หน้าหลัก / แฟนตาซี / วิถีสุริยะพิชิตเวหา / บทที่ 10 เดิมพันแห่งภวังค์

แชร์

บทที่ 10 เดิมพันแห่งภวังค์

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-09 10:30:52

ภายในห้องประชุมของชั้นเก้า บรรยากาศเงียบสงบ ศิษย์ระดับสูงและเจ้าสำนักต่างจับจ้องภาพจากคันฉ่องวิเศษที่ฉายให้เห็นการทดสอบด้านล่าง จางอี้หมิง ที่กำลังครึ้มอกครึ้มใจได้เอ่ยขึ้นมาว่า "ท่านศิษย์พี่ฟ่านหวง ข้าขอเดิมพันว่า ผู้ที่หลุดจากภวังค์คนแรกจะเป็นสตรี ท่านว่าอย่างไร?"

ฟ่านหวง หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าว่าจะต้องเป็นบุรุษ หากข้าผิด ข้ายินดีวาง 20 อีแปะเป็นเดิมพัน”

จางอี้หมิงหัวเราะพลางโยนเหรียญ 20 อีแปะลงบนโต๊ะ “เช่นนั้นข้าขอพนันว่าเป็นสตรี!”

เจียงเยว่ ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ทำหน้าหงุดหงิดพลางกล่าวลอยๆ “ไร้สาระนัก!”

เจ้าสำนักกู่เจิ้ง ยิ้มขำพลางโบกมือให้สงบ “ตั้งใจดูกันหน่อย!”

เบื้องล่าง ผู้เข้าสอบทั้งหลายต่างตกอยู่ในภวังค์แห่ง เพลงพฤกษาเหมันต์สะท้านจันทรา ของศิษย์พี่ชิงซิ่ว ภาพต่างๆ ในใจของพวกเขาค่อยๆ ฉายออกมา รวมถึงหลินหนิงและหวงจื่อรั่ว

เสียงจอแจในตลาดยามเช้าอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของขนมและอาหาร หลินหนิงในวัยเพียง 5 ขวบเดินจูงมือมารดา มือเล็กๆ ของนางกำชายเสื้อมารดาไว้แน่น สายตาไร้เดียงสาของเด็กหญิงจับจ้องไปที่ผู้คนรอบข้างด้วยความตื่นเต้น

“หนิงเอ๋อร์ ระวังอย่าปล่อยมือแม่นะลูก คนเยอะมาก เดี๋ยวจะหลง” มารดาของนางเอ่ยเสียงอ่อนโยน

“เจ้าค่ะท่านแม่” เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นยิ้มหวาน ตาเป็นประกาย

ขณะเดินผ่านร้านรวงต่างๆ นางพลันมองเห็นคนขายน้ำตาลปั้นรูปร่างสัตว์ต่างๆ มีทั้งมังกร นกกระเรียน และดอกไม้สีสดใส หลินหนิงชะงักเท้า ตาจับจ้องไปที่น้ำตาลปั้นรูปร่างกระต่ายสีชมพูที่กำลังปั้นเสร็จใหม่ๆ

“ท่านแม่ๆ ดูนั่น กระต่าย! หนิงเอ๋อร์อยากได้!” นางร้องเรียกพร้อมชี้นิ้วเล็กๆ ไปยังร้านนั้น

มารดาอมยิ้ม ก่อนจะตอบเสียงนุ่ม “ไว้กลับจากซื้อของแล้ว แม่จะพาเจ้าไปซื้อ ดีไหม?”

หลินหนิงพยักหน้า แต่สายตาของนางยังคงมองตามคนขายน้ำตาลปั้นที่กำลังเดินเร่ขาย นางพลันเผลอปล่อยมือมารดาโดยไม่รู้ตัว ทว่าเมื่อหันกลับมาแล้ว นางกลับมองไม่เห็นมารดาของตนอีกต่อไป

“ท่านแม่! ท่านแม่อยู่ไหน!” เสียงเล็กๆ ตะโกนเรียก แต่ไม่มีใครตอบกลับ นางเริ่มวิ่งพล่านไปทั่ว ตลาดที่เคยดูสนุกสนานกลับกลายเป็นสถานที่กว้างใหญ่และน่ากลัวสำหรับเด็กตัวเล็กๆ อย่างนาง

ในที่สุด นางก็ชนเข้ากับชายหนุ่มผู้หนึ่งจนล้มลงไปกับพื้น ชายหนุ่มนั้นแต่งกายหรูหรา ใบหน้าเคร่งขรึมมองนางด้วยความไม่พอใจ

“เจ้าตัวเล็ก ไม่รู้จักดูทางหรืออย่างไร! เจ้ากล้าชนข้าหรือ!” ชายหนุ่มตวาดเสียงดัง

“ข้าขอโทษเจ้าค่ะ…” หลินหนิงน้ำตาคลอ เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความกลัว

ทันใดนั้น มารดาของหลินหนิงก็วิ่งเข้ามา สีหน้าตื่นตระหนก “หนิงเอ๋อร์! แม่อยู่นี่!”

นางรีบพุ่งเข้ามาอุ้มลูกสาวของตนขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ปลอบโยน เสียงชายหนุ่มก็ดังขึ้นอีกครั้ง “นี่เจ้าสอนลูกสาวมาอย่างไร? เจ้าต้องการให้นางมาเป็นนกต่อแล้วตบทรัพย์ข้างั้นหรือ!”

“นกต่อหรือเจ้าคะ?” มารดาของหลินหนิงมองเขาด้วยความตกใจ “ข้าไม่เข้าใจท่าน…”

ชายหนุ่มแสยะยิ้มพลางกล่าวหาด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม “เจ้าคิดว่าข้าดูไม่ออกหรือ? เจ้าส่งลูกสาวมาเดินชนข้าเพื่อที่จะมาเรียกร้องค่ารักษาสินะ!”

“ไม่จริง! พวกเราไม่ได้ทำอะไรเช่นนั้น!” มารดารีบปฏิเสธ แต่น้ำเสียงของนางสั่นเครือด้วยความตกใจ

ชายหนุ่มโบกมือให้ลูกน้องตน “จับตัวพวกมันไปซะ! ข้าจะเอาเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด!”

หลินหนิงร้องไห้เสียงดัง นางกอดมารดาแน่น ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปยังเจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรมทันที

“หยุดเดี๋ยวนี้!” 

เสียงหนึ่งดังขึ้นที่หน้าศาล 

นี่เป็นเสียงของบิดาของหลินหนิงที่รีบวิ่งเข้ามาในศาล “เกิดเรื่องอะไรขึ้น ภรรยาข้าไปทำอะไรผิด ใต้เท้าโปรดมอบความยุติธรรมด้วย”

คุณชายสูงศักดิ์ผู้นั้นก็นั่งอยู่ข้างกับผู้พิพากษา “ความเป็นธรรมหรือ? เจ้ารู้ไหมว่าข้าคือใคร? ข้าเป็นบุตรชายของนายอำเภอ! พวกคนชั้นต่ำอย่างพวกเจ้าคิดจะตบทรัพย์ข้า อย่าคิดว่าข้าไม่รู้”

“ใต้เท้าโปรดเร่งดำเนินการ” คุณชายสุงศักดิ์ผู้นั้นกล่าว

ในที่สุด เจ้าหน้าที่ศาลก็สั่งการให้โบยมารดาของหลินหนิงทันทีโดยไม่ฟังคำคัดค้านใดๆ  บิดาของหลินหนิงเป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ เทียบอันใดกับบุตรชายของนายอำเภอ ช่างน่าขัน

หลินหนิงในวัย 5 ขวบมองภาพมารดาของตนถูกลากตัวไปโบยโดยไม่มีใครสามารถช่วยอันใดได้ เสียงร้องไห้ของมารดาดังสะท้อนในหูของนาง น้ำตาของหลินหนิงไหลพราก แต่นางไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากมองภาพนั้นซ้ำไปซ้ำมา…

อีดด้านหนึ่ง ภาพในภวังค์ของหวงจื่อรั่ว

ลมอ่อนพัดผ่านเรือนน้อยหลังจวนสกุลจาง กลิ่นดอกเหมยที่ปลูกไว้รอบๆ เรือนลอยมาตามสายลม เสียงหัวเราะใสๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่งดังขึ้นกลางสวนหลังบ้าน หวงจื่อรั่วในวัยเพียง 6 ขวบกำลังวิ่งไล่จับผีเสื้ออย่างสนุกสนาน นางแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมสีฟ้าอ่อน ใบหน้ากลมเกลี้ยงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าผีเสื้อ เจ้ามาให้ข้าจับเสียดีๆ!” เด็กหญิงร้องลั่น ขณะกระโดดคว้า แต่ผีเสื้อตัวนั้นกลับบินหนีไปอีก

นางวิ่งตามไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันได้สังเกตว่าขาของตนก้าวข้ามพ้นเขตเรือนของพ่อบ้านไปยังเรือนใหญ่ของอ๋องสกุลจาง เมื่อผีเสื้อบินเข้าไปในสวนดอกไม้เขตเรือนใหญ่ นางหยุดยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดฟัน “ข้าจะจับเจ้าให้ได้!” แล้วกระโดดตามเข้าไป

ขณะที่นางกำลังก้มตัวพยายามจับผีเสื้อที่เกาะอยู่บนดอกไม้ เด็กชายคนหนึ่งในชุดแพรไหมเนื้อดีเดินออกมาจากเรือนใหญ่ เด็กชายอายุราว 8 ขวบ ใบหน้าหล่อเหลาสมฐานะ จางอี้หมิงในวัยเด็กมองเห็นเด็กหญิงแปลกหน้าที่กำลังคลานในสวนดอกไม้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

“เจ้าคือใคร! มาทำอะไรที่นี่?” เสียงของเด็กชายดังขึ้นพร้อมกับก้าวเข้าไปใกล้

หวงจื่อรั่วสะดุ้ง รีบเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของนางเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นเขา “ข้าขอโทษ… ข้ากำลังจับผีเสื้อ…”

จางอี้หมิงมองดูเด็กหญิงตรงหน้าด้วยความสงสัย นางมีใบหน้าที่น่ารักและดวงตากลมโต แต่งกายอย่างเรียบร้อย แต่การกระทำดูท่าทางซุกซน

“จับผีเสื้อ?” เขาทวนคำพลางยืนกอดอก! “ทำไมเจ้าต้องจับผีเสื้อด้วย? มันน่าสงสารจะตาย”

“ก็… ก็เพราะมันสวย” นางตอบพร้อมกับชี้ไปที่ผีเสื้อที่ยังเกาะอยู่บนดอกไม้

จางอี้หมิงมองผีเสื้อตัวนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมามองเด็กหญิงตรงหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “มันสวยน้อยกว่าเจ้าอีก… ไม่เห็นจะต้องไล่เลย”

คำพูดของเขาทำให้หวงจื่อรั่วชะงัก นางมองเขาตาโต หน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจนถึงใบหู “เจ้าพูดอะไรน่ะ!” นางร้องออกมาเสียงดัง

จางอี้หมิงหัวเราะตามประสาเด็กน้อยที่ยังไม่รู้เดียงสา “แล้วข้าพูดผิดตรงไหน?”

หวงจื่อรั่วยิ่งอายกว่าเดิม นางลุกขึ้นยืนรีบปัดฝุ่นที่กระโปรงของตัวเอง “เจ้า… เจ้าอย่าพูดอะไรแปลกๆ อีก ข้าจะกลับแล้ว!”

แต่ก่อนที่นางจะเดินหนี จางอี้หมิงยื่นมือออกไปคว้าข้อมือนางไว้เบาๆ “เดี๋ยวสิ… เจ้าชื่ออะไร?”

นางหันมามองเขา สายตาฉายแววลังเล ก่อนตอบเสียงเบา “ข้าชื่อจื่อรั่ว… หวงจื่อรั่ว”

จางอี้หมิงยิ้มกว้าง “ข้าชื่อจางอี้หมิง ต่อไปนี้เจ้ามาเล่นที่สวนข้าได้ แต่ห้ามจับผีเสื้ออีก เข้าใจไหม?”

หวงจื่อรั่วพยักหน้ารับเบาๆ แล้วรีบวิ่งหนีกลับไปอย่างเขินอาย

ในภวังค์นั้น หวงจื่อรั่วในปัจจุบันมองดูภาพความทรงจำนี้ด้วยหัวใจที่เต้นแรง นางพยายามสะบัดความรู้สึกเขินอายออกจากหัวใจ แต่ใบหน้าของเด็กชายในวันนั้นยังชัดเจนในความทรงจำของนางเสมอ

เมื่อหลุดออกจากภวังค์ นางพบว่าตัวเองเป็นคนแรกที่ตื่นจากเพลงสะกดของชิงซิ่ว แม้จะพยายามรักษาท่าทางเย็นชา แต่ใบหน้าของนางยังคงมีรอยแดงเรื่อเล็กๆ ซึ่งไม่อาจปิดบังได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 52 นิทาน

    “เมื่อหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา...” เสียงของนักเล่านิทานเกริ่นเล่า“ครั้งนั้นปักษาอัคคีบุกเข้าโจมตีอาณาจักรต้าเฉิง มีศิษย์แห่งสำนักเทียนหยางผู้หนึ่ง นามว่า เสี่ยวต้าหมิง ออกกำจัดปักษาอัคคีผู้นั้น ทว่า เป็นที่น่าเสียดาย หลังจากกำจัดปักษาอัคคีได้ วีรบุรุษเสี่ยวต้าหมิงผู้นั้น ก็ได้จากโลกนี้ไปตลอดการ”มารดามันเถอะ! เจ้าเล่าเรื่องของข้าไม่พอ ยังตั้งชื่อข้าว่าเสี่ยวต้าหมิง คนอันใดมีทั้งใหญ่ทั้งเล็กในตัวเอง เท่านั้นไม่พอ ยังบังอาจสาปแช่งให้ข้าตายเมื่อนักเล่านิทานเล่าเรื่องจบ จางอี้หมิงก็เดินปรี่เข้าไปสอบถาม“ท่านเสี่ยวต้าหมิงช่างยิ่งใหญ่น่าเคารพยิ่ง” จางอี้หมิงกล่าววาจาชื่นชมตัวเอง “ข้าอยากทราบว่า เป็นผู้ใดเล่าเรื่องนี้ให้กับเจ้าฟัง”นักเล่านิทานยกมื่อคารวะทีหนึ่ง “เรียนคุณชายท่านนี้ ผู้ที่ถ่ายทอดเรื่องราวนี้ให้กับข้าน้อยฟัง คือ ท่านปราจารย์ซ่งอิน แห่งสำนักเทียนหยาง”“!!!”จางอี้หมิงยืนนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนให้รางวัลตอบแทนนักเล่านิทานไปสามอีแปะ พลางคิดในใจ “เจ้าซ่งอินเป็นปรมาจารย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าออกมาจากสำนักแค่เดือนเดียวก็คิดแต่งตั้งตัวเองแล้ว

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 51 ชายผู้เขียนอักษร

    ณ เมืองหลวงของอาณาจักรต้าเฉิง เขตเมืองชั้นในของเมืองคึกคักไปด้วยผู้คน แม้จะไม่แออัดเท่าเขตเมืองชั้นนอก แต่ก็ถือว่ามีจำนวนมากพ่อค้าแม่ค้าต่างเปิดร้านกันอย่างขมีขมัน*(กะตือรือร้น) กลิ่นหอมของหมั่นโถวร้อนๆ ลอยมาจากแผงขายอาหาร เสียงตะโกนเรียกลูกค้าของพ่อค้าแม่ค้าแข่งกันดังก้องทั่วถนน ไม่ว่าจะร้านของกินหรือร้านเครื่องประดับ ต่างแข็งขันกันอย่างเข้มข้นจางหลันซือ บุตรสาวของท่านอ๋องจางส่วง นั่งอยู่ในรถม้าสีดำขลับ ประดับลวดลายดอกเหมยงามสง่า นางเป็นสตรีที่ได้รับการกล่าวขานว่างามเลิศ ทั้งยังมีนิสัยซุกซนข้างกายนางมีซงเอ๋อร์ สาวใช้ประจำตัวของพี่ชายของนาง จางอี้หมิง สตรีผู้มีใบหน้างดงามราวเทพธิดาในอาภรณ์สีชมพูอ่อนอันเรียบง่าย ที่ขับเน้นผิวขาวผุดผ่องของนางให้ดูอ่อนโยนดุจบุปผาแรกแย้มซงเอ๋อร์มิใช่เพียงสาวใช้ธรรมดา แต่นางเป็นว่าที่อนุภรรยาของจางอี้หมิง และเป็นสตรีที่ได้รับความรักใคร่จากคนในตระกูลจาง และถูกให้ความสำคัญในระดับสูงรถม้าของทั้งสองแล่นผ่านถนนสายหลักของเมือง สายตาของจางหลันซือก็สะดุดเข้ากับผู้คนที่ยืนต่อแถวยาวเหยียดไปจนสุดสายตา คล้ายกำลังรอคอยบางสิ่งบา

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   ความเดิมภาคที่แล้ว

    จางอี้หมิงบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านอ๋องจางส่วง ถูกจอมมารปีศาจทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส นอนหลับไปนับปี เมื่อตื่นขึ้น พบว่าพลังปราณสูญเสียสมดุลจนใช้งานไม่ได้ข้างกายของเขามีแม่นางซงเอ๋อร์ สาวใช้ประจำกายและว่าที่อนุภรรยาในอนาคตคอยเฝ้าดูแลไม่ห่างหนทางที่ง่ายที่สุดคือฝึกฝนใหม่แบบย้อนกลับเพื่อปรับสมดุลพลังปราณ หนทางที่ยากที่สุดคือหาสมุนไพรหายากสิบแปดชนิด และหนทางสุดท้ายคือ บำเพ็ญคู่กับสตรีพรหมจรรย์ เขาจึงจำเป็นต้องเลือกหนทางการฝึกฝนร่วมกับเหล่าศิษย์หน้าใหม่ ซึ่งถือว่าง่ายดายและปัญหาน้อยที่สุดเขาได้พบเจอกับแม่นางหลินหนิงผู้มีความน่ารักสดใสดวงตากลมโต ได้รู้จักแม่นางหวงจื่อรั่วผู้มีใบหน้าหมดจดงดงามราวเทพธิดาเพิ่มมากขึ้น แม้นางจะเป็นคนของจวนอ๋องแต่ทว่าความสนิทมีน้อยนัก จนกระทั่งได้มาฝึกร่วมกันอีกครั้งการฝึกฝนใหม่ในครั้งนี้ได้พบกับถัวเค่อชี ผู้มีใจริษยาต่อจางอี้หมิงมาตลอด พบกันคราวนี้ถัวเค่อชีต้องปฏิบัติหน้าที่เป็นอาจารย์ผู้ฝึกฝนจางอี้หมิง ซึ่งนี่เป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้ "ข่ม" จางอี้หมิงบ้าง แต่แล้วเรื่องราวกลับไม่เป็นเช่นนั้นแต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ จางอี้หมิ

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 50 จากลา (จบภาค1)

    ที่ชั้นเก้าของหอเทียนหยาง ศิษย์สายตรงทั้งเจ็ดคนของสำนักกู่เจิ้งมารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตา บรรยากาศในห้องสงบเงียบ ทว่าครุกรุ่นไปด้วยแรงกดดันทุกคนล้วนเป็นศิษย์ระดับสูง ผู้ที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด ทุกคนคุกเข่าคารวะอาจารย์เจ้าสำนักกู่เจิ้ง ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับสายตาที่ล้ำลึกเกินหยั่งถึงเจ้าสำนักโบกมือให้ทุกคนลุกขึ้น พลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง เขามองพวกเขาอย่างเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบแต่หนักแน่นว่า“ปีที่แล้ว ลัทธิมารแดนปีศาจเคลื่อนไหว ครั้งนี้ ลัทธิมารแดนสวรรค์เคลื่อนไหว เป็นข้าเองที่หละหลวมในการป้องกัน… หลังจากนี้ จะไม่มีครั้งที่สาม”แววตาของเจ้าสำนักฉายประกายแน่วแน่ เขาโบกมือให้ทุกคนลุกขึ้นนั่งลงบนเบาะของตนเอง จากนั้นเขาเองก็ทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะกลางห้อง หยิบใบชามาบดด้วยมืออย่างประณีต ก่อนจะเทน้ำร้อนลงในถ้วย เสียงไอร้อนพวยพุ่งขึ้นแตะจมูก กลิ่นหอมอ่อนๆ ของชาแผ่ซ่านไปทั่วห้อง เจ้าสำนักสูดกลิ่นหอมของชาเบาๆ ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสงบ“เห็นที พวกเราคงต้องจริงจังกับเรื่องศิลาเฝิ่นเหิงกันบ้างแล้ว นี่อาจไม่ใช่เพียงแค่เรื่อ

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 49 บำเพ็ญคู่ปรับสมดุลลมปราณ

    จางอี้หมิงนั่งนิ่งตาค้าง ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองนัยน์ตาของศิษย์พี่คนงาม ที่ฉายแววความร้อนฉ่า ริมฝีปากสีแดงเรื่อยังคงหลงเหลือรสชาติของสุรา นางจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ทำให้หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก“เจ้ารู้จักการบำเพ็ญคู่หรือไม่?” นางกระซิบถามด้วยเสียงแผ่วเบา ราวกับเสียงลมพัดผ่านในค่ำคืน จางอี้หมิงรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากปลายนิ้วของนางที่ลากไล้เบาๆ บนแผ่นอกของเขา“ท่านเมาแล้ว” จางอี้หมิงพยายามตั้งสติ แต่เสียงของเขากลับสั่นไหว เจียงเยว่ยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกมือเรียวขึ้นปิดริมฝีปากเขา“ข้าตั้งใจเมา” นางตอบเบาๆ สายตาของนางเต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานใช่สิ หากไม่เมาท่านจะกล้าเช่นนี้หรือจางอี้หมิงมองดูนางอย่างหลงใหล มือของเจียงเยว่วางแนบลงบนแผ่นอกของเขา หัวใจของเขาเต้นรัวจนแทบไม่เป็นจังหวะ ก่อนที่เสียงกระซิบของนางจะดังขึ้นอีกครั้ง“หรือว่าเจ้าไม่ต้องการ?”เขาสูดหายใจเข้าลึก สบตากับนางก่อนจะตอบเสียงพร่า “ข้าเองก็คิดแบบเดียวกับท่าน”ข้าหมายตาท่านมาตลอด!จากนั้น จางอี้หมิงก็รวบตัวเจียงเยว่เข้ามาอุ้มขึ้น นางแนบตัวเข้าหาเขาโดยไม

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 48 กักตัวที่บ้านพัก

    จางอี้หมิงยืนนิ่งอยู่กลางสมรภูมิ ดวงตาเรียบเฉยจ้องมองร่างไร้วิญญาณของถัวเค่อชีที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เลือดสีเข้มค่อย ๆ ไหลซึมไปตามพื้นดิน กลิ่นคาวโชยขึ้นมาปะปนกับไอเย็นของค่ำคืนเขาสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเก็บดาบประจำกายเข้าฝัก เสียง “แกร๊ก” ของดาบที่เลื่อนเข้า ที่ฟังดูดังก้องกังวาลท่ามกลางความเงียบงันเขาหันกลับไปทางศิษย์พี่หญิงเจียงเยว่ที่ยังนอนอ่อนล้าอยู่บนพื้น หญิงสาวมีใบหน้าซีดเซียว เหงื่อเย็นชื้นบนหน้าผาก ผมดำยาวหลุดรุ่ยออกจากปิ่นปักบางส่วน ดวงตาของนางยังคงสั่นไหวด้วยความเหนื่อยล้าและความตึงเครียดจางอี้หมิงเดินไปนั่งลงข้าง ๆ นาง แล้วเหลียวหันไปมองหน้านางเบา ๆ“เป็นข้าที่ทำให้เจ้าเดือดร้อน…” เสียงของเจียงเยว่แผ่วเบาราวสายลมของนางเอ่ยขึ้นจางอี้หมิงส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“เป็นข้าที่ตัดสินใจเอง ไม่เกี่ยวกับท่าน”แววตาของศิษย์พี่เจียงเยว่อันแน่นไปด้วยความสับสนความซึ้งใจ กับความกังวล แม้นี่จะเป็นสิ่งที่สมควรจะทำ แต่ก็นับว่าขัดต่อกฎของสำนักเช่นกันเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังขึ้นจากด้านหลัง ศิษย์พี่ของสำนักเร่งร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status