"จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!"
.
"เฮืออออกกก!"
.
"โคร่งงงงงง!!!"
.
สโตกสุดท้ายมาพร้อมกับกงเล็บ ฝ่ามือทรายขนาดมหึมายักษาแยกออกเป็นแฉกบดบังดวงตะวันจนเกิดเงามืด มันกำลังจะตะปบลงมาใส่เจฟเฟอร์ ผู้ซึ่งบัดนี้ยังคงง่วนอยู่กับการรักษาแขนไม่จบไม่สิ้น
.
"ไอ้หยา! ทำไมมันมาถึงเร็วจังวะ? แขนกูยังไม่เสร็จเลย เดี๋ยวดิ! อย่าเพิ่ง! อิ๊บก่อน!"
"ฮึบ!"
.
"วืดดดดดดดด!"
.
จั่วลมไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด! ลำตัวของแซนดี้แทบจะบิดเป็นเกลียวตามหลักฟิสิกส์โมเมนต์ตัม มันจึงรีบชักแขนกลับพลางรีบยืดช่วงล่างของตัวเองที่ฝังอยู่ใต้ทรายให้สูงขึ้นพ้นจากพื้น จนกลายเป็นอสูรกายบิ๊กเบิ้มในร่างเดิมแบบ Full version ตาต่อตาฟันต่อฟัน สองสิ่งมีชีวิตประจันหน้าเข้าหากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
.
"ฮู่ววว! เกือบหลบไม่พ้นไหมล่ะกู ถ้าไม่มีเจ้าแมลงพวกนี้ล่ะก็.. หึ่ย! ไม่อยากจะคิด!"
.
"หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ "
.
"รักษาระยะห่างเอาไว้อย่าเข้าไปใกล้มาก ลอยอยู่บนฟ้าให้เท้าพ้นจากพื้นแบบนี้แหละดีแล้ว ส่วนใครที่รักษาอยู่ก็ให้รีบเร่งมือเข้า!"
เจฟเฟอร์คิดในใจ ฝั่งฝูงแมลงเองก็ลงมือทำตามอย่างว่าง่าย
.
ณ ขณะนี้ชายหนุ่มกำลังมองเห็นภาพสองภาพซ้อนทับกันอยู่ หนึ่งคือเจ้าแซนดี้ปีศาจทรายที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้า สองคือแถบแสดงสถานะร่างกายในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First- person) ที่เด้งออกมาแจ้งเตือนอยู่ตลอด นับตั้งแต่ที่พวกกองทัพแมลงบินเข้ามาช่วยเสียงติ๊ก ๆ ในหลอดเปอร์เซ็นนี่ดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ บ่งบอกว่าการรักษาดำเนินไปด้วยดี แขนขวาจวนจะหายสนิทแล้ว ในขณะที่ปริมาณทรายเป็นตัน ๆ ที่แทรกซึมอยู่ตามร่างกายก็ลดน้อยลงจนเกือบจะเป็นปกติ
.
"20 % for complete"
คือข้อความที่ระบบแจ้งให้เจ้าตัวทราบผ่านทางหน้าจอ
.
"เหลืออีกแค่ 20% จะสมบูรณ์ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น! พยายามเข้าทุกคน!"
.
เจฟเฟอร์ยิ้มร่าเขาล่องลอยถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ เพื่อประวิงเวลาและรักษาความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์เอาไว้ แต่ทว่าเจ้าแซนดี้ก็ไม่ได้โง่! มันจะเสียเวลายืนดูเหยื่อบินไปบินมาพร้อมกับแมลงวันอีกเป็นโขยงเพื่ออะไร ก็เลยเริ่มเปิดฉากโจมตีต่อ แล้วเที่ยวนี้ก็เป็นอะไรที่ต่างออกไปจากทุกครั้ง เพราะสิ่งที่มันประเคนมานั้นมีแต่อาวุธที่ใช้ในการโจมตีในระยะไกลแทบทั้งสิ้น!
.
เริ่มจากการเตะทรายบนพื้นเข้าใส่! คุณพระช่วยกล้วยหักมุก! เหมือนจะธรรมดาแต่ไม่เลย! จากมุมมองฝั่งนี้เจฟเฟอร์พลันฉุดคิดขึ้นมาในเสี้ยวอึดใจเลยว่านั่นมันเม็ดทรายจริง ๆ หรือคลื่นยักษ์สึนามิกันแน่ เพราะด้วยความที่เท้ามันใหญ่มากแซนดี้เตะตู้มมม! เข้ากับสันทรายนูน ๆ ทีเดียว มวลทรายมากมายจึงตวัดรวมกันเป็นกำแพงสูงคล้ายกับเกลียวคลื่น พลันพุ่งตรงเข้าไปหาเจฟเฟอร์กับฝูงสัตว์ผู้ช่วยด้วยความเร็วสูง
.
"ครืดดดดด.. ครืนนนนนน.. ครืดดดดดด.."
.
"ป้องกัน! อย่าให้ทรายถูกตัวฉันได้!"
ชายหนุ่มรีบออกคำสั่ง!
.
แล้วชั่วขณะจิตหลังจากนั้น หมู่มวลภมรทั้งโขยงก็รวมตัวกันเป็นหนึ่ง พวกมันบินมาจากทุกทิศทุกทางบนฟากฟ้ากอดเกยกันไปมา ขัดสานกันเป็นบาเรียทรงโค้ง แล้วก็ห่อหุ้มเอาร่างกายของเจฟเฟอร์เอาไว้ราวกับลูกโลกลอยฟ้าในคาบเรียนดาราศาสตร์ วินาทีที่คลื่นสึนามิทรายพัดมาถึง พวกแมลงก็แค่เกร็งตัวเอาไว้ แรงปะทะหนักหน่วงรุนแรงมากก็จริง! แต่เม็ดทรายเหล่านั้นก็ไม่ละเอียดพอที่จะแทรกซึมผ่านแมลงวันบาเรียเข้ามาได้ เจฟเฟอร์ก็เลยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แถมยังไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลยด้วยซ้ำ
.
"ห่ะ ๆ ๆ กระจอกฉิบหาย! แน่จริงก็เตะมาอีกสิวะ! ห่ะ ๆ ๆ "
.
โดยหารู้ไม่ว่าพฤติกรรมดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่เจ้าถิ่นอย่างแซนดี้เป็นอย่างมาก มันโกรธจนเลือดขึ้นหน้าจนทรายที่เคยเป็นสีน้ำตาลเริ่มกลายเป็นสีส้มอมแดงเดือดปุด ๆ ซุ่มเสียงในการคำรามที่เปลี่ยนไป คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ดูออก แซนดี้กำลังคลั่งมันรู้สึกเจ็บใจที่ทำอะไรเจฟเฟอร์ไม่ได้สักทีก็เลยซอยเท้ายิก ๆ วิ่งเข้าไปง้างเท้าเตะเข้าใส่เนินทรายลูกใหม่ ซึ่งคราวนี้แม่งแรงสัด ๆ แรงอย่างกับการยิงฟรีคิกระยะไกลของ โรแบโต้ คารอส
.
"ตรึมมมมม!!!"
.
เคยได้ยินคำว่า "คลื่นลูกเก่าหายไป คลื่นลูกใหม่ย่อมมีมาแทน" ไหม นั่นล่ะสถานการณ์ตอนนี้เลย มิหนำซ้ำยังหนักหนาขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าทวีอีก เมื่อเจ้ายักษ์จัมโบ้ดันทะลึ่งวิ่งตะบึงห้อกระโดดโหยงขึ้นไปยืนโต้คลื่นอยู่บนปลายยอดคลื่นสึนามินั่นด้วย เอากับมันสิ! ลองเป็นอีหรอบนี้โดนเข้าเต็ม ๆ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตกันเลยทีเดียว
.
ฟากฝั่งของเจฟเฟอร์เองก็มองเห็นอยู่ แม้จะไม่ค่อยแน่ใจนักแต่ระยะห่างที่มากประมาณนี้ ทำให้เจ้าตัวเชื่อว่ากว่าคลื่นทรายอัปปรีย์นั่นจะมาถึง แขนขวาของเขาก็น่าจะซ่อมเสร็จพอดี จึงหันไปวิงวอนกับเหล่าแมลงแกมขอร้อง
.
"ช่วยฉันอีกสักครั้งเถอะนะ อดทนอีกนิดเดียวถ้าพวกเอ็งทนไหวพวกเราจะได้โอกาสสวนกลับ!"
.
"หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ "
เป็นเสียงอื้ออึงที่ดังมากกว่าทุกที ซึ่งเจฟเฟอร์ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นเพราะพวกมันอยู่ใกล้ หรือเป็นเพราะพวกมันกำลังประชดเขาอยู่กันแน่
.
.
"ครืดดดดดด!.. ครืนนนนนน!.. ครืดดดดดด!.. ครืดดดดดด!.."
.
ครืดดดด.. โครมมมมมม!
.
.
ม่านเกาะกำบังแมลงวันสั่นสะท้าน! พวกมันต่างเกร็งตัวปกป้องเจ้านายราวกับไข่ในหิน เจฟเฟอร์ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะผ่านพ้น แต่รู้ว่าข้างนอกนั่นคงเป็นอะไรที่เจ็บปวดทรมานมาก คลื่นทรายที่สูงมากกว่าตึก 10 ชั้น ผนวกรวมเข้ากับขนาดลำตัวของเจ้าเบิ้มแซนดี้ที่กำลังโกรธจัด กลายเป็นอาวุธที่ทรงพลานุภาพที่สุดแล้วตั้งแต่เริ่มเรื่อง ทั้งหมดทั้งมวลถาโถมเข้าใส่กลุ่มสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจิ๋วกระจุกหนึ่งประดุจผู้ใหญ่รังแกเด็กทารก
.
ภาพจากด้านในแสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่า พวกแมลงเองก็ชักจะไม่ไหว! บางส่วนของบาเรียเริ่มเกิดรอยแยก! แล้วก็มีเม็ดทรายเริ่มไหลหลากเข้ามา เสียงหึ่ง ๆ ที่เคยดังก้องหูเมื่อครู่ บัดนี้กลับเงียบกริบลงไปกลายเป็นเสียงของคลื่นทรายดังแกรก ๆ ๆ ที่แทรกเข้ามาทดแทน
.
"อีกนิดเดียวอีกแค่ 5 % อดทนหน่อย! ประเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้วช่วยทนกันอีกนิด!"
.
"กึก ๆ ๆ ๆ กัก ๆ ๆ ๆ กึกกกก"
.
ชายหนุ่มตะโกนบอกผู้ช่วยผ่านทางหูฟัง พลางหักปลายนิ้วแต่ละข้างเตรียมรอเอาไว้ กะว่าซ่อมเสร็จเมื่อไหร่จะยิงสวนออกไปทันที แม้ว่าในตอนนี้บาเรียจะอยู่ในสภาพง่อนแง่นเต็มทีแล้วก็ตาม
.
ระหว่างนั้นทรายจำนวนมากก็ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บาเรียแมลงเริ่มมีรอยแยกใหม่เกิดขึ้น จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 จาก 4 เป็น 8 มิหนำซ้ำไอ้พวกรอยแยกเดิม ๆ ก็เริ่มเสียหายหนักขึ้น จากที่เคยยืนสบายใจชิว ๆ ตอนนี้ดูทรงแล้วเจฟเฟอร์คงทำแบบนั้นต่อไปอีกไม่ได้
.
"โอเค! เสร็จพอดี! เปิดทางให้ฉันออกไปได้!"
เขาออกคำสั่ง ทั้งที่คลื่นสึนามิทรายข้างนอกยังไม่ทันจะสลายตัว
.
"ไม่เป็นไร! เปิดเลยพวกเอ็งช่วยฉันไว้มากแล้ว ถึงเวลาที่พวกเราจะเอาคืนกันสักที!"
.
"หึ่ง หึ่ง หึ่ง หึ่ง หึ่ง"
.
บาเรียสลายออก กองทัพแมลงวันกระจายตัวออกเป็นแพรพุ่งออกมาเป็นสาย ความแข็งแรงของพวกมันไม่มากพอที่จะเจาะทะลุผ่านคลื่นสึนามิทรายได้หรอก แต่เพราะมีเลเซอร์จากปลายนิ้วของเจฟเฟอร์ยิงเปิดทางให้อะไร ๆ ก็เลยง่ายขึ้น
.
"จิ้ว! , จิ้ว! , จิ้ว! , จิ้ว!"
.
"กระจายตัวออกไปเป็นสามทาง ล้อมมันเอาไว้แล้วโจมตีพร้อมกัน!"
.
เจฟเฟอร์สั่งการพลางลอยตามออกมาทีหลัง โดยที่ยังมีฝูงแมลงวันบางส่วนหนุนอยู่ตรงพื้นรองเท้าทำให้เจ้าตัวโผทะยานอยู่กลางอากาศได้อย่างอิสระเสรี
.
เสี้ยววินาทีที่เริ่มตั้งตัวได้กระแสคลื่นยักษ์ก็สงบลง เจ้าปีศาจแซนดี้ยืนจังก้าจ้องหน้าเจฟเฟอร์เขม็ง มันพ่นลมหายใจแรงเพื่อแสดงออกถึงความโกรธ แล้วก็โมโหฉุนเฉียวสุด ๆ ที่รอบตัวมีแต่ฝูงแมลงวันสกปรกบินอยู่เต็มฟากฟ้า
.
"ตอนนี้แหละ! มันเปิดช่องแล้วเอาเลยพวกเรา! รุม!!!"
.
"หึ่งๆ หึ่งๆ หึ่งๆ หึ่งๆ หึ่งๆ หึ่งๆ หึ่งๆ"
.
โหมดต่อสู้กลับมาเริ่มต้นทำงาน นิ้วทั้ง 5 สลับกันยิงลำแสงใส่เนื้อตัวแซนดี้จนพรุนเป็นรังผึ้ง ก่อนจะกวักมือสั่งให้พวกแมลงบินเข้าไปรุมทึ้งจากข้างในออกมาข้างนอก พวกมันบินโฉบเข้าไปกัด แทะ ฉุด กระชาก จนเห็นละอองทรายกระซวกออกมาเป็นผง ๆ
.
แซนดี้ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากปัดป้อง ด้วยความที่กองทัพภมรของเจฟเฟอร์นั้นมีมากกว่าล้านตัว ต่อให้พยายามแค่ไหนสิ่งที่่เจ้าอสูรกายทำก็เหมือนจะสูญเปล่า อาการมันเข้าขั้นวิกฤต! เคยได้ยินแต่หมาหมู่สิบรุมหนึ่งเพิ่งจะเคยเห็นล้านรุมหนึ่งเอาก็วันนี้ ตัวของแซนดี้กำลังจะขาดครึ่ง ขาของมันเองก็เว้าแหว่งเป็นรูเหวอะหวะ เพราะถูกเจฟเฟอร์โฉบลงมากระหน่ำยิง
.
ครั้นพอคิดจะโต้กลับด้วยการถ่มกระสุนทรายออกจากปากเพื่อโจมตี เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการก็ได้เรียกให้ฝูงแมลงวันเข้ามาขวางเอาไว้ ต่อให้แซนดี้จะทำยังไง จะเขวี้ยง! จะปา! จะเตะ! ทรายเข้าใส่ เป็นร้อยเป็นพันครั้ง เหล่าหมูมวลมหาแมลงวันก็จะพุ่งเข้ามาตัดหน้ารับแรงกระแทกเอาไว้หมด เล่นเอาเม็ดทรายนี่แตกเป็นละอองมูลฝอยเลย จึงเท่ากับเหนื่อยฟรีแซนดี้ไม่สามารถเข้าถึงตัวเจฟเฟอร์ได้อีกต่อไป
.
ครั้นจะดึงตัวเหยื่อเข้ามาหาแบบเก่าแซนดี้ก็ทำไม่ได้อีก เพราะเท้าของเจฟเฟอร์นั้นลอยไม่แตะพื้น พอคิดที่จะวิ่งเข้าไปต่อยแบบตรง ๆ โต้ง ๆ แค่จังหวะการง้างหมัดขึ้น ความไวของเจฟเฟอร์ก็โผทะยานพรวด ๆ หนีขึ้นไปบนฟ้าได้ทุกครั้ง
.
แล้วสุดท้ายในที่สุดแซนดี้ก็ล้มลง! ฝูงแมลงวันปิรันย่ารุมกัดกินทรายจากข้างในจนตัวมันขาดครึ่ง! วินาทีที่ลำตัวท่อนบนล้มลงฟาดพื้นช่างเป็นอะไรที่น่าสยดสยอง เพราะกองทัพภมรนี่บินหึ่ง ๆ ออกมาจากศพแซนดี้ราวกับเพิ่งเสร็จจากการตอมของเน่าในตลาดสด
.
"ฮู้ววว! เรียบร้อย! เสร็จซะทีเล่นเอาเหงื่อซึมเลยดูสิ"
.
เจฟเฟอร์เป่าปากด้วยความโล่งใจ พลางพับนิ้วมือทั้ง 5 ให้กลับมาเป็นโหมดปกติ แล้วก็ใช้มือข้างเดียวกันนั้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก
.
"เอ๋? น้ำนี่นา? น้ำในตัวเรากลับมาแล้วนี่หว่า ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"
.
"ถุย ถุย ขากกกกกก ถุย!!!"
.
คราวนี้เป็นน้ำลายมันพุ่งออกมาเป็นก้อนผสมเสมหะ ก่อนจะหล่นแหมะลงไปตรงหน้าผากเจ้าแซนดี้ที่นอนแน่นิ่งอยู่เบื้องล่าง แล้วทันใดนั้นเอง! สายลับหนุ่มก็ต้องผงะกับสิ่งที่เกิดขึ้น!
.
"เชี้ย! หมอยูมิโกะแม่งพูดความจริงวะ ทรายมันจับกันเป็นก้อนจริง ๆ ด้วยแต่!"
.
"แกร็ก ๆ ๆ ๆ ครืดดดดดด ๆ ๆ"
.
"โคตรแม่งเอ๊ย! กูต้องใช้น้ำมากขนาดไหววะ ถึงจะหยุดการรีเซ็ตตัวเองใหม่ของไอ้ยักษ์นี่ได้ ไอ้ระยำซั่มแม่เอ๊ย! มันเริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาใหม่อีกแล้ว!"
.
หูฟังถูกจับกระชับเข้ากับรูหูให้แน่นขึ้น ฝูงแมลงวันผู้ช่วยเข้าที่เตรียมพร้อม การต่อสู้อันแสนยาวนานยืดเยื้อกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง มันคืออินฟินิตี้วอลล์อันไร้จุดจบอย่างแน่นอน หากเจ้าหน้าที่ภาคสนามของเราหาน้ำที่มากพอมาไม่ได้
.
เจฟเฟอร์ลอยตัวขึ้นฟ้ายืนดูการก่อตัวขึ้นใหม่ของแซนดี้ตาเป็นมัน ก่อนจะค่อย ๆ ลดระดับสายตาลงมาจับจ้องที่เป้ากางเกงตัวเอง
.
"เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนซิ?"
"อันที่จริง "ควย" กูก็ก่อร่างสร้างตัวได้เหมือนกันนี่หว่า ซึ่งถ้ามันแข็งพอนะ.. ข้างในแม่งก็มีน้ำ! "
"อืม.. หึ ๆ ได้การล่ะมึง!"
"ฟึบฟับ! ๆ , ฟึบฟับ ๆ , โฉ้งเฉ้ง ๆ ๆ !".อย่าว่าแต่ไอร่อนแมนเลย ชั่วยามนี้ทรานฟอร์เมอร์แม่งก็มา เมื่อขากลคู่งามดับไอพ่นลงแล้วแลนด์ดิ้งลงสู่พื้นพรมเปอร์เซียในห้องบอส ผืนพรมราคาแพงยุบบุ๋มลงตามน้ำหนักตัวที่มากโข แต่ครานั้นเจฟเฟอร์ก็ยังอุตส่าห์โพสต์ท่าตะแคงข้าง โชว์ให้เห็นถึงอะไหล่ชิ้นงามที่กำลังสับเปลี่ยนตัวเองกลับคืนรูปลักษณ์."เอิ่ม.. ผมต้องขอประทานโทษด้วยครับบอส คือว่าผมเผลอตัวเผลอใจไปหน่อย มันอดใจไม่ไหวจริง ๆ ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย แฮะๆ"."แบบว่าขาข้างใหม่มันยังไม่ชินน่ะครับ เผลอ ปริ๊ด! แค่นิดเดียว ไม่คิดว่าขามันจะสั่นซะจนพุ่งใส่ประตูพังเป็นแถบแบบนี้ ต้องขอโทษคุณผู้หญิงด้ว.. ย.. ย!".เจฟเฟอร์ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะจิต ณ ตอนนี้ที่ไฟฉุกเฉินตรงมุมห้องสว่างโล่ขึ้นมา ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสได้เห็นหน้านวลนางที่อุปทานว่าเป็นแบร็ควิโดว์แบบจะ ๆ เป็นครั้งแรก."เอ็มม่า!""เธอคือเอ็มม่าแผนกการเงิน ที่อยู่ประจำชั้น 3 นี่นา!?""ไอ้หย๋า! นี่อย่าบอกนะว่าคุณโดดงานมาเอากับบอส! หึ๊ยยย! แรดชุปแป้งทอดชะมัด!".โดนตะคอกใส่แบบนั้น เป็นใครก็ต้องสวนกลับ!."หยุดปากพล่อยเดี๋ยวนี้นะคุณเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์! มันไม่
คุ้มไหมกับการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย คุ้มไหมกับเวลาที่เสียไปให้แก่แขนข้างหนึ่ง เพื่อเอามาแลกกับการทำอะไรที่ต่ำทรามเช่นนี้."นี่กูจำเป็นต้องทำแบบนี้จริง ๆ เหรอวะ? แม่งเอ๊ย! มันกระจอกเกินไปรึเปล่าวะไอ้เจฟ?".มือซ้ายข้างใหม่ที่เพิ่งได้รับการปลูกถ่ายมาสั่นพับ ๆ เจฟเฟอร์กำลังช่างใจอย่างหนักว่าจะใช้มือข้างนี้ชักว่าวให้แก่ลำควยที่แข็งโด่ขึ้นมาดีไหม เพราะต่อให้เขาจะเป็นคนสถุลหื่นกามยังไง มือข้างใหม่ก็ควรจะนำไปใช้ในภารกิจช่วยโลกไม่ใช่เอามาช่วยตัวเอง."ถ้าแกมีชีวิตแกคงเกลียดฉัน เอาเป็นว่าฉันจะไม่ทำล่ะกัน ตราบใดที่ใจแข็งพอเชื่อว่าไม่นานลำควยก็จะสงบ มันคงอ่อนตัวลงไปเองโดยไม่ต้องง้อการชักว่าว".เคยได้ยินแต่สำนวนที่ว่า "รออย่างมีความหวัง" มาตอนนี้เจฟเฟอร์กับกำลัง "รออย่างมีความเงี่่ยน" อย่าว่าแต่มือเลย นาทีนี้แม้แต่ขาข้างใหม่ก็ยังโรมรันร้องครือครางเอี๊ยด.. อ๊าดดด.. ไม่ต่างจากมอเตอร์ไซต์ 250 cc ของวาเลนติโน่ รอสซี่ ที่เตรียมจะออกตัวจากกริดสตาร์ท มันจวนจะปะทุอยู่รำไร.ก็อย่างที่บอกแหละว่าก่อนหน้านี้ ขาเจ้ากรรมนั้นเคยเดินโทง ๆ ไปหาช่อดอกลาเวนเดอร์เองมาแล้ว กับครั้งนี้เองก็ด้วย! กลไกกับชุดฟันเพืองของม
เปลือกตาหนักอึ้งเริ่มเคล่ือนเปิดกว้าง พรายแสงเจิดจ้าจากหลอดไฟเพดานคือสักขีพยานสำหรับการตื่นตัว บนเตียงผ่าตัดในห้องพยาบาลชั้น 4 ในที่สุดเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ก็วกกลับคืนสู่โลกภายนอกได้สำเร็จ พร้อมกับแขนและขาข้างใหม่ที่ทั้งสวยงามและวาววับ ไม่มีแล้วกับไอ้ด้วนแขนกุด นาทีนี้มีแต่เจ้าหน้าที่ภาคสนามที่พร้อมจะทำภารกิจทุกชนิด แบบใส่สุดไม่หยุดสุดสัปดาห์.แต่ก็แปลกตรงที่สิ่งแรกที่เจ้าตัวเลือกทำ กลับมิใช่การก้าวเท้าลงจากเตียงผ่าตัดแล้วขยับเขยื้อนยืดเส้นยืดสาย เหมือนกับที่ผู้ช่วยนาริตะทำกับร่างกายของออเจ้าดาวิกา เขากลับเลือกที่จะถามหมอยูมิโกะขึ้นว่า."ดอกไม้ผมอยู่ไหน?"พลางหันซ้ายแลขวา สอดส่ายสายตาลอกแลก."ดอกไม้?! ดอกอะไรของคุณคะ หมอไม่เห็นรู้เรื่อง หรือว่าสมองคุณผิดปกติเพราะได้รับรังสีจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มันปวดตรงไหนรึเปล่าเอ่ย?"
“งั้นเหรอคะ จริงสิเกือบลืมคุณไปเลยคุณเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ หมอรักษาสัญญาอยู่แล้วน่าไม่ต้องห่วง เด็ก ๆ จ๊ะมาจับตัวเขาไว้ที!”สิ้นสุดเสียงสั่งสองพี่น้องผู้ช่วยพยาบาลก็ทำตาขวาง พลางถลันตัวเข้ามาจับเจฟเฟอร์ที่แขนขาดข้างหนึ่งเอาไว้.“เฮ้! เดี๋ยวสิออเจ้า นี่มันอะไรกันไม่เห็นจะต้องรุนแรงขนาดนี้ก็ได้นี่!”แน่นอนว่าไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ กลับมา เพราะออเจ้าดาวิกาได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว.“คุณพูดอะไรของคุณ ฉันฟังไม่เห็นรู้เรื่อง..”.“ไม่ต้องสนใจหรอกน้องนาริตะ แค่พาเขาไปที่เครื่องแปลงมวลสารให้ได้ก็พอ ฮึบ!”.ยูมิจังแทรกขึ้นก่อนจะใช้พลังที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมด ออกแรงดันช่วยกันกับน้อง ทำให้แขนกับขาเทียมข้างใหม่ของเจฟเฟอร์ร่วงหลุดจากมือ สายลับหนุ่มพลั้งพลาดเข้าให้แล้ว ร่างแกร่งถลันถลาเซแถด ๆ จนศีรษะมุดเข้าไปอยู่ในอุโมงค์ส่วนหน้าโดยไม่รู้ตัว.“เดี๋ยวก่อน! อธิบายกันก่อนสิหมอ ผมแขนขาดนะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสมองเลย ทำไมถึงต้อง?! เฮ้! เดี๋ยวก่อนเซ้!”.“ชู่ววว! อย่าเอ็ดตะโรไปสิคะคุณเจ้าหน้าที่ ก็ในเมื่อคุณรู้ความจริงหมดแล้ว ว่าทั้งหมดที่เห็นอยู่ก็แค่ของสมมติที่หมอฝังโปรแกรมไว้ในเลนส์ตาของคุณ ที่จริงคุณจะ Drai
การเรียนรู้ของเราสองคนคือความเข้าใจ เธอเข้าใจและฉันเข้าใจก็ทำให้เรามั่นใจ.. (ในสิ่งนั้น) ซะที่ไหนล่ะ! นาทีนี้แม้แต่ชาติ เดอะวอยซ์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เจฟเฟอร์สายลับหนุ่มผู้อาภัพได้แต่พร่ำพรึงถึงความหลังที่ผ่านมา ว่าตลอดระยะเวลาหลาย 10 ชั่วโมงที่เข้ามาที่นี่ เขาต้องพจญภัยผ่านชะตากรรมอันหนักหน่วงอยู่คนเดียวเพื่ออะไรกัน แขนข้างใหม่ที่เหน็บอยู่ใต้รักแร้กับขาไทเทเนียมอัลลอยเงาวับนี่ล่ะ ทำไมถึงไม่มีใครสนใจใยดีเลย.มากไปกว่านั้น ยูมิจังผู้ช่วยยังมายึดเอาอุปกรณ์ชิ้นสำคัญของเขาไปอีก."คุณเจ้าหน้าที่คะ.. ขอหูฟังคืนด้วยค่ะ หมอให้มาทวง"."เอิ่ม.. ม.. ก็ได้เอ้านี่เอาไป! ชิ!".เจฟเฟอร์ถอดมันออกพลันสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า บรรดาหมู่มวลจุลชีพสีดำขลับนับล้านต่างพากันบินแตกฮือขึ้นไปกลางฟากฟ้า ดั่งได้รับการปลดปล่อย."อานีคาโหตุ.. จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย สุขีอัตตานัง ปะริหารันตุ จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด.. สาธุ"ขึ้นเสียงสูงประชดประชันแกมหมั่นไส้ ทั้งที่ความจริงก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตนเป็นชาวคริสต์นิกายไหนกันแน่ ถึงได้แผ่เมตตาเข้าใส่ได้อ
"อูยยยย....บัดซบเอ๊ย! ให้ตายเถอะมันจะวินาศสันตะโรอะไรกันขนาดนี้ว่ะเนี่ยะ คุ้มกันไหมกับการสำเร็จความใคร่ใส่หุ่นยนต์แอนดรอยน์ ".ร่างอันล่อนจ้อนแต่สุดจะแข็งแกร่งค่อย ๆ ประคองตัวเองลุกขึ้นยืน ด้านบนคือผืนฟ้ากว้างสุดสายตา ส่วนด้านล่างเป็นพื้นทรายประสมกรวดหินและเศษวัสดุ."สัด! นี่กูกระเด็นมาไกลถึงนี่เลยเหรอวะ? ไม่ใช่ว่าแขนขากูขาดเพิ่มไปแล้วนะเฟ้ย! หึ๊ยยย! ออกไปให้พ้นมันหนักโว๊ยยย! ไอ้ก้อนหินสารเลว!"."เปร๊ีียงงง!".ชั่วเคี้ยวหมากแหลกเศษอิฐผนังที่กระเด็นปลิวทะลุตามมาด้วย ก็โดนเจฟเฟอร์หวดเข้าอย่างจัง มันพุ่งแหวกอากาศย้อนกลับไปทางเดิมด้วยความรุนแรงที่มากกว่าหลายเท่า ก่อนจะชนกระทบเข้ากับผนังโกดังเสียงดัง โครมมม! เพิ่มความเสียหายให้กระจายเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น."เวร.. เวร.. เวรของกูแท้ ๆ"เจฟเฟอร์ส่ายหน้า พลางสะบัดขาเจ็บแปล๊บ ๆ.ในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First - person) ตัวเลขความเสียหายวิ่งตื๋อขึ้นมามากมาย บ่งบอกว่าร่างกายของเขานั้นไม่อยู่ในสภาพที่จะใช้การอะไรได้อีกต่อไปแล้ว แขนขาด ขาหมดพลัง แม้แต่ควยกับไข่หำก็ยังแฟบลงเหี่ยวหยดย้อย คล้อยไปกับแสงแดด.นี่จึงเป็นสาเหตุให้เขาออกอาการเซ็งอย่างท