"ไหนเคยบอกว่าอยากได้ผม?" "ตอนนี้ก็ยังอยากได้อยู่" รวีธารสบตาคนตัวสูงนิ่ง ส่งสายตาสื่อความหมายความรู้สึกภายในใจ วันนั้นอยากได้ยังไง วันนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน... "แล้วยุ่งกับเพื่อนผมทำไม" "เพื่อนคุณมายุ่งกับฉันก่อนเอง" เธอไม่ได้โกหก ก็เพื่อนเขาเป็นฝ่ายเข้าหาเธอก่อนจริงๆ "อ้อ! ดีนี่ แล้วไอ้ที่ยืนกันอยู่หน้าห้องน้ำเมื่อกี้ได้ทำแบบเดียวกับที่ทำกับผมวันนั้นรึเปล่า" "หมอไทม์!" "ว่าไง? มันได้ทำแบบนี้ไหม" ริมฝีปากร้อนเคลื่อนไหวช้าๆ สัมผัสเบาๆ ที่ติ่งหู กระซิบแผ่วเบาพร้อมลมหายใจอุ่น ก่อนความอุ่นร้อนจากริมฝีปากจะแตะสัมผัสที่ต้นคอ ย้ำเตือนในสิ่งที่เขาเคยทำกับเธอ "มะ...ไม่ได้ทำ" "งั้นไปสานต่อเรื่องคืนนั้นกัน" *************** "ที่ผ่านมาคุณเป็นคนอยากได้ผมเองไม่ใช่รึไง" "หมอไทม์!" "ทำไม? ผมพูดอะไรผิด คุณอยากได้ผมก็แค่สนอง" ส่วนเขา...ก็ไม่ได้รักเธอสักหน่อย ไม่เห็นมีอะไรต้องแคร์!
View More"ฉันจะเอาคนนี้"
"แกจะบ้ารึไงเพ้นท์ คนนะเว้ยไม่ใช่หมูใช่หมาที่แกจะไปยืนชี้นิ้วเลือกๆ" ตันติกรเอ่ยเตือนสติเพื่อนรักเมื่อเห็นท่าทีหมายมั่นของมัน ใช่อยู่ที่ปกติเวลาเพื่อนมีแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย จะกรึ่มๆ และก๋ากั่นเป็นพิเศษ แต่ไม่เคยถึงขั้นจะร้องอยากได้ผู้ชายแบบนี้
ที่สำคัญ...ดูท่าผู้ชายที่มันอยากได้จะไม่ธรรมดา
"ก็คนไง คนที่ดูดีด้วย" รวีธารยกแก้วตรงหน้าขึ้นดื่ม สายตาจับจ้องไปยังคนที่เดินกลับมาโต๊ะที่เธอเพิ่งลุกออกมาไม่กี่นาทีก่อน
"นั่นไงมาแล้ว บอกแล้วไม่ธรรมดาแกดูรอบๆ ดิไม่ได้มีแค่แกที่อยากงาบ" ตันติกรสะกิดเพื่อนให้ดูรอบๆ เผื่อมันจะได้ตาสว่างขึ้นมาบ้าง
"แล้วไง? มันก็ขึ้นอยู่ที่เขาจะอยากงาบใครรึเปล่า" ร่างบางมองคนที่เพิ่งนั่งบนโซฟากว้างโซนวีไอพีอย่างถูกใจ
เธอชอบ... ชอบที่เขาเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วไม่เห็นเธอ ก็กวาดตามองดูรอบๆ เมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ตรงนี้เพียงแค่ยกยิ้มบางๆ พยักหน้าเชิงให้รู้ว่าจะนั่งรออยู่ตรงนี้ ถึงอย่างนั้นเมื่อมีคนเข้ามาหาก็เพียงแค่ตอบรับเป็นมารยาท แต่ก็ปฏิเสธ เรื่องอื่น อย่างสุภาพ
"แหม! ไอ้เพ้นท์พูดจาเข้า อย่างกับช่ำชอง อาทิตย์ก่อนยังปักตะไคร้เป็นเพื่อนฉันอยู่เลย"
"เห้ยเหมย! เบาดิ เดี๋ยวเขาได้ยิน" รวีธารหันมาปิดปากเพื่อนทันทีเมื่อมันเล่นพูดความจริงออกมาเสียงดังด้วยความหมั่นไส้
"ใครจะไปได้ยินวะ นั่งอยู่ไกลขนาดนั้น"
"เออ! เดี๋ยวพลาด"
"เหอะ! อยากได้ขนาดนั้นเลย แกเป็นอะไรวะเพ้นท์ อย่าบอกนะว่าเสียใจเรื่องไอ้พี่ก้องจนเป็นบ้า" รวีธารเบ้ปากทันทีเมื่อเพื่อนสนิทเอ่ยถึงแฟนเก่าตนเอง แค่ได้ยินชื่อก็อยากจะอ้วก
"ไม่ต้องพูดถึงมันได้ไหม คนแบบนั้นไม่มีอะไรให้เสียใจสักนิด"
"แล้วมันเรื่องอะไรวะที่ว้อนท์อยากจะเดบิวต์ขนาดนี้" ตันติกรถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ตัวเธอเองก็รู้จักเพื่อนดีพอ มั่นใจระดับหนึ่งว่ามันไม่มีทางเสียใจเรื่องเลิกกับคนชั่วๆ แบบนั้นแน่ ซึ่งเหตุผลควายมาก คือรวีธารไม่ยอมนอนกับมัน!
"ก็....ถึงเวลามั้ง" เธอหลบสายตาเพื่อนมองไปยังคนร่างสูงที่เพิ่งวางสมาร์ทโฟนคว่ำหน้าลงกับโต๊ะท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะยกแก้วตรงหน้าขึ้นดื่ม ท่าทางธรรมชาติของเขาไม่อาจทำให้เธอละสายตาจากภาพตรงหน้า เขาจะรู้ตัวไหมนะว่าตัวเองมีออร่าขนาดไหน ใบหน้าของเขาโดดเด่นออกมาท่ามกลางคนจำนวนมาก ดูได้จากที่เธอไม่อาจละสายตาได้เลย
ไหนจะใบหน้าที่เปื้อนยิ้มนั่น เหมือนเชิญชวนให้คนเข้าหาตลอดเวลา
แล้วก็นั่นแหละ...มีคนเข้าหาเขาอีกแล้ว
"ไปก่อนนะ" เธอลุกขึ้นคว้ากระเป๋าข้างตัวทันที ถ้าขืนยังเล่นตัวแบบนี้ต่อ....ได้ชวดของแท้แน่
"เพ้นท์ เอาจริงดิ" ตันติกรถามย้ำเพื่อนสนิทอีกครั้ง ไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้ของเพื่อนมาก่อน
ปีกกล้าขาแข็งนักก็ออกจากบ้านไปเลย! เหลวแหลกอย่างแกจะไปทำอะไรได้ ไม่พ้นไปมั่วผู้ชายมีผัวไปเรื่อย ทำตัวไร้ค่า!
ก็ในเมื่อป๊าอุตส่าห์อวยพรแบบนั้นแล้วแท้ๆ เธอจะทำแบบที่ป๊าพูดบ้างมันจะเป็นไร และที่สำคัญ...เธอทำแบบนี้ใช่ว่าจะไม่มีคุณค่าสักหน่อย ป๊าเอาอะไรมาตัดสิน...
"อืม"
"ป้องกันด้วย"
"ค่าาาาแม่" ตันติกรมองตามหลังเพื่อนสนิทที่เดินย้อนกลับไปโต๊ะที่มีคนตัวสูงนั่งอยู่ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าที่มันทำแบบนี้เพราะอะไร ไม่พ้นประชดที่บ้านนั่นแหละ
แต่ความจริงมันก็โดนป๊าพูดแบบนี้มาตั้งนาน ไม่เห็นจะเป็นเดือดเป็นร้อน แล้วทำไม....
ใช่อยู่เพื่อนเธอไม่ใช่คนเรียบร้อย แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะร้องอยากได้ผู้ชายแบบนี้ คงจะมีเรื่องทางบ้านบวกกับคงจะถูกใจ คนนั้น มากจริงๆ
เมื่อเห็นเพื่อนนั่งลงเคียงข้างกับคนร่างสูงที่มีรอยยิ้มติดบนใบหน้าตลอดเวลาก็พอเข้าใจได้
ของบางอย่างมันก็ต้องถูกใจก่อน....
ได้แต่ภาวนาขอให้เพื่อนตัวเองโชคดี....ขอให้รวีธารมีความสุขจริงๆ สักที
"คุยกับเพื่อนเรียบร้อยแล้วเหรอครับ" คนที่เธอไม่รู้จักชื่อ และก็ไม่คิดจะถามเหมือนที่เขาก็เลือกที่จะไม่ถามเธอเช่นกันพูดขึ้นท่าทางสบายๆ ยกมือส่งสัญญาณขอเครื่องดื่มให้เธออีกแก้ว
ทรีตผู้หญิงขนาดนี้ชักไม่มั่นใจแล้วว่าเธอเป็นเหยื่อหรือเขาเป็นเหยื่อ
"ค่ะ... ฉันกลัวเพื่อนจะรอเลยบอกให้กลับไปก่อน" คนตัวสูงยกยิ้มมุมปาก เลื่อนแก้วเครื่องดื่มมาให้เธอก่อนจะส่งบัตรสีดำให้พนักงานที่เพิ่งนำมาเสิร์ฟ
"ความจริงชวนมานั่งด้วยกันก็ได้นะครับ"
"ได้จริงเหรอคะ" เธอกอดอกเอนกายพิงหลังกับโซฟากว้าง สบตาเขาก่อนจะถามกลับ แววตาเขาเป็นประกายเล็กน้อย มุมปากยังคงยกยิ้มเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเขาเคยมีเรื่องเครียดบ้างรึเปล่า
"เอาคำตอบแบบไหนละครับ" เขาถามกลับน้ำเสียงสบายๆ เหมือนถูกใจอะไรบางอย่าง
"เอาแบบที่ใจคุณคิดสิ"
"ผมคิดว่าที่นี่ชักจะเสียงดัง คุยไม่ค่อยสะดวก"
"ถ้าอย่างนั้นคุณน่าจะมีที่ดีๆ แนะนำ" เธอยกแก้วจัดการดื่มจนหมด แม้หัวใจจะสั่นไหวไม่น้อยที่หลังจากวางแก้ว พบว่าสายตาเขามองกันอยู่ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็แสร้งทำเฉย ไม่เห็นความต้องการที่ส่งมาทางแววตา
"ไปเลยไหมครับ" รวีธารหลุดหัวเราะเล็กน้อย ส่วนเขาเกาท้ายทอยเขินๆ เสียอาการอยู่เหมือนกัน เมื่อรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ
"ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ"
"เชิญครับ"
รวีธารลุกขึ้นเดินไปยังโซนห้องน้ำด้านใน แอบเก็บอาการสั่นไหวของร่างกายกลัวจะแสดงออกมาให้เขาเห็นว่าเธอก็แอบรู้สึก กลัว และ ตื่นเต้น
คนมันไม่เคยทำแบบนี้..ใครจะไปช่ำชองแบบเขา
ร่างบางยืนมองตัวเองผ่านกระจกใบใหญ่ หลังจากที่จัดการเติมปากเล็กน้อยเรียกความมั่นใจ รู้ว่าสิ่งที่ตนเองกำลังจะทำต่อจากนี้คืออะไร และก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจแน่นอน
รวีธารเดินออกจากห้องน้ำเพื่อกลับไปด้านใน แต่ปลายเท้าต้องหยุดชะงักขมวดคิ้วเป็นปม เพ่งมองภาพตรงหน้าด้วยความแปลกใจ ร่างคุ้นตาที่เพิ่งจะแยกจากเขามายืนคุยกับผู้หญิงอีกคนที่เธอแอบเห็นว่าเจ้าตัวลอบมองคนที่คุยกับเธอมาสักพักแล้ว
ตามกันมาขนาดนี้เลย?
คนตัวเล็กหันหลังตั้งใจเดินย้อนไปอีกทางเมื่อสองร่างจู่โจมเข้าหากัน แม้จะเพิ่งรู้จักกันแต่ก็แอบหวิวๆ ในใจไม่น้อยเมื่อเห็นเขาแนบชิดสนิทสนมกับคนอื่น
"คุณ! เดี๋ยวก่อน!" แขนเธอถูกฉุดรั้งจากทางด้านหลัง เธอหันกลับไปมองตามเสียงเรียก ก่อนจะเบนสายตามองมือร้อนที่รั้งกันไว้อยู่
"..."
"ขอโทษที ผมกลัวตามคุณไม่ทัน" เขารีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างทำท่าคล้ายยอมแพ้ เมื่อเห็นว่าเผลอจับมือเธอ ก่อนจะรีบอธิบาย
"คะ? "
"คือ..เมื่อกี้ไม่มีอะไร เขาเข้ามาคุยด้วยเฉยๆ แล้วก็...ผมไม่ได้ทำอะไร" เธอมองสบตาเขาที่กำลังอธิบาย ใช่ว่าเธอจะไม่เห็นว่าเขาไม่ได้ทำอะไรอย่างที่บอกจริงๆ มีแต่ฝั่งนั้นที่เป็นคนเริ่มทำก่อน แล้วที่เธอเดินหนีออกมาก็ไม่ได้คิดอะไร แต่จะให้ไปยืนดูคนกอดกันก็ยังไงๆ อยู่
"ฉันก็ไม่ได้อะไรนี่คะ" เธอยกยิ้มตอบกลับเขาเช่นกัน
"ครับ" เขาจึงตอบรับเธอสั้นๆ อย่างคนที่ไม่รู้ว่าจะเอาไงต่อ
"..."
"ถ้าคุณไม่โอเค เราแยกกันตรงนี้ก็ได้" คนตัวสูงตัดสินใจพูดขึ้นอย่างแฟร์ๆ พอเข้าใจได้ว่าเธอคงเสียอารมณ์ไม่น้อย
ส่วนเขาไม่ต้องพูดถึง....โคตรจะเสียอารมณ์! และก็โคตรมีอารมณ์ด้วย!
ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆ จะโดนจู่โจมขนาดนั้น
"เพราะเธอเหรอคะ" รวีธารเพยิดหน้าไปยังคนด้านหลังเขาที่ยังยืนมองกันอยู่ ไม่ไปไหน ถึงแม้ฝ่ายชายจะรีบผละออกมาหาเธอก็ตาม
"ไม่...."
ร่างสูงที่กำลังจะเอ่ยปฏิเสธ กลืนคำพูดลงลำคอทันทีเมื่อโดนจู่โจมจากคนตัวเล็ก เพียงเสี้ยวนาทีจากความตกใจแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น
จูบแผ่วเบาราวกับลมพัดอ่อนๆ ที่เริ่มต้นด้วยความอ่อนโยน ค่อยๆ ทวีความร้อนแรงขึ้นเมื่อร่างสูงทาบทับริมฝีปาก ดึงดูดเม้มปลายลิ้นอย่างลุ่มลึก เรียวนิ้วร้อนสอดเข้ามาตรงต้นคอ ไล้ปลายนิ้วหัวแม่มือกับผิวอ่อนที่ไวต่อความสัมผัสระหว่างแนบจูบ
ในขณะที่มืออีกข้างเลื่อนลงมาแตะที่เอว สัมผัสร้อนผ่าวลากผ่านความนุ่มลื่นของต้นขาเรียวที่โผล่พ้นเดรสตัวสั้นออกมา ก่อนจะออกแรงกดสะโพกบางให้แนบชิด บีบเคล้นตามแรงอารมณ์ปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ภายใต้กางเกง
ริมฝีปากหนาบดแนบให้จูบยิ่งล้ำลึกขึ้นก่อนลิ้นจะค่อยๆ สอดเข้ามา เมื่อความอุ่นร้อนสัมผัสกัน การจูบยิ่งหนักหน่วงร้อนแรงไม่มีใครยอมใคร ราวกับเปลวไฟที่เผาผลาญทุกความรู้สึกให้ลุกโชน
ร่างบางเป็นฝ่ายออกแรงผลักคนตัวสูงออกเมื่อรู้สึกคล้ายขาดอากาศหายใจ เธอตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อบังเอิญได้สบสายตาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา หัวใจเต้นแรงกระหน่ำจนแทบคลั่งกับรสจูบลึกซึ้งร้อนแรง
"ดะ...เดี๋ยว" รวีธารเบี่ยงใบหน้าหนีเมื่อเขาตั้งท่าจะจู่โจมอีกครั้ง กลายเป็นริมฝีปากร้อนสัมผัสตรงลำคอแทน ลมหายใจแผ่วเบารินรดที่ต้นคอของเธอทำขนลุกวาบ สัมผัสปลุกเร้าของเขาดึงความต้องการบางอย่างในตัวให้ลุกโชน
ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ จะมีเซกซ์แอพพีลสูงขนาดนี้!!
หัวใจเธอเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม ร่างกายสั่นสะท้านเมื่อสัมผัสถึงริมฝีปากร้อนของเขาขบเบาๆ ที่ติ่งหู ตามด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบา
"ไปรถคุณหรือรถผม"
"อ่า....พี่ไทม์ลืมที่เพ้นท์พูดไปเถอะค่ะ" คนที่ดีใจจนเผลอลืมตัวพูดเรื่องแฟนเก่ารีบตอบกลับเสียงอ่อยๆ"ลืมไม่ได้หรอก พูดมาสิ""...""เล่ามา" เมื่อเขาพูดย้ำอีกเสียงเรียบเธอจึงเริ่มเล่าเรื่องที่รู้มา"คือเพ้นท์เพิ่งรู้ว่าความจริงพี่พายไม่ได้แย่งพี่..เอ่อ เขาไป แต่พี่พายไปได้ยินว่าเขาพูดถึงเพ้นท์เสียๆ หายๆ แล้วจะหลอกพาเพ้นท์เข้าโรงแรม พี่พายเลยแกล้งไปตีสนิท จะได้พิสูจน์ด้วยถ้าเขารักเพ้นท์จริงจะต้องไม่สนใจพี่พาย แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เขาเลือกที่จะนอกใจเพ้นท์" เธอเอ่ยเล่ารวบรัด จะได้พูดถึงแฟนเก่าให้น้อยที่สุด"..." ธารณ์นิ่งฟัง ทดไว้ในใจถึงไอ้ที่ชื่อก้องภพ บังอาจจะมาลากเมียกูเข้าโรงแรม!"พี่ไทม์โกรธเหรอคะ" เธอเอ่ยถามคนรักเสียงอ่อย เมื่อเห็นเขานิ่งไป"พี่ไม่ได้โกรธเรา" แต่ไอ้เหี้ยนั่น! ได้เจอกันแน่"แล้วทำไมเงียบไป""พี่แค่ดีใจที่เพ้นท์มีพี่สาวที่ดี" เขาพอรู้มาบ้างว่าก่อนหน้านี้พวกเธอไม่ถูกกัน แต่การที่เรวิกาทำแบบนี้กับเพ้นท์ แปลว่าลึกๆ แล้วก็คงรักและเป็นห่วงน้องสาวอยู่เหมือนกัน"นั่นสิคะ วันนี้เพ้นท์ดีใจมาก เหมือนได้ครอบครัวกลับมาเลย รู้สึกตัวเองโชคดีชะมัด ที่มีครอบครัวที่ดี" เธอยกยิ้มก
"พี่ไทม์คะ ชุดนี้มาได้ยังไง" รวีธารคว้าชุดเดรสสีหวานที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า เลิกคิ้วมองคนรักงงๆ"พี่สั่งมาให้ น่ารักดี""อีกแล้วเหรอคะ อาทิตย์นี้สามชุดแล้วนะ"ธารณ์เดินมาหาคนที่หน้ายู่ ฉุดแขนคนรักให้นั่งลงบนตัก หลังจากที่ตนเองทรุดนั่งลงบนเตียง โอบกอดคนตัวเล็กแน่น จมูกโด่งซุกไซ้จากทางด้านหลัง ในขณะที่มือเคลื่อนเข้าไปในเสื้อตัวหลวม"ก็พี่เห็นแล้วอยากให้เพ้นท์ใส่นี่""พี่จะเห็นอะไรแล้วซื้อทุกอย่างแบบนี้ไม่ได้ค่ะ" เธอปรามคนรักเสียงเข้มเพี๊ยะ!"โอ๊ย! เพ้นท์" เขาร้องลั่นทันทีเมื่ออยู่ๆ โดนคนตัวเล็กตีมือเสียงดัง"อย่าเนียนค่ะ""ไม่ได้เนียนสักหน่อย" เขาตอบกลับก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มร่างบาง"พี่ไทม์อะ! พอเลยมาคุยกันก่อน" เมื่อเห็นคนรักเริ่มโวยวาย เจ้าตัวจึงอุ้มคนตัวเล็กมานั่งข้างกัน หันหน้าเธอมาสบสายตา เอ่ยถามเธอ"ว่าไงครับ""เพ้นท์รู้สึกว่าของพี่ไทม์เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เสื้อผ้าก็จะเต็มตู้แล้ว" รวีธารชี้ไปยังตู้เสื้อผ้าที่นับวันของเขาจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆดูเหมือนจะเยอะกว่าครั้งก่อนที่เขาขนเสื้อผ้ามาอยู่กับเธออีกพอมาคิดๆ ดูก็น่าจะเป็นไปได้ เพราะหลังๆ ธารณ์มักจะเอาเสื้อผ้าใหม่ๆ มาใส่เสมอ ขนจาก
รวีธารสบตากับคนที่มองกันอยู่ทั้งน้ำเสียงและสายตาอ้อนวอน "พี่ไทม์...รักเพ้นท์จริงๆ เหรอคะ""พี่ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดจะทำให้เราเชื่อได้ไหม แต่พี่ยืนยันได้ว่าไม่เคยทำแบบนี้กับใคร พี่ไม่เคยพาใครไปบ้าน ไม่เคยเก็บเสื้อผ้าไปอยู่กับใครที่ไหน ไม่เคยมาตามง้อใครแบบนี้ด้วย" สิ่งที่เขาพูดมา มันก็คงจะเหมือนที่พี่ชากับพี่นาวบอก ว่าบางอย่างการกระทำอาจจะชัดเจนกว่าคำพูด"แล้ว...พี่ไทม์รู้เรื่องเกี่ยวกับเพ้นท์แล้วใช่ไหม" การที่เขาได้เปิดใจคุยกับเฮีย แปลว่าเขาน่าจะรู้เรื่องปูมหลังของเธอ "เพ้นท์ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เป็นตัวอัปมงคลของบ้าน""เพ้นท์อย่าพูดแบบนี้" เขาดึงเธอเข้ามากอดแน่น "ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เกี่ยวกับเราเลย สิ่งที่มันเกิดขึ้นไม่มีใครห้ามได้""แล้วพี่ไทม์ โอเคใช่ไหม""พี่รักเพ้นท์ ไม่ได้รักปัจจัยอะไรทั้งนั้น ของพวกนั้นไม่ได้ทำให้พี่รู้สึกว่าคุณค่าเราจะลดลงสักนิด" ไม่เกี่ยวเลยว่าเธอจะเป็นลูกเต้าใคร ใครจะเป็นเมียหลวงเมียน้อย เขารักที่เธอเป็นเธอแค่นั้น"พี่ไทม์...""เพ้นท์พี่รู้...ที่ผ่านมา พี่ไม่เคยพยายามอะไรให้เห็นเลย ขนาดจีบพี่ยังไม่เคยทำ แต่ถ้าจะให้พี่มาตามจีบเรากลับพี่คงทนไม่ไหว ไม่ใช่พี่จะอดทนเพื่อเ
"ตอนนี้คุณไทม์ยังโทรมาไม่หยุดเลยค่ะ" รวีธารหน้าเจื่อนโชว์หน้าจอให้พี่สาวทั้งสองคนดู ใบชาปรายตามองก่อนจะเอ่ยตอบกลับ"ไม่ต้องสนใจเพ้นท์ ใจแข็งไว้""ใช่ เราไม่ได้ทำอะไรผิด พวกนั้นนั่นแหละผิด" ตามด้วยลัลนาที่พูดขึ้นน้ำเสียงจริงจัง"พี่นาวกับพี่ชาโกรธมากเลยเหรอคะ ความจริงไม่ใช่ความผิดหมอพีร์กับหมอหมอกเลยนะคะ เป็นเพราะคุณไทม์ต่างหาก" คนที่คล้ายเป็นต้นเหตุพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด ที่ทำให้พวกเขาทะเลาะกัน"เพ้นท์อย่างพวกพี่จะไปโกรธอะไรพวกนั้น" ใบชาหัวเราะน้อยๆ ตอบกลับยิ้มๆ"อ้าว ก็เห็นพวกพี่ดูโกรธมาก แถมหนีกันมาอีก""พวกพี่ไม่ได้โกรธ แล้วก็ที่มานี่ไม่ได้หนี แต่อยากมา" ดาราสาวตอบกลับอย่างเอ็นดู"อยากมาเหรอคะ?""เห้อ! น้องน้อย เราซึมซับบรรยากาศเที่ยวแบบนี้ไว้นะ เพราะต่อไปเราจะไม่ได้มาอีก" ใบชาเอ่ยเตือน"ทำไมคะ?""ก็หมอไทม์ไม่มีทางปล่อยให้เรามา เหมือนกับหมอกแล้วก็คุณพีร์ไง""อ้าว แล้วที่เรามานี่คือ...""พวกพี่อยากมา เลยถือโอกาสแกล้งงอนไปเลย อย่างน้อยเที่ยวที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ที่นี่ก็ไม่เลว" ลัลนายกตอบกลับยิ้มๆ ยกแก้วตรงหน้าขึ้นดื่ม"นี่เรื่องจริงเหรอคะเนี่ย""หมายถึงเรื่องไหน เรื่องที่พวกพี่แกล้งงอน ห
รวีธารมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟากว้างกลางห้อง หลังจากที่กลับมาถึงรีสอร์ต เขาก็ขอเข้ามาพักในห้องเธอก่อนเนื่องจากตัวเขายังไม่ทันได้จองห้อง มาถึงก็ไปตามหาเธอเลย คนตัวสูงส่งยิ้มมาให้เมื่อเห็นเธอยังคงจ้องมองนิ่ง ปากก็บ่นว่าปวดขาปวดตัวอะไรสักอย่าง"คุณอยากได้อะไรไหม" เธอไม่รู้ว่าเขาอยากได้ยา หรือของกินอะไรไหม"พี่แค่อยากอยู่กับเพ้นท์" รวีธารไม่ตอบอะไร เดินไปหยิบขนมปังที่เธอซื้อตุนไว้เผื่อหิวช่วงกลางคืนเนื่องจากรีสอร์ตแห่งนี้ เน้นการพักผ่อนแบบธรรมชาติ จึงค่อนข้างห่างไกลในตัวเมืองหรือร้านค้าพอสมควร"กินนี่รองท้องก่อนค่ะ" คนตัวสูงหน้าเจื่อนเล็กน้อยเมื่อไม่ได้รับการตอบรับ ยื่นมือไปรับขนมปังจากเธอ แกะกินรองท้องอย่างที่คนตัวเล็กบอก เพิ่งคิดได้ว่าไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า"ถ้าพี่จะรบกวนเพ้นท์สั่งข้าวให้พี่ได้ไหม พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า" ร่างบางมองคนที่ขอร้องท่าทางน่าสงสาร ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ จัดการสั่งอาหารตามที่เขาบอก"นั่งรออยู่นี่ค่ะ เดี๋ยวเขามาส่ง" เธอบอกเขาก่อนจะผุดลุกขึ้น เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อย"เพ้นท์ไปไหน" คนตัวสูงละล้าละลังฉุดมือเธอเมื่อเห็นคนตัวเล็กทำท่าจะเดินหนี หัวใจร้อนรนไปหม
"เดี๋ยวจอดตรงนี้ให้กูก่อน กูจะเข้ารีสอร์ต" ธารณ์บอกเพื่อนที่ขับรถอยู่ให้จอด เมื่อกำลังจะผ่านรีสอร์ตของหมอพีร์ ที่ตากับยายมันเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มทำโรงแรม"ไม่เข้าบ้านก่อนเหรอมึง" รพีภัทรเอ่ยถามเพื่อนเมื่อเห็นท่าทางเร่งรีบของมัน"คุณนาวครับตอนนี้เพ้นท์อยู่ไหนครับ""นาวก็ไม่รู้สิคะ น้องตัวคนเดียวคงไม่ต้องมาคอยบอกใครหรอกว่าไปไหน" ธารณ์หน้าเจื่อนๆ ลอบมองเพื่อนสนิททั้งสองคนที่นั่งเงียบอยู่บนรถเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่านั่งเงียบตั้งแต่เจอกันที่สนามบินหลังจากที่เมื่อคืนเพื่อนสนิททั้งสองคนกลับบ้าน ตัวเขาที่นั่งรอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อก็ได้รับข่าวดี ทั้งสองยอมบอกแล้วว่าเพ้นท์อยู่ที่ไหน ซึ่งไอ้หมอทั้งสองคนต้องบรรยายความน่าสงสารอย่างหนัก กว่าจะยอมบอกแต่ก็ต้องแลกมากับการที่พวกเขาสามคนโดนเมินกันหมด ถามคำก็ตอบคำ"ถ้ายังไงมีอะไรก็โทรมานะมึง" อวัศย์ยิ้มแหยๆ บอกเพื่อนก่อนจะหันหน้าหนีเมื่อเห็นคนรักปรายตาดุๆ มองมาหลักๆ คือพวกเขาสองคนโดนตึงๆ ใส่เพราะดื้อดึงจะตามมาด้วยนี่แหละเรื่องไอ้ไทม์ไม่ค่อยเท่าไหร่ ทีแรกพวกเธอแพลนกันจะเที่ยวกันตามประสาสาวๆ แต่เรื่องอะไรจะยอมเขากับไอ้พีร์ไม่ยอมลูกเดียว สุดท้ายก็
Comments