวถึงผู้กองต้วนของกองทัพเมืองเปี้ยนหยางด้วยก็แล้วกัน เวลานี้เจ้านั่นและคนอื่น ๆ คงกระวนกร
โจวเพ่ยชิงคิดถึงชาติที่แล้วที่สามีบาดเจ็บกลับมา ซึ่งน่าจะเกิดจากเรื่องนี้หรือไม่ แต่ไม่ว่ายังไงเธอไม่ต้องการให้สามีต้องเสี่ยงแบบนี้ เวลานี้เธอสามารถดูแลเขาได้แม้เขาจะเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาก็ตาม หญิงสาวรู้ดีว่าเรื่องนี้สามีคงไม่ยอม ถ้าจะให้เขาออกจากราชการเพราะเขาหยิ่งในศักดิ์ศรี คงไม่ยอมงอมืองอเท้าให้ภรรยาเลี้ยงดูแน่ ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินทางไปหาสามีที่ค่ายทหารในเมืองเปี้ยนหยางในระหว่างเดินกลับมาที่รถ หญิงสาวจึงบอกคนสนิทและพี่ชายคนรองว่าเธอจะเดินทางไปเมืองเปี้ยนหยางเพื่อไปหาสามี“อีกสามวันฉันจะเดินทางไปเมืองเปี้ยนหยาง ฉันจะจัดการงานทุกอย่างไว้ให้ก่อน ส่วนพี่เต๋อคง พี่ช่วยจัดการสืบเรื่องราวทางฝั่งนั้นให้ฉันหน่อย และครั้งนี้ฉันต้องการไปในนามภรรยาของนายกองหลี่ ไม่ใช่นายหญิงเพ่ยเพ่ย ดังนั้นการเดินทางในครั้งนี้ ฉันจึงอยากเดินทางไปด้วยรถไฟ เพื่อไม่ให้เป็นที่จับตามองของใคร”“เรื่องที่นายหญิงจะไปหานายท่านนั้นผมไม่ขัดข้องครับ แต่การที่นายหญิงจะเดินทางไปเพียงคนเดียว และโดยสารรถไฟนั้นผมไม่เห็นด้วย แม้เวลานี้จะยังไม่มีใครรู้ว่านายหญิงคือใครก็ตาม แต่ควรจะระวังเรื่องความปลอดภัยก่อนนะครับ”“พี่เห็นด
เช้าวันต่อมา...โจวเพ่ยชิงตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้ว หญิงสาวจึงรีบเตรียมข้าวของ เพื่อไม่ให้คนสงสัย เรื่องที่เธอเดินทางแล้วไม่มีอะไรติดตัวไปเลยหลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว จึงได้มาปลุกลูกทั้งสองคนเพื่อจะพาไปส่งที่บ้านพ่อแม่ เมื่อมาถึงบ้านโจว จึงได้ฝากลูกทั้งสองไว้กับพ่อและแม่“อยู่กับคุณตาคุณยายไม่ดื้อนะลูก แม่เสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมา” โจวเพ่ยชิงเอ่ยกับลูกทั้งสองคน ว่าห้ามดื้อกับตาและยาย“ครับ / ค่ะแม่ เราทั้งสองสัญญาว่าจะไม่ดื้อกับตายาย แล้วแม่อย่าลืมรีบกลับมานะคะ”สองพี่น้องตอบกลับพร้อมกัน โดยมีซานซานกล่าวย้ำให้ผู้เป็นแม่รีบกลับมา“แม่สัญญาค่ะ แม่เสร็จธุระแล้วจะรีบพาพ่อกลับมาบ้านเรานะลูก แม่รักลูกทั้งสองคนนะ”โจวเพ่ยชิงยิ้มให้ลูกทั้งสองคนอย่างอ่อนโยน และภูมิใจที่ ลูกทั้งสองคนไร้เดียงสายิ่งนัก หากเป็นลูกหลานบ้านอื่นซึ่งมีอายุเพียงห้าขวบกว่า เมื่อรู้ว่าพ่อแม่ต้องเดินทางไปต่างเมืองคงร้องตามกันจ้าละหวั่นจากนั้นหญิงสาวจึงหันมากล่าวลาพ่อกับแม่และทุกคน อีกครั้ง ก่อนจะให้พี่ชายคนรองอย่างโจวว่านปิงจะปั่นจักรยานไปส่งที่สถานีรถไฟ“ไปถึงที่นั่นแล้ว พยายามส่งข่
เมื่อจ่ายเงินและนัดแนะกับลุงขับเกวียนเรียบร้อยแล้วหญิงสาวจึงเดินกลับมาหาผู้เป็นสามีทันที ก่อนจะยื่นบัตรและเอกสารประจำตัว ว่าเธอเป็นภรรยาของนายกองหลี่จริง ๆจากนั้นจึงเดินเข้ามาในค่ายทหารแห่งนี้ ท่ามกลางความสนใจของนายทหารคนอื่น ที่เห็นนายกองหลี่เดินเข้ามาพร้อมหญิงสาว ดูจากรูปร่างและหน้าตาที่ปิดบัง คงมีความงดงามไม่น้อย“น้องรอพี่ที่นี่ได้หรือไม่ พี่ขอไปฝึกทหารกลุ่มนั้นก่อน แล้วพี่จะรีบไปทำเรื่องขอพักนอกค่าย และจะขอลาเพื่อกลับบ้านพร้อมน้อง” หลี่ฮั่นตงยังคงมีความดีใจ ที่ภรรยามาหาตนเองถึงที่เมืองนี้“ได้ค่ะ ฉันรอพี่ได้ พี่ทำหน้าที่ของพี่เถอะ จริงสิ ฉันเอาขนมมาฝากสหายพี่ด้วย ว่าแต่สหายพี่อยู่ที่ไหนกันเหรอ”โจวเพ่ยชิงทำท่าคล้ายกับนึกได้ ก่อนจะล้วงมือหยิบกระเป๋าใบใหญ่ที่ถือมาด้วย เพื่อเอาขนมและเนื้อตากแห้งออกมาจากมิติ และยื่นให้ผู้เป็นสามีพร้อมกับยิ้มหวาน นี่จึงทำให้หลี่ฮั่นตงใบหน้างอขึ้นมา จนโจวเพ่ยชิงต้องเอ่ยถาม“พี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”“ทำไมต้องยิ้มด้วยล่ะ ดูเจ้าพวกนั้นสิ มองเมียพี่ไม่วางตา”เมื่อได้ยินคำตอบของสามี ใบหน้าหวานของหญิงสาวเกิด ริ้วแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู
กลับมาทางด้านโจวเพ่ยชิง เวลานี้หญิงสาวไม่รู้เลยว่าภัยกำลังมาเยือนถึงตัว เนื่องจากสตรีที่ชอบสามีของตนเองนั้นต้องการจะมาหาเรื่อง เธอยังคงมองไปทางสามีที่รักกำลังฝึกนายทหารคนอื่นอยู่เมื่อนายกองหลี่สั่งเลิกแถว นายทหารคนอื่นต่างร้องเฮ ด้วยความดีใจ เนื่องจากฝึกกับนายกองหลี่ทีไร ทุกคนต่างก็มีอาการอยู่ในสภาพที่สะบักสะบอมแทบทุกคน แต่คงไม่นับครั้งนี้ รวมถึง ครั้งที่แล้ว ๆ มา เนื่องจากการฝึกไม่ได้หฤโหดเหมือนเช่นทุกครั้งหลี่ฮั่นตงเดินมาใต้ต้นไม้เพื่อหยิบขนมและเนื้อแห้งที่ภรรยายื่นมาให้ก่อนหน้านี้ เพื่อเอาไปฝากพลทหารที่ตนเองฝึกซ้อม กลุ่มเมื่อครู่นี้ พอเดินกลับมาอีกครั้ง จึงเอ่ยบอกกับทุกคน“เอาขนมไปแบ่งกันกิน นี่มีเนื้อแห้งด้วยนะ รสชาติอร่อยเชียวล่ะ”“นายกองให้พวกเราจริง ๆ เหรอครับ”นายทหารคนหนึ่งมีสีหน้าฉายแววตื่นเต้นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อรู้ว่านายกองหลี่มอบขนมและเนื้ออันมีค่า ให้ไปแบ่งกันกิน“อืม เอาไปแบ่งกันกินเถอะ วันนี้เมียฉันมาเยี่ยม เธอเลยทำเนื้อตากแห้งและขนมมาให้ไม่น้อยเลย”หลี่ฮั่นตงมีรอยยิ้มเต็มใบหน้าเมื่อเอ่ยถึงภรรยา นายทหารที่รายล้อมอยู่ตรงนี้ ต่างก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ว่านาย
ตอนพิเศษ 7 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงหนึ่งเดือนต่อมางานมงคลสีแดงถูกจัดขึ้นอย่างประณีต ในบ้านเกิดของ โจวเม่ยเม่ยและตานเต๋อคง แม้บ้านเจ้าสาวจะไม่ได้ใช้ทำพิธีสำคัญแต่คนตระกูลโจวมีเงินทองมากมาย พวกเขาไม่ได้ประดับตกแต่งของสวยงาม หรือจัดงานใหญ่โตเพื่อโอ้อวด แต่ที่ทำเช่นนี้ ก็เพื่อน้องสาวคนเล็กสุดที่รักดอกไม้สดสีแดงถูกสั่งมาจากทั่วทุกสารทิศ มีทั้งที่ตัดออกมาจากต้น และปลูกไว้เป็นต้น ประดับไปตามเส้นทางจากบ้านเจ้าสาวไปบ้านเจ้าบ่าวในส่วนของถนนสาธารณะ ก็ได้มีการติดต่อกับทางการเพื่อบริจาคพืชเหล่านี้หลังใช้งาน แล้วยังมีงบการดูแลพืชให้ทุกปีต่อเนื่องไปอีกสิบปี นั่นทำให้ทางการยินดีให้บ้านโจวจัดงานได้เต็มที่พืชพรรณที่ออกดอกสีแดงสด ถูกซื้อและถอนมาจากทั่วประเทศ เพื่อปลูกไว้ประดับตกแต่งในวันงานแต่งงานของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวคนสุดท้าย ตลอดทั้งเส้นทางที่ต้องส่งตัวเจ้าสาวส่วนบ้านเจ้าบ่าวนั้นก็ไม่ได้น้อยหน้า แม้จะไม่ได้ร่ำรวยเท่าตระกูลโจว แต่นายหญิงเพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้เอาเปรียบพวกเขาพี่น้อง ตานเต๋อคงยังมีหุ้นส่วนในหลาย ๆ ร้านค้าที่ให้กำไรดี แล้วยังทำการเก็งกำไรร้านค้าในพื้นที่หลากหลาย ตามนายหญิงกล่าวได้ว่าเขาเอ
ตอนพิเศษ 6 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกิจการร้านทั้งสามของโจวเม่ยเม่ย เมื่อมีตานเต๋อคงช่วยดูแลอีกแรงหนึ่ง ก็ทำให้เธอสามารถพัฒนาไปในลู่ทางของตัวเองได้มากขึ้น แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ที่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปภายใต้แผนการค้าเดิม เช่นเดียวกับร้านค้าอื่น ๆ ของนายหญิงเพ่ยเพ่ยความสามารถในการบริหารของหญิงสาว ทำให้ตานเต๋อคงรู้สึกทึ่งและภาคภูมิใจ ที่คนรักของเขามีความสามารถไม่เป็นรองนายหญิงเพ่ยเพ่ยผู้เป็นพี่สาวเลยสถานการณ์ด้านโรงงานของโจวเพ่ยชิงที่ขยายสาขามาในเมืองปักกิ่งกลับไม่ได้ดีนัก แต่ไม่ได้เป็นเพราะฝีมือการจัดการของตานเต๋อคงแย่ลง เพียงแต่เป็นเพราะมังกรต่างถิ่น ไม่อาจสู้งูดินเจ้าถิ่นได้ ทำให้เขาต้องทุ่มแรงอย่างหนัก เพื่อเอาชนะเจ้าถิ่นที่ครองตลาดเอาไว้หากเป็นการเปิดโรงงาน เปิดร้านค้าธรรมดา ก็แล้วไปเถอะ แต่ในช่วงสามเดือนระหว่างที่ตานเต๋อคงก่อตั้งร้านค้าในเครือเพ่ยเพ่ยในเมืองหลวง ทางโจวเพ่ยชิงเองก็พัฒนาขึ้น จนสามารถสร้างห้างสรรพสินค้าในเมืองหลักใกล้เคียงกับบ้านเกิดได้สำเร็จนั่นทำให้หญิงสาวตัดสินใจสร้างห้างสรรพสินค้าใหม่ในปักกิ่ง ซึ่งแน่นอนว่ามันจะเป็นการขัดผลประโยชน์กับเจ้าถิ่นอย่างไม่สามารถห
ตอนพิเศษ 5 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“เม่ยเม่ย ไปไหน”เสียงเข้มเอ่ยถามน้องชายทันที เมื่อพบว่ามีเพียงตานโมว่ เดินเข้ามาในบ้าน วันนี้เป็นวันปิดภาคเรียน นักศึกษาเข้าไปส่งงานหรือไม่ก็สอบเป็นวันสุดท้าย ซึ่งโจวเม่ยเม่ยก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการไปมหาวิทยาลัยในวันนี้ได้“วันนี้ปิดภาคเรียน เด็ก ๆ ปีหนึ่งต้องไปกินดื่มกับพวกรุ่นพี่ในคณะสิครับ” ตานโมว่บอกกับพี่ชายถึงธรรมเนียมปฏิบัติ“แล้วนายไม่ได้ไป?”“ผมทำงาน อีกอย่างก็ไม่ได้มีสหายเยอะเหมือนเม่ยเม่ย รายนั้นเรียกได้ว่าเจ้ใหญ่ของสาขาวิชาก็ว่าได้”“...” ตานเต๋อคงไม่ประหลาดใจ เมื่อได้ยินอย่างนั้น จากความถี่ในการออกเที่ยวของโจวเม่ยเม่ย สามารถรู้ได้ว่าหญิงสาวมีสหายเยอะ หรือบางทีอาจจำกัดความได้ว่า ‘มีสหายกินดื่มเยอะ’ จะถูกกว่า“แต่เม่ยเม่ยดื่มไม่เก่ง” ตานเต๋อคงพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง“หวงนักก็ตามไปเฝ้าสิครับ งานเลี้ยงวันนี้ไม่ได้เคร่งเหมือนในมหาวิทยาลัย คนนอกไปกันเยอะแยะ”“ห่วง ไม่ได้หวง” ในความเป็นจริงคือไม่มีสิทธิ์อะไรไปหวงมากกว่า“อย่าปากแข็งไปหน่อยเลย เอาเถอะ ผมก็จนปัญญากับ พวกพี่แล้ว วันนี้พี่ก็ไปรับเม่ยเม่ยเองแล้วกัน ให้ผมไปสืบเรื่องงานมาให้จนเกือบตาย ผ
ตอนพิเศษ 4 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงทิวทัศน์ของปักกิ่งนั้นช่างแปลกตา แตกต่างจากบ้านเกิดของตนเองอย่างชัดเจน ทำให้สองหนุ่มผู้เพิ่งเข้ากรุงตื่นเต้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อรถพาแล่นมาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบ้านแบบใหม่หลายหลัง พวกเขาก็เปลี่ยนความตื่นเต้นเป็นกังวลใจทันทีที่รถจอดและพบหน้ากัน โจวเม่ยเม่ยไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร ท่าทางของเธอเฉยชาอย่างประหลาด นั่นทำให้ตานเต๋อคงประหม่าจนพูดไม่ออกคงมีแค่ตานโมว่ ที่คุยกับสหายอย่างกระตือรือร้น“นี่เป็นของฝากจากนายหญิงและทุกคน ลองดูสิเม่ยเม่ย”“ขอบใจนะ อาโมว่”โจวเม่ยเม่ยเหลือบมองของขวัญ แต่บังคับสายตาไม่ให้หันไปมองคนใจร้าย หลังรับของ เธอก็หันไปพาทั้งสองคนไปด้านใน“พี่และอาโมว่เลือกห้องได้เลยนะ ที่นี่หลังใหญ่จนเกินที่ฉันจะอยู่คนเดียว นายนั่นแหละอาโมว่ ที่ไม่ยอมมากับฉันตั้งแต่แรก”โจวเม่ยเม่ยเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันมาบ่นสหายของตนเอง“จะดีเหรอ พวกเราออกไปเช่าห้องอยู่ หรือไปอยู่ที่หลังร้านก็ได้”ตานเต๋อคงเอ่ยแทรกขึ้น อย่างที่เขาได้ตัดสินใจก่อนจะมาที่นี่แต่… โอกาสของเขาดูเหมือนถูกตัดขาดอย่างรวดเร็ว เมื่อโจวเม่ยเม่ยตอบกลับและหันไปพูดกับตานโมว่สหา
ตอนพิเศษ 3 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“นี่มัน…” ตานโมว่รู้สึกพูดไม่ออก หลังจากได้ฟังคำถามของเจ้านาย ไม่ใช่ว่าตอบไม่ได้เพราะปัญหาความซื่อสัตย์ แต่ไม่รู้ว่าควรพูดออกไปหรือไม่“นายอย่าปิดบังฉันเลย นายคงเห็นแล้ว ว่าพี่เต๋อคงแปลกไปจริง ๆ เขาชอบเหม่อเวลาทำงาน ตอนอยู่ที่บ้านด้วยกัน ก็คงจะเหม่อยิ่งกว่านี้อีกใช่ไหม”เมื่อคิดตามคำพูดของพี่สาวเพ่ยเพ่ยแล้ว ตานโมว่ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล แต่ปัญหาก็ คือแม้เขาจะรู้ความจริงว่าทำไมพี่ชายถึงเป็นอย่างในตอนนี้ ก็ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ดี“ฉันแค่เป็นห่วง และสงสัยว่าพี่เต๋อคงเป็นอะไรเท่านั้น ถ้ารู้ต้นเหตุ ไม่แน่ว่าเราอาจหาทางทำอะไรแก้ไขได้ ก่อนที่จะเกิดเรื่อง”“นี่… มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ” ตานโมว่มองเจ้านายด้วยความรู้สึกหลากหลาย ยิ่งทำให้เจ้าตัวสงสัยมากขึ้น แต่ไม่ใช่ความสงสัยที่ว่าตานเต๋อคงมีปัญหา แต่อาจเป็นผลมาจากเรื่องของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวของเธอเอง“หรือเป็นเพราะเม่ยเม่ยไปปักกิ่ง” โจวเพ่ยชิงพูดออกไป“นายหญิงรู้ได้ยังไง!”ไม่ต้องรอให้เขาตอบ เพียงท่าทีของตานโมว่ ก็บอกได้ทุกอย่าง โจวเพ่ยชิงได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจโล่งอกที่ไม่ใช่เรื่องอื่น“ก็ไม่เชิงรู
ตอนพิเศษ 2 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกลับมาทางด้านตานเต๋อคงเวลานี้ชายหนุ่มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ใจหนึ่งก็อยากติดตามไปดูแลใครบางคนที่อยู่ในเมืองหลวง หรือไม่ ก็ติดต่อเธอไปสักเล็กน้อยแต่ทุกวันนี้เขามักจะมองเหม่อไปทางโทรศัพท์ เมื่อมันดังขึ้นก็เฝ้าหวังว่าจะเป็นสายจากคนที่คิดถึง กระนั้นชายหนุ่มกลับต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะแม้ว่าโจวเม่ยเม่ยจะติดต่อกลับมาก็เพื่อพูดคุยกับครอบครัว หรือไม่ก็สหายอย่างตานโมว่เท่านั้น ไม่ได้สนใจพี่ชายของสหายที่พ่วงด้วยฐานะผู้ช่วยคนสนิทของนายหญิงเพ่ยเพ่ยอย่างเขา ตานเต๋อคงเองก็ไม่มีหน้าพอที่จะไปขอคุยโทรศัพท์กับหญิงสาวทั้งที่ไม่มีธุระอะไรจนกระทั่งนายหญิงเพ่ยเพ่ยเรียกให้เขาเข้าพบ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ พร้อมกับบอกว่ามีคนจะปรึกษาเรื่องงาน“สวัสดีครับ”เขารับโทรศัพท์มา และกลอกเสียงที่ถูกทำให้นุ่มทุ้มลดระดับหนึ่งลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ“พี่เต๋อคง ช่วยสอนงานเล็กน้อยให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ พอดีฉันกำลังจัดการปัญหาที่เจอในสาขาหนึ่งของร้านค้าในเมืองปักกิ่งอยู่ ถ้าได้ผู้เชี่ยวชาญอย่างพี่มาช่วยคงจะดีมาก”ตานเต๋อคงหัวใจกระตุกวูบ รู้ส
ตอนพิเศษ 1 โจวเม่ยเม่ย – ตานเต๋อคงหลังจากผ่านพ้นการปฏิวัติ มีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงในบ้านโจว โดยเฉพาะการตัดสินใจสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของ‘โจวเม่ยเม่ย’ น้องสาวของบ้านนั่นเองการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอ ได้รับการสนับสนุนจากทางบ้านอย่างแข็งขัน ทำให้โจวเม่ยเม่ยมีกำลังใจทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการอ่านหนังสือสอบจนกระทั่งหลังออกจากห้องสอบ หญิงสาวถึงได้โล่งอก ท่าทางมั่นอกมั่นใจของเธอ ทำให้ทุกคนวางใจ และไม่มีใครถามถึงเพื่อไม่เป็นการกดดันน้องสาวไม่นานหลังจากนั้น บ้านโจวก็ได้รับจดหมายตอบรับ ซึ่งข่าวเรื่องนี้มาถึงหูของโจวเพ่ยชิงก่อนที่บุรุษไปรษณีย์จะมาถึงเสียด้วยซ้ำทำให้เมื่อบุรุษไปรษณีย์มาถึง ก็พบว่ามีผู้คนมากมายออกมารอรับจดหมายอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเขาจึงได้ยื่นซองเอกสารที่ลงทะเบียนให้แก่หญิงสาวเจ้าของชื่อด้วยรอยยิ้ม“ยินดีด้วยนะ คุณหนูโจว” เมื่อแสดงความยินดีเสร็จแล้วจึงเดินหันหลังกลับไป โดยไม่ได้พูดอะไรต่อคำยินดีเป็นเพียงคำมงคลที่บุรุษไปรษณีย์มีให้เด็กนักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยทุกคนอยู่แล้ว แต่เสียงเฮที่ตามหลังมา ทำให้เขาอมยิ้มมากขึ้น เพราะรู้ว่าจดหมายตอบรับนั้นเป็นข่าวดี“ยินดีกับน้องด้วยนะ”
บทส่งท้าย ความสุขที่ต้องการห้าปีต่อมา...เวลานี้ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น โจวเพ่ยชิงแนะนำนายพลข่ายและนายพลซีให้เลือกฝ่ายที่ถูกต้อง แม้ว่าทั้งสองจะสงสัยว่าโจวเพ่ยชิงรู้ได้อย่างไร ก็ไม่มีใครคิดที่จะถาม เมื่อเลือกฝ่ายที่ถูกต้อง ตำแหน่งหน้าที่ของทั้งสองจึงมั่นคงขึ้น นี่จึงทำให้ สายป่านของโจวเพ่ยชิงยิ่งยาวเข้าไปอีกห้าปีที่ผ่านมา เกิดเรื่องราวมากมายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น บ้านหลี่หรือบ้านโจว พี่ใหญ่โจวอย่างโจวเทียนอี้ ไม่รู้ว่าไปพบรักกับคุณหนูโม่ตอนไหน ทว่าเวลานี้ทั้งสองแต่งงานกันเรียบร้อยแล้วและพี่ใหญ่ก็ไป ๆ มา ๆ ระหว่างที่นี่กับเมืองลุยจืองานทางนั้นก็มากพอตัว อีกทั้งโรงงานที่ทำร่วมกับตระกูลโม่ก็มียอดขายเข้ามาไม่น้อย ซึ่งของขวัญวันแต่งงานสำหรับพี่ชายคนนี้โจวเพ่ยชิงมอบทรัพย์สินให้ไม่น้อย รวมถึงโรงงานที่เมืองลุยจือหากพูดถึงพี่ใหญ่แล้ว จะไม่พูดถึงพี่รองอย่างโจวว่านปิงคงไม่ได้ ไม่รู้ว่าชายที่หวงตัวเองไปหลงรักเซียงเหมยได้ยังไง มารู้ข่าวอีกทีพี่รองของเธอ ก็ให้พ่อกับแม่ไปสู่ขอหญิงสาวคนนี้เสียแล้วแต่ไม่ว่าพี่ชายทั้งสองจะรักกับใคร พี่สะใภ้ของเธอจะเป็นคุณหนูหรือลูกสาวชาวบ้านธรรมดา โจ
“นายหญิงเพ่ยเพ่ย!!” หว่านซีห่าวเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาว“ขอบใจนะที่ยังจำกันได้ คุณซีห่าว”แม้จะโกรธแค้นแค่ไหน ทว่าโจวเพ่ยชิงกลับเก็บอารมณ์ได้ดี ไม่วู่วาม เพราะเธอมีเรื่องบางอย่างที่จะสอบถามหว่านซีห่าว“มีใครบ้างไม่รู้จักนายหญิงเพ่ยเพ่ยผู้ทรงอิทธิพลของกลุ่มการค้าเพ่ยเพ่ย ว่าแต่นายหญิงที่เข้ามาเยือนที่นี่ มีเรื่องอะไรจะสอบถามใช่หรือไม่ เพราะการกระทำของพวกเราในวันนี้ น่าจะทำให้นายหญิงต้องการเอาชีวิตพวกเรามากกว่า”“ถูกต้องแล้ว ความแค้นที่ฉันมีต่อคุณ มันมากเกินกว่าที่จะให้อภัยด้วยซ้ำ แต่ฉันมีข้อข้องใจบางอย่างที่อยากจะถาม นอกจากคุณที่แฝงตัวเข้าในทีมของพี่ฮั่นตงแล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย ใช่หรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้น พวกคุณคงไม่หนีหายและหลุดรอดออกไปได้เช่นนี้จนย้อนกลับมาทำร้ายพี่ฮั่นตงอีกครั้ง”นี่คือสิ่งที่เธออยากรู้ ก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ คนสนิทอย่างตานเต๋อคงได้รายงานบางอย่าง และก็ทำให้เธอคิดได้ แล้วเลือกที่จะถามก่อนที่จะจัดการเรื่องราวทั้งหมด“สิ่งที่นายหญิงกล่าวมาก็ไม่ผิด แต่ภารกิจที่พวกเราได้รับมอบหมายมาในครั้งนี้ไม่ใช่ฮั่นตง แต่เป็นตัวของนายหญิงเพ่ยเพ่ย เองต่างหาก”หว่านซีห่าวรู้ว่าอีกฝ่ายกำ