“น้ำอบๆๆ” เสียงพุดกรองนี่นา หญิงสาวหันหน้าไปทางเจ้าของเสียง พุดกรองกับคุณป้าอรพิณ น่าจะเพิ่งกลับจากวัด น้ำอบยังร้องไห้และสะอื้นอยู่ สภาพเธอตอนนี้คงน่าสงสารมาก
“น้ำอบเป็นอะไร” พุดกรองกางร่มลงมาจากรถ “น้ำอบนี่เลือดนี่ โอ้ยตายแล้ว” พุดกรองร้องเสียงดังแข่งกับฝน เมื่อเห็นเลือดที่แขนของน้ำอบ ที่ขาก็มี ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้นะ” ขึ้นรถๆ เร็วตายแล้ว ทำไมเป็นแบบนี้” พุดกรองประคองน้ำอบไปขึ้นรถ ดีที่วันนี้เธอใช้รถกระบะ 4 ประตู
“เดี๋ยวก่อนพุดกรอง อบช่วย”
“ไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวพุดทำเอง” พุดกรองเปิดกระบะท้าย แล้วยกรถจักรยานของน้ำอบขึ้น
น้ำอบ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะลูก นางอรพิณจับมือของน้ำอบมากุมไว้ ลูบหลังลูบไหล่ของน้ำอบ เมื่อเห็นเด็กสาวร้องไห้และสะอื้นไม่หยุด นางดึงตัวของน้ำอบเข้ามากอดไว้ นั่งยิ่งทำให้ หญิงสาวสะอื้นจนตัวโยน
พุดกรอง เลือดไหลใหญ่แล้วลูก แวะอนามัยก่อนเลย โรงพยาบาลไกลเกินไป นางสั่งลูกสาว
“ได้ค่ะแม่ อดทนนิดนะน้ำอบ เลี้ยวข้างหน้านี่ก็ถึงแล้วล่ะ” พุดกรองพยายามบังคับรถท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
พุดกรองช่วยพยุงน้ำอบเข้าไปในห้องทำแผล โชคดีที่ฝนตก ไม่มีคนป่วย มีเพียงน้ำอบเป็นคนไข้รายแรกของวันนี้
“ไปเป็นอะไรมาคะคนป่วย เดี๋ยวแผลที่แขนนี่ต้องเย็บนะคะ เดี๋ยวขอหมอดูแผลที่ขาหน่อยค่ะ ผ้าถุงนี่หมอขอตัดเลยนะคะ ไม่น่าจะใช้ได้แล้ว ขาดขนาดนี้ โห...เจ็บนิดนึงนะคะ แผลลึกเลย “
“พอดีรถจักรยานลื่นล้มค่ะ “หญิงสาวตอบหมอไป เธอหยุดร้องไห้แล้ว แต่ก็ยังมีสะอื้นบ้าง
“ญาติคนป่วยช่วยกรอกประวัติให้หมอทีนะคะ “เดินไปกรอกที่ห้องถัดไปได้เลยค่ะ
“พุดกรอง บัตรประชาชนอยู่ในกระเป๋า หยิบได้เลย” เสียงของน้ำอบยังสั่นไม่หาย
จริงอย่างที่เธอคิด น้ำอบอายุเท่ากับเธอเลย แปลกจัง วันเดือนปีเกิด ก็เหมือนกัน เป็นไปได้ยังไง “แม่คะ ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ แม่ดูนี่ซิคะ พุดกรองยื่นบัตรประชาชนของน้ำอบให้นางอรพิณดู
นางอรพิณรับบัตรประชาชนของน้ำอบมาดู “พุดกรอง ถ่ายรูปไว้ให้แม่หน่อย”
“ค่ะแม่ “หญิงสาวรับบัตรประชาชนของน้ำอบคืนมาแล้ว ถ่ายรูปเก็บไว้ตามที่มารดาบอก
“ไปดูน้ำอบเถอะลูก” สองแม่ลูกเดินกลับมาที่ห้องทำแผลอีกครั้ง
พุดกรองเข้าไปจับมืออีกข้างของน้ำอบบีบมือให้กำลังใจเพื่อน น้ำอบยังสะอื้นอยู่
พุดกรองคิดว่ามันไม่ใช่การล้มจักรยานธรรมดาแน่ๆ ก่อนที่เธอกับแม่จะออกจากร้านกาแฟ เธอเห็นรถพี่ชายเธอขับอย่างเร็วผ่านหน้าร้านไป ที่สำคัญขับมาจากทางที่เขาเจอน้ำอบ พุดกรองไม่อยากคิดเลย ถ้าเป็นเรื่องจริง เธอจำทำยังไง เมื่อเช้าที่ศาลา น้ำอบมีท่าทางที่กลัวพี่ชายเธอมาก มีอะไรที่เธอไม่รู้หรือเปล่า หญิงสาวคิดว่า แม่ของเธอก็คิดเหมือนเธอเช่นกัน
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ที่ต้นแขนนี่เย็บไป 5 เข็ม ที่โคนขา 8 เข็ม คนไข้เก่งมากค่ะ ไม่ร้องเลย คืนนี้อาจจะระบมและปวดนะคะ เดี๋ยวหมอจัดยาให้ และมาล้างแผลทุกวัน เช้าหรือเย็นก็ได้ ช่วงแรงพยายามอย่าให้แผลโดนน้ำ “
น้ำอบตกใจกับคำพูดของหมอ นี่เธอเป็นแผลและเย็บมากขนาดนี้เลยเหรอนี่ เธอยกมือไหว้ขอบ คุณหมอสูงอายุ อีกหน่อยเธอต้องมาล้างแผลที่นี่ทุกวัน ซินะ เจ็บตัวไม่เท่าไหร่หรอก แต่เจ็บใจนี่ซิ ถ้าพุดกรองไม่ผ่านมา เธอจะทำยังไง เลือดมิไหลจนหมดตัวรึไงนะ น้ำอบหัวเราะให้กับชะตากรรมของตัวเองเบาๆ แน่นอน อาการนั้นไม่รอดพ้นไปจากสายตาของแม่กับลูก ที่นั่งอยู่ตรงข้าม
น้ำอบเริ่มรู้สึกหนาว เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเปียกไปทั้งตัว ผ้าถุงที่เย็บสำเร็จยาวถึงตาตุ่ม แต่ตอนนี้กลายเป็นสั้นเหนือเขา เพราะคุณหมอตัดออก มันขาดรุ่งริ่ง จนไม่น่าจะเย็บต่อกันได้ เสื้อผ้าลูกไม้สีขาว ก็กลายเป็นสีโคลน ใครมาเห็นสภาพเธอตอนนี้ คงตลกน่าดู
“ฝนยังไม่ซาเลย หนาวมากไหมน้ำอบ อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวพุดไปส่งที่บ้านให้ เดินไหวไหม “
“ไหว ๆ ค่อยๆ เดินไป น้ำอบขอร่มหน่อยได้ไหมพุด กลัวแผลถูกน้ำ “
“ได้เลย ไปค่ะแม่ เราไปส่งน้ำอบที่บ้านเถอะค่ะ ดูท่าฝนจะยังไม่หยุดแน่ๆ เลย เดี๋ยวปู่กับย่าน้ำอบจะเป็นห่วง รีบไปกันเถอะค่ะ” พุดกรองประคองน้ำอบไปขึ้นรถ
“พุด เห็นโทรศัพท์น้ำอบไหม ตอนที่ขนของขึ้นรถ”
“ไม่เห็นนะ สงสัยจะหล่นแถวนั้นรึเปล่านะ ไม่เป็นไร พุดคิดว่ายังไม่มีใครมาแถวนั้น พรุ่งนี้เดี๋ยวพุดมาดูให้นะ “พุดกรองขับรถออกจากสถานีอนามัย มุ่งหน้าไปส่งน้ำอบที่บ้าน
นี่เขาจะตามเด็กนั่นมาทำไม แม่กับน้องสาวเขาก็ดูแลอยู่ เขาไม่ได้ใจดำ บอกไม่ถูกเหมือนกันเขาขับรถเกือบถึงบ้านแล้ว แต่แล้วก็ต้องเลี้ยวรถกลับมาดูเด็กนั่น ไหล่ทางนั่นลื่นและลึกมากด้วย ฝนก็ตกหนัก แทบจะขับรถไม่ได้ เขาต้องค่อยๆ ขับกลับมา เพื่อมาดูว่าคนที่อยู่ข้างทางจะเป็นยังไงบ้าง ใจก็อยากเขาไปช่วย แต่เขาก็ไม่เข้าไป เขาเห็นตลอดตั้งแต่หญิงสาวค่อยๆ เก็บของมาไว้บนไหล่ทาง และออกแรงลากรถจักรยานขึ้นมาบนถนน จูงรถจักรยานกลับบ้าน เขากำลังจะออกรถไป
กระทั่งเขาเห็นพุดกรองกับแม่ ลงมาช่วยประคองเด็กนั่น ขึ้นรถ หลังจากที่พุดกรองออกรถไปแล้วเขาลงไปดู รอยเลือดเต็มไหล่ะทาง โทรศัพท์กับนาฬิกา เขาเก็บมา และเมื่อเห็นเลือด เขาก็ขับตามมาที่อนามัยแห่งนี้
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น การันต์รีบหยิบขึ้นมาดู เจษฎา ใครกัน รับดีไหม สุดท้ายเขาก็ปิดเสียงไว้ คนปลายสายก็ยังโทรมาอีก นับได้ 5 ครั้ง คงเป็นแฟนล่ะซิท่า แล้วเขาจะต้องมาขับรถตามดูเด็กนั่นทำไม สะใจเขาแล้วนี่ การันต์ไม่เข้าใจตัวเองเลย แทนที่เขาจะสะใจที่เห็นเด็กนั่นเจ็บตัว สงสารเหรอ ไม่หรอก น่ารำคาญจะตาย แม่กับน้องเขาก็ดูหลงเด็กนั่นจัง นี่เขาเป็นอะไรไป เขาใจร้ายเกินไปรึเปล่านะ ทำไมในหััวเขาต้องวนเวียนอยู่แต่กับผู้หญิงคนนี้ด้วยนะ แต่สุดท้ายเขาก็รู้สึกผิด
บ้านทรงทันสมัยหลังใหญ่ ที่ซ้อนตัวอยู่ในร่มไม้ ต้นไม้หลากหลายชนิด ทั้งที่ปลูกมาตั้งแต่สมัยปู่ย่า ก็ยังคงอยู่ และมีบางส่วนที่ปลูกขึ้นมาใหม่ ไหนจะไม้ดอก ต่างๆอีก ทำให้รอบบริเวณบ้านร่มรื่น บ้านหลังนี้อาศัยอยู่4 คน นายเก่งกาจ ผู้เป็นพ่อ นางอรพิณ แม่ การันต์ และพุดกรองและมีพ่อบ้าน แม่บ้าน เป็นสามีภรรยากัน อยู่บ้านหลังเล็กๆ อยู่เลยเข้าไปในสวนครอบครัว กัมปนารถนรากร มีธุรกิจสวนปาล์ม สวนยางบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ขนาดใหญ่ที่สุดในอำเภอนี้ เมื่อมี บริษัท รับเหมาก่อสร้าง แน่นอนก็ต้องมีร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างด้วยการันต์เป็นลูกชายคนโต นิสัยเขาอาจจะเหมือนปู่ และลุง ที่บวชเป็นะพระที่เขาเรียกหลวงพ่อ อดีตปู่เขาเป็นนักเลง ไม่ยอมคน กว้างขวาง เกเรสุดๆ ซึ่งหลวงลุงเหมือนก็เหมือนปู่มาก นักเลง ไม่ยอมคน เกเร ใจร้อน เอาแต่ใจ ไม่ชอบคนขัดใจพวกญาติๆ บอกว่าเขาได้ปู่ ได้ลุง เขาไม่สนใจหรอก แต่งานที่เขาดูแล เขาก็ไม่เคยทำให้เสีย เรื่องนิสัยนักเลง เขาเลิกไปนานแล้ว แต่เรื่องไม่ยอมคน เขาก็เหมือนเดิม อย่าได้มาเอาเปรี
“ใครมา ฝนตกหนักขนาดนี้”ปู่เปลวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นรถกระบะมาจอดหน้าบ้านใจของชายชราเริ่มไม่ดี เขารู้สึกไม่ดีตั้งแต่เช้าแล้ว แต่เห็นว่าเป็นความตั้งใจของหลานสาว ที่อยากไปทำบุญ ก็เลยไม่อยากขัด ได้แต่เภาวนาไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น"รถคุ้นๆนะย่า" ชายชรากดรีโมทเปิดประตู“อ้าวนั่น แม่อรพิณกับลูกนี่ มาได้ยังไงกัน เอ๊ะ....”“ใจเย็นๆ ย่านิ่งไว้นะ นิ่งไว้”ปู่เปลวหันมากำชับภรรยาไ่ม่มีอะไรแล้ว หลานเรากลับบ้านแล้ว แค่รอดูว่ามากหรือน้อย“สวัสดีค่ะลุงเปลว ป้าปราง ฉันพาหนูน้ำอบมาส่งจ๊ะ พอดีเจอกลางทาง จักรยานลื่นล้ม เลยพาไปทำแผลที่อนามัยมาแล้วจ๊ะ “ นางอรพิณ และพุดกรอง ยกมือไหว้ และรีบบอกเจ้าของบ้านทั้งสองคน ถึงการมาของนางและลูกสาว"พุดกรอง ช่วยประคองน้ำอบลงมาทีลูก พาขึ้นบ้านเลย เดี๋ยวค่อยมาเอารถจักรยานลง"“ไหว้พระเถอะ แม่อรพิณ มาๆเข้ามาก่อน โอ้ย
“น้ำอบๆๆ” เสียงพุดกรองนี่นา หญิงสาวหันหน้าไปทางเจ้าของเสียง พุดกรองกับคุณป้าอรพิณ น่าจะเพิ่งกลับจากวัด น้ำอบยังร้องไห้และสะอื้นอยู่ สภาพเธอตอนนี้คงน่าสงสารมาก“น้ำอบเป็นอะไร” พุดกรองกางร่มลงมาจากรถ “น้ำอบนี่เลือดนี่ โอ้ยตายแล้ว” พุดกรองร้องเสียงดังแข่งกับฝน เมื่อเห็นเลือดที่แขนของน้ำอบ ที่ขาก็มี ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้นะ” ขึ้นรถๆ เร็วตายแล้ว ทำไมเป็นแบบนี้” พุดกรองประคองน้ำอบไปขึ้นรถ ดีที่วันนี้เธอใช้รถกระบะ 4 ประตู“เดี๋ยวก่อนพุดกรอง อบช่วย”“ไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวพุดทำเอง” พุดกรองเปิดกระบะท้าย แล้วยกรถจักรยานของน้ำอบขึ้นน้ำอบ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะลูก นางอรพิณจับมือของน้ำอบมากุมไว้ ลูบหลังลูบไหล่ของน้ำอบ เมื่อเห็นเด็กสาวร้องไห้และสะอื้นไม่หยุด นางดึงตัวของน้ำอบเข้ามากอดไว้ นั่งยิ่งทำให้ หญิงสาวสะอื้นจนตัวโยนพุดกรอง เลือดไหลใหญ่แล้วลูก แวะอนามัยก่อนเลย โรงพยาบาลไกลเกินไป นางสั่งลูกสาว“ได้ค่ะแม่ อดทนนิดนะน้ำอบ เลี้ยวข้างหน้านี่ก็ถึงแล้วล่ะ” พุดกรองพยายามบังคับรถท่ามกลา
เขาไม่พอใจหลวงลุง แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ยุคสมัยนี้แล้ว ยังงมงายอยู่ได้ เขาไม่อยากโวยวายให้แม่กับหลวงลุงเสียหน้าเฉยๆ เพราะยังไงชาวบ้านแถวนี้ก็นับถือหลวงพ่อกันทั้งนั้น หลวงพ่อที่เป็นลุงของเขา มีชื่อเสียงในเรื่องของการหยั่งรู้ เรื่องราวในอดีต อภินิหาร อะไรประมาณนั้นแต่หลวงลุงไม่ได้แสดง หรืออวดอุตริอะไร มีคนดังมีชื่อเสียงหลายคนที่มาหาหลวงลุง ให้ช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตให้ ไม่ใช่ว่าจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ทันทีทันใด หลวงลุงจะคอยแนะนำให้สวดมนต์ นั่งสมาธิ คิดดีทำดี คนส่วนมากที่ทำตามที่หลวงพ่อบอก ประสบผลสำเร็จ แล้วกลับมาสร้างและบูรณะวัด มากมาย ไม่ว่าจะเป็นศาลาหลังใหม่ เมรุ กุฎิ ห้องน้ำ เงินที่ลูกศิษย์ลูกหาถวายมา ท่านก็ปรับปรุงวัดแต่ถามว่าเขาเชื่อไหม เขารู้สึกเฉยๆ แต่ก็เกรงใจท่านอยู่บ้าง หลายครั้งที่สมัยเขาเป็นหนุ่มน้อย ดวยนิสัยของเขาไม่เคยยอมและลงให้ใคร มีเรื่องตีรันฟันแทง กับคู่อริเป็นประจำ ครั้งนั้น เขาไปต่างถิ่นคนเดียว โดนคู่อริยกพวกไล่ล่า เขาขับรถหนี ด้วยความเร็ว ทำให้รถคว่ำ เขาสลบคาที่ คราวนั้นครอบครัวเขาคิดว่าเขาไม่รอด เขาสลบไปเกือบเดือนมันเหมือนความฝัน เขาเดินเข้าป่าลึก
“ไปหนูน้ำอบ ไปใส่บาตรกันลูก” นางอรพิณ แตะที่แขนของกรรณญาวีร์ ให้ลุกไปใส่บาตร“ค่ะคุณป้า “หญิงสาวลุกขึ้น ถือขันข้าวสวยเพื่อไปใส่บาตร น้ำอบเตินตามนางอรพิณไป และต่อหลังเพื่อรอใส่บาตร น้ำอบเพิ่งสังเกตว่าคนเยอะมาก เธอนั่งข้างหน้า และไม่ได้หันมามองข้างหลังเลย ระหว่างที่ยืนรอใส่บาตรนั้นเอง เสียงผู้หญิงเรียกชื่อน้ำอบ“น้ำอบ น้ำอบใช่ไหม มาวัดด้วยเหรอ ดีจริง “กรรณญาวีร์ หันไปตามเสียงเรียกจากทางด้านหลัง ผู้หญิงคนที่เธอเหยียบเท้าอยู่ในเซเว่นนี่นา จำได้ล่ะ ชื่อพุดกรอง สวยจัง พุดกรองใส่ๆๆชุดคล้ายของน้ำอบเลย แต่เสื้อคนละสี “สวัสดีจ๊ะ พุดกรองมาวัดด้วยเหรอ น้ำอบไม่เห็นเลย ““กรองมารอบสองจ๊ะ เมื่อเช้ามาส่งแม่ แล้วก็กลับไปเปิดร้าน แล้วก็รีบมานี่แหละ”ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ“อ้าว สองสาว รู้จักกันแล้วเหรอลูก” เสียงนางอรพิณ ดังขึ้นๆๆๆๆๆๆๆๆ“ค่ะแม่ เมื่อวานกรองเจอน้ำอบที่เซเว่นค่ะ บังเอิญมาก น้ำอบเหยียบเท้ากรอง เลยได้รู้จักกันค่ะ”“ดีๆ แล้วลูก รู้จักกันไว้ดีแล้ว มาๆ เตรียมใส่บาตรรกันเถอะลูก”ๆๆๆๆ“กรองใส่บาตรกับน้ำอบก็ได้นะ ข้าวน้ำอบเต็มขันเยอะมากเลย”“ได้เลย ขอบใจนะน้ำอบ “สองสาวใส่บาตรข้าวสวยด้วยกัน เสร็จแล้วก็
น้ำอบชอบอากาศตอนเช้าที่นี่จังเลย เงียบ มีแต่เสียงนก สายลมเย็นพัดผ่านปะทะตัว หอมดอกการเวกลอยมาจากซุ้มหน้าบ้าน ห้องนอนของน้ำอบอยู่ฝั่งติดประตูหน้าบ้าน เปิดหน้าต่างปุ๊ป ได้กลิ่นหอมชื่นใจมาก ทำให้เช้านี้สดชื่น ตื่นตัวดีจัง บ่ายนี้คาดว่าฝนตกอีกแน่ๆหญิงสาวลุกตั้งแต่ตีห้า ปู่กับย่าน่าจะยังไม่ตื่น เธอรีบหุงข้าว ทำกับข้าว แบ่งไว้ให้ปู่กับย่า สำหรับมื้อเช้า และกลางวัน เธอตั้งใจว่าหลังจากเสร็จจากถวายข้าวพระเสร็จแล้วจะกวาดลานวัด และล้างห้องน้ำต่อ กว่าจะกลับก็คงบ่ายๆ วันนี้น้ำอบทำกับข้าวสามอย่าง แบ่งไปวัด ข้าวสวย แกง ขนมหวาน น้ำเปล่า ธูป เทียน ดอกไม้ จัดเตรียมลงตะกร้าหวายใบย่อมขนาดกำลังดีหลังจากเตรียมของเสร็จ หญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัว วันนี้เธอเลือกใส่ผ้าถุงปาเต๊ะที่ตัดเป็นผ้าถุงสำเร็จ ยาวถึงตาตุ่ม ใส่เสื้อลูกไม้สีครีม แบบเรียบแต่ไม่เชย เข้ารูปแขนสั้น ที่ซื้อมาจากตลาดเมื่อวาน ปล่อยผมยาวตามธรรมชาติ น้ำอบสูง 175 สำหรับผู้หญิงไทยคือสูง ผอม แต่หุ่นดี มีหน้าอก มีเอว สะโพกผาย เธอรู้ว่าตัวเอง รูปร่างหน้าตาดี เลยไม่ค่อยชอบแต่งตัวเท่าไร ปล่อยตามธรรมชาติ จะแต่งหน้าแต่งตัว ก็เฉพาะงานสำคัญเท่า