เรื่องราวของสโรชา... เจ้าของชื่อความหมายดอกไม้บริสุทธิ์ ทว่ามีอาชีพคาวโลกีย์ คืนฝนตก เพ้นท์เฮ้าส์หรู และแขกหล่อ ลีลาร้อน อันตราย ... ความรัก ... ความใคร่ มาดูกันว่าเส้นทางของเบอร์หนึ่งค็อกเทลเล้าจ์กฤตจะเป็นเช่นไร +++++++++++ ลิ้นสากลงลึกไซ้ควานเข้าภายใน ไล้ไปตามไรฟันสะอาด หยอกเอินก่อนถอดถอนออกมา สโรชาที่ร้างพิศวาสมานาน ระทวยด้วยรสจุมพิต ร่างโอนอ่อนคล้ายขี้ผึ้งราวละลายลงกับพื้น มือที่ควรปัดป้องคนจาบจ้วง กลับบีบแน่นที่ต้นแขนแกร่ง เพื่อเป็นหลักพยุงกายไม่ให้ล้ม “เราเข้ากันได้ดีขนาดนี้ แล้วคุณยังจะกลับไปขายร่างกายให้คนอื่นนอกจากผมอีกเหรอ” เขาถอนหน้าห่างเธอตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ รอยยิ้มพึงใจระบายชัด สโรชาได้สติตื่นจากฝัน “ออกไปเลยนะ คุณออกไปจากที่นี่” ให้ตายสิ! เขายังเชี่ยวชาญเหมือนเดิม แค่จูบเดียวทำเธอเตลิดไปไกล “ไม่! คุณอยู่ที่ไหน ผมจะอยู่ด้วย ยังไงก็ตามลูกผมต้องมีพ่อแม่ครบ” ++++++++++++++++++++++++
View Moreท้องฟ้าคืนนี้เต็มไปด้วยเมฆอุ้มน้ำเทาเข้มเกือบดำ ฝนยังไม่หยุดตั้งแต่เย็น ... ตกยาวนานราววันสุดท้ายก่อนจะสิ้นโลก สายละอองสีเงินโปรยเกาะหน้าต่างรถ อากาศภายในเย็นเฉียบ
คนขับแท็กซี่กดเปลี่ยนคลื่นวิทยุแก้เบื่อ ... ฝนตก รถติด เป็นธรรมดาของกรุงเทพฯ โชคดีที่ได้ค่าจ้างเหมาแบบไม่ต้องกดมิเตอร์ มิเช่นนั้นเขาไม่ยอมเสียเวลาติดแหง็กอยู่ในเมืองเช่นนี้หรอก
สโรชาดูเวลาในโทรศัพท์มือถือ... เกือบสองทุ่มแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัด การจราจรแบบนี้เธอไปสายไปแน่
“จอดตรงเซเว่นข้างหน้าก็ได้ นี่ค่ะ ไม่ต้องทอนนะคะ”
คนขับรับเงินหน้าบาน ใจคิดว่าดีเหมือนกันที่ได้เงินเร็ว จะได้ออกจากถนนเส้นรถติดมหาโหดนี้เสียที สโรชาใช้กระเป๋าคลัชบังหน้าป้องกันเครื่องสำอางโดนน้ำเลือน
เมื่อก้าวผ่านเข้าประตูเลื่อนอัตโนมัติ คนยืนหลบฝนบริเวณใต้กันสาดร้านสะดวกซื้อเหลียวมองเธอเป็นตาเดียว ของที่สโรชาต้องการหาไม่ยากเลย อยู่ในช่องเหล็กโปร่งสีขาวข้างประตู
“ไม่ต้องใส่ถุง เดี๋ยวพี่ใช้เลย”
สาวเซเว่นรุ่นน้องหลุดจากอาการมองหน้าลูกค้าอย่างตะลึง รีบยิงบาร์โค้ดร่มพับให้ในทันใด
“ใครวะ สวยชะมัด ดาราหรือเปล่า”
เสียงในร้านดังไล่หลังคนเปิดประตูออกไป สโรชากางร่มเดินฝ่าสายฝนไปช้าๆ รองเท้าส้นสูงหนังสานเป็นเส้นอวดเท้าเปลือยขาวผ่อง แม้อาจเป็นอุปสรรคในการเดินไปบ้าง แต่ก็ไม่ยากสำหรับคนใส่ทุกวัน
ที่ต้องระวังคือไม่ให้ปลีน่องกลมกลึง ขาเรียว ซึ่งโผล่พ้นปลายเสื้อโค้ทเสมอเข่า โดนน้ำกระเซ็นจากล้อรถวิ่งบนถนน
เสื้อตัวนี้มิดชิด ใส่สบาย ดูราคาแพงเพราะมัณฑลีเพื่อนเธอซื้อมาฝากไกลจากอังกฤษตอนไปฮันนีมูน ... ไม่เหมาะกับสโรชาและไม่เหมาะกับสภาพร้อนชื้นของเมืองไทยเลย
... ที่ต้องใส่คืนนี้เพราะเธอมีงานและคนมาพบไม่ใช่คนไทย กฤตโทร.ให้ไปพบแขกที่โรงแรมห้าดาว จึงต้องแต่งตัวดีหน่อย
“ฉันมาพบมิสเตอร์อิคนาเซวิชห้อง... ค่ะ”
พนักงานต้อนรับสาวหน้าเคาน์เตอร์ยิ้มให้ ตาเก็บภาพรายระเอียดผู้มาพบแขกห้องเพ้นท์เฮ้าส์อย่างรวดเร็ว
“แจ้งเขานะคะว่าฉันเป็นคนของคุณกฤต เอ่อ... มิสเตอร์อิคนาเซวิชรู้จักในนามคริสค่ะ ฉันชื่อสโรชา”
“สักครู่นะคะ เดี๋ยวเรียนท่านให้”
เธอกดโทรศัพท์ยกหูโทร.ไปยังห้องที่ว่าทันที แขกนามสกุลรัสเซียแต่สำเนียงอังกฤษแบบอเมริกัน รวยมากเพราะเล่นเหมาห้องโรงแรมทั้งชั้น
“คุณรออยู่ล็อบบี้นะคะ สักครู่คนของท่านจะลงมารับ”
พนักงานผายมือไปทางโซฟาหนานุ่มน่าสบาย สโรชาเดินไปนั่ง โดยมีสายตาหลังเคาน์เตอร์จับจ้องตลอด นึกชมในใจ ... ผู้หญิงคนนี้สวย ผมย้อมสีน้ำตาลอ่อนหยักศกยาวถึงกลางหลัง ตาคมกริบ จมูกโด่ง ริมฝีปากหนาอิ่มเคลือบลิปสติกสีชมพู ผิวขาว รูปร่างดีหุ่นระหง
เธอเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าเล็กเพียงใบเดียว แม้ไม่ได้แต่งตัวยั่วยวน แต่คนทำงานโรงแรมมากประสบการณ์ก็พอเดาจุดประสงค์การมาถูก ... ราคาเธอคงแพงตามกำลังเงินแขกเพ้นท์เฮ้าท์
ผู้ลงมารับสโรชาเป็นหนุ่มต่างชาติตาสีเทาผมเกรียน สวมสูทแต่ไม่ผูกไทด์ สำเนียงอังกฤษแปร่งหูบ่งบอกว่าไม่ใช่เจ้าของภาษา
เขาพาเธอขึ้นลิฟท์ ไปหยุดลง ณ ชั้นๆ หนึ่ง ประตูไม้หนาหนักเปิดออก เผยให้เห็นเพ้นท์เฮ้าหรูหรา มีทั้งห้องทำงาน ห้องรับแขก เธอเดินตามหลังเขาผ่านบรรดาหนุ่มต่างชาติคนอื่นที่ยืนเฝ้าเป็นจุดๆ ในบริเวณห้อง
นับดูจำนวนคนน่าจะประมาณห้า ... บอดี้การ์ดเยอะจริง แขกคราวนี้เป็นมหาเศรษฐี ทำมาค้าขายอะไรนะ แล้วเธออยากรู้ไปทำไมหนอ หมดธุระคืนนี้ เธอกับเขาก็จะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้าต่อกัน ... เหมือนอย่างแขกคนที่แล้วๆ มา
หนุ่มสำเนียงแปร่งบอกให้เธอนั่งรอเจ้านายบนเก้าอี้ข้างโคมไฟใหญ่ในห้องนอน แล้วก็ลับหายไปข้างนอก ปล่อยเธออยู่ลำพัง
สโรชานึกขำๆ ว่าคงไม่ล็อคประตูขังหรอกนะ เธอถอดเสื้อคลุมออกกางไว้บนพนักพิงโซฟา จากนั้นเดินไปสำรวจตัวเองในห้องน้ำ
ทรงผมดีอยู่ เครื่องสำอางก็ยังโอเค ชุดที่ใส่มาเป็นแซกสั้นคล้องคอเข้ารูปสีเขียวมะนาว ขับสีผิวและรูปร่างให้กลมกลึง สโรชาสวยทั้งจากตัวเองคิดและจากคำชมของคนอื่น แม้ชะตาชีวิตจะผกผันให้หัวหกก้นขวิดอย่างไร ก็ได้ความสวยนี่แหละช่วยชีวิต ... แต่มันมีราคามากเหลือเกินที่เธอต้องจ่าย
สโรชาส่ายศีรษะสลัดความคิดเศร้าหมองออกไปเสีย โทษว่าเป็นด้วยอากาศชวนหดหู่ ... ทำจิตตก เธอมาให้ความบันเทิง ขืนเศร้างานก็กร่อย เสียชื่อเบอร์หนึ่งค็อกเทลเลาจน์กฤตหมด เขาอุตส่าห์ไว้ใจให้รับงานนี้ เพราะสโรชาพูดภาษาอังกฤษได้ในระดับดี สมกับเคยเรียนโรงเรียนคอนแวนต์ แต่ไม่จบมอหกด้วยปัญหาครอบครัว
เธอกลับมานั่งรอแขก พลางพิจารณารอบห้อง ไล่มาตั้งแต่แชนเดอร์เลียร์คริสตัลระยิบระยับบนเพดาน รูปภาพวาดดอกไม้ไทยใส่กรอบติดผนัง ม่านหน้าต่างหนาสีเทาเข้มซึ่งแหวกออก
แต่ละด้านผูกด้วยเชือกดิ้นทองอันใหญ่ละอองฝนจับพราวบนกระจกด้านนอก เตียงหนาปูผ้าขาวสะอาดไว้ตึง ปลายเตียงมีม้านั่งยาวสีเทาควันบุหรี่
ประตูกั้นระหว่างห้องนอนกับภายนอกที่เต็มไปด้วยบอดี้การ์ดทำหน้าได้ดีเกินคาด ... สโรชาไม่ได้ยินเสียงใดเล็ดลอดเข้ามาเลย ทุกสิ่งเงียบสงบ ผ่อนคลาย เธอเอนหลัง คิดเรื่อยเปื่อย หลังจากรับแขกคนนี้กฤตให้พักสามวัน เธอจะไปเยี่ยมแม่
สโรชาคิดอีกหลายเรื่อง เห็นว่าชักรอนาน หยิบมือถือขึ้นดู ชั่วโมงหนึ่งแล้ว แขกยังไม่มา เธอไม่เร่งร้อนไปทวงถาม คิดว่าอย่างไรเสียคืนนี้ไม่ได้ไปต่อที่ไหน จึงเล่นมือถือรอ สักพักก็เบื่อเก็บกลับใส่กระเป๋า
เอนหลังพิง วางแขนบนเก้าอี้นุ่ม หน้าแหงนมองแชนเดอร์เลียร์หรูหรา จ้องความพราวพร่างระคนเสียงขับกลอมเบาๆ จากสายฝน
กลิ่นสะอาดของแพรพรรณซักใหม่ ดอกไม้สดในแจกันหอมบางเบา ราวใครมาแอบแต้มน้ำหอมไว้ อากาศในห้องเย็น ... การได้อยู่ตามลำพัง ในสถานที่ปลอดภัย ปล่อยใจไปเรื่อย ทุกอย่างชวนสบายจนสโรชาหลับตาผ่อนคลาย
... เนิ่นนานเกินไปหน่อยกระทั่งเผลอผล็อยหลับไป
อลัน ซาโกเยฟ ยังไม่ทันได้ปิดประตูเพนท์เฮ้าส์สนิท เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ตาเหลือบดูเจ้านายร่างสูงซึ่งยืนห่างออกไปนิด อย่างเกรงใจ พอล้วงออกมาดูชื่อปรากฏบนหน้าจอทำเอาลำบากใจยิ่งกว่า
“พี่เซอร์เกล่ะ” ปลายสายไม่ทักอะไรทั้งนั้น ยิงคำถามเข้าตรงประเด็น
“เพิ่งกลับมาครับ ท่านกำลังพักผ่อนอยู่” คนเขาพาดพิง กำลังยื่นโค้ทกันฝนให้ลูกน้องไปแขวนที่เสากลมข้างผนัง
“เจรจาธุรกิจเสร็จแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง” ความกระตือรือร้นชัดเจนในน้ำเสียง
“เอ่อ...” อลันลังเลตอบคำถาม
“ใครโทร.มา ญามิลลาเหรอ” เจ้านายมุ่งสายตามายังเขา อลันพยักหน้า แล้วโทรศัพท์ก็โดนแย่งไปจากมือ
“มิลลา นี่เธอมีเบอร์โทรศัพท์ลูกน้องพี่ทุกคนหรือยังไงนะฮึ! ถึงโทร.ตามอยู่ได้” เซอร์เกกลั้วหัวเราะขณะคุย
“อลันดีกว่าพี่ตั้งเยอะที่ยอมรับสาย ว่าแต่การเจรจาธุรกิจเป็นยังไงบ้างคะ เราได้สัมปทานคาสิโนที่พม่าไหม”
คนมีโทรศัพท์แนบหูเดินไปที่ห้องทำงาน มือหนึ่งเขียนโน้ต แล้วฉีกยื่นให้ลูกน้องคนสนิท อลันรับไปทำตามอย่างว่องไว
“เธออยากรู้ไปทำไม”
“อะไรกัน การที่ฉันแต่งงานไปนี่ทำให้ต้องตัดขาดกับกิจการของครอบครัวเลยหรือไง” ญามิลลาเริ่มไม่พอใจ
“เปล่าหรอก พี่อยากรออะไรให้เป็นทางการมากกว่านี้”
“แสดงว่าเจรจาสำเร็จ”
น้องสาวรื่นเริง เซอร์เกไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ... แต่กำลังรอว่าปลายสายจะพูดอะไรต่อ
“งั้นพี่อย่าลืมใช้บริษัทบอริสมาก่อสร้างคาสิโนนะ” ... เขาเดาถูกจริงๆ
“เราจะคุยเรื่องนี้กันทีหลังนะ อย่างเป็นทางการ”
เพราะอย่างนี้แหละเซอร์เกจึงไม่อยากรับสาย น้องสาวผู้รักสามีมากเกินควร ช่วยเหลือกิจการทุกอย่าง จนกลายเป็นแทรกแซงงานของเขา
“ค่ะ แล้วฉันจะรอ” ญามิลลาฉลาดพอไม่รุกต่อ แม้ใจเต้นร่าอยากคาดคั้นเอาคำตอบกับพี่ชาย
“พี่เซอร์เกอย่าลืมนะ ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกัน” คนโทร.มาไกลทิ้งท้าย เขายื่นโทรศัพท์คืนเจ้าของ เหยียดยิ้มให้
“ผมขอโทษ...” เจ้านายโบกมือเป็นเชิงห้ามลูกน้อง
“อย่าคิดมาก ญามิลลาเชื่อฟังฉัน แต่เอาแต่ใจมากกับคนอื่น ถ้านายไม่รับสาย เขาก็ต้องหาทางอื่นติดต่อฉันให้ได้ในคืนนี้”
เซอร์เกรู้ข้อเสียน้องสาวดี เธอชอบเอาชนะ ... ซึ่งก็เป็นนิสัยเขาเองเหมือนกัน
“เธอแค่อยากช่วยคุณบอริส”
เอ่ยชื่อนั้นแล้วอลันก็ก้มหน้า ... เมื่อดวงสีน้ำเงินคมกริบหรี่มองอย่างไม่พอใจ
“บางทีก็สงสัยนะอลัน ว่าญามิลลามีสายเลือดเดียวกับฉันจริงๆ หรือเปล่า ทำไมถึงไปรักคนอย่างบอริสได้”
น้องเขยผู้อ่อนแอและไม่ได้เรื่อง บริหารบริษัทก่อสร้างของครอบครัวได้แบบทรงๆ ทรุดๆ แต่กระนั้นน้องสาวเขาก็รักเหลือเกิน
อลันไม่ตอบ เขาพอเข้าใจ ญามิลลาเติบโตมาในครอบครัวผู้ชายเป็นใหญ่ เซอร์เก อิคนาเซวิช ก็เก่งกาจ กุมอำนาจบริหารบริษัทครอบครัวทั้งหมด ทุกคนต้องทำตามคำสั่งเขา เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ฉันใด คนนิสัยแบบเดียวกันก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ฉันนั้น
ญามิลลาจึงรู้สึกอึดอัด กระทั่งมาเจอกับบอริส คนอ่อนแอที่เป็นลูกไล่ให้หล่อนควบคุม ญามิลลาจึงไม่ลังเลใจเลยที่จะแต่งงานกับเขา
“รักคนพาชีวิตเราพังนี่มันดีตรงไหน มีความสุขกันยังไง”
เซอร์เกพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะหาคำตอบจริงจัง
“ไม่ต้องรักก็มีความสุขได้ครับ” อลันพยักหน้าไปทางห้องนอน อย่างมีความหมาย
“รูมเซอร์วิสพร้อม คนในห้องก็คงพร้อมแล้วเหมือนกัน”
นั่นละเซอร์เกจึงคิดขึ้นได้ว่า คืนนี้มีของขวัญฉลองความสำเร็จรออยู่
สโรชาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยอาการสะลึมสะลือ นอนบนเตียงท่ามกลางสายช่วยชีวิตระโยงระยาง ธนนท์ยิ้มปรี่ลุกจากเก้าอี้ข้างเตียง“ไม่ต้องห่วงนะบัวปลอดภัยแล้ว ... ลูกก็ด้วย”มือเธอลูบปลอบคนในท้องทนุถนอม“ลูกกระสุนเฉียดจุดสำคัญไป”“คนยิงก็ใจร้าย ทำคนท้องไส้ได้”สโรชาไม่มีวันลืมดวงตาอำพันคู่นั้น ... ผู้หญิงในกระเป๋าสตางค์ของเซอร์เก เธอยิงสโรชาเพราะแค้นที่แย่งเขามากระนั้นหรือ ประตูห้องพักผู้ป่วยเปิดออก ตัวต้นเหตุในสายตาสองคู่พากายเข้ามา“ผมมีเรื่องคุยกับบัวหน่อย”ธนนท์ตั้งท่าจะไม่ยอมออกไป สโรชาพยักหน้าเป็นเชิงขอร้อง เขาจึงออกไปด้วยอาการไม่พอใจนัก“ผมขอโทษแทนญามิลลาน้องสาวผมด้วย เธอแย่เพราะเสียสามีและเข้าใจผิดเรื่องคุณ”เธอใจชื้น ที่ได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวเขา ... อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ผิดศีลข้อสาม“สามีน้องสาวคุณเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ”“เธอคิดว่าผมเป็นต้นเหตุทำให้สามีเธอตาย คุณกำลังมีลูกกับผม มิลลาต้องการแก้แค้น ไม่อยากเห็นผมมีความสุข”เขาเล่าเสียงแห้งแล้ง ... มีความเจ็บร้าวลึกอยู่ข้างใจ“แล้วคุณเป็นต้นเหตุจริงๆ หรือเปล่าล่ะ”เธอสอบสวนเขาตาแป๋ว เซอร์เกหัวเราะขื่นๆ“จะว่าผมเป็นต้นเหตุก็
“ฉันก็ไม่มีพ่อ ยังโตมาได้เลย”นึกถึงคนที่จากไปความทรงจำเจ็บปวดก็ลอยเข้ามา“พ่อคุณจากตาย แต่ผมยังมีชีวิตอยู่นะ”“คุณกับฉันอยู่คนละโลก คนละสังคม ถึงจะมีชีวิตอยู่ก็ไม่ต่างกับการตายจากกัน คุณมีทุกอย่าง แต่ฉันไม่มีอะไรเลย เป็นผู้หญิงขายตัว ... โสเภณีที่คุณเคยว่าด้วยซ้ำ ใครจะไปคิดว่าคุณจะแคร์เด็กในท้อง ในเมื่อคุณสามารถหาเมียดีๆ มีหน้ามีตา ลูกที่เกิดกับเธอต้องเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยม”สโรชาใจร้าวเหลือเกินเมื่อคิดภาพเขายืนเคียงหญิงอื่น“อย่าให้ฉันกับเด็กในท้องเป็นเรื่องลำบากใจของคุณเลย ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ เงินสิบล้านที่ให้มากก็มากพอแล้ว”“ผมไม่ได้ต้องการรับผิดชอบนะ”... เป็นเรื่องหน้าที่ ... หน้าที่อะไรล่ะ“ผมเป็นพ่อของแก”คนฟังน้ำตารื้น หยิบผ้าห่มคลุมโปง เขาต้องการแค่ลูกจริงๆ ด้วย ไม่เอ่ยถึงอนาคตเธอเลย“บัว...”เซอร์เกอยากจะพูดอะไรต่อ แต่สโรชาฝืนทำเสียงเรียบตัดบท“ฉันง่วง จะนอนแล้ว”“ราตรีสวัสดิ์ครับ”เขาได้ยินเสียงเธอพลิกกายแผ่ว สูดจมูกสั้นเหมือนคนเป็นหวัด ก่อนค่อยๆ ผ่อนเป็นลมหายใจยาวลึกสม่ำเสมอหนุ่มรัสเซียกำลังคิดหนัก เขาสะดุดตั้งแต่สมองตนถามเรื่องเรื่องหน้าที่... หน้าที่พ่อที่มีต่อลูกคือ
“แล้วเธอทำยังไงต่อ”มัณฑลีรับฟังโทรศัพท์จากเพื่อนด้วยใจลุ้นระทึก“ฉันหนีขึ้นห้องนอน กะว่าจะขังตัวเองอยู่คนเดียวสักหน่อย เขาดันไขกุญแจขึ้นมาได้ ตอนนี้อาบน้ำอยู่”“เรียกว่าหนีไม่พ้นแล้วว่าอย่างนั้นเถอะ”สโรชาถอนหายหายใจแทนคำตอบ ปรายตาดูกองเสื้อผ้าใหม่เขาที่อลันเพิ่งเอามาให้“อ๊ะ! ลีคุยโทรศัพท์แปร๊บนึงนะคะ คุณหนึ่งทานข้าวได้เลย”เสียงมัณฑลีหันไปบอกสามี“โทษที ฉันโทร.มากวนหรือเปล่านี่”เวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือบอกเวลาสองทุ่มเกือบครึ่ง“ไม่เป็นไรหรอก วันนี้คุณหนึ่งกลับช้า เลยกินข้าวเลท ปรกติเขาจะกลับมากินข้าวเย็นที่บ้าน ฉันเลยต้องรอ”สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นข้อตกลงร่วมกันอย่างไม่ต้องมีคำพูดของสามีภรรยา สโรชาฟังแล้วอิจฉานิดๆ“ถามจริงๆ เถอะ ลีรู้สึกยังไงกับการมีคู่”... คู่ที่เกิดจากหัวใจตรงกัน ไม่ใช่จากอุบัติเหตุจนมีลูกอย่างเธอและเซอร์เก“ฉันไม่เคยนึกภาพเลยนะ ทั้งตอนที่ตัวเองเป็นแม่คนแล้วก็มีครอบครัว”“ไม่แปลกหรอก แต่ก่อนฉันก็ไม่เคยนึก”ในสังคมมีผู้หญิงมากไปที่สุนกกับการและการใช้ชีวิตอิสระ“ฉันยอมรับนะว่ากลัวการใช้ชีวิตคู่ ... กลัวความรัก เพราะอดีตฉันไม่ดีเลย”สโรชานึกแค่ว่าสักวันเมื่อแก่ตั
ช่วงเวลาที่สโรชาคิดว่าตัวเองสุขนั้นแสนสั้น หัวค่ำตัวก่อกวนใจก็กลับมา“กินข้าวหรือยัง อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”ทำธุระทั้งเรื่องญามิลลากับธุรกิจเสร็จชายหนุ่มขับรถกลับมาเลย“ไม่ ฉันอิ่มแล้ว”เธอเพิ่งจัดการข้าวเย็นไปหมาดๆ คนงานร้านกลับไปหมดแล้ว บรรดาบอดี้การ์ดยังจอดรถเฝ้าเหมือนเดิม อลันอยู่ข้างนอกเมื่อเจ้านายกลับมา“ผมยังไม่ได้ กินอะไรเลย”เขาเอามือลูบท้องตาละห้อย“มีเงินก็ไปซื้อกินเองสิ โน่น! ขับไปไม่ไกลมีตลาดโต้รุ่ง”“ผมเพิ่งขับกลับมาเหนื่อยๆ นะ จะไล่ให้ไปอีกแล้วเหรอ”การได้ต่อล้อต่อเถียงกับเธอทำให้เขาสนุก ลืมเรื่องเครียดๆ ที่กรุงเทพฯได้เยอะ“งั้นใช้ลูกน้องคุณไปซื้อสิ ถ้ากลัวคุยกับเขาไม่รู้เรื่องก็เข้าเซเว่น อาหารแช่แข็งมีเมนูภาษาอังกฤษเพียบ”“อยากชิมฝีมือคุณมากกว่า ขนมยังทำอร่อย อาหารอย่างอื่นคงอร่อยด้วย”“ฉันไม่ทำกับข้าวอีกหรอก เหนื่อย! คุณแย่ขนาดใช้คนท้องเลยหรือยังไง”ใจสโรชาคิดว่ายังไงก็ได้ ... ขอให้ไล่เขาออกไปได้ไวๆ เธออยากอยู่เงียบๆ กับลูก“เอาล่ะๆ” เซอร์เกยอมแพ้ “เดี๋ยวผมทำแซนวิชกินเอง”ร่างสูงไปทางครัวเปิดตู้เย็นแล้วชะงัก ไม่มีขนมปัง เนย แยม หรืออาหารสำเร็จรูปเลย“ฉันไม่อยากให้ล
“นี่ผมอยู่ในพระราชวังเครมลินหรือยังไง”คิริลล์เข้ามายามบ่ายจัด กวาดตาดูรถสี่คัน และบรรดาบอดี้การ์ดอีกครึ่งโหลเดินตรวจตรารอบบริเวณร้าน“พ่อเจ้าตัวเล็กนี่ขี้ห่วงจังนะ”เขายิ้มหลิ่วตาล้อสโรชา เธอค้อนควับไม่ขำด้วย“คุณรู้เห็นเป็นใจกับเขา”ไม่อย่างนั้นเซอร์เกคงไม่ได้เบอร์โทร.ภายในไม่กี่ชั่วโมง แถมยังขับรถกลางดึกมาร้านเธอถูก“เปล่านะ หมอนั่นมันทำเอง ผมอยากจะขวางอยู่หรอกนะ แต่เรื่องบางเรื่องก็สุดวิสัยจริงๆ”คิริลล์โคลงศีรษะไปมา“ไม่มีใครห้ามหมอนั่นได้หรอก ... คุณก็รู้นี่ ดีแล้วไม่ใช่เหรอ เด็กจะได้มีพ่อ”“ฉันเลี้ยงเขาคนเดียวได้”คิริลล์ได้ยินแล้วนึกสงสารเพื่อน ... ต้องเหนื่อยหนักกันล่ะงานนี้“ระหว่างฉันกับเซอร์เกเป็นแค่เรื่องทางร่างกาย ในเมื่อลูกอยู่ในท้องฉัน เขาก็ต้องเป็นสิทธิ์ของฉันสิ”“ผมไม่เข้าใจเลยนะสโรชา”หนทางข้างหน้าระหว่างเธอกับเซอร์เกอาจยากลำบาก แต่ช่วงเวลาที่ทั้งสองจ้องมองในงานเลี้ยง ... ประกายในแววตาสื่อความลับในหัวใจได้เป็นร้อยพัน“ผู้หญิงคงไม่ยอมอุ้มท้องลูกของผู้ชายที่เธอไม่คิดอะไรด้วยหรอก”สโรชาขณะนี้ไม่ได้ดูสวยสง่าเหมือนเห็นคราแรกแล้ว ... ตรงหน้าคิริลล์คือหญิงสาวผู้สับสน
ธนนท์หน้าหุบทันทีเมื่อเลี้ยวรถจอดหน้าร้านแล้วเห็นเซอร์เกยืนกอดอกพิงรถอยู่“ไงหมอ”เขาทักยิ้มๆ แผ่รัศมีความเป็นต่อออกมาแวบๆ“กลับมาเมืองไทยเมื่อไรครับ”“สักพักมานี้แหละ ผมมาหาบัว”ธนนท์กัดฟันกรอด ลางพ่ายแพ้การช่วงชิงหัวใจสโรชาลอยมาอีกรอบ รถคันที่สามเลี้ยวเข้าจอดขัดจังหวะ เจตวัฒน์ขมวดคิ้วงงที่จู่ๆ พบแขกของคิริลล์ที่นี่ในเวลาเช้าตรู่“ДОБРОЕ УТРО(โด๊บบร๊ะเย่ อูตระ/อรุณสวัสดิ์)”เซอร์เกทักภาษารัสเซีย เขาตอบกลับเช่นกัน นอกจากนั้นยังสังเกตได้ถึงบรรยากาศทะถมึงทึง ระหว่างสองหนุ่ม ประตูร้านเปิดออก เรียกความสนใจจากบรรดาแขกไม่คาดคิดของกันและกัน มัณฑลีกับสโรชายืนอยู่หลังตู้โชว์ขนม“ฉันอยากอยู่ช่วยเธอที่นี่จัง แต่คุณหนึ่งคงไม่ยอม โชคดีนะบัว มีอะไรโทร.หาได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”ดูสถานการณ์แล้ว สโรชาน่าจะปวดหัวไม่น้อย ... ทั้งคนแอบชอบ ทั้งพ่อเด็กในท้อง ทุกคนพร้อมใจมาวันเดียวกันหมด“โชคฉันหมดตั้งแต่ช่วยนายเซอร์เกแล้วล่ะ ลีกลับกับคุณหนึ่งเถอะ ขอบใจมากนะสำหรับทุกอย่าง”เพื่อนกลับไป เหลือไว้แต่เธอที่ต้องจัดการปัญหาที่ตนเลือกเอง“บัว พี่มารับไปตรวจครรภ์จ้ะวันนี้”ธนนท์ปรี่ยิ้มเข้ามาในร้านอย่างคุ้นเคย เขา
“คุยกันตรงนี้ไม่ได้เหรอ”คำต่อรองสโรชามีผลน้อยเหลือเกิน เพราะเจ้าของรถสตาร์ทแล้ว พร้อมเริ่มเร่งเครื่องเสียงดัง“ก็ได้ๆ”อย่างน้อยสโรชาก็คิดว่าเขาคงไม่ใจร้าย ทำอะไรรุนแรงกับเธอหรอก ... และก็เป็นอย่างที่คาด เซอร์เกขับรถช้าระวังเธอมาก ทั้งๆ หน้าโกรธออกอย่างนั้น เขาเลี้ยวรถมาจอดริมทะเล“ในท้องนั่นน่ะ ลูกผมใช่ไหม”สโรชาตกใจเม้มริมฝีปากสั่นระริก ... ไม่กี่ชั่วโมง เขาก็รู้เสียแล้ว ยังไม่ทันหาคำโกหกเลย“อย่ามาโมเมนะ ลูกคนอื่นต่างหาก”“โกหก! คุณไม่มีใครเลย เป็นซิงเกิ้ลมัม”“คุณนั่นแหละไปเอาข่าวมาจากไหน มั่นใจได้ยังไงว่าลูกคุณ”“ในห้องน้ำ เช้าที่คุณเมามาก ... เราไม่ได้ป้องกัน”เธอหน้าแดง อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ภาพความหวามร้อนแรงลอยเข้ามาย้ำเตือนอยู่เนือยๆ“แค่ครั้งเดียว ไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกน่า”“หลังจากพบผมแล้วคุณไม่มีใคร เด็กในท้องต้องเป็นลูกผม”เขาโทร.ไปคาดคั้นเอากับกฤตซึ่งปากหนักเหลือหลาย‘เธอลาออกไปหลังคุณโดนยิงสองอาทิตย์’อดีตเจ้านายเธอทิ้งปริศนาไว้แค่นั้น รวมกับอนุสิทธิ์บอก‘มิสสโรชาเป็นซิงเกิ้ลมัม ไม่มีใครเคยเห็นสามีเธอ ทีแรกคิดว่าเป็นหมอที่มาหาบ่อยๆ แต่เขาไม่เคยค้างที่นั่น จึงไม่ใช่สา
“บัว!”ดวงตาสีน้ำเงินเงยขึ้นสบเจ้าของชื่อ ใบหน้าสโรชาซีด“อยู่นิ่งๆ อย่าเพิ่งขยับนะเดี๋ยวลื่น ทิชชู่ๆ เช็ดพื้นเร็ว”มัณฑลีหยิบทิชชู่แถวๆ นั้น ก้มๆ เงยๆ เช็ดเศษขนมตกพื้น ศีรษะเพื่อนอยู่ระดับเดียวกับครรภ์ที่ยื่นออกมาชัดเจนของเธอพอดี“คุณบัว”เจตวัฒน์โอบวงแขนประคองเธอแน่นขึ้นเมื่อเห็นร่างว่าที่คุณแม่ทำท่าจะเซ“คุณโอเคไหม ไปนั่งก่อนเถอะ”คิริลล์อีกคนห่วงใย พุ่งมาหา พยักหน้าให้คนของเขาเตรียมโต๊ะ“คุณหนึ่งพาบัวไปนั่งพักก่อนเถอะค่ะ เรื่องซุ้มขนมลีจัดการเอง”สโรชาเกาะแขนสามีเพื่อนไว้แน่น หัวใจเต้นระรัว สมองเต็มไปด้วยความว้าวุ่น ... เซอร์เกมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เขารู้หรือเปล่าว่าในท้องเป็นลูกเขา“เวียนหัวไหมครับ ... เอายาดมไหม”เจตวัฒน์อาทร คิริลล์กับเซอร์เกตามมานั่งโต๊ะด้วย สโรชาส่ายศีรษะปฏิเสธก้มหน้าซ่อนเร้นสายตาตระหนก เซอร์เกเริ่มไม่พอใจ อยากรู้ว่าพูดภาษาไทยอะไรกัน“เธอคงเพลียกับงานที่เจอคนมากขนาดนี้ ท้องกี่เดือนแล้วครับภรรยาคุณ”เซอร์เกถามเสียงเย็น“ยี่สิบสี่สัปดาห์ครับ”เจตวัฒน์โบกมือขอน้ำเปล่าจากบริกรถือถาดผ่านมา สโรชาใจหายวาบ ... ภาวนาในใจว่า ... อย่าตอบอะไรอีกนะคุณหนึ่ง หยุดพูดเดี๋ยวน
บ้านคิริลล์กว้างใหญ่มาก สองสาวลงจากรถมองอย่างทึ่งๆ ตึกลักษณะสองชั้น ออกแบบหน้าต่างเป็นกระจกบานสูง ปลูกต้นไม้โดยรอบ โดยเฉพาะไม้จำพวกลีลาวดีขาวและชวนชมสีสดทางเข้าก่อนถึงประตูมีกำแพงน้ำตกประดับปูนปั้นรูปสิงห์ ... ให้อารมณ์สไตล์บาหลี งานเลี้ยงจัดบริเวณสระว่ายน้ำทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งมีบันไดเป็นขั้นประดับด้วยกระถางเฟื่องฟ้าชมพูทอดไปถึงชายหาด“ถ้าฉันมองจากฝั่งทะเล จะคิดว่าที่นี่เป็นโรงแรมนะเนี่ย ตกแต่งหรูจัง”มัณฑลีชวนคุย ขณะช่วยยกกล่องขนมไปจัดเรียง งานเริ่มหนึ่งทุ่ม สโรชา มัณฑลีและเจตวัฒน์มาช่วยจัดของตั้งแต่หกโมงเย็น อาทิตย์แสงสุดท้ายยังไม่ลับ ไฟประดับต้นไม้และโต๊ะเริ่มเปิดกระพริบพราย“ถ้าชอบให้คุณหนึ่งซื้อให้ก็ได้นี่ เขารวยออก”พนักงานมานำพวกเธอไปยังสถานที่ ซึ่งคนเดินขวักไขว่ วุ่นวายกับการเตรียมงาน เจตวัฒน์พาคนงานกลับไปเอาของอีกจากรถ“เขาไม่ได้รวยขนาดนั้นหรอก แค่พออยู่ได้”มัณฑลีก็เล่าเรื่องสามีอีกนิดหน่อย สโรชาไม่ทันได้ฟัง เธอคิดว่าหมดงานนี้แล้วจะพยายามเลี่ยงไม่เจอคิริลล์อีก ... เห็นหน้าเขาแล้วแสลงใจถึงอีกคน อีกอย่างเขาเป็นนักธุรกิจรัสเซีย อาจรู้จักกับเซอร์เก เลี่ยงไว้ก่อนละเป็นการดี
Comments