พื้นทรายรอบตัวทั้ง 360 องศาพุ่งทะยานขึ้นเป็นแท่งเสา มันโผล่พรวดเป็นลำ ๆ ขนาดสูงใหญ่ตระการตามากกว่าตึก 8 ชั้น เจฟเฟอร์ยืนขาแข็งทื่อแหงนมองมันจนคอเป็นเอ็น เขาตกตะลึงจนก้าวขาไม่ออก ไม่มีทางหนีไม่มีที่ซ่อน ทุกทิศทุกทางถูกล้อมไว้ด้วยแท่งทรายหลายสิบต้น การผุดขึ้นดังกล่าวทำให้เม็ดทรายบางส่วนกระเด็นหลุดออกมา ซึ่งกว่าจะหล่นลงสู่พื้นได้ก็ใช้เวลามากกว่า 10 วิบ่งบอกถึงความอลังการใหญ่ยักษ์ ด้วยสเกลที่เทียบได้กับภูเขากับเห็บหมา จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ชายพิการแขนขาดอย่างเจฟเฟอร์จะต่อกรกับมันได้
.
"แสกนข้อมูลวิเคราะห์องค์ประกอบ"
ชายหนุ่มสั่งการซุ่มเสียงสั่นเครือ
.
ทันใดนั้นภาพที่เห็นในมุมมองบุคคลที่หนึ่งก็ปรากฏเป็นเคอร์เซอร์กระพริบแป๊บ ๆ วิ่งไล่แสกนแท่งทรายต้นหนึ่งตั้งแต่บนยันล่าง ตัวเลขข้อมูลวิ่งยึกยืออยู่ริมจอรอการประมวลผล
.
"เราอาจจะแค่กลัวไปเอง บางทีในแท่งทรายนั่นอาจจะมีตัวอะไรซ่อนอยู่ ตัวที่ใช้ทรายในการข่มขู่ศัตรูคล้ายกับหางของงูหางกระดิ่ง.."
.
ชุดข้อมูลยังคงวิ่งต่อไป ในขณะที่ขาทั้งสองข้างก็สั่นรัวพอ ๆ กัน เขากำลังจะจมลงไปเรื่อย ๆ ด้วยผลพวงจากเม็ดทรายข้างบนที่หล่นลงมาทับถม
.
"ติ๊ด! ๆ , ติ๊ด! ๆ "
.
"ได้แล้วเหรอมันคือตัวอะไรคอมพิวเตอร์?"
.
"SAND"
.
"ทราย! แค่ทรายเนี่ยะนะ! บ้าน่า.. เม็ดทรายจะเคลื่อนไหวแบบนี้ได้ยังไงไม่มีเหตุผลเลย"
เจฟเฟอร์สั่งระบบวิเคราะห์องค์ประกอบใหม่อีกหลายที แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนเดิมทุกครั้งมีแค่ทรายกับทราย แล้วก็เป็นทรายล้วน ๆ ที่ล้อมกรอบเขาเอาไว้ หนำซ้ำในตอนนี้ก็กำลังจะขย้ำกลืนกินเขาลงไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่เร่งทำอะไรสักอย่าง
.
สายลับอันดับหนึ่งตกอยู่ภายใต้การจองจำแห่งทัณฑสถานสีส้ม เม็ดทรายนับแสนนับล้านไหลเข้ามาเต็มกางเกงและเสื้อผ้า มันหนักอึ้งแถมยังฉุดเขาให้จมดิ่งลงไปราวกับโซ่ตรวนพ่วงลูกตุ้มเหล็ก แม้ว่าจะมีอยู่ช็อตหนึ่งที่เสาทรายบางต้นดันวูบไหวไปตามแรงลม เสี้ยววินาทีที่เกิดช่องว่างดังกล่าวเจฟเฟอร์จึงไม่รอช้า เขารีบพุ่งตัวด้วยความรวดเร็วพลางเอียงตัวให้หน้าตัดแคบที่สุด หวังจะสอดแทรกทะลุออกไปด้านนอกให้ได้ หัวพ้น! , แขนพ้น! , แต่ตัวไม่รอด!
.
"กึก!"
.
"เย็ดแม่งเอ๊ย! เหวอ! เฮ๊ยยย! เดี๋ยว ๆ ๆ ฟังกันก่อนเซ้! อร๊ากกกกกก!!!"
.
ราวกับว่าเม็ดทรายพวกนี้มีชีวิต เหมือนพวกมันรู้ว่าเหยื่อรายนี้กำลังจะคิดหนีจึงได้กระชับตัวเข้า เสาทรายที่เคยเป็นช่องโหว่ก็เลยรวบตึงเข้าหากันในเสี้ยวอึดใจ บีบรัดลำตัวของเจฟเฟอร์แน่นติดแหงก ก่อนที่จะมีมวลทรายจากข้างล่างอีกลำกระแทกสวนขึ้นมาอย่างแรงโอบอุ้มเอาร่างที่เคยแข็งแกร่ง ติดสอยห้อยตามขึ้นไปบนฟากฟ้า ผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับแท่งเสา
.
"ฟิ้วววว~!"
.
"เฮ๊ยยย! ไอ้ทรายหัวควยมึงปล่อยกูลงเดี๋ยวนี้นะเว๊ย! กูไม่ชอบที่สูง ๆ หึ๊ย! ฮึบ! "
.
ลมตีหน้าโบกสะบัดริมฝีปากพัดกระพือ เจฟเฟอร์ไม่มีทางเลือกถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเขาก็ต้องตาย เดชะบุญที่ใบหน้ากับท่อนแขนดันเป็นอวัยวะเพียง 2 ส่วนที่โผล่พ้นออกมา เจ้าตัวก็เลยรีบหันปลายนิ้วที่พับเป็นกระบอกปืนเตรียมไว้แล้ว สาดกระสุนเข้าใส่โคนของแท่งเสาที่ปรากฏอยู่เบื้องล่าง
.
"โหมด Auto ยิงต่อเนื่อง! ยิง!"
.
"จิ้ว ๆ ๆ ๆ จิ้ว ๆ ๆ ๆ จิ้ว ๆ ๆ ๆ !" , พลั๊ก! แก๊ก ๆ วี๊ดดด!!!
.
หัวไหล่แทบหลุดนานแค่ไหนกันที่เจ้าตัวไม่ได้เลือกใช้หมวดการรบแบบนี้ จากที่เคยใช้แค่นิ้วเดียวกับเลเซอร์หนึ่งนัดแม่น ๆ เจาะเข้าที่กระโหลก มาหนนี้แม่งเสือกต้องใช้ทั้งมือ นิ้วทั้งห้าถ่างออกจากกันเป็นพังผืด ก่อนที่จะกระหน่ำห่ากระสุนเลเซอร์ใส่โคนเสาเป็นพายุ
.
"จิ้ว ๆ ๆ ๆ ๆ จิ้ว ๆ ๆ ๆ ๆ จิ้ว ๆ ๆ ๆ ๆ "
.
เสาทรายได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก จากมุมมองด้านบนเจฟเฟอร์มองเห็นบริเวณโคนเว้าแหว่งเป็นวง ๆ วูบวาบซ้ายทีขวาที ในขณะที่อาฟเตอร์เอ็ฟเฟ็คที่เกิดขึ้นตามมาก็ทำให้ต้นแขนเขาเจ็บหนักอยู่ไม่น้อย มันรับแรงกระแทกมากไม่ได้ การยิงคอมโบต่อเนื่องเมื่อครู่คงทำให้น๊อตข้างในหลุด มิหนำซ้ำยังมีกลุ่มควันโพยพุ่งออกมาฟู่ ๆ ตามรูขุมขน
.
"ช่างหัวมัน! ยิงต่อไป! มันใกล้จะล้มแล้ว"
.
กัดฟันกราดกระสุนใส่ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เสียงจิ้ว ๆ แว่วดังราวกับการรบกันของกองทหารสตอร์มทรูปเปอร์ในหนังสตาร์วอร์ ดีกว่าหน่อยคือเขายิงค่อนข้างแม่น กระสุนนี่เข้าเป้าเป๊ะ ๆ บวกกับแท่งเสาทรายเองก็เซ็ตตัวใหม่รองรับการเว้าแหว่งนั้นไม่ทัน จึงค่อย ๆ เอนตัวลงช้า ๆ ก่อนจะฟาดตรึมลงกับพื้นในท้ายที่สุด
.
"ตรึมมมมม!!!"
.
"แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! สัด! เกือบกูตายห่าไปแล้วไหมล่ะ ดีนะว่าพื้นข้างล่างมันนุ่มความสูงเมื่อกี้่น่าจะพอ ๆ กับตึกสำนักงานใหญ่เลยมั้ง แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! "
หน้าซุกดินปากคาบทรายพื้นผิวทะเลทรายแตกกระจายเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์จึงรีบตะกุยตะกายป่ายปีนขึ้นมาโดยเร็ว พลางถ่มเม็ดทรายออกจากปากสลับกับการเป่าปากพรู ๆ
"อดทนหน่อยเถอะวะเจ้าแขน ถ้ารอดไปจากที่นี่ได้ถึงโรงงานเมื่อไหร่จะเปลี่ยนให้ใหม่ทั้งซ้ายและขวาเลยคอยดู!"
ฟู่ ๆ ไอร้อนวูบขึ้นแทบจะทันทีทันใดหลังพูดเสร็จ ควันโขมงลอยแทรกตัวออกมาจากใต้ผิว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อันตรายที่อยู่เบื้องหน้าเจือจางลงไปตามควัน
.
.
"มันยังคงอยู่!"
สายลับหนุ่มคิดในใจ หน้าเขาเริ่มซีดเพราะรู้แล้วว่าอาวุธที่มีทำอะไรเจ้ากองทรายยักษ์นี่ไม่ได้ เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบหนัก สมรภูมิแห่งนี้คือบ้านของมัน ส่วนเขาน่ะเหรอเพิ่งเคยเข้ามาในนี้เป็นครั้งแรก ไหนจะร่างกายที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมโคตร ๆ นี่อีก ด้วยระยะห่างประมาณ 7 - 8 เมตร จากที่หล่นฟาดพื้นลงมา เจฟเฟอร์ทำได้แค่ประคองสติตัวเองเตรียมมองหาทางหนีทีไล่ ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าดูทรงแล้วสิ่งที่เจ้าตัวทำลงไปเมื่อครู่ คงจะไปกระตุกต่อมโกรธของมันเข้าน่ะสิ
.
ในเมื่อส่ิงมีชีวิตประหลาดนี้มีแต่ "ทราย" รูปร่างก็เลยไม่แน่นอน กล่าวคือจะเป็นอะไรก็ได้จะยืดจะหดอะไรได้หมด พอเจฟเฟอร์ไปทำร้ายมันเข้า มันก็เลยถือโอกาสรีเซ็ตรูปร่างตัวเองใหม่ด้วยการยุบต้นเสาที่เหลืออยู่ทั้งหมดทิ้ง กลายเป็นพื้นทรายราบ ๆ ต่อด้วยการเพิ่มจำนวขึ้น พรวด! พรวด! พรวด! จนเนินทรายธรรมดากลายเป็นภูเขาสูงตั้งตระหง่านภายในไม่กี่วิ หลังจากนั้นอวัยวะส่วนล่างก็งอกออกมา เป็นลำขา เป็นหัวเข่า เป็นฝ่าเท้า ที่ขนาดใหญ่โตเท่าบ้าน
.
ตามติดมาด้วยแขนสองข้างแนบชิดติดลำตัว กำปั้นมันนะดูไกล ๆ มองไม่ออกหรอกว่ามีกีี่นิ้ว แต่ถ้านับเฉพาะไซต์แล้วล่ะก็คงน่าจะพอ ๆ กับรถทัวร์สามคันผูกติดกันเห็นจะได้ ศีรษะกับใบหน้างอกออกมาหลังสุด ลูกตากลวงโบ๋จมยุบลงไปพลางแยกเขี้ยวเปล่งเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว จนเม็ดทรายรอบตัวสั่นสะเทือนถล่มปัฐพี
.
"โครงงงงงงงง!!!"
.
ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มสติสตังค์ที่อุตส่าห์ตั้งเอาไว้ก็เลยล้มลุกคลุกคลานตามไปด้วย เจฟเฟอร์กลับหลังหันวิ่งหนีสุดชีวิต เขาเป็นพระเอกก็จริงแต่ถ้าไม่มีนางเอกอยู่ด้วยไอ้ด้วนนี่ก็แค่ตุ๊ดตัวหนึ่ง เขาไม่สนใจหรอกว่าใครจะมองเขายังไง ทำเท่ห์แทบตาย แต่สุดท้ายต้องมาตายอยู่ในโลกหลังเมือกเจลยังไงแม่งก็ไม่คุ้ม เจ้าตัวก็เลยต้องวิ่ง ๆ แม้ว่าทรายจะหนืดเท้าสุด ๆ ก็ต้องหนีเอาตัวรอดเท่าที่จะทำได้ไปก่อน
.
"กูจะเอาอะไรไปสู้กับมึงวะไอ้สัตว์ประหลาด ไม่สิมึงมันไม่ใช่สัตว์! มึงมันตัวห่าอะไรก็ไม่รู้! กูแค่จะมาเอาแขนแล้วก็กลับกูไม่ได้ทำอะไรมึงเลยนะ.. ไอ้เช็ดครกเอ๊ย! อร๊ายยยยย!"
.
วิ่งไปบ่นไปแต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจถึงหันหลังกลับมาเช็ค ลึก ๆ ในใจเจฟเฟอร์คงคิดว่าตัวมันใหญ่อย่างกับแซนแมนในหนังสไปเดอร์แมนภาค 3 ขนาดนี้ มันน่าจะช้าและงุ่นง่าน มันคงวิ่งตามเขาไม่ทันแต่ที่ไหนได้
.
"เหี้ย! หายไปแล้ว!"
.
ชะลอฝีเท้าลงมุ่ยหน้าเขาหันซ้ายแลขวามองไปรอบ ๆ ด้วยความตกใจ ก่อนจะลองเหลือบสายตาขึ้นไปมองข้างบนดู (คงไม่มั้ง?)
.
"เย็ดเข้! แม่งกระโดดได้ด้วย"
.
"เหวอ! จะหล่นทับหัวกูแล้ววววว , ฮึบ!"
.
เขย่งปลายเท้าพุ่งตัวสุดกำลัง ร่างหนาเหยียดแขนตึงราวกับนักกีฬากระโดดน้ำที่กำลังจะพุ่งตัวลงสู่ขอบสระ ต่างกันหน่อยตรงที่สระ ๆ นี้แม่งเป็นอะไรที่กว้างเอามาก ๆ เงาดำทะมึนของเจ้าปีศาจทรายแผ่ขยายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบจะมืดมิดตอนจวนจะถึงพื้น กระทั่งมาถึงมันจึงได้อัดฝ่าเท้ากระทืบใส่สันทรายบริเวณดังกล่าวเสียงดัง!
.
"ตรึมมมมม!!!"
.
วินาศสันตะโรห่อหมกหมู่มวลเม็ดทรายนี่พุ่งขึ้นข้างบนอย่างกับน้ำพุ พื้นแผ่นดินสั่นสะท้านราวกับเกิดแผ่นดินไหวหลากหลายแม็คนิจูด เคราะห์ดีที่เจฟเฟอร์พุ่งหนีออกมาทันอย่างหวุดหวิด เขานั่งถ่างขาตูดแนบพื้นหายใจรวยรินอย่างหมดสภาพ
.
"หืด.. หาด.. หืด.. หาด.. หืด กูจะทำยังไงดี หืด.. หาด.. หืด"
.
เพราะตอนนี้มันได้อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ใกล้มาก ๆ ใกล้แบบที่ม่านตามองไม่เห็นอะไรเลย นอกเสียจากสีน้ำตาลของส้นตีนทรายขนาดใหญ่ ที่บดบังทิวทัศน์เบื้องหน้าไว้จนมิด
.
"หืด.. หาด.. หืด.. หาด.. หมอ! ต้องติดต่อหมอยูมิโกะ! ซี๊ดดดดดเวรเอ๊ย! หืด.. หาด.. หืด.. หาด.. หืด"
.
กลัวแทบขาดใจเพราะแม้แต่จะหายใจเข้า ยังมีแต่ทรายเต็มโพรงจมูก!
คุ้มไหมกับการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย คุ้มไหมกับเวลาที่เสียไปให้แก่แขนข้างหนึ่ง เพื่อเอามาแลกกับการทำอะไรที่ต่ำทรามเช่นนี้."นี่กูจำเป็นต้องทำแบบนี้จริง ๆ เหรอวะ? แม่งเอ๊ย! มันกระจอกเกินไปรึเปล่าวะไอ้เจฟ?".มือซ้ายข้างใหม่ที่เพิ่งได้รับการปลูกถ่ายมาสั่นพับ ๆ เจฟเฟอร์กำลังช่างใจอย่างหนักว่าจะใช้มือข้างนี้ชักว่าวให้แก่ลำควยที่แข็งโด่ขึ้นมาดีไหม เพราะต่อให้เขาจะเป็นคนสถุลหื่นกามยังไง มือข้างใหม่ก็ควรจะนำไปใช้ในภารกิจช่วยโลกไม่ใช่เอามาช่วยตัวเอง."ถ้าแกมีชีวิตแกคงเกลียดฉัน เอาเป็นว่าฉันจะไม่ทำล่ะกัน ตราบใดที่ใจแข็งพอเชื่อว่าไม่นานลำควยก็จะสงบ มันคงอ่อนตัวลงไปเองโดยไม่ต้องง้อการชักว่าว".เคยได้ยินแต่สำนวนที่ว่า "รออย่างมีความหวัง" มาตอนนี้เจฟเฟอร์กับกำลัง "รออย่างมีความเงี่่ยน" อย่าว่าแต่มือเลย นาทีนี้แม้แต่ขาข้างใหม่ก็ยังโรมรันร้องครือครางเอี๊ยด.. อ๊าดดด.. ไม่ต่างจากมอเตอร์ไซต์ 250 cc ของวาเลนติโน่ รอสซี่ ที่เตรียมจะออกตัวจากกริดสตาร์ท มันจวนจะปะทุอยู่รำไร.ก็อย่างที่บอกแหละว่าก่อนหน้านี้ ขาเจ้ากรรมนั้นเคยเดินโทง ๆ ไปหาช่อดอกลาเวนเดอร์เองมาแล้ว กับครั้งนี้เองก็ด้วย! กลไกกับชุดฟันเพืองของม
เปลือกตาหนักอึ้งเริ่มเคล่ือนเปิดกว้าง พรายแสงเจิดจ้าจากหลอดไฟเพดานคือสักขีพยานสำหรับการตื่นตัว บนเตียงผ่าตัดในห้องพยาบาลชั้น 4 ในที่สุดเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ก็วกกลับคืนสู่โลกภายนอกได้สำเร็จ พร้อมกับแขนและขาข้างใหม่ที่ทั้งสวยงามและวาววับ ไม่มีแล้วกับไอ้ด้วนแขนกุด นาทีนี้มีแต่เจ้าหน้าที่ภาคสนามที่พร้อมจะทำภารกิจทุกชนิด แบบใส่สุดไม่หยุดสุดสัปดาห์.แต่ก็แปลกตรงที่สิ่งแรกที่เจ้าตัวเลือกทำ กลับมิใช่การก้าวเท้าลงจากเตียงผ่าตัดแล้วขยับเขยื้อนยืดเส้นยืดสาย เหมือนกับที่ผู้ช่วยนาริตะทำกับร่างกายของออเจ้าดาวิกา เขากลับเลือกที่จะถามหมอยูมิโกะขึ้นว่า."ดอกไม้ผมอยู่ไหน?"พลางหันซ้ายแลขวา สอดส่ายสายตาลอกแลก."ดอกไม้?! ดอกอะไรของคุณคะ หมอไม่เห็นรู้เรื่อง หรือว่าสมองคุณผิดปกติเพราะได้รับรังสีจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มันปวดตรงไหนรึเปล่าเอ่ย?"
“งั้นเหรอคะ จริงสิเกือบลืมคุณไปเลยคุณเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ หมอรักษาสัญญาอยู่แล้วน่าไม่ต้องห่วง เด็ก ๆ จ๊ะมาจับตัวเขาไว้ที!”สิ้นสุดเสียงสั่งสองพี่น้องผู้ช่วยพยาบาลก็ทำตาขวาง พลางถลันตัวเข้ามาจับเจฟเฟอร์ที่แขนขาดข้างหนึ่งเอาไว้.“เฮ้! เดี๋ยวสิออเจ้า นี่มันอะไรกันไม่เห็นจะต้องรุนแรงขนาดนี้ก็ได้นี่!”แน่นอนว่าไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ กลับมา เพราะออเจ้าดาวิกาได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว.“คุณพูดอะไรของคุณ ฉันฟังไม่เห็นรู้เรื่อง..”.“ไม่ต้องสนใจหรอกน้องนาริตะ แค่พาเขาไปที่เครื่องแปลงมวลสารให้ได้ก็พอ ฮึบ!”.ยูมิจังแทรกขึ้นก่อนจะใช้พลังที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมด ออกแรงดันช่วยกันกับน้อง ทำให้แขนกับขาเทียมข้างใหม่ของเจฟเฟอร์ร่วงหลุดจากมือ สายลับหนุ่มพลั้งพลาดเข้าให้แล้ว ร่างแกร่งถลันถลาเซแถด ๆ จนศีรษะมุดเข้าไปอยู่ในอุโมงค์ส่วนหน้าโดยไม่รู้ตัว.“เดี๋ยวก่อน! อธิบายกันก่อนสิหมอ ผมแขนขาดนะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสมองเลย ทำไมถึงต้อง?! เฮ้! เดี๋ยวก่อนเซ้!”.“ชู่ววว! อย่าเอ็ดตะโรไปสิคะคุณเจ้าหน้าที่ ก็ในเมื่อคุณรู้ความจริงหมดแล้ว ว่าทั้งหมดที่เห็นอยู่ก็แค่ของสมมติที่หมอฝังโปรแกรมไว้ในเลนส์ตาของคุณ ที่จริงคุณจะ Drai
การเรียนรู้ของเราสองคนคือความเข้าใจ เธอเข้าใจและฉันเข้าใจก็ทำให้เรามั่นใจ.. (ในสิ่งนั้น) ซะที่ไหนล่ะ! นาทีนี้แม้แต่ชาติ เดอะวอยซ์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เจฟเฟอร์สายลับหนุ่มผู้อาภัพได้แต่พร่ำพรึงถึงความหลังที่ผ่านมา ว่าตลอดระยะเวลาหลาย 10 ชั่วโมงที่เข้ามาที่นี่ เขาต้องพจญภัยผ่านชะตากรรมอันหนักหน่วงอยู่คนเดียวเพื่ออะไรกัน แขนข้างใหม่ที่เหน็บอยู่ใต้รักแร้กับขาไทเทเนียมอัลลอยเงาวับนี่ล่ะ ทำไมถึงไม่มีใครสนใจใยดีเลย.มากไปกว่านั้น ยูมิจังผู้ช่วยยังมายึดเอาอุปกรณ์ชิ้นสำคัญของเขาไปอีก."คุณเจ้าหน้าที่คะ.. ขอหูฟังคืนด้วยค่ะ หมอให้มาทวง"."เอิ่ม.. ม.. ก็ได้เอ้านี่เอาไป! ชิ!".เจฟเฟอร์ถอดมันออกพลันสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า บรรดาหมู่มวลจุลชีพสีดำขลับนับล้านต่างพากันบินแตกฮือขึ้นไปกลางฟากฟ้า ดั่งได้รับการปลดปล่อย."อานีคาโหตุ.. จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย สุขีอัตตานัง ปะริหารันตุ จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด.. สาธุ"ขึ้นเสียงสูงประชดประชันแกมหมั่นไส้ ทั้งที่ความจริงก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตนเป็นชาวคริสต์นิกายไหนกันแน่ ถึงได้แผ่เมตตาเข้าใส่ได้อ
"อูยยยย....บัดซบเอ๊ย! ให้ตายเถอะมันจะวินาศสันตะโรอะไรกันขนาดนี้ว่ะเนี่ยะ คุ้มกันไหมกับการสำเร็จความใคร่ใส่หุ่นยนต์แอนดรอยน์ ".ร่างอันล่อนจ้อนแต่สุดจะแข็งแกร่งค่อย ๆ ประคองตัวเองลุกขึ้นยืน ด้านบนคือผืนฟ้ากว้างสุดสายตา ส่วนด้านล่างเป็นพื้นทรายประสมกรวดหินและเศษวัสดุ."สัด! นี่กูกระเด็นมาไกลถึงนี่เลยเหรอวะ? ไม่ใช่ว่าแขนขากูขาดเพิ่มไปแล้วนะเฟ้ย! หึ๊ยยย! ออกไปให้พ้นมันหนักโว๊ยยย! ไอ้ก้อนหินสารเลว!"."เปร๊ีียงงง!".ชั่วเคี้ยวหมากแหลกเศษอิฐผนังที่กระเด็นปลิวทะลุตามมาด้วย ก็โดนเจฟเฟอร์หวดเข้าอย่างจัง มันพุ่งแหวกอากาศย้อนกลับไปทางเดิมด้วยความรุนแรงที่มากกว่าหลายเท่า ก่อนจะชนกระทบเข้ากับผนังโกดังเสียงดัง โครมมม! เพิ่มความเสียหายให้กระจายเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น."เวร.. เวร.. เวรของกูแท้ ๆ"เจฟเฟอร์ส่ายหน้า พลางสะบัดขาเจ็บแปล๊บ ๆ.ในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First - person) ตัวเลขความเสียหายวิ่งตื๋อขึ้นมามากมาย บ่งบอกว่าร่างกายของเขานั้นไม่อยู่ในสภาพที่จะใช้การอะไรได้อีกต่อไปแล้ว แขนขาด ขาหมดพลัง แม้แต่ควยกับไข่หำก็ยังแฟบลงเหี่ยวหยดย้อย คล้อยไปกับแสงแดด.นี่จึงเป็นสาเหตุให้เขาออกอาการเซ็งอย่างท
รวบขึงข้อมือคู่น้อยเข้าด้วยกันด้วยฝ่ามือหนาเพียงข้างเดียว! ชูขึ้นเหนือหัว! พลันซุกไซร้มุมปากสลับกับการลงลิ้นเลียกินวงแขนขาวจนหนำใจและพึงพอใจเป็นที่สุด ความคลั่งหื่นกระหายกำลังจะเปลี่ยนให้เจฟเฟอร์เป็นโปรดิวเซอร์หนังโป๊แนวพีเรียดกึ่งย้อนยุค ด้วยเหตุผลดังกล่าวลีลารักที่เขาร่ายรำ จึงไม่ต่างจากกิจกรรมในซ่องชำเลาบุรุษหลังกำแพงวังพระนครศรีฯ."อ๊ายยย! คนบ้าทำอะไรเนี่ยะ"."ก็เลียให้ไง นึกว่าชอบแบบเสียว ๆ ? ".ออเจ้าหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ด้วยความที่แขนทั้งสองข้างถูกรวบตรึงให้ชูขึ้นค้างเติ่ง ไอครั้นจะแสร้งเบี่ยงหน้าหลบก็ดูจะเป็นการใช้มุกเดิมซ้ำซากจนเกินไป."ก็ชอบอยู่... ก็จั๊กจี้ดี แต่ฉันอยาก.. ก.. ก เอิ่ม.. ม.. ม".".....?".