ใต้น้ำลึกในโพรงหินริมอ่าวมูนไวท์ นีร่านอนนิ่งอยู่บนหินเย็น
แต่หัวใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ นางไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมถึงว่ายเข้าไปช่วยเขา? มนุษย์คนนั้น…เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งแต่ดวงตาของเขาในน้ำนั้น—มันสั่นไหวเหมือนกับว่า เขา กลัวความตาย เหมือนกับว่า…เขา ต้องการนาง เงือกในท้องทะเลไม่เชื่อใจมนุษย์ ยิ่งเป็นเงือกหางทองอย่างเธอ—ที่ถูกสั่งไว้ชัดว่า "อย่าให้มนุษย์เห็นเด็ดขาด" แต่ครั้งนี้นางได้ทำลายกฎนั้นไปเรียบร้อย มือขาวของเธอ…แตะต้องมนุษย์แล้ว อีกฝั่งหนึ่ง บนเรือ เรนยืนห่มผ้าเปียก มองผืนน้ำเบื้องล่างอย่างอึ้ง ๆเขาไม่พูดกับใครทั้งวัน ไม่กิน ไม่ดื่ม เอาแต่นั่งที่ท้ายเรือ เฝ้าดูผิวน้ำเงียบ ๆ เหมือนรออะไรบางอย่าง > “นางมีอยู่จริง” เขาพึมพำอีกครั้ง และในหัว…ภาพหญิงสาวผมทองสยายยาวลงมากลางหลัง ผิวซีด หางทอง เป็นภาพเดียวที่ชัดที่สุด เขาไม่ได้กลัวนาง แต่รู้สึกเหมือน "อยากเจออีก" เหมือนคนที่เคยจมน้ำ…แต่กลับอยากลงไปอีกครั้ง แม้รู้ว่าอาจไม่มีใครช่วยไว้ได้เหมือนเดิม คืนนั้น นีร่ายังไม่หลับนางว่ายขึ้นมาจากโพรงหินอีกครั้ง ดวงตาสีเทาเงยขึ้นมองแสงจากโคมเรือไกล ๆ ไม่รู้ทำไม แสงสลัวนั้นถึงดูอบอุ่นกว่าคืนไหน ก่อนนางจะค่อย ๆ ว่ายเข้าใกล้เรือ…อีกครั้งโดยไม่รู้ตัวเลยว่า หัวใจของนาง...กำลังแล่นตามมนุษย์ที่นางไม่ควรไว้ใจ กลางดึกอ่าวมูนไวท์สงบไร้คลื่น แสงโคมบนเรือสลัวเรืองในความมืด เงาสะท้อนบนผิวน้ำสั่นเบา ๆ ตามสายลม นีร่าว่ายช้า ๆ ใต้น้ำ สายตานางจับจ้องไปที่หัวเรือแค่เงียบ ๆ ดูจากไกล ๆ แค่ให้แน่ใจว่าเขายังอยู่…และไม่เป็นอะไร นางควรจะหนีจากสิ่งนี้ แต่มือกลับวางแนบบนแผ่นไม้ใต้ท้องเรืออย่างลังเล นางไม่เคยรู้ว่าหัวใจตัวเองจะเต้นแรงได้ขนาดนี้ เหมือนคลื่นในอกกำลังซัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่นางคิดถึงดวงตาของเขา บนเรือ เรนนั่งพิงลำเรือ ดวงตาเหม่อลอยมองทะเล เสียงทุกอย่างเงียบสนิทจนเขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง เขาคิดว่าภาพของนางคงเป็นแค่ความฝัน แต่ในใจกลับเฝ้าภาวนา “ถ้านางมีอยู่จริง…กลับมาอีกสักครั้งเถอะ” แล้วในวินาทีนั้นเอง เขารู้สึกได้ถึงเงาบางอย่างใต้เรือ เหมือนอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวเเละมองขึ้นมา เรนรีบโน้มตัวลงมอง แต่น้ำก็ยังเงียบสงบเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเลย…นอกจากความเงียบที่บอกไม่หมดว่า มีใครบางคนกำลังรอให้เขาเชื่อ เสียงหัวใจของชายหนุ่มยังเต้นไม่เป็นจังหวะ หลังจากเมื่อคืน…เขาแทบมั่นใจว่านางกลับมา > ข้าไม่ได้ฝันไปแน่…” เขาพึมพำ ขณะยืนมองผิวน้ำที่เงียบเชียบ บ่ายนั้นเขาแอบหลบจากลูกเรือเอาเบ็ดกับสมุดสเก็ตช์ไปนั่งที่ท้ายเรือ มือเขาวาดเงาร่างนางลงกระดาษอย่างใจจดใจจ่อ ใบหน้าเรียว ผิวขาวซีดกับหางทองแวววาว ทุกเส้นสายเกิดจากความทรงจำเพียงไม่กี่วินาทีที่เขาเห็นเธอในน้ำนั้น ราวกับถูกแกะสลักขึ้นจากหยดน้ำผึ้งและไข่มุก ผิวพรรณขาวนวล เปล่งประกายราวไข่มุกใต้แสงจันทร์ เย็นเยียบแต่น่าหลงใหล เรือนผมยาวสลวยสีทองอร่ามพลิ้วไหวไปตามกระแสน้ำ ราวกับแสงอาทิตย์ที่หล่นละลายลงใต้ทะเลลึก ดวงตากลมโตสีเทาเรื่อหม่นลึกลับราวหมอกเช้า สะท้อนทั้งความเศร้า ความเงียบงัน และความลึกลับของห้วงมหาสมุทร “เจ้าจะหมกมุ่นกับปลานางเงือกหรือไง” เสียงลูกเรือคนหนึ่งหัวเราะลั่นตอนเดินผ่าน แต่เขาไม่ตอบ เพราะในใจ เขารู้ดีว่า นางไม่ใช่แค่เงือก ไม่ใช่แค่เรื่องเล่า ในใต้ทะเลลึก นีร่ายังกลับมา—ทุกคืน นางซ่อนอยู่หลังก้อนหิน ห่างจากเรือไม่ถึงสิบเมตร แต่คืนนี้ต่างจากเดิม…นางเห็นเขานั่งเพียงลำพังนางเห็นว่าเขาเอาภาพของนางไปวาด หัวใจนางสั่น ทั้งตกใจ…ทั้งแปลกใจมนุษย์คนนี้ไม่เหมือนมนุษย์ที่นางเคยได้ยินในนิทาน เขาไม่ล่า ไม่ไล่ตาม แต่กลับ “เฝ้ามอง” นางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย และบางอย่าง…ที่นางไม่กล้าตั้งชื่อ นีร่าว่ายเข้าใกล้ขึ้นอีกนางอยากรู้ว่าเขาเป็นใครกันแน่ แต่เมื่อเข้าใกล้ถึงระยะที่เห็นแววตาเขาชัดเจนจากใต้น้ำ... จู่ ๆ เรนก็เอื้อมมือไปทางเธอ พลั่ก! เสียงสะเทือนเบา ๆ เมื่อนีร่าถอยกลับทันที หัวใจนางกระตุก นางไม่ควรเข้ามาใกล้ขนาดนี้ เสียงของผู้เฒ่าเงือกดังขึ้นในหัว — “มนุษย์คือภัยพิบัติ” นีร่ารู้ดี ถ้าใครรู้ว่านางฝ่าฝืนกฎ นางอาจถูกลงโทษ หรือแย่กว่านั้น…ถูกจับขังไว้ใต้หินมืดที่ไม่มีแสงลอด นางหันหลังจะว่ายหนี แต่เขากลับพูดขึ้น — เสียงเบา ๆ ที่ทะลุลงมาถึงน้ำ > “ได้โปรด…อย่าหายไปอีก” นีร่าหยุดว่าย…เพียงชั่วครู่เดียวก่อนจะหายวับลงในเงาน้ำอีกครั้ง คืนนั้นเรนนอนไม่หลับ เขารู้ว่านางอยู่ใกล้มาก มากเกินจะหลอกตัวเอง และเขาก็ตัดสินใจ… > “ถ้านางไม่กล้าขึ้นมา ข้าจะลงไปหาเจ้าเอง” กลางดึก…ที่เงียบสงัด เขาถอดเสื้อออกทีละชิ้น เหลือเพียงกางเกงเปียกแนบลำตัว เท้าเปล่าเหยียบไม้เรือที่เย็นเฉียบ เขาไม่กลัวแล้ว มีเพียงเสียงในหัว ที่ดังวนซ้ำ… > “ได้โปรด…แค่มาให้เห็นอีกสักครั้งก็ยังดี” มือเขาแตะน้ำช้า ๆ แล้วก้าวลง ความเย็นกัดเนื้อ แต่หัวใจกลับอุ่นแปลก ๆ เขาดำดิ่งลงไป ไม่มีทุ่น ไม่มีแสง มีเพียงเงาสะท้อนจากความรู้สึกในใจที่เขาไม่เคยเข้าใจ นีร่าเห็นเขาแล้ว ร่างสูงสง่า บ่าแผ่กว้างได้รูป เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนแซมประกายทอง ลู่ไปตามลมราวกับเส้นไหมต้องแสง ดวงตาสีฟ้าเข้มราวท้องฟ้าก่อนพายุ สะท้อนทั้งความมุ่งมั่นและอดีตอันลึกลับ จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากได้สัดส่วนที่หากเผลอมองนานเกินไป จะรู้ตัวอีกทีก็คือหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ รอยเคราบาง ๆ บนแนวกรามเสริมเสน่ห์ให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่และอันตรายในคราเดียวกัน วินาทีที่เขากระโจนลงมา หัวใจเธอก็เหมือนหยุดเต้น > "เขาบ้าไปแล้ว..." แต่นางกลับว่ายเข้าหาเขาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้น้ำทะเลระหว่างพวกเขาค่อย ๆ บางลง จนสายตาทั้งสองประสานกันอีกครั้ง เรนเอื้อมมือออกไป…ช้า ๆ นางควรจะหนี ควรจะกลับลงไปในเงามืดที่ปลอดภัย แต่ไม่รู้เพราะอะไร…นีร่ายื่นมือออกไปเช่นกัน ปลายนิ้วของเขาแตะหลังมือนาง—เบามาก เหมือนกลัวว่าแค่แตะแล้วนางจะหายไป มือของเขาอุ่นกว่าน้ำทะเล และมือของนาง…ก็นิ่มกว่าฝันไหน ๆ ที่เขาเคยมี > “ข้าไม่รู้ชื่อเจ้า…” เขาพูดเสียงเบาในน้ำ “แต่เสียงเจ้ามันอยู่ในหัวข้าทั้งวัน…” นีร่าไม่ได้ตอบ แต่สายตานางไหว นางไม่เคยรู้เลยว่าเสียงของมนุษย์…จะทำให้ใจสั่นขนาดนี้ เรนขยับเข้ามาใกล้อีกนิด หัวใจเขาเต้นดังจนตัวสั่น เขาไม่ได้ต้องการจูบ ไม่ได้ต้องการคำสัญญา แต่แค่ “สัมผัส” นั้น…มันมากพอจะทำให้เขารู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ และเมื่อปลายหน้าผากของเขาแนบกับหน้าผากนางเบา ๆ ในน้ำ ความเงียบทั้งหมดก็หายไป เหลือแค่เสียงหัวใจสองดวง…ที่โหยหากันอย่างไม่รู้ตัวมานานเกินไปจากนั้นมือของเธอที่จุ่มลงในบ่อก็เริ่มร้อนขึ้นจากข้างในแผลเริ่มเปลี่ยนสี จากแดงกลายเป็นฟ้าอ่อน แล้วก็จางหายไปเหมือนละลายเข้ากับน้ำแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่แค่แผล…ร่างของเธอเริ่มส่องแสงอีกครั้ง หางของเธอยาวขึ้นเล็กน้อย ครีบข้างหลังขยายออกเหมือนกำลังคืนสภาพเงือกเต็มตัวเธอหลับตาแน่น รู้สึกถึงบางอย่างในอกที่กำลังเปลี่ยนไปมันไม่ใช่แค่ร่างกาย…มันคือหัวใจเสียงนั้นกลับมาดังอีก> “ตอนนี้…เลือดเจ้าได้รับการชำระแล้ว…เลือดของเงือกจะเข้มข้นขึ้น…เจ้าต้องเลือก…”> “จะอยู่ใต้ทะเลตลอดไป…หรือจะกลับขึ้นไปยังโลกบนบก…ในฐานะมนุษย์…”หัวใจของนีร่ากลับมาเต้นแรงอีกครั้ง—เหมือนกำลังจะระเบิดสองทาง…ไม่มีทางเลือกไหนที่ไม่เสียใจอยู่ใต้ทะเล…ก็ต้องลาจากเขากลับขึ้นบก…ก็ต้องทิ้งตัวตนที่แท้จริงเธอสะอื้นออกมา น้ำตาไหลทั้งที่ไม่มีใครได้ยินเธอนั่งอยู่ตรงนั้นนานมาก นิ่งจนปลาตัวเล็กๆ กล้าว่ายมาเกาะไหล่จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจลึก“ข้า…ข้าอยากจะกลับไปหาเขา…แต่…”เธอมองรอบตัว มองทะเลที่โอบล้อมเธอไว้เสมอ“ข้าก็อยากปกป้องที่นี่เหมือนกัน…”มือของเธอสั่น แต่หัวใจกลับนิ่งขึ้น“ข้าขอ…แค่โอกาสได้เลือกอีกครั้ง…”
นีร่าว่ายลึกลงไปเรื่อยๆ จนแสงจันทร์ข้างบนเริ่มหายไปหมด รอบตัวมีแต่ความมืดกับเสียงน้ำโอบล้อม ทุกครั้งที่เธอขยับหาง สีเงินก็วูบวาบอยู่แค่พริบตาแล้วดับไปหัวใจเธอเต้นแรงขึ้น เพราะเธอไม่เคยลงมาถึงที่นี่มาก่อนข้างหน้า…มองแทบไม่เห็นอะไร แต่พอลมหายใจเธอเริ่มชินกับน้ำเย็นๆ ตาเธอก็ค่อยๆ ชินกับความมืดเธอเห็นพื้นทรายกว้างใหญ่ มีก้อนหินเรียงกันเป็นวงๆ เหมือนมีใครตั้งใจวางไว้ บนนั้นมีสัญลักษณ์เก่าแก่ที่เธออ่านไม่ออก แต่หัวใจเธอกลับรู้สึกคุ้นแปลกๆ เหมือนมันเรียกเธออยู่นีร่าว่ายเข้าไปใกล้ แล้วเธอก็เห็นใครบางคนนั่งนิ่งๆ อยู่ตรงกลางวงหินเป็นร่างสูงใหญ่ หลังโค้งงอ หางยาวสีเข้มพันรอบหิน ผมยาวสีขาวลอยตามน้ำเหมือนเงาต้นสาหร่ายหัวใจเธอเต้นแรงจนเจ็บอก เธอรู้ทันทีว่า…ผู้เฒ่าเงือกเธอเคยได้ยินตำนานมาแต่เด็ก ว่าใต้ทะเลลึกจะมีเงือกเฒ่าผู้เฝ้าความลับของท้องทะเลมานับร้อยปีนีร่ากลืนน้ำลาย ฝ่ามือสั่นนิดๆ แต่ก็ว่ายเข้าไปช้าๆ จนอยู่ห่างกันไม่ถึงสิบก้าวร่างนั้นยังนั่งนิ่ง ไม่ขยับ ไม่พูด เหมือนรูปปั้นเก่าๆ ที่มีชีวิตนีร่าหายใจเข้าลึก สูดเอากลิ่นทะเลที่หนาวกว่าเดิมเข้าปอด ก่อนจะตัดสินใจพูดเสียงแผ่ว“…ท่าน…คือผู
ใต้น้ำ – หลังจากนีร่าดำลงทะเลทันทีที่ร่างของนีร่าจมลงใต้ผิวน้ำ ทุกอย่างรอบตัวเธอก็เปลี่ยนไปความหนาวจากลมด้านบนค่อยๆ หายไป แทนที่ด้วยความสงบของทะเลลึกผิวของเธอเริ่มเปล่งแสงฟ้าอ่อน ครีบที่หลังขากางออกอย่างช้าๆ หางสีเงินสะท้อนกับแสงจันทร์ที่ส่องทะลุผืนน้ำลงมาเธอหลับตา สูดหายใจลึก—หรือจะเรียกว่ารับพลังจากทะเลก็ไม่ผิด"ในที่สุด...ข้าก็ได้กลับมา" เธอคิดในใจสายตาเธอกวาดมองรอบตัว แล้วก็ต้องยิ้มออกมาอย่างดีใจฝูงเต่าทะเลตัวโตสองสามตัวว่ายผ่านหน้าไปช้าๆ หนึ่งในนั้นหันมามองเธอเหมือนจำได้ปลาสีสันสดใสแหวกว่ายระหว่างแนวปะการัง ทั้งปลาการ์ตูน ปลานกแก้ว และฝูงปลาเล็กๆ ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มวูบวาบสาหร่ายทะเลพลิ้วไหวตามกระแสน้ำ เหมือนกำลังเต้นรำต้อนรับเธอกลับบ้านมีปลากระเบนตัวใหญ่ลอยอยู่ใกล้พื้นทราย เคลื่อนไหวเงียบๆ อย่างสง่างามแสงจันทร์ลอดผ่านผืนน้ำ เป็นลำแสงสีเงินสวยงามที่ส่องรอบตัวเธอนีร่ายิ้ม น้ำตาซึมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว—แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุขเพราะทะเล…คือที่เดียวที่ไม่เคยผลักไสเธอทุกครั้งที่โลกด้านบนโหดร้าย ทะเลจะโอบรับเธอไว้เสมอร่างเธอว่ายลึกลงไปช้าๆ ผ่านแนวหินใต้น้ำที่คุ้นเคย ราวกับเป
ยามค่ำคืน – ริมชายฝั่งที่เงียบสงัด คลื่นทะเลซัดกระทบโขดหินเป็นจังหวะ สายลมเย็นปะทะผิวจนหนาวสะท้าน ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงจ้าเหนือผืนน้ำสีหมึก นีร่ายืนอยู่บนผืนทราย แผลที่แขนยังพันผ้าแน่น แต่เลือดยังซึมออกไม่หยุด ข้างเธอ อีธานยืนเงียบ เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองหน้าเธอราวกับอยากจำทุกรายละเอียดไว้ให้ขึ้นใจ นีร่าหันมามองเขา ดวงตาสองคู่สบกันในความเงียบ “ข้าจะรีบกลับมา” เธอเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงสั่น อีธานพยักหน้า แต่สายตาเขาเต็มไปด้วยห่วง “นานแค่ไหน?” “ข้าไม่รู้…” นีร่ากลืนน้ำลาย “แค่ไม่กี่วัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด” อีธานถอนหายใจ มือใหญ่ลูบผมเธออย่างแผ่วเบา “เจ้าพูดเหมือนมันจะง่าย” “มันไม่ง่าย” เธอยิ้มจางๆ “แต่ข้าต้องลอง” เขาเงียบไปนาน ก่อนจะหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งจากเอว ด้ามเป็นเหล็กเรียบเรียง เส้นคมคมกริบ “เอาไว้ป้องกันตัว” นีร่ารับมาไว้ในมือ สายตาเธอเริ่มพร่า เธอขยับเข้าไปใกล้ โอบแขนรอบตัวเขาแน่น “ข้ากลัว…” เธอกระซิบ “กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีก” “ข้าก็กลัวเหมือนกัน” เขากอดเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม “แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเข้มแข็งกว่าใคร ข้าจ
นีร่ายังคงสั่นเทา น้ำตาไหลไม่หยุดอีธานคุกเข่าลงข้างเธอ มือใหญ่ประคองใบหน้าเธอแผ่วเบา“นีร่า…มองข้า…เจ้าอยู่ที่นี่ ปลอดภัยแล้ว”เธอกะพริบตา ถอยหายใจแรงเหมือนจะขาดใจเสียงในคอแหบจนแทบไม่เป็นเสียง“มัน…มันไม่ใช่แค่ฝัน…ข้าเห็นแม่จริงๆ”อีธานกอดเธอไว้แน่นกลิ่นเลือดและเหงื่อยังติดตัวเธอ“แม่ของข้า…ตาเปลี่ยนเป็นสีดำ…”เธอกัดริมฝีปาก มือสั่นจนแทบกำอะไรไม่อยู่“เธอกลายเป็น…สัตว์ประหลาด…พูดว่าข้า…ต้องกลับไป…เป็นเหมือนพวกมัน…”เสียงสะอื้นดังลอดออกมาอีธานค่อยๆ ลูบหลังเธอ“ไม่…เจ้าจะไม่เป็นเหมือนพวกมัน”น้ำเสียงเขาหนักแน่น“ข้าสัญญา”นีร่าเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ“ถ้าแม่ยังมีชีวิต…ข้าต้องหาคำตอบ…ข้าต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น…”“งั้นเราจะไปด้วยกัน”อีธานพูดช้าๆ จ้องตาเธอแน่วแน่“ไม่ว่าต้องไปที่ไหน…เจ้าไม่ได้อยู่คนเดียว”เสียงคลื่นนอกหน้าต่างยังซัดเข้าฝั่งไฟตะเกียงสั่นไหวเงียบๆในอกนีร่า ความกลัวค่อยๆ แปรเป็นแรงฮึดสู้เธอพยักหน้าช้าๆ“เราจะหาความจริง…ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร…”อีธานกระชับมือเธอแน่นขึ้นและในค่ำคืนที่หนาวเหน็บหัวใจสองดวงก็ผูกพันกันมั่นคงกว่าเดิมสองวันถัดมาแผลบนแขนของนีร่าไม่ดีขึ้น
หัวหน้าเงือกพุ่งใส่อีธานสุดแรงครีบใหญ่หวดอากาศจนเกิดเสียงแตกดัง วืด!อีธานเบี่ยงตัวหลบไปทางซ้ายปลายมีดในมือฟาดเฉียงเข้าที่คอด้านข้างของมันฉึก!เสียงเนื้อฉีกดังชัดเลือดสีหมึกกระฉูดราดเต็มตัวเขาหัวหน้าเงือกคำรามลั่นจนพื้นสะเทือนร่างมหึมาสะบัดถอยหลังไปสองก้าวชั่ววินาทีนั้น…ศรเซรีออนในมือนีร่าเปล่งแสงจ้าเหมือนจะปล่อยพลังสุดท้ายออกมาเธอยกศรขึ้น…ริมฝีปากแห้งแตกพึมพำถ้อยคำเวทเสียงแหบจนแทบฟังไม่ออก“…จบสิ้น…อสูร…”ประกายฟ้ารูปวงเวทหมุนรอบตัวเธอพลังเวททะลักขึ้นจนฝนสาดกระจายเป็นวงแสงจากศรสว่างจ้า—แต่ทันใดนั้นร่างเธอก็สั่นแรงแผลลึกบนแขนซ้ายฉีกกว้างกว่าเดิม เลือดพุ่งร้อนวาบเต็มมือนีร่าหอบแรง สายตาพร่าเสียงในหูเธอกลายเป็นเสียงอื้ออึงภาพรอบตัวพร่ามัวเหมือนฝันหัวหน้าเงือกที่บาดเจ็บคอคำรามต่ำมันถอยไปช้า ๆ หยาดเลือดดำหยดตามพื้นสายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด…และความเกลียดชังก่อนมันจะพุ่งหนีเข้าความมืดหลังบ้านเรือนพังยับอีธานจะวิ่งตาม—แต่เขาหันมาเห็นนีร่าทรุดลงบนเข่าตัวเองศรเซรีออนร่วงจากมือกระแทกพื้นหิน“นีร่า!”เขาพุ่งเข้าประคองร่างเธอไว้แขนเธออ่อนแรงจนแทบไม่ขยับสายตาคู่สวยค่อย