“นายสิงไม่กลับไร่สามวันแล้ว ไปทำอะไรวะ”
มือบางที่กำลังตรวจดูต้นกล้าหยุดชะงัก ก่อนจะกลับมาเป็นปกติใหม่เพียงเสี้ยววิ ใช่ สามวันแล้วที่สิงหราชไม่กลับไร่ ไม่รู้ว่าเขาไปไหน ไม่มีใครติดต่อได้ งานของเขาทุกคนมาถามเอาที่เธอ แล้วมันก็ง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปากเมื่อเธอตอบได้และสั่งการอย่างรวดเร็ว เธอซึมซับบางอย่างมาจนไม่รู้ตัว และคนที่ทำให้เธอเป็นแบบนั้น ตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ไหน หรือเขาจะโกรธเธอเรื่องวันนั้น แต่คนอย่างสิงหราชจะอ่อนไหวขนาดนั้นเชียวเหรอ
ตอนนี้นาราคิดจนปวดหัวหมดแล้ว และยิ่งเจอแสงแดดแก่ๆยิ่งทำเธอสมองวูบวาบคล้ายจะเป็นลม
“เป็นอะไรหรือเปล่านาค” ยุผินเดินเข้ามารับตัวเพื่อนสาวไว้ เพราะเห็นทำท่าจะล้มลงไป ดีนะ เธอเดินเข้ามาเห็นพอดี
“เราหน้ามืดน่ะ” แพขนตากะพริบถี่ๆ นวดคลึงศีรษะตัวเอง ยุผินเห็นสีหน้าขาวซีดของเพื่อนแล้วยิ่งไม่สบายใจ
“ไปหาหมอมั้ย เดี๋ยวเราพาไป” อยู่แบบนี้ได้เป็นลมไปแน่
นาราส่ายหัว เธอยังไหว “ไม่เป็นไร เราพักสักหน่อย”
ยุผินพาเพื่อนไปที่ต้นไม้ใหญ่ ถอดหมวกของตัวเองพัดที่หน้านารา ดีที่เธอเอาเอกสารมาส่งฝ่ายบัญชีของไร่ ไม่อย่างนั้นนะ คงไม่มีใครช่วยนาราเป็นแน่
“พักบ้างสิ ทำแต่งาน เห็นมั้ยเป็นลมแล้วเนี่ย” ยุผินอดเป็นห่วงไม่ได้
ใช่ อาจเพราะช่วงนี้ทำงานมาก นาราเลยอ่อนเพลีย ไม่มีแรงหยิบจับอะไร
“อืม เราจะพักให้มากๆ”
หญิงสาวยิ้ม พยักหน้าให้น้อยๆ เธอคงจะเหนื่อยเกินไปจริงๆ
“มึงจะกลับตอนไหน” ไกรพบเมื่อเพื่อนของตนที่ตอนนี้นั่งมองบ่อปลาคราฟในบ้านของเขา ผู้กำกับหนุ่มถึงกลับถอนหายใจ มันทำแบบนี้มาสองวันแล้ว ราวกับว่าไม่มีการมีงานทำ ทั้งๆที่งานมันมีล้นมือเต็มไปหมด
ไกรพบเป็นเพื่อนกับสิงหราชมาตั้งแต่สมัยเรียน อาจเป็นเรื่องบังเอิญที่พ่อของพวกเขานั้นสนิทกัน เลยพานทำให้เขาสนิทกับสิงหราชตามไปด้วย ทั้งสองไปเรียนเมืองนอกด้วยกัน ตอนมหาลัยแยกย้ายกันไปเติบโต สิงหราชเรียนบริหารจากเมืองนอก ส่วนเขาเข้ามาสอบตำรวจเหมือนพ่อที่กรุงเทพ จนตอนนี้ได้เป็นผู้กำกับแล้ว
ในอดีตสิงหราชชอบมานอนบ้านเขาบ่อยๆ มีเพียงตอนโตและอยู่ในช่วงเวลาทำงานที่มันไม่ค่อยมา ยิ่งสามปีหลังมานี้อยู่ติดไร่จนเขาสงสัย
แล้วอยู่ๆมันกลับยืนอยู่ตรงหน้าบ้านเขา คุยกับคุณหญิงฟ้าผกาผู้เป็นแม่ เข้ามานอนในบ้านนี่แหละ วันรุ่งเช้าเขากลับมาก็เห็นมันนั่งกินข้าวที่บ้านแล้ว
ทำเหมือนบ้านตัวเองจริงๆ
“ไม่ตอบ จะย้ายมาอยู่กับกูหรือไง ธุรกิจพันล้านของมึงจะทิ้งแล้ว?”
เงียบ เหมือนเดิมไกรพบเดินเข้าไปใกล้ นั่งลงตรงข้างเพื่อน ลอบมองใบหน้าของเพื่อนสนิทไปด้วย
“นี่รอยอะไรวะ” วันนั้นเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าสิงหราชมีรอยฟกช้ำที่ริมฝีปากด้วย แต่วันนี้มันกลับเขียวแล้วตกสะเก็ดจนเขาสังเกตได้
“ใครต่อยมาเหรอวะ” เขาพูดเล่นทว่า
“แมว”
“แมว?” คำตอบของสิงหราชทำเอาผู้กำกับหนุ่มงงเป็นไก่ตาแตก“แมวตบมึง?” แมวตบใครเป็นด้วยเหรอ เห็นแต่มันข่วน หรือว่าจะเป็น
“แมวผีเหรอถึงตบมึงปากแตกขนาดนี้” คงมีแต่แบบนั้น
“เปล่า แมวคน”
ไกรพบอึ้งไปชั่วขณะ สมองเขาหมุนติ้วไปหมด สิงหราชได้รับการกระทบกระเทือนสมองมาหรือเปล่า ถึงได้เพ้อเจ้อขนาดนี้ อีกทั้งยังดูเงียบไปถนัดตา ไม่เคยเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้เลย แต่ก่อนมีแต่มันแกล้งเขา ขี้เล่นไปตามประสาเพื่อนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงได้เหมือนเสือเซาไปได้
หนัก หนักแล้ว เพื่อนกู
“แล้วจะกลับวันไหน” ผู้กำกับเปลี่ยนเรื่อง เห็นทีเรื่องร่องรอยของริมฝีปากมันสิงหราชไม่เล่าให้ฟังเป็นแน่ เพราะแบบนั้นเขาจึงอยากรู้ว่ามันจะนอนกับเขาอีกนานมั้ย ไม่กลับบ้านกลับช่อง
ไม่อยากกลับตอนนี้
สิงหราชรู้ตัวเองดี ที่เขามาที่นี่เพราะไม่อยากอยู่ไร่และยังเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ กลัวว่าถ้ากลับจะเผลออาละวาดใครเข้าแล้วคนคนนั้นจะโกรธเขามากกว่าเดิม แค่นี้ก็โกรธมากพอแล้ว อาจจะเกลียดด้วยซ้ำ
ดวงตาคมจดจ้องที่เพื่อนของตนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ความเงียบและบรรยากาศอึมครึมที่แผ่ออกมาจากคนตัวสูงทำไกรพบปิดปากเงียบไปด้วย สุดท้ายก็นั่งอยู่ข้างๆกันโดยไม่มีคำพูดอะไรออกมาสักคำ
สองวันแล้วที่นาราชะเง้อมองเส้นทางจากเนินเขาเพื่อดูว่ามีรถของคนคนหนึ่งหรือไม่ ทว่ายิ่งมองนานเท่าไหร่กลับพบแต่ความไม่ได้ดั่งใจ มีเพียงรถของคนงานที่ขับผ่านไปผ่านมาเท่านั้น หญิงสาวถอนหายใจออกมา สี่วันแล้วที่สิงหราชไม่กลับไร่เลย ถึงตอนนี้เธอจะไม่สนใจเขา เพราะเขาทำร้ายร่างกายวิกรก่อน สมควรที่จะโดนโกรธ รวมถึงรูปพวกนั้น ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าไม่ควรสนใจเลย ทว่าการที่สิงหราชหายไปกลับสร้างความร้อนรนในใจขึ้นมา จากตอนนั้นคิดว่าไม่เป็นอะไร หลังๆนารากลับมานั่งรอบนเขาเพื่อรอดูรถของเขาซะแล้ว
ไร้วี่แวว ไปไหนกันนะ
ถอนหายใจออกมา พยายามสยบความขุ่นมัวที่แผ่กระจายอยู่เต็มอก จนสุดท้ายก็ลุกขึ้น วันนี้เธอจะไปตลาดเสียหน่อย
นาราไปจับจองเอารถจักรยานของไร่ ขี่ไปยังตลาดท้ายหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆกับธรภูมิ ที่แห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยชาวเขาหลายหมู่บ้าน และแต่ละหมู่บ้านจะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ซึ่งวันนี้เธอเลือกมาตลาดของชาวบ้านที่ติดท้ายไร่ อย่างชนเผ่าลีซอ พวกเขาอาศัยอยู่ติดลำห้วย และมักมีปลาดีๆหลากหลายเสมอ
วันนี้เธอจะซื้อปลาซ่อน เพื่อไปทำแกงรอใครบางคน ความจริงก็ไม่อยากทำนักหรอก แต่วันนั้นเธอตบหน้าเขาแรงไปหน่อย กำลังรู้สึกผิด ใช่ เธอกำลังรู้สึกแบบนั้น ไม่มีอะไรซ่อนอยู่เลย
นาราเดินเข้ามาในตลาดเล็กๆที่มีไม่ถึงยี่สิบซุ่ม ยิ้มให้ชาวบ้านที่เข้ามาทักทายเธอ เพราะบางคนก็เป็นคนงานที่ไร่ คุยกับพวกเขาอยู่สองสามประโยค ก็เลือกของที่ตัวเองต้องการ ได้ปลาซ่อนตัวใหญ่และผักป่าหลายชนิด ทั้งผัดกูด นาวแลว ผักป่าหายากอีกหลายอย่าง
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง