Home / โรแมนติก / ใครจะอยากเป็นนางร้าย / 2 กลัวจะแย่งความรัก

Share

2 กลัวจะแย่งความรัก

last update Last Updated: 2025-11-18 13:25:59

นพดลพาเด็กชายขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ตั้งใจจะให้เด็กชายอยู่ร่วมกันแบบเจ้านายคนหนึ่งของบ้าน เขาไม่ต้องการให้ชลาธิปรู้สึกด้อยไปกว่าเด็กคนอื่น ๆ เขารับปากเพื่อนสนิทของภรรยาเอาไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรนพดลก็ต้องทำให้ได้ อย่างน้อย ๆ ตอนที่ภรรยาเขาลำบากบิดามารดาของเด็กชายก็เคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้

ทั้งเขาและสาวิตรี ร่วมถึงบิดาของตนนั้นไม่เท่าไหร่ ติดปัญหาอยู่ที่เด็กหญิงตัวแสบนั่นมากกว่า เขายังคิดเสียใจที่เลี้ยงบุตรสาวให้กลายเป็นแบบนี้ ถ้าเขากล้าดุหรือสั่งสอนเธอสักหน่อยเรื่องคงไม่ดำเนินมาถึงขั้นนี้

“เป็นยังไงน้ำ เราอยู่ได้ไหม” นพดลถามไถ่

เด็กชายยิ้มและตอบรับอย่างมีมารยาท

“ครับ ดีกว่าที่ผมเคยอยู่ซะอีก” เขาตอบ ถ้าให้เทียบกับบ้านริมน้ำที่เคยอยู่ร่วมกันกับครอบครัว ที่นี่นับว่าดีมาก

“เพราะว่าที่บ้านเรา ไฟมันไหม้ไปหมดแล้ว ก็คงไม่มีอะไรเหลือแล้วล่ะ หลังจากเสร็จงานศพของพ่อกับแม่เรา น้าจะพาไปซื้อเสื้อผ้าใส่นะ แล้วก็จากนี้คงต้องย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพด้วยกัน” สาวิตรีปลอบประโลมเด็กชาย

บิดาและมารดาของเด็กชายเสียชีวิตเมื่อวันก่อน และก่อนที่พวกเขาจะจากไปได้ขอร้องให้สาวิตรีช่วยดูแลเด็กชาย ผู้เป็นนายหญิงของบ้านรู้ว่าชลาธิปเป็นเด็กดีเธอเองก็เลยไม่ได้รู้สึกลำบากใจที่จะเลี้ยงดู และแค่เด็กคนเดียวครอบครัวของเธอกับสามีย่อมดูแลได้อยู่แล้ว

เมื่อได้ยินคุณน้าพูดถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นชลาธิปมีสีหน้าสลดลงไปเล็กน้อย ถ้าพ่อกับแม่ทิ้งเขาเอาไว้ในกองเพลิงนั่นพวกท่านก็คงไม่จากไป ภาพจำทุกอย่างยังติดตา

“ครับ” เด็กชายตอบเสียงเรียบ

เห็นเด็กชายสีหน้าสลดลงเช่นนั้นผู้ใหญ่สองคนจึงไม่กล้ากล่าวอะไรอีก

“เอาเถอะ ไว้หลังจากงานศพเราค่อยว่ากัน เดี๋ยวน้าจะช่วยให้น้ำเอาทุกอย่างคืนมา อย่างไรก็เป็นของที่พ่อกับแม่เราหาเอาไว้ให้ คนพวกนั้นจะมาชุบมือเปิบไปได้อย่างไร” นพดลนึกโกรธที่ญาติของเด็กชายทำตัวเหมือนเหลือบไร เข้ามาหาผลประโยชน์จากชลาธิปหลังการตายของบิดามารดาของเด็กชาย

ถ้าผู้ที่จากไป ไม่ได้ลั่นเจตนารมณ์เอาไว้ว่าให้เขาสองคนดูแลชลาธิป ก็ไม่รู้ว่าชะตากรรมของเด็กชายจะเป็นอย่างไร

“ผมขอบคุณมากนะครับ” เด็กชายวัย 12 รู้สึกขอบคุณอย่างที่สุด เขาเองก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าญาติพี่น้องของบิดามารดาเป็นคนแบบไหน ชลาธิปเองก็รู้สึกสบายใจมากกว่าที่จะได้อยู่กับคุณน้าทั้งสอง ถึงจะรู้สึกอึดอัดเพราะยายตัวแสบนั่นก็ตาม

อายุน้อยกว่าเขา แต่ทำตัวไม่น่ารักเหมาะสมกับอายุและหน้าตาเลยสักนิด เด็กชายเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าอย่างไรเด็กนั่นก็คงไม่ปล่อยให้เขาได้อยู่ที่นี่อย่างสงบสุขแน่นอน

เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองออกจากห้องนอนแล้ว เด็กชายเตรียมตัวจะอาบน้ำและเข้านอน เพราะหลังจากนี้จะต้องมีเรื่องราวอีกหลายอย่างให้เขาต้องรับมือ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร ประตูห้องก็ถูกเปิดออก เขาหันไปยังทิศที่เป็นประตู

“ใครให้แกขึ้นมาอยู่ที่นี่” เด็กหญิงตวาดเสียงดัง

“คุณน้าผู้ชายและคุณน้าผู้หญิงให้พี่มาอยู่ที่นี่” เขาไม่รู้จะใช้สรรพนามอะไรกับเธอ จึงแทนตัวเองว่าพี่

“ห้องนี้เป็นห้องของฉัน” เด็กหญิงกระโดดขึ้นไปบนเตียงนอน ท่าทางเอาแต่ใจใบหน้าน่ารักเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“งั้นเหรอ” เด็กชายตอบเสียงเรียบ สีหน้าและท่าทางดูเย็นชา

“งั้นเหรอ หมายความว่ายังไง แกจะมาแย่งทุกอย่างของฉันไปหรือไง” เด็กหญิงไม่สบอารมณ์นัก

ชลาธิปถอนหายใจ เขาไม่ยักรู้มาก่อนว่าเด็กที่เกิดและเติบโตในเมืองจะมีนิสัยแบบนี้ น้อง ๆ ในโรงเรียนหรือเด็กตัวเล็กแถวบ้านเขา ยังไม่เคยเห็นว่ามีนิสัยแบบนี้ ทั้งที่คุณน้าทั้งสองคนก็เป็นคนดีมีมารยาทแท้ ๆ แต่ทำไมยายตัวแสบนั่นถึงได้มีนิสัยแบบนั้นกัน

“จะให้พี่หมายความว่ายังไงล่ะ งั้นเหรอก็คืองั้นเหรอ” เด็กชายตอบ

“แกไม่ใช่พี่ฉันหยุดแทนตัวเองว่าพี่ได้แล้ว” นันท์ลินีรู้สึกขนลุกกับสิ่งที่เขาพูด เธอเติบโตมาแบบลูกคนเดียว พอใจกับความเหงาและไม่ได้ต้องการพี่น้องมาแบ่งความรักของทุกคนไปจากเธอ

“ก็อดทนหน่อยก็แล้วกัน ตอนนี้พี่ก็เป็นพี่แล้ว” ยิ่งเห็นเธอเต้นเร่า ๆ กับเรื่องพวกนี้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสนุกมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ดีกว่าพวกผู้ใหญ่พวกนั้น

“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!! คุณพ่อคุณแม่ ไอ้นี่มันแกล้งหนู กรี๊ดดดดดด!!” เด็กหญิงตะโกนหวีดร้องเสียงดัง อย่างไรถ้าบิดามารดาเห็นว่ามันแกล้งเธอ พวกเขาก็จะต้องไล่มันออกไปแน่ ๆ

คิ้วของเด็กชายขมวดกันเป็นปม เขาถอนหายใจเล็กน้อยยืนกอดอกอยู่เช่นนั้น ‘มีแรงก็กรี๊ดไป กรี๊ดให้เหนื่อยไปเลย’

ผู้ใหญ่ที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงของเด็กหญิงกรีดร้องเสียงดัง เมื่อเข้ามาในห้องต้นเสียงก็พบว่าเด็กหญิงยืนกรี๊ดอยู่บนที่นอนของเด็กชาย

“น้องอัน” นพดลขึ้นเสียงดังใส่บุตรสาว

“คุณพ่อ ไอ้น้ำมันแกล้งหนูค่ะ” เด็กหญิงจำได้ว่าชื่อเล่นของเขาคือน้ำ

“น้องอันหยุด” นพดลไม่เชื่อ เพราะที่เขาเห็นในเวลานี้ ดูเหมือนว่าเธอต่างหากที่เป็นคนเข้ามาก่อกวน

“คุณพ่อ ทำไมคุณพ่อไม่เชื่อหนู” เด็กหญิงเบะปาก จะใช้น้ำตาเป็นไม้ตายที่ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ผู้ปกครองของเธอก็ใจอ่อนอยู่เสมอ

นพดลไม่อยากพูดอะไร จึงไม่ได้ตอบคำถามของเธอ เพราะหากเขาพูดไป เกรงว่าจะทำร้ายจิตใจเธอเสียเปล่า

“น้องอัน” ผู้เป็นปู่ได้ยินเสียงหลานสาวร้องเสียงดัง ก็วิ่งเข้ามายังจุดเกิดเหตุด้วยเช่นกัน

“คุณปู่ขา...ไอ้น้ำมันแกล้งหนูค่ะ” เด็กหญิงกระโดดเข้าไปกอดผู้เป็นปู่ พร้อมชี้นิ้วไปยังเด็กชายที่ยืนอยู่อีกฝั่ง

ผู้ชรามองชลาธิป เขาได้ยินเรื่องของเด็กชายแล้ว ลูกสะใภ้มาบอกกับตนแล้ว และไม่ใช่ว่าศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้นิสัยของเด็กหญิง

“น้องอัน ไปข้างล่างกับปู่เถอะ ปู่ซื้อและทำขนมเอาไว้ เราไปกินของหวานกันนะ” ศักดิ์สิทธิ์จูงมือของเด็กหญิงออกจากห้องไป

“คุณปู่” เธอทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ

“มาเถอะจ้ะเด็กดี วันนี้ปู่ไปซื้อช็อกโกแลตแบบที่น้องอันชอบมาให้ด้วยนะ” ผู้ชราหลอกล่อ

ถึงนันท์ลินีจะติดใจเรื่องของชลาธิปแต่ คุณปู่เอ่ยถึงขนมที่มารดาห้ามกินตอนกลางคืน เด็กหญิงจึงสงบใจลงบ้าง เอาเถอะ กินขนมก่อนค่อยจัดการเรื่องของไอ้เด็กรุ่นพี่คนนั้นทีหลังก็แล้วกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   6 เป็นอะไรกันไปหมด

    นันท์ลินีคิดถึงเรื่องเก่า ๆ เมื่อหลายปีก่อน เธอจำได้ว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่ได้เจอกับภาคภูมิเป็นครั้งแรก อันที่จริง เขาก็ไม่ได้หล่อไปกว่าชลาธิปเลยสักนิด แต่หลังจากเรียนจบมัธยมภาคภูมิก็ผันตัวเข้าสู่วงการบันเทิง ส่วนพี่ชายร่วมบ้านของเธอเรียนบริหารธุรกิจ ถึงแม้จะเดินกันคนละเส้นทางแต่กระนั้นทั้งสองคนก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่เช่นเดิมส่วนเธอเองช่วงหลังก็ได้จับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ในวงการเดียวกันกับภาคภูมิด้วยเช่นกัน เขาจึงกลายเป็นทั้งเพื่อนสนิทของชลาธิป เป็นรุ่นพี่ในวงการบันเทิง รวมถึงเป็นผู้ชายที่เธอแอบชอบ“น้องอัน....ถึงคิวแต่งหน้าทำผมแล้วค่ะ” ผู้จัดการกองถ่ายเรียกตัวให้นันท์ลินีเดินไปแต่งหน้าคนตัวเล็กเหลือบตาดูเวลาในโทรศัพท์ก่อนจะเห็นว่า สายไปครึ่งชั่วโมง“สายไปครึ่งชั่วโมงนะคะ” น้ำเสียงของนันท์ลินีแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ “เพราะอะไรล่ะคะ ทุกคนก็รู้ว่าอันเป็นคนรักษาเวลา” ผู้จัดการกองถ่ายหน้าเสีย ไม่รู้จะบอกกับนางร้ายคนนี้ยังไงดีเพราะถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ไม่ค่อยดีเท่า

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   5 คนร่วมบ้าน

    ชลาธิปเดินจูงมือน้องสาวร่วมบ้านไปจนถึงจุดที่รถยนต์จอดรออยู่ พี่เลี้ยงของเด็กทั้งสองคนเมื่อเห็น เด็กหญิงอยู่ในสภาพไม่น่าดูนักก็รีบลงจากรถเข้ามาดูแล“คุณอันเป็นอะไรคะ ทำไมเสื้อผ้าถึงเลอะเทอะมอมแมมแบบนี้” ดาวใจรีบหยิบกระดาษทิชชูเปียกออกมาเช็ดเสื้อผ้าให้กับเด็กหญิงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นันท์ลินีไม่อยากตอบคำถาม ผู้เป็นน้องจึงสะกิดให้เด็กหนุ่มเป็นคนตอบ“ล้มน่ะครับ สะดุดก้อนหินล้มเลยมอมแมมไปหน่อย” เขารู้ว่านันท์ลินีคงไม่อยากพูดความจริง จึงไม่ได้บอกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้พี่เลี้ยงและคนขับรถรับรู้“เป็นแบบนั้นเหรอคะ” ดาวใจยังไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ชลาธิปพูดนัก“ค่ะ อย่างที่น้ำบอก” นันท์ลินีเออออไปกับอีกฝ่ายโชคดีที่เขาหัวไว คิดเรื่องโกหกออกมาได้แนบเนียน และยิ่งออกมาจากปากของเด็กหนุ่มคนนี้ใคร ๆ ก็พร้อมจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดหมดเมื่อเห็นว่าดาวใจเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ชลาธิปจึงไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เด็กหนุ่มจึงเดินไปขึ้นรถฝั่งที่ตัวเองนั่งประจำรถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวออกมาจากจุดจอดรถไปเรื่อย ๆ เพราะว่าเด็กทั้งสองคนมาช้าไปราว 20 นาที นั่นก็เพียงพอจะทำให้ ทั้งหมดติดแหงกอยู่บนท้องถนนของเมืองหล

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   4 เริ่มต้น

    “น้ำ น้องสาวนายนี่ก็เอาเรื่องดีเหมือนกันนะ”ภาคภูมิสะกิดไหล่เพื่อนสนิท“อือ” ชลาธิปรับคำสั้น ๆ ง่าย ๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อเขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากมุมไกล ๆ แต่ไม่รู้ว่าตรงนั้นกำลังสนทนาอะไรกันและเขาเองก็รู้ว่า ยายเด็กนั่นต้องเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ตอนที่ภาคภูมิบอกให้เขาแสดงตัวไปช่วยเหลือเธอ จึงไม่ได้คิดจะออกไปช่วยตั้งแต่แรก“แต่ยังไงก็ระวังเอาไว้บ้างก็ดีนะ ในโรงเรียนไอ้หมอนั่นอาจจะทำอะไรน้องนายไม่ได้ แต่นอกโรงเรียนก็ระวังหน่อย ฉันได้ยินว่าครอบครัวมันทำงานสีเทา ๆ” ภาคภูมิเป็นห่วงน้องสาวของเพื่อนสนิท มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนันท์ลินีและชลาธิปว่าเป็นอะไรกัน“เข้าใจแล้ว” เด็กหนุ่มยังคงเฉยชาอยู่เช่นเดิม แต่ก็ยอมรับฟังคำเตือนของเพื่อนสนิทถึงเวลาเลิกเรียน เพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอและชลาธิป นันท์ลินีกับเขาจึงตกลงกันเอาไว้ว่าให้รถของที่บ้านจอดอยู่ห่างจากโรงเรียนไปอีกสักหน่อย เธอที่อยู่ในระดับมัธยมต้นจะได้รับการปล่อยให้ออกจากโรงเรียนก่อนจะเดินไปรอเขาที่นั่น พอเขาเลิกเรียนแล้วก็ค่อยให้เขาตามมาทีหลังในตอนแรกทั้งนพดลและสาวิตรีก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยนักเพราะเป็นห่

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   3 จะจำเรื่องวันนี้เอาไว้

    หลังจากเสร็จงานศพของบิดามารดาของชลาธิป นพดลและสาวิตรี ต้องต่อสู้กับการพาตัวเด็กชายเข้ามาอยู่ในการอุปการะ ทั้งข้อกำหนดทางกฎหมายและญาติพี่น้องที่ทำตัวเป็นเหลือบไร พอไม่มีบิดามารดาของชลาธิปแล้วพวกนั้นก็หมดที่พึ่งพิง สุดท้ายก็ตั้งใจเตรียมตัวจะฮุบทรัพย์สินในส่วนที่เป็นของเด็กชายและดูเหมือนว่าสองสามีภรรยาที่จากไปแล้วนั้นจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถึงได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้ และไว้ใจให้เพื่อนสนิทอย่างนพดลและสาวิตรีเป็นผู้พาเด็กชายไปเลี้ยงดู ส่วนทรัพย์สินที่ควรจะเป็นของเด็กชาย ผู้ปกครองตามกฎหมายอย่างคุณน้าทั้งสองจะเป็นผู้ดูแลให้โดยไม่แตะต้อง แต่อาจจะมีการนำบางส่วนไปลงทุนให้กับเด็กชาย จนกว่าชลาธิปจะบรรลุนิติภาวะเด็กชายวัย 12 ปี จำต้องย้ายที่อยู่จากบ้านริมน้ำเงียบสงบในต่างจังหวัด เข้ามาอยู่ในกรุงเทพสภาพแวดล้อมทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลายปีผ่านไป...“อันฉันได้ยินว่าพี่น้ำที่อยู่ ม.6 เป็นพี่ชายของอันเหรอ” เด็กสาวคนหนึ่งถามนันท์ลินีอย่างใคร่รู้เด็กหญิงวัยมัธยมต้นหน้าบึ้ง ทันทีที่เพื่อนสนิทในกลุ่มพูดถึงเด็กชายที่ที่บ้านของเธออุปการะ“ใครบอกพวกเธอ” นันท์ลินีคิ้วขมวด มือเรียวเล็กกดปิดหน้าจอโทรศัพท

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   2 กลัวจะแย่งความรัก

    นพดลพาเด็กชายขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ตั้งใจจะให้เด็กชายอยู่ร่วมกันแบบเจ้านายคนหนึ่งของบ้าน เขาไม่ต้องการให้ชลาธิปรู้สึกด้อยไปกว่าเด็กคนอื่น ๆ เขารับปากเพื่อนสนิทของภรรยาเอาไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรนพดลก็ต้องทำให้ได้ อย่างน้อย ๆ ตอนที่ภรรยาเขาลำบากบิดามารดาของเด็กชายก็เคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้ทั้งเขาและสาวิตรี ร่วมถึงบิดาของตนนั้นไม่เท่าไหร่ ติดปัญหาอยู่ที่เด็กหญิงตัวแสบนั่นมากกว่า เขายังคิดเสียใจที่เลี้ยงบุตรสาวให้กลายเป็นแบบนี้ ถ้าเขากล้าดุหรือสั่งสอนเธอสักหน่อยเรื่องคงไม่ดำเนินมาถึงขั้นนี้“เป็นยังไงน้ำ เราอยู่ได้ไหม” นพดลถามไถ่เด็กชายยิ้มและตอบรับอย่างมีมารยาท“ครับ ดีกว่าที่ผมเคยอยู่ซะอีก” เขาตอบ ถ้าให้เทียบกับบ้านริมน้ำที่เคยอยู่ร่วมกันกับครอบครัว ที่นี่นับว่าดีมาก“เพราะว่าที่บ้านเรา ไฟมันไหม้ไปหมดแล้ว ก็คงไม่มีอะไรเหลือแล้วล่ะ หลังจากเสร็จงานศพของพ่อกับแม่เรา น้าจะพาไปซื้อเสื้อผ้าใส่นะ แล้วก็จากนี้คงต้องย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพด้วยกัน” สาวิตรีปลอบประโลมเด็กชายบิดาและมารดาของเด็กชายเสียชีวิตเมื่อวันก่อน และก่อนที่พวกเขาจะจากไปได้ขอร้องให้สาวิตรีช่วยดูแลเด็กชาย ผู้เป็นนายหญิงของบ้านรู้ว่าช

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   1 อยู่ร่วมกัน

    เด็กหญิงผมเปียใบหน้าน่ารักสมวัยสีหน้าไม่ค่อยดีนักเมื่อได้ยินว่าบิดาของตัวเองพาเด็กผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในบ้าน สภาพมอมแมมไม่ต่างอะไรจากเด็กข้างถนน เด็กหญิงนันท์ลินีไม่ค่อยชอบใจนัก เธอต้องการเป็นจุดศูนย์รวมของความรักของคนทั้งบ้าน ไม่ได้ต้องการมีพี่น้องหรือสมาชิกอื่นใด เพิ่มเข้ามาในครอบครัวอีก“น้องอันทำไมทำหน้าแบบนั้นละคะ” สาวิตรี ผู้เป็นมารดาเห็นหน้าของบุตรสาวบึ้งตึงจึงเข้าไปปลอบประโลม“ไอ้เด็กนั่นเป็นใครคะ” เธอรู้อยู่แล้วว่ามารดาจะต้องถามคำถามนี้“เด็กนั่น!! ทำไมน้องอันพูดไม่เพราะเลยล่ะคะ” ผู้เป็นมารดาดุ เธอจำได้ว่าไม่เคยสอนให้เด็กหญิงมีนิสัยเช่นนี้“แล้วมันเป็นใครล่ะคะคุณแม่” นันท์ลินียังคงรอคำตอบจากปากของมารดาสาวิตรีถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ที่เด็กหญิงตัวน้อยมีท่าทางเช่นนั้น คงเป็นเพราะเธอตามใจบุตรสาวมากจนเกินไป เพราะในอดีตกว่าที่เธอจะตั้งครรภ์นันท์ลินี ก็ใช้เวลาเฝ้ารออยู่หลายปี เมื่อเด็กหญิงถือกำเนิดขึ้นมา ทั้งครอบครัวเลยค่อนข้างตามใจแม้จะรู้ว่าในอนาคตเด็กหญิงจะต้องเสียคนอย่างแน่ ๆ แต่ทั้งผู้เป็นบิดาและมารดายามเมื่อเห็นน้ำตาของเด็กหญิง ทั้งสองคนก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน“ใจเย็น ๆ นะ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status