Home / แฟนตาซี / วิถีสุริยะพิชิตเวหา / ความเดิมภาคที่แล้ว

Share

ความเดิมภาคที่แล้ว

จางอี้หมิงบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านอ๋องจางส่วง ถูกจอมมารปีศาจทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส นอนหลับไปนับปี เมื่อตื่นขึ้น พบว่าพลังปราณสูญเสียสมดุลจนใช้งานไม่ได้

ข้างกายของเขามีแม่นางซงเอ๋อร์ สาวใช้ประจำกายและว่าที่อนุภรรยาในอนาคตคอยเฝ้าดูแลไม่ห่าง

หนทางที่ง่ายที่สุดคือฝึกฝนใหม่แบบย้อนกลับเพื่อปรับสมดุลพลังปราณ หนทางที่ยากที่สุดคือหาสมุนไพรหายากสิบแปดชนิด และหนทางสุดท้ายคือ บำเพ็ญคู่กับสตรีพรหมจรรย์ เขาจึงจำเป็นต้องเลือกหนทางการฝึกฝนร่วมกับเหล่าศิษย์หน้าใหม่ ซึ่งถือว่าง่ายดายและปัญหาน้อยที่สุด

เขาได้พบเจอกับแม่นางหลินหนิงผู้มีความน่ารักสดใสดวงตากลมโต ได้รู้จักแม่นางหวงจื่อรั่วผู้มีใบหน้าหมดจดงดงามราวเทพธิดาเพิ่มมากขึ้น แม้นางจะเป็นคนของจวนอ๋องแต่ทว่าความสนิทมีน้อยนัก จนกระทั่งได้มาฝึกร่วมกันอีกครั้ง

การฝึกฝนใหม่ในครั้งนี้ได้พบกับถัวเค่อชี ผู้มีใจริษยาต่อจางอี้หมิงมาตลอด พบกันคราวนี้ถัวเค่อชีต้องปฏิบัติหน้าที่เป็นอาจารย์ผู้ฝึกฝนจางอี้หมิง ซึ่งนี่เป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้ "ข่ม" จางอี้หมิงบ้าง แต่แล้วเรื่องราวกลับไม่เป็นเช่นนั้น

แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ จางอี้หมิงยังมีซ่งอิน ศิษย์น้องข้างกายที่เปรียบเสมือนแขนขาของเขาคอยช่วยเหลือไม่ห่าง และก็ยังมีศิษย์พี่เจียงเยว่คนงามที่คอยสนับสนุนอยู่ไกลๆ แม้ภายนอกจะไม่ค่อยแสดงออกสักเท่าไหร่ หลายครั้งที่นางมักจะเล่นบทโหดกับเขา แต่รูปร่างหน้าตาของนางนั้นก็เยียวยาจางอี้หมิงได้มิน้อย

ในสำนักเทียนหยางแห่งนี้ยังคงมีเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องอีกหลายคนที่คอยวนเวียนมาช่วยเหลือและสนับสนุนในหนทางและเรื่องราวต่างๆ

เวลาผ่านไป ถัวเค่อชีผู้มีจิตริษยาถูกคนของลัทธิมารแดนสวรรค์ชักนำเข้าสู่วิถีมาร เพื่อเปิดทางเข้าไปในสำนักเทียนหยาง ที่เชื่อกันว่าภายในนั้นมีเศษผลึกของศิลาเฝิ่นเหิง ของวิเศษที่ยิ่งใหญ่ซุกซ่อนอยู่

การบุกสำนักเทียนหยางของลัทธิมารแดนสวรรค์ ทำให้เกิดการต่อสู่อย่างหนักเพื่อปกป้องสำนักจนสำเร็จ ได้รับชัยชนะกลับมา

เจียงเยว่สืบรู้ว่าถัวเค่อชีคือศิษย์ผู้ทรยศจึงตามล่า ทว่านางกลับเสียท่าให้เขา จางอี้หมิงเข้าช่วยเหลือเอาไว้และสังหารถัวเค่อชี เจียงเยว่และจางอี้หมิงบังเกิดจิตลึกซึ้งต่อกันจนมิอาจต้านทานความหวั่นไหวได้ การปรับสมดุลลมปราณที่เสียไปจึงบังเกิดผล

แต่การสังหารถัวเค่อชีนั้นถือว่าผิดกฎของสำนัก ทำให้จางอี้หมิงต้องก้าวออกมาจากสำนัก เพื่อเดินสู่หนทางใหม่ต่อไป…

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป สามารถติดตามอ่านต่อได้ที่นี่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 1 การลืมตาของจางอี้หมิง

    เสียงนกร้องแว่วมาเข้าหูเป็นสัญญาณแห่งยามเช้า จางอี้หมิงลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อสายตาปรับให้เข้ากับแสงสว่างรอบตัว เขาพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงไม้หลังหนึ่ง ภายในห้องนอนที่แปลกตาแต่กลับรู้สึกคุ้นเคยผนังห้องถูกประดับด้วยภาพวาดภูเขาและสายน้ำ ซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นผลงานวาดภาพของบิดา มุมหนึ่งของห้องมีตู้หนังสือเก่าที่เขาเคยอ่านในวัยเด็ก และบนโต๊ะไม้ใกล้เตียง มีโถยาที่ส่งกลิ่นสมุนไพรหอมอ่อนๆ ลอยมากระทบจมูกนี่คือห้องของเขาในจวนสกุลจาง บ้านเดิมของเขา แต่เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่?จางอี้หมิงพยายามลุกขึ้น แต่ความปวดร้าวที่หน้าอกทำให้เขาต้องนิ่งอยู่กับที่ เขาก้มลงมองร่างกายตนเองและพบว่ามีผ้าพันแผลขนาดใหญ่พันรอบหน้าอก บ่งบอกว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส“เหตุใดข้าถึงเป็นเช่นนี้?” เขาพึมพำทันใดนั้น สายตาของเขาหันไปเห็นสตรีร่างเล็กนางหนึ่ง นาง

    Last Updated : 2025-01-20
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 2 พลังปราณที่เลือนหาย

    ซงเอ๋อร์ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้อง นางลืมตาขึ้นช้าๆ ท่าทางงัวเงียเล็กน้อย แต่ยังคงความงดงามอ่อนโยนอย่างเรียบง่าย เมื่อเห็นจางอี้หมิงนั่งพิงหัวเตียงอยู่ นางตื่นเต็มตาในทันที รอยยิ้มอ่อนปรากฏบนใบหน้า“คุณชายใหญ่! ท่านตื่นแล้ว!” เสียงของซงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความดีใจจางอี้หมิงหันมองตามเสียง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยให้ “ใช่ ข้าตื่นแล้ว”ซงเอ๋อร์ยิ้มกว้างขึ้นด้วยความปิติ ก่อนจะโผเข้ากอดเขาแน่น น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่“อ๊ะ! เจ็บ…”ซงเอ๋อร์สะดุ้งรีบผละตัวออก ท่าทางของนางช่างน่าเอ็นดู “ข้าขอโทษคุณชาย! ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”จางอี้หมิงส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่เป็นไร เจ้าดีใจจนลืมตัว ข้าเข้าใจ”นางเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณชายต้องการดื่มน้ำหรือไม่?”“อืม…” เขาพยักหน้าเมื่อซงเอ๋อร์รินน้ำใส่ถ้วยและส่งให้ จางอี้หมิงรับมาดื่มพลางมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน เขาพลันนึกถึงชีวิตที่เรียบง่าย หากเขาสูญเสียพลังปราณไปอย่างถาวร การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในฐานะบุตรชายของอ๋องสกุลจาง มีซงเอ๋อร์เป็นภรรยา

    Last Updated : 2025-01-21
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 3 พร้อมหน้าพร้อมตาในห้องอาหาร

    ประตูห้องของจางอี้หมิงเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงผอมของชายวัยกลางคนที่สวมอาภรณ์งดงามดูสูงศักดิ์ ใบหน้าเรียวมีเคราบางๆ ดูสง่างาม ทว่าดวงตาแฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้า ท่านอ๋องจางส่วง ผู้เป็นบิดาของจางอี้หมิง เดินเข้ามาด้วยสีหน้ายินดี“หมิงเอ๋อร์! ลูกพ่อฟื้นแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโล่งใจจางอี้หมิงค้อมศีรษะให้บิดา “ขออภัยที่ทำให้ท่านพ่อเป็นห่วง ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว”ท่านอ๋องจางส่วงนั่งลงข้างเตียง สังเกตบุตรชายของตนอย่างใกล้ชิด แม้จะเห็นสีหน้าซีดเซียว แต่ก็โล่งใจที่เขายังมีชีวิตอยู่จางส่วง ในฐานะบุตรชายคนที่ยี่สิบสี่ของอดีตฮ่องเต้เจ้าสำราญราชวงศ์ก่อน แต่ด้วยความที่เขาเป็นลูกคนเล็กที่เด็กมากเกินไป ปฐมฮ่องเต้ของราชวงศ์ปัจจุบันจึงเมตตาไว้ชีวิต และให้เป็นอ๋องเพื่อประดับไว้เฉยๆ ไม่มีอำนาจอื่นใดพิเศษ จางส่วงจึงเลือกใช้ชีวิตเงียบสงบ เขียนภาพวาดขายเลี้ยงชีพไปวันๆ พร้อมด้วยสมบัติอีกมากมาย ท่านอ๋องหันไปเรียกซงเอ๋อร์ที่ยืนรออยู่ด้านนอก “ซงเอ๋อร์ นำยาบำรุงเข้ามา”ซงเอ๋อร์รีบเดินเข้ามาพร้อมถ้วยยาสมุนไพรสีเข้ม กลิ่นฉุนแ

    Last Updated : 2025-01-21
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 4 กลับสู่เทียนหยาง

    จางอี้หมิงยืนอยู่ในท่าจับกระบี่ไว้ในมือ มองหวงจื่อรั่วที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยท่าทางเย็นชา ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของนางในระยะประชิด ใจหนึ่งเขารู้สึกคุ้นเคยกับนางแต่ยังคงนึกไม่ออกเสียทีจากนั้นเขาดึงตัวนางเข้ามาใกล้เพื่อชิงกระบี่ ทันใดนั้น หน้าอกนิ่มๆ ของหวงจื่อรั่วสัมผัสกับแผ่นอกของเขาเล็กน้อย เขารู้สึกถึงกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ของร่างกายนางที่ลอยมาท่ามกลางลมเย็นๆ ในยามค่ำคืน ความรู้สึกนี้ทำให้เขาเผลอสูดกลิ่นเข้าไปในปอดเล็กน้อย“ชัดเจนแล้ว นางเป็นสตรี”จางอี้หมิงซ่อนความคิดนี้ไว้ในใจไม่อาจเปิดโปงออกไปให้นางอับอายเมื่อได้จังหวะที่เหมาะสม เขาผลักนางออกไปเบาๆ โดยไม่แรงนัก หวงจื่อรั่วสะบัดตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่เคยสัมผัสกันก่อนหน้านี้ห่างออกไปด้วยความเงียบ เขามองนางจากด้านหลังขณะที่นางถามเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มาทำอะไรบนนี้?” จางอี้หมิงยิ้มเล็กน้อยและยักไหล่ “มาดื่มสุราชมพระจันทร์... อยากมานั่งดื่มด้วยหรือไม่?” หวงจื่อรั่วไม่ตอบ แต่เพียงแค่ส่ายหน้าอย่างเย็นชาแล้วพูดออกไป “ไม่ต้อง…” เสียงของนางเย็นชาดู

    Last Updated : 2025-01-21
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 5 ตำราติวสอบใครก็อยากซื้อ

    จางอี้หมิงเดินวนไปมาภายในบ้านพักขนาดกะทัดรัดของเขา ใช้ความคิดอย่างจริงจัง“การสอบเข้าสำนักนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้เข้าสอบต้องแสดงให้เห็นถึงความรู้ในศาสตร์ต่างๆ และความสามารถในการต่อสู้ด้วย แต่ว่าซงเอ๋อร์นั้นอ่านออกเขียนได้เพียงเล็กน้อย และความสามารถทางการต่อสู้นั้น…นางคุ้นเคยกับการใช้มีดทำครัวเสียมากกว่า”จางอี้หมิงถอนหายใจยาวขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง พลันสมองเขาก็แล่นวาบขึ้นมา“ใช่แล้ว!”เขาอุทานเสียงดัง พร้อมเดินตรงไปยังมุมหนึ่งของห้องที่มีกระจกคันฉ่องวิเศษตั้งอยู่เขาเอื้อมมือไปลูบกรอบคันฉ่อง กระจกวิเศษบานนี้เป็นสมบัติของสำนัก มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถติดต่อกับผู้คนได้โดยไม่ต้องใช้พลังปราณเวท จางอี้หมิงสูดลมหายใจลึกก่อนจะยกมือโบกเบาๆ เหนือพื้นผิวกระจก คันฉ่องเปล่งแสงเล็กน้อยก่อนภาพของบุคคลหนึ่งปรากฏขึ้น

    Last Updated : 2025-01-25
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 6 ท่องหอคณิกา

    หลินหนิง สตรีสาววัยสิบหก ใบหน้างดงามดวงตาโตสดใส ร่างเล็กบางแต่ทรวดทรงได้สัดส่วน มีหน้าอกที่นูนขึ้นพอเหมาะ นางสวมชุดผ้าฝ้ายธรรมดา แต่ความงามของนางกลับสะดุดตาผู้คนได้อย่างง่ายดาย หลินหนิงเป็นบุตรสาวขุนนางตำแหน่งเล็กในเมืองหลวง ตำแหน่งที่ไม่ได้โดดเด่นหรือทรงอำนาจ แต่นางมีความใฝ่ฝันแรงกล้าที่จะเป็นผู้ฝึกตนในสำนักเทียนหยางเมื่อได้ยินข่าวลือว่าในตลาดมีร้านขายตำราติวสอบของสำนักเทียนหยาง หลินหนิงไม่รอช้า รีบรุดไปยังตลาดทันทีแต่เมื่อไปถึงร้านที่ถูกกล่าวถึง กลับพบเพียงแผงเปล่าๆ และป้ายไม้ที่ถูกปลดลงแล้ว หลินหนิงยืนมองด้วยความผิดหวัง นางกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ “พลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไรกัน!” ดวงตากลมโตฉายแววเศร้าระหว่างที่หลินหนิงยังครุ่นคิดอยู่นั้น ทางด้าน จางอี้หมิง และ ซ่งอิน ซึ่งเป็นต้นตอของตำราติวสอบ กำลังนั่งพักอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง จางอี้หมิงจิบน้ำชา พลางโบกตั๋วเงินในมือเหมือนพัดอย่างอารมณ์ดี

    Last Updated : 2025-01-26
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 7 บทลงโทษจากสำนัก

    จางอี้หมิง ค่อยๆ ก้าวลงสู่อ่างอาบน้ำร้อนภายในห้องส่วนตัวของสำนักสังคีต ไอน้ำลอยขึ้นคลอเคล้ากับแสงตะเกียงที่ส่องสว่างเบาๆ เผยให้เห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง และรอยแผลเป็นเด่นชัดกลางหน้าอกหญิงสา วสองนางในชุดบางเบาท่อนบนกำลังขัดถูร่างกายของเขาด้วยมือที่นุ่มนวลและระมัดระวัง ในขณะที่อีกคนบีบนวดไหล่และต้นแขนให้เขาอย่างอ่อนโยนเสียงประตูเลื่อนเปิดออกเผยให้เห็น แม่นางฉีเหอ ในอาภรณ์สีแดงสดที่บางเบา เปิดเผยสัดส่วนอันงดงามและเย้ายวน เธอเดินเข้ามาอย่างสง่างาม ดวงตาคมจับจ้องมาที่จางอี้หมิง“พวกเจ้าออกไปก่อน” แม่นางฉีเหอเอ่ยเสียงนุ่ม หญิงสาวสองคนก้มหัวรับคำสั่งก่อนจะเดินออกไปเงียบๆแม่นางฉีเหอนั่งลงข้างอ่าง รินสุราในถ้วยหยกส่งให้เขาด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเสี่ยวจาง สุรานี้เป็นของพิเศษที่ข้าเก็บไว้

    Last Updated : 2025-02-01
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 8 การปรับสมดุลของผู้สูญเสียพลังปราณ

    ในยามค่ำคืนก่อนวันสอบ จางอี้หมิงนอนหลับอยู่ในห้องพักเรียบง่าย แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่างลงบนใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าของเขา ท่ามกลางความเงียบสงัด ความฝันได้พาเขาย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่เขาแทบจะลืมเลือนไปแล้วในความฝันนั้น เขาเห็นตัวเองในวัยเด็กกำลังวิ่งเล่นในสวนดอกไม้กับมารดาผู้ให้กำเนิด ใบหน้าของนางอ่อนโยนและงดงามยิ่งนัก เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังขึ้นท่ามกลางสายลมเบาๆ ขณะนั้นบิดาของเขานั่งมองอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของบิดาเต็มไปด้วยความภูมิใจและอบอุ่นแต่แล้วภาพแห่งความสุขก็เลือนหายไป กลายเป็นภาพงานศพของมารดา เขาเห็นตัวเองในวัยเด็กนั่งร้องไห้เสียงดัง สองแขนโอบร่างไร้วิญญาณของนางไว้แน่น ภาพนี้แทงลึกลงในจิตใจของเขาเหมือนหอกที่ทิ่มแทงไม่จบสิ้นจากนั้นความฝันเปลี่ยนไปเป็นภาพช่วงเวลาที่เขาเติบโต ฝึกฝนวิชาอย่างหนัก ภาพหอกเล่มหนึ่งพุ่งใส่เขาในสนามประลองและเขาต่อสู้กลับอย่างดุดัน ภาพเหล่านี้วนเวียนไปมาราวกับต้องการตอกย้ำอดีตของเขา

    Last Updated : 2025-02-02

Latest chapter

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   ความเดิมภาคที่แล้ว

    จางอี้หมิงบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านอ๋องจางส่วง ถูกจอมมารปีศาจทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส นอนหลับไปนับปี เมื่อตื่นขึ้น พบว่าพลังปราณสูญเสียสมดุลจนใช้งานไม่ได้ข้างกายของเขามีแม่นางซงเอ๋อร์ สาวใช้ประจำกายและว่าที่อนุภรรยาในอนาคตคอยเฝ้าดูแลไม่ห่างหนทางที่ง่ายที่สุดคือฝึกฝนใหม่แบบย้อนกลับเพื่อปรับสมดุลพลังปราณ หนทางที่ยากที่สุดคือหาสมุนไพรหายากสิบแปดชนิด และหนทางสุดท้ายคือ บำเพ็ญคู่กับสตรีพรหมจรรย์ เขาจึงจำเป็นต้องเลือกหนทางการฝึกฝนร่วมกับเหล่าศิษย์หน้าใหม่ ซึ่งถือว่าง่ายดายและปัญหาน้อยที่สุดเขาได้พบเจอกับแม่นางหลินหนิงผู้มีความน่ารักสดใสดวงตากลมโต ได้รู้จักแม่นางหวงจื่อรั่วผู้มีใบหน้าหมดจดงดงามราวเทพธิดาเพิ่มมากขึ้น แม้นางจะเป็นคนของจวนอ๋องแต่ทว่าความสนิทมีน้อยนัก จนกระทั่งได้มาฝึกร่วมกันอีกครั้งการฝึกฝนใหม่ในครั้งนี้ได้พบกับถัวเค่อชี ผู้มีใจริษยาต่อจางอี้หมิงมาตลอด พบกันคราวนี้ถัวเค่อชีต้องปฏิบัติหน้าที่เป็นอาจารย์ผู้ฝึกฝนจางอี้หมิง ซึ่งนี่เป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้ "ข่ม" จางอี้หมิงบ้าง แต่แล้วเรื่องราวกลับไม่เป็นเช่นนั้นแต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ จางอี้หมิ

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 50 จากลา (จบภาค1)

    ที่ชั้นเก้าของหอเทียนหยาง ศิษย์สายตรงทั้งเจ็ดคนของสำนักกู่เจิ้งมารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตา บรรยากาศในห้องสงบเงียบ ทว่าครุกรุ่นไปด้วยแรงกดดันทุกคนล้วนเป็นศิษย์ระดับสูง ผู้ที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด ทุกคนคุกเข่าคารวะอาจารย์เจ้าสำนักกู่เจิ้ง ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับสายตาที่ล้ำลึกเกินหยั่งถึงเจ้าสำนักโบกมือให้ทุกคนลุกขึ้น พลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง เขามองพวกเขาอย่างเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบแต่หนักแน่นว่า“ปีที่แล้ว ลัทธิมารแดนปีศาจเคลื่อนไหว ครั้งนี้ ลัทธิมารแดนสวรรค์เคลื่อนไหว เป็นข้าเองที่หละหลวมในการป้องกัน… หลังจากนี้ จะไม่มีครั้งที่สาม”แววตาของเจ้าสำนักฉายประกายแน่วแน่ เขาโบกมือให้ทุกคนลุกขึ้นนั่งลงบนเบาะของตนเอง จากนั้นเขาเองก็ทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะกลางห้อง หยิบใบชามาบดด้วยมืออย่างประณีต ก่อนจะเทน้ำร้อนลงในถ้วย เสียงไอร้อนพวยพุ่งขึ้นแตะจมูก กลิ่นหอมอ่อนๆ ของชาแผ่ซ่านไปทั่วห้อง เจ้าสำนักสูดกลิ่นหอมของชาเบาๆ ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสงบ“เห็นที พวกเราคงต้องจริงจังกับเรื่องศิลาเฝิ่นเหิงกันบ้างแล้ว นี่อาจไม่ใช่เพียงแค่เรื่อ

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 49 บำเพ็ญคู่ปรับสมดุลลมปราณ

    จางอี้หมิงนั่งนิ่งตาค้าง ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองนัยน์ตาของศิษย์พี่คนงาม ที่ฉายแววความร้อนฉ่า ริมฝีปากสีแดงเรื่อยังคงหลงเหลือรสชาติของสุรา นางจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ทำให้หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก“เจ้ารู้จักการบำเพ็ญคู่หรือไม่?” นางกระซิบถามด้วยเสียงแผ่วเบา ราวกับเสียงลมพัดผ่านในค่ำคืน จางอี้หมิงรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากปลายนิ้วของนางที่ลากไล้เบาๆ บนแผ่นอกของเขา“ท่านเมาแล้ว” จางอี้หมิงพยายามตั้งสติ แต่เสียงของเขากลับสั่นไหว เจียงเยว่ยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกมือเรียวขึ้นปิดริมฝีปากเขา“ข้าตั้งใจเมา” นางตอบเบาๆ สายตาของนางเต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานใช่สิ หากไม่เมาท่านจะกล้าเช่นนี้หรือจางอี้หมิงมองดูนางอย่างหลงใหล มือของเจียงเยว่วางแนบลงบนแผ่นอกของเขา หัวใจของเขาเต้นรัวจนแทบไม่เป็นจังหวะ ก่อนที่เสียงกระซิบของนางจะดังขึ้นอีกครั้ง“หรือว่าเจ้าไม่ต้องการ?”เขาสูดหายใจเข้าลึก สบตากับนางก่อนจะตอบเสียงพร่า “ข้าเองก็คิดแบบเดียวกับท่าน”ข้าหมายตาท่านมาตลอด!จากนั้น จางอี้หมิงก็รวบตัวเจียงเยว่เข้ามาอุ้มขึ้น นางแนบตัวเข้าหาเขาโดยไม

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 48 กักตัวที่บ้านพัก

    จางอี้หมิงยืนนิ่งอยู่กลางสมรภูมิ ดวงตาเรียบเฉยจ้องมองร่างไร้วิญญาณของถัวเค่อชีที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เลือดสีเข้มค่อย ๆ ไหลซึมไปตามพื้นดิน กลิ่นคาวโชยขึ้นมาปะปนกับไอเย็นของค่ำคืนเขาสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเก็บดาบประจำกายเข้าฝัก เสียง “แกร๊ก” ของดาบที่เลื่อนเข้า ที่ฟังดูดังก้องกังวาลท่ามกลางความเงียบงันเขาหันกลับไปทางศิษย์พี่หญิงเจียงเยว่ที่ยังนอนอ่อนล้าอยู่บนพื้น หญิงสาวมีใบหน้าซีดเซียว เหงื่อเย็นชื้นบนหน้าผาก ผมดำยาวหลุดรุ่ยออกจากปิ่นปักบางส่วน ดวงตาของนางยังคงสั่นไหวด้วยความเหนื่อยล้าและความตึงเครียดจางอี้หมิงเดินไปนั่งลงข้าง ๆ นาง แล้วเหลียวหันไปมองหน้านางเบา ๆ“เป็นข้าที่ทำให้เจ้าเดือดร้อน…” เสียงของเจียงเยว่แผ่วเบาราวสายลมของนางเอ่ยขึ้นจางอี้หมิงส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“เป็นข้าที่ตัดสินใจเอง ไม่เกี่ยวกับท่าน”แววตาของศิษย์พี่เจียงเยว่อันแน่นไปด้วยความสับสนความซึ้งใจ กับความกังวล แม้นี่จะเป็นสิ่งที่สมควรจะทำ แต่ก็นับว่าขัดต่อกฎของสำนักเช่นกันเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังขึ้นจากด้านหลัง ศิษย์พี่ของสำนักเร่งร

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 47 คมดาบไร้ลมปราณและไร้ปราณี

    ท่ามกลางป่าทึบยามราตรี ทุกสิ่งทุกอย่างถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด ไม่มีแม้แต่แสงจันทร์หรือประกายดาว มีเพียงเสียงลมพัดเอื่อยๆ ราวกับเสียงกระซิบจากธรรมชาติเพียงเท่านั้นถัวเค่อชี ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขานั่งพิงต้นไม้ใหญ่ เรือนผมยุ่งเหยิง เสื้อคลุมหลุดลุ่ยจากร่องรอยการดิ้นรนทรมานจากฤทธิ์ยา ร่างกายเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ผิวหนังแดงก่ำ ราวกับมีเปลวไฟกำลังเผาผลาญจากภายในความเจ็บปวดจากพิษของยาเสริมพลังที่ เชียนหวง มอบให้เขา ตอนนี้ค่อยๆ สลายไปแล้ว“ฮ่า... ฮ่า... ฮ่า!”เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ทันทีที่ขยับตัว เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลที่หลั่งไหลอยู่ในร่าง ราวกับสายธารปราณที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเขาหลับตา โคจรลมปราณทั่วร่าง และสิ่งที่ค้นพบก็ทำให้ดวงตาของเขาเป็นประกาย“พลังของข้า... เพิ่มขึ้นแล้ว!”เขาเผยรอยยิ้มสะใจ ก่อนจะกระชากกระบี่ออกจากฝัก แสงเย็นเยียบสะท้อนจากใบกระบี่ เขารวบรวมพลังลงไปในคมดาบ จากนั้นฟาดมันออกไปเต็มแรงฉัวะ!เสียงกระบี่เฉือนอากาศดังก้อง ต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าถูกฟันขาดสะบั้นเป็นสองท่อน เศษไม้ปลิวกระจายไปทั่ว

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 46 ขอเพียงสามกระบวนท่า

    “หากพวกเจ้าไม่อยากตายเป็นผีเฝ้าสำนัก จงบอกที่ซ่อนของศิลาเฝิ่นเหิงมาเดี๋ยวนี้!”เสียงของเชียนหวงก้องกังวาน แรงกดดันมหาศาลแผ่ซ่านไปทั่ว บรรยากาศรอบข้างเหมือนถูกบีบอัดจนหนักอึ้งลิ่วเฉียงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ศิลาเฝิ่นเหิง?”จางอี้หมิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ยกคิ้วขึ้นก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “ข้าเคยอ่านเจอในนิยาย ตำนานเซียนไท่ซวิน ไม่คิดว่าจะมีคนที่เชื่อว่าเป็นของจริงด้วย”ลิ่วเฉียงหันไปมองหน้าเชียนหวง ก่อนจะยิ้มเยาะ “เจ้าก็ไปถามผู้เขียนนิยายสิ!”“หุบปาก!” เชียนหวงตะโกนลั่น ‘ปากแข็งหรือเบาปัญญาก็ไม่ใช่ประเด็นหลัก!’ รังสีอำมหิตระเบิดออกมาจากร่าง พลังสีดำมืดหม่นหมุนวนไปรอบตัวเขา ราวกับเป็นพายุวิญญาณอาฆาต“เช่นนั้น ข้าคงต้องกำจัดพวกเจ้าให้หมดแล้วค่อยค้นหาด้วยตัวเอง!”ซ่าาา!พลังอาฆาตสีดำแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเชียนหวง พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของเขาแตกร้าว เปลวพลังสีดำคุกรุ่นรอบตัวลิ่วเฉียงยังคงยืนสงบนิ่ง มองดูศัตรูตรงหน้าด้วยสายตาเฉยชา ก่อนจะหันไปถามเฉินเจิ้ง “แค่ระดับเจ็ด เจ้าสู้ไม่ได้รึ?”เฉินเจิ้งกำหมัดแน่นก่อนจะตอบด้วยเสียงเจ็บใจ “น่าอ

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 45 เมื่อเชียนหวงปรากฏกาย

    สายลมพัดเอื่อย สะบัดผ่านร่างของสองศิษย์พี่น้องที่นั่งขัดสมาธิใต้ต้นไม้ใหญ่ ฟ่านหวงและเฉินเจิ้งต่างจมอยู่ในสมาธิ โคจรลมปราณเพื่อฟื้นฟูพลังที่สูญเสียไปจากการต่อสู้ที่ยืดเยื้อรอบกายเต็มไปด้วยซากอสูรดินเหนียวแตกกระจายเป็นเศษดิน เศษหิน เสียงลมหายใจของทั้งสองเริ่มกลับมาเป็นปกติ บรรยากาศที่เคยตึงเครียดผ่อนคลายลงชั่วขณะ“ตรวจสอบหาผู้นำพวกมันได้หรือยัง?” เฉินเจิ้งถามเสียงเรียบ ทว่าสายตากลับเต็มไปด้วยความระแวดระวังฟ่านหวงมองไปรอบๆ “ยัง”เฉินเจิ้งแค่นเสียงหัวเราะเย็น “ระหว่างที่ข้ากำจัดพวกมัน เจ้าไม่ได้อู้ใช่หรือไม่?”ฟ่านหวงหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงยียวน “ศิษย์พี่เอ๋ย หากข้าตอบว่าใช่ ท่านจะทำอะไรข้า?”“เจ้ามันตัวบัดซบ กินแรงผู้อื่น!”เสียงหัวเราะของฟ่านหวงดังขึ้น ทว่าก่อนที่ทั้งสองจะต่อปากต่อคำต่อไป บรรยากาศรอบกายพลันเย็นยะเยือกลงจนขนลุกชันวูบบบ!“ศิษย์พี่…ท่านหายเหนื่อยแล้วหรือยัง?”เฉินเจิ้งยืดเส้นยืดสาย พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าพร้อมตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”“ถ้าเช่นนั้นก็… 5… 4… 3… 2… 1…”วูบบบ!!!

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 44 กระแสทวนแห่งฟ้า

    ทางด้านลานกว้างหน้าหอเทียนหยางจางอี้หมิยังคงยืนหยัดอยู่ท่ามกลางลานกว้างหน้าหอเทียนหยาง ท่ามกลางหมอกฝุ่นและเสียงคำรามของเหล่าอสูรดินเหนียว ดาบในมือของเขาเปื้อนเศษดินและคราบอสูร แต่มือทั้งสองข้างยังคงจับกระชับแน่น แม้ไร้ซึ่งพลังปราณ แต่ด้วยร่างกายที่ฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วงและกระบวนท่าอันเฉียบคม เขาก็ยังคงยืนหยัดต้านศัตรูได้อย่างไม่ลดละเมื่ออสูรตนหนึ่งพุ่งเข้ามาทางด้านซ้าย จางอี้หมิงใช้แรงบิดเอว เหวี่ยงดาบออกไปเป็นแนวโค้งคมกริบ ปลายดาบฟันทะลุไหล่อสูรดินเหนียวเสียงดังฉึบ! เศษดินกระจายตัวออกเป็นฝุ่นสีดำ อสูรตัวนั้นเซถลาไปด้านหลังก่อนที่ร่างจะถูกแรงฟันฉีกออกเป็นสองซีก ฉึบ! ฉึบ! ฉึบ! โฮกกก!!!!เสียงคำรามจากอสูรตัวอื่นดังก้อง มันพุ่งเข้ามารุมล้อมจากทุกทิศทาง จางอี้หมิงย่อกายลงเล็กน้อยก่อนพุ่งตัวไปข้างหน้า ใช้ดาบแทงทะลุอกของตัวหนึ่ง จากนั้นดึงกลับแล้วฟาดดาบฟันเข้าที่คอของอีกตัว เศษดินและโคล

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 43 ซ่อมม่านพลังป้องกัน

    ศิษย์ระดับสามและศิษย์ระดับต่ำกว่านั้นบางกลุ่มก็ออกไปจัดการกับอสูรดินเหนียวในจุดต่างๆ ถัวเค่อชีเองก็เช่นกัน ที่มีหน้าที่จัดการกับเหล่าอสูรดินเหนียวที่บุกโจมตีสำนักจากนั้นถัวเค่อชีก็แยกตัวออกจากกลุ่มศิษย์ที่กำลังต่อสู้กับอสูรดินเหนียว โดยอ้างว่าจะจัดการพวกมันด้วยตัวคนเดียว ทว่าแท้จริงแล้วเขารู้ดีว่าตัวเองกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างเรียกหาอยู่กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!เสียงกระดิ่งดังก้องอยู่ในโสตประสาท ขณะที่ถัวเค่อชีเดินเข้าไปในเงามืดของป่า เสียงนั้นไม่มีใครได้ยิน นอกจากตัวของเขาเอง และไม่อาจสลัดเสียงเหล่านั้นออกไปจากร่างกายได้แม้แต่น้อยร่างกายของถัวเค่อชีเริ่มหนักอึ้งขึ้นทุกย่างก้าว จนกระทั่งเขามาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีเงาร่มครึ้มปกคลุมทั่วทั้งบริเวณทันใดนั้นเอง ความเจ็บปวดรุนแรงก็แล่นขึ้นมาจากกลางศีรษะ ทะลวงไปถึงไขสันหลัง ถัวเค่อชีทรุดตัวลงกับพื้น มือทั้งสองข้างกุมหัวแน่นราวกับจะป้องกันมิให้มันแตกเป็นเสี่ยง ๆ ลมหายใจของเขาหนักหน่วง ร่างกายสั่นสะท้านจากความทุกข์ทรมาน ดวงตาพร่าเลือน เหมือนมีเงามืดแทรกซึมเข้ามาในจิตใจ“อ๊ากกก!!”ถัวเค่อชีส่งเสี

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status