ดูท่าทางเหมือนเขาจะเข้าใจผิดว่าอ๋องเยียนมาตามหาหลี่เฟิ่งเซียนและยังไม่รู้ว่านางหนีไปที่ใดแล้ว
จู่ๆชายที่ถูกเรียกนายท่านก็เดินไปที่เจ้าคนชั่วของหลี่เฟิ่งเซียน เขาเตะเจ้าคนชั่วไปทีหนึ่ง แต่เจ้าคนชั่วไม่แม้แต่จะลืมตามอง
“บอกมา นางเป็นใคร เจ้ารู้ใช่หรือไม่”
“...” ไร้เสียงตอบจากเจ้าคนชั่ว
หากไม่มีลมหายใจหนักๆเพราะแรงเตะเมื่อครู่ หลี่เฟิ่งเซียนอาจคิดว่าเขาตายแล้ว หลังจากนั้นเขายังถูกถามอีกหลายคำถาม แต่เขาไม่แม้แต่จะคิดสนใจ
“เจ้าสมควรตายที่สุดเจ้ารู้ตัวหรือไม่ เจ้าย่ำยีนาง ยังปล่อยนางหนีไปอีก ข้าไม่น่าไว้ชีวิตเจ้าจริงๆ หากเจ้ายังไม่พูดอีกว่านางเป็นใคร ข้าจะเก็บเจ้าไว้เลี้ยงหมูหรือ?” นายท่านรอให้เจ้าคนชั่วพูดอะไร แต่เขาไม่พูด
“เอาดาบมาให้ข้า ข้าจะฆ่ามัน” เขาสั่งลูกน้อง มีคนหนึ่งยื่นดาบไปให้เขา
หลี่เฟิ่งเซียนหัวใจตกไปที่เท้า หากนางยังรอจนไปหาท่านพ่อแล้วค่อยมาช่วยเขา เกรงว่านางจะได้แต่กระดูกของเขาแล้ว โชคดีที่นางร้อนใจรีบมาตามหาเขา
เจ้าคนชั่วน่าจะถูกทำร้ายมาหนัก เพราะหน้าตาของเขาบวมเป่ง มีรอยช้ำเต็มที่ของใบหน้า นายท่านคนนั้นยกดาบจะฟาดลงไป นางพุ่งตัวออกไปโดยที่จ้าวเหลียงไม่ทันตั้งตัว เขาห้ามนางไม่ทัน เห็นอีกทีหลี่เฟิ่งเซียนก็ถึงตัวของนายท่านและกระโดดถีบจนเขาล้มลง นางชักกระบี่ที่เอวจี้ไปที่คอของนายท่าน
“ใครกล้าเข้ามาข้าจะฆ่ามัน” หลี่เฟิ่งเซียนขู่
“อย่าไปกลัว พวกเรามีมากกว่า นางตัวคนเดียว” นายท่านรีบพูด
แต่ยังพูดไม่ทันขาดคำ จ้าวเหลียงและทหารอีกสามคนก็วิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลังหลี่เฟิ่งเซียนไว้อย่างปกป้อง
“พวกเราก็ยังมากกว่าอยู่ดี อย่าไปกลัว” นายท่านที่ถูกนางใช้กระบี่จี้คออยู่ตะโกนออกไปอีกครั้ง
“เจ้าคงไม่โง่ขนาดคิดว่า ข้าที่สามารถฆ่าคนของหลงอี้ได้ จะถูกพวกเจ้าจัดการได้ง่ายดายปานนั้นกระมัง” หลี่เฟิ่งเซียนขู่
ใช่นางแค่ขู่จริงๆ จำนวนคนมากขนาดนี้ อย่างไรนางก็สู้ไม่ได้ ต่อให้มีพวกจ้าวเหลียงอยู่ด้วย ส่วนเรื่องฆ่าคนของหลงอี้ ให้ตายอย่างไร ชั่วชีวิตนี้นางจะไม่มีทางบอกใครว่า นางฆ่าเขาได้เพราะนางถ่มน้ำลายข่มขู่
นายท่านคนนั้น เมื่อรู้ว่านางรู้จักขันทีหลงอี้ เขายิ่งทำท่าหวาดกลัว เขาจะไม่ยอมถูกจับ เพราะถ้าเขาถูกจับจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ เขาล้มอยู่บนพื้นใกล้กับกองไฟ ขณะที่หลี่เฟิ่งเซียนหันไปพูดข่มขู่คนอื่นๆ เขาเตะแรงๆไปที่กองไฟ บริเวณนั้นที่มีแต่ใบไม้แห้งเต็มไปหมด ไฟยิ่งลุกลามเร็ว
พวกลูกน้องที่ล้อมวงอยู่ต่างวิ่งหนีคนละทิศละทาง หลี่เฟิ่งเซียนไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถูกใครไม่รู้ถีบเข้าที่ข้อเท้า ทำให้นายท่านคนนั้นลุกขึ้นวิ่งหนีไปได้
“ไปตามจับเขา ไม่ต้องห่วงข้า” หลี่เฟิ่งเซียนตะโกนบอกจ้าวเหลียง จ้าวเหลียงจึงวิ่งตามเขาไป ทหารคนอื่นๆก็ต่อสู้กับลูกน้องของนายท่านปกป้องหลี่เฟิ่งเซียนไว้กลางวงล้อม
ไฟลามไปทุกทิศ หลี่เฟิ่งเซียนนางเจ็บข้อเท้าแต่ก็ยังต้องรีบลุกขึ้นไปช่วยเจ้าคนชั่วของนาง เพราะไฟลามไปใกล้ถึงตัวเขาแล้ว นางพยายามแกะเชือกที่มัดให้เขา แต่ยังเหลือตรงข้อมือมันเป็นโซ่เหล็ก นางทำอย่างไรก็แก้ไม่ได้
“เจ้า เหตุใดไม่หนีไป” เสียงของเจ้าคนชั่วแหบแห้ง เขาพยายามลืมตาที่บวมเป่งมองนาง
“ข้ามาช่วยเจ้า”
“เจ้าโง่เช่นนั้นเลยหรือ”
“หุบปาก!” นางตะคอกใส่เขา มือยังคงพยายามแก้โซ่ตรวน
นางก็ไม่รู้ว่าเหตุใดนางต้องช่วยเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องตาย เขาบอกเองว่าเขาเป็นโรคร้าย แต่นางไม่สามารถสลัดภาพของเจ้าคนชั่วออกจากหัวได้ ภาพเขาที่ยอมคลานเป็นสุนัขเห่าหอน เพียงเพื่อจะเอาซาลาเปาแข็งไม่กี่ลูกมาให้นางกิน ไม่รู้ว่าเขาต้องยอมทำเช่นนั้นกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเพียงเพื่อให้คนนิสัยไม่ดีเช่นนางได้กินและมีชีวิตอยู่ นางปล่อยให้เขาตายไม่ได้!
“ไฟลามมาถึงแล้ว เจ้ารีบหนีไปเถิด ข้าไม่เป็นไร” เสียงแหบแห้งบอกนางเสียงสั่นด้วยความเป็นห่วง
“หุบปาก!” นางตะคอกใส่เขา น้ำตาเริ่มไหลอย่างควบคุมไม่ได้ ครั้งเห็นน้ำตาของนางเขาตกใจไม่น้อย แต่ตาของเจ้าคนชั่วที่บวมจนจะปิดทำให้ไม่มีใครดูออกว่าเขารู้สึกอย่างไร
“ปล่อยข้า” เขาบอก นางยังดื้อดึงต่อไป ทหารนายหนึ่งวิ่งมาที่นางพยายามจะพาตัวนางออกไป
“คุณหนูใหญ่ ต้องไปแล้วขอรับ” ทหารคนนั้นเร่ง
“หุบปาก!” หลี่เฟิ่งเซียนหันมาด่านายทหาร นางยังคงไม่ยอม ยังคงพยายามช่วยเขาต่อไป
“แขนแห้งๆของเจ้าเหตุใดถึงได้ถูกมัดได้แน่นหนาเช่นนี้” หลี่เฟิ่งเซียนก่นด่าทั้งน้ำตา สองมือจับโซ่ดึงไปมาอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร
“ฮ่าๆๆๆๆๆ” เจ้าคนชั่วหัวเราะออกมาในยามคับขันเช่นนี้
“เจ้าเงียบไปเลย มีอันใดน่าหัวเราะ เจ้าจะตายอยู่แล้วยังจะหัวเราะได้อีก” หลี่เฟิ่งเซียนโมโห
“เจ้าถอยออกไป” เขาบอกนาง
“ข้าไม่ทิ้งเจ้า” นางยืนยัน
“เจ้าไม่ต้องทิ้ง ข้าจะดึงแขนออกมา เจ้าจะได้ช่วยข้าได้ แต่ถอยออกไปก่อน” เขาบอก นางจึงยอมปล่อย ขณะที่ไฟก็เริ่มลามไปที่เสาที่ตรึงเขาอยู่ เขาพยายามดึงแขนแต่ดึงไม่ออก
หลี่เฟิ่งเซียนจึงสั่งให้นายทหารช่วยอีกแรง แต่ก็ยังดึงไม่ได้ เมื่อเจ้าคนชั่วมองหน้าตาของนางที่กำลังด่านายทหารให้รีบช่วยเขาออกมา ช่างเป็นภาพอันงดงามที่สุดเท่าที่ชีวิตของเขาได้เคยพบเจอ ท่ามกลางความร้อนที่แผดเผาและเสียงก่นด่าของนาง ดูแล้วนางคงยอมตายในกองเพลิงพร้อมเขา ในที่สุดเขาตัดสินใจหักนิ้วมือของเขาเอง!
ฮูหยินรองรับรู้ว่าเขากำลังเล่นสนุกกับร่องชมพูของนาง แต่นางขยับตัวไม่ไหว ได้แต่อ้าปากร้อง อ้ะอ้ะ ตามปลายนิ้วมือของเขา เมื่อนางตัวสั่นใกล้จะแตกดับอีกครั้งเขาก็สอดใส่มังกรตัวเขื่อนเข้ามา กระแทกกระทั้นไม่กี่ทีนางก็สูดปากด้วยความเสียวสั่นสะท้านเขารู้ว่านางไปถึงฝั่งแล้ว จึงกระแทกรัวๆไม่ยั้งเพื่อพาตัวเองไปยังจุดที่นางพานพบบ้าง เขาจับสะโพกของนางไว้แน่น ปรนเปรอภรรยาเด็กด้วยแรงทั้งหมดของแม่ทัพใหญ่ เสียวซ่านจนไม่มีเวลาคิดว่านางจะรับความรุนแรงนี้ไหวหรือไม่เมื่อพายุความหฤหรรษ์หยุดลง สองสามีภรรยาต่างเหน็ดเหนื่อยแทบสิ้นใจ เขาก้มลงจูบปลอบประโลมภรรยาอย่างอ่อนโยน แต่ก็ขบคอระหงของนางจนเป็นรอยด้วย นางร้องเบาๆแต่เขาไม่ใส่ใจ อาจเพราะเขาไม่ได้เข้าหอมานานจึงมีความต้องการสูงมาก เขาพลิกตัวฮูหยินรองและขึ้นไปขย่มนางบนเตียงต่อไป“ข้าไม่อยากรักท่าน” เสียงอ่อนแรงของเซี่ยอิงเอ่ยขึ้นระหว่างที่เขากำลังกอดกกนางอย่างหลงใหล“เพราะเหตุใด” เขาถามเสียงกระเส่า ไม่ได้ใส่ใจมาก“เพราะข้าไม่อาจแย่งชิงท่านกับท่านหญิงเจียงที่แม่น้ำไน่เหอ นางจะโดดเดี่ยว นางรอท่านมานานมาก” หญิงสาวพูดถึงชีวิตหลังความตายที่คู่รักจะรอกันและกันเพื่อข
ปัง! แม่ทัพหลี่ตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ฮูหยินรองสะดุ้งหลับตาแน่น แต่ไม่ขยับหนีไปไหน และทำแค่ก้มหน้ามากกว่าเดิม เขาหงุดหงิดอยู่สักครู่ คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น “ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าอิงเอ๋อร์ เจ้าก็ควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว อย่างไรข้าก็แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้ว ไม่ใช่อนุ” เขาเสียงเบาลง“เจ้าค่ะ ..ท่านพี่” นางยังถือเสื้อในมือก้มหน้าอยู่ข้างเขาเช่นเดิม แต่หายดื้อแล้ว หลี่เหยาพอใจ จึงลุกขึ้นยืน กางแขนออกให้นางใส่เสื้อให้แต่เพราะนางตัวเล็กถึงจะพยายามเอื้อมมือเพื่อใส่เสื้อให้เขา ท่วงท่าในตอนนี้จึงคล้ายนางกอดเอวเขาอยู่ และเขารู้สึกว่ายังคงอยากกระแทกใส่นางอยู่ จึงโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน“ข้าจะเข้าหอกับเจ้า ให้บุตรแก่เจ้าสักคน เอาไว้วันหน้าหากข้าตาย เจ้าจะได้ไม่โดดเดี่ยว แม้เฟิ่งเซียนของข้าจะไม่ใจดำกระทั่งปล่อยให้เจ้าโดดเดี่ยว แต่อย่างไร หากเจ้ามีบุตรของเจ้าเองย่อมดีกว่า” เขาตัดสินใจ“ไม่เจ้าค่ะ!” นางปฏิเสธทันที เงยหน้ามองเขา ส่งสายตาแน่วแน่ว่านางไม่ต้องการจริงๆ “เพราะอะไร!” หลี่เหยาโกรธจนเส้นเลือดข้างหัวเต้นตุบๆ นี่เขาถึงขั้นเอ่ยปากจะเข้าหอ แต่นางกลับปฏิเสธแทบจะทันทีไม่ต้องคิดด้วยซ้
พอนางไม่หนีและหอบหายใจถี่ให้เขาพึงพอใจ เขาก็เริ่มเบามือและปรนเปรอความเสียวซ่านให้นางด้วยสองมือ หญิงสาวบิดตัวไปมาตามแรงบดขยี้ของฝ่ามือแกร่ง เขาขยับฝ่ามือให้เร็วขึ้นนางก็สั่นตามแรงขยับนั้น จนนางเริ่มทนความสุขสมที่เขาปรนเปรอไม่ไหว จึงเริ่มดิ้นไปมา อ้าปากส่ายหัวอย่างน่ารักน่าเวทนา แต่เขาก็ทำเพียงกอดนางแน่นขึ้น และเร่งให้นางไปสู่ยอดเขาแห่งความสุขสมเร็วขึ้นด้วยการขยี้สะบัดปลายนิ้วไปมาแรงขึ้น“อา อา ซี๊ดดดด...ฮะ...ฮา..” นางกระตุกและสุดปากอย่างควบคุมไม่ได้ หมดแรงอยู่ตรงหน้าอกของเขาหลี่เหยารู้สึกร้อนลวกตรงแท่งหยกที่ใกล้ปริแตกของตัวเอง เพราะมันแนบอยู่กับผิวลื่นๆของนาง แต่เขาไม่ใส่ใจ ทำเพียงจ้องมองร่างที่สั่นเทาอยู่บนอกด้วยความพึงพอใจ เขาเห็นแล้วว่านางสุขสมจนแทบไม่มีแรงขยับ ใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบเหนื่อย แต่เขาอยากกลั่นแกล้งนางให้มากขึ้นจึงเอ่ยออกไป“ลุกขึ้น อย่ามานอนอยู่บนตัวข้า”ร่างของฮูหยินรองลืมตามองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขายังต้องการอะไรอีก เป็นเขาที่ดึงนางให้แนบกับอกแม้นางจะพยายามหนี ยามนี้กลับทำเป็นรังเกียจที่นางนอนบนอกนี่หรือแม้นางไม่พอใจ แต่ฮูหยินรองกลับกัดฟันจับขอบถังและพยุงขาสั่นๆให้ลุ
ระหว่างเดินทาง ท่านแม่ทัพไม่ได้จับแท่งเนื้อยัดใส่ปากนางอีก แต่ก็กอดนางนอนทุกคืน ก่อนจะนอนมักจะถอดเสื้อผ้าของนาง เล่นกับหน้าอกนุ่มนิ่มและยอดชมพูของนาง ทำจนนางตัวสั่นไปหมดเขาถึงจะพอใจ แรกๆฮูหยินรองรู้สึกอายมาก เพราะเขาจะทำเช่นนั้นและมองนางทุรนทุรายทรมานอย่างพึงพอใจ แต่หลังๆนางชักจะโมโหที่ถูกกลั่นแกล้งเสมอ จึงเริ่มไม่ยอมให้เขาจับหน้าอกเล่นแล้ว นางค้นพบว่าหากแกล้งบีบน้ำตาเขาจะเบามือขึ้น หรือไม่ก็ไม่รังแกนางอีกแต่ถึงอย่างไร แม่ทัพหลี่ก็ยังคงเป็นแม่ทัพหลี่ เขาไม่ปรานีฮูหยินรอง ไม่จับหน้าอก ไม่เขี่ยยอดถันของนางเล่น แต่กลับจับก้นสะโพกและเขี่ยกลีบดอกไม้ตรงหว่างขาของนางเล่นแทน ทำจนนางร้องไห้เอ่ยปากบอกว่าทนไม่ไหวแล้วเขาถึงจะหยุดมือ เขาบอกว่าเป็นการทำโทษที่นางไม่รู้จักปรนนิบัติสามีมาหลายปีฮูหยินรองแม้จะร้องในใจว่าเป็นเขาที่ไม่ยอมมองนาง ทำตัวเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง แต่ใครจะกล้าพูดออกไปกัน แค่เขามองด้วยสายตาไม่พอใจ นางก็ต้องยินยอมให้เขาทุกอย่างแล้วกระทั่งไปถึงชายแดน มีพื้นที่สะดวกมากขึ้น นางนอนอีกห้อง แม่ทัพหลี่นอนอีกห้อง ฮูหยินรองถึงได้หายใจหายคอนอนหลับได้บ้าง แต่เพียงผ่านไปไม่กี่คืน หลังจากท
เวลาท่านแม่ทัพโมโห บางครั้งน่ากลัวราวกับเทพอสนีบาตก็ไม่ปาน บางคราวเย็นยะเยือกจนไม่มีผู้ใดกล้าขยับ มีแต่ฮูหยินรองที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายของท่านแม่ทัพฮูหยินรองไม่อยากอยู่ใกล้ท่านแม่ทัพนัก แต่จนใจเพราะท่านแม่ก็ป่วยและชรา ส่วนคุณหนูใหญ่ ถูกท่านเขยขังตัวอยู่ในห้องหอตลอดเช้าค่ำ อย่างไรก็ต้องเป็นนางที่ได้ดูแลเขาเสมอ ก่อนหน้านั้นที่นางได้รับอนุญาตให้ดูแลท่านแม่ทัพ นางดีใจอย่างโง่งมที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่แล้ว แต่ยามนี้นางเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอันใด ท่านแม่ทัพน่ากลัวยิ่งฮูหยินรองเฝ้ารอให้ถึงเวลาที่ท่านแม่ทัพจะกลับไปยังชายแดน เฝ้ารอให้ช่วงเวลาอันแสนสงบของนางกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อใกล้ถึงเวลานั้นจริง ท่านแม่กลับจะให้นางไปอยู่ชายแดนกับท่านแม่ทัพ และดูคล้ายว่าท่านแม่ทัพจะยินยอมด้วย ส่วนคุณหนูใหญ่ที่เคยขัดขวางนางกับท่านแม่ทัพเสมอถึงขั้นเห็นดีเห็นงาม ขอร้องให้ท่านแม่ทัพมาพูดดีกับนางด้วยฮูหยินรองยังจำได้ดี เรื่องของคืนนั้น เมื่อคุณหนูใหญ่อุตส่าห์ขอร้องท่านแม่ทัพให้พูด ‘คำพูดดีๆ’ กับนาง เมื่อนางเข้ามาในห้อง เขาไม่พูดสักคำ เอาแต่จ้องนางสายตาว่างเปล่า คราแรกฮูหยินรองยังนึกว่าเขา
หลังจากแม่ทัพหลี่และหลี่เฟิ่งเซียนออกมาจากวังหลวง เดินเข้าประตูจวนเข้ามาแล้ว แม่ทัพหลี่ถึงจะยอมแสดงความอ่อนแอออกมา เขามีทั้งแผลโดนแทงและแผลถูกเกาทัณฑ์ยิง สาหัสชนิดที่ถ้าเป็นผู้อื่นคงยืนอยู่ไม่ไหว แต่เขายังเสแสร้งว่าแข็งแกร่งยืนค้ำฟ้าในท้องพระโรงได้อยู่นานสองนานหลังจากมู่เฉินรักษาบาดแผลให้ท่านแม่ทัพแล้วก็กำชับฮูหยินรองว่าท่านแม่ทัพอาการสาหัสยิ่ง บาดแผลไม่ลึกถึงขั้นเอาชีวิตได้ แต่ท่านแม่ทัพคงหนีตายพร้อมแผลพวกนั้นมาหลายวัน ไม่มีเวลาดูแลรักษาให้ดี ตอนนี้แผลได้ติดเชื้อลุกลามไปมากแล้ว จำเป็นต้องมีคนดูแลใกล้ชิดคอยทำความสะอาดแผลให้ทุกครึ่งชั่วยามท่านแม่ทัพนอนหลับไปเพราะพิษบาดแผลและฤทธิ์ยาที่มู่เฉินจัดให้ ก่อนหลับไปท่านแม่ทัพรู้สึกชื่นชมเขยคนนี้มาก และชื่นชมตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด จากนี้ถึงเขาจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องห่วงลูกสาวแล้วกลางดึก แม่ทัพหลี่ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบบางอย่าง ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความวิงเวียนและรู้สึกอยากอาเจียน“เจ้าเบาเสียงลงอีก นายท่านเป็นทหารที่หูดีมาก เขาต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาจึงทำให้หลับไม่สนิท ถึงเขาจะป่วยอยู่ แต่เจ้าอาจทำให้เขาตื่นได้” “ได้เจ้าค่ะ ..ท่