ตงฟางชิงมองตาสบซูเหยายิ้มๆ เป่ยเปยจากไป“ใครกันที่ไม่น่าไว้ใจเขาต่างหากที่ไม่น่าไว้ใจ อ้างว่าเป็นพี่บุญธรรมเจ้าอาศัยข้อนี้แวะเวียนมาทุกวัน”“ท่านพี่เป่ยเปย จริงไจไม่น้อยซูเหยารู้สึกซาบซึ้งใจทั้งท่านพี่และท่านหัวหน้าองครักษ์ที่คอยดูแลห่วงซูเหยาตั้งแต่เข้ามาที่นี่”“ข้านะห่วงเจ้าด้วยความจริงใจ แต่เจ้านั่นข้ามองสายตาเขาออก” ซูเหยาอมยิ้มจากที่่ซเหยามองสายตาของท้้งคู่ไม่ต่างกันนั้นคือทั้งห่วงใยและสงสาร ซูเหยาแทบจะไม่มีอะไรผิดแผกกันแม้แต่น้อยเป่ยเปยเดินไปบ่นไป“คนอะไรไล่คนอื่นเขา แต่ตัวเองกับไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อเอาใจนาง อย่าให้ข้าได้เป็นหัวหน้าองครักษ์บ้างก็แล้วกัน คอยดูข้าสั่งให้ฮ่องเต้จับเจ้าไปโกยขี้หมูเสียให้เข็ดหรือว่าจะให้ไปเลี้ยงม้าดี” ”ซีซวน ก้าวขามาพร้อมกับขันทีข้างกาย“ครกำลังจะสั่งข้า”“ถวายพระพรฝ่าบาท” เป่ยเปยเผลอย่อตัวเหมือนดังเช่นหญิงงาม “เจ้า องครักษ์เหตุใด ...เจ้าถึงได้” ยืนขึ้นทำท่าทีผึ่งผายหัวเราะแฮะๆๆ“บุตรชายใต้เท้าเว่ยใช่หรือไม่”“พ่ะย่ะค่ะ”“อืมเช่นนั้นคอยตามข้าจะดีไม่น้อย ระหว่างที่เป็นองครักษ์ฝึกหัด คอยอารักขาข้าต่อจากนี้” เป่ยเปยยิ้มกว้าง ตามฮ่องเต้แบบนี้หากท่าน
“ปล่อย”ซีซวนกดจมูกโด่งลงบนแก้มเนียน กลิ่นกายคุ้นเคย มือใหญ่ล้วงเข้าไปในอกนุ่ม บีบเคล้นล่วงเกิน ด้วยเขาเมื่อต้องการไม่ว่าใครไม่มีทางที่พวกนางจะปฏิเสธเขาได้“อย่าทำแบบนี้”“ทำไมกัน ในเมื่อข้าต้องการเจ้า”เสียงสั่นกระเส่า กดริมฝีปากกับปากบางเร่าร้อนรุนแรง กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่วอีกทั้งยังติดอยู่ที่ริมฝีปาก อาการคลื่นเหียนตีตื่นขึ้นมาที่กลางอก“อุ๊กๆๆๆ อ้วกๆ ”ซีซวน ผลักร่างบางออกห่าง“บังอาจ นี่เจ้ารังเกียจข้าซึ่งเป็นฮ่องเต้ได้เพียงนี้เชียวหรือ”“ฝ่าบาท”เจี้ยนหยาออกมายืนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“ท่านหมอ”“ฝ่าบาทโปรดอภัยนางมิได้รังเกียจฝ่าบาทหากแต่นางกำลังตั้งครรภ์”เจี้ยนหยา พูดความจริงออกมา“ตั้งครรภ์”แทนที่จะรู้สึกสงสารเขากลับคิดว่าหญิงที่ตั้งครรภ์ ทำไม เมื่อเขาเห็นนางจึงบังเกิดความกระสัน ทั้งทรวดทรงองค์เอวและ ใบหน้าล้วนงดงามจนเกินห้ามใจยิ่งเมื่อเมามายกลับยิ่งรู้สึกว่านางน่ารักน่าใคร่เพียงนี้หรือว่าเขาห่างอิงฝานมานาน จึงรู้สึกว่ามีความต้องการสูง“ตั้งครรภ์ แล้วสามีของนางอยู่ที่ไหน” ซูเหยา ปล่อยหยาดน้ำตาไหลริน“สามี ขี้เมาของนาง ป่านนี้คงลืมไปแล้วว่าเคยมีนางเป็นภรรยา ข้าจึงต้องพานางมาที่นี่เพื่
กลิ่นข้าวต้มปลายังอบอวล เจี้ยนหยา คนข้าวต้มปลาก่อนจะเป่าลมจากปากไล่ลมร้อนในชามข้าวต้ม“กินเสียหน่อย”ซีซวนตะลึงมองซูเหยา ใบหน้างดงาม ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที“ข้าไม่กินปลา กลิ่นคาวปลาที่นี่ทำให้คลื่นเหียน”เจี้ยนหยา มองซีซวนก่อนจะยิ้มมุมปาก“ข้าน้อยหวังเจี้ยนหยาเป็นหมอหญิงที่เพิ่งมาทำหน้าที่ส่วนนี่บุตรสาวข้าน้อยหวังซูเหยา”ซีซวนจ้องมองซูเหยานิ่ง ทำไมพบหน้าซูเหยาแล้วเขาถึงรู้สึกเศร้าและหดหู่กลิ่นข้าวต้มปลายังหอม ยั่วน้ำลาย“บุตรสาวข้านางเป็นคนทำข้าวต้มปลาเองกับมือ”ซีซวนขมวดคิ้วหันหลังออกเดินจากมาเกรงว่าหากอยู่ที่นั่นนานไปเข้าจะยิ่งหัวเสียซีซวนไปแล้ว น้ำตาที่ถูกสะกดกลั้นไว้ ไหลรินเป็นสาย เจี้ยนหยากอดซูเหยาลูบศีรษะให้ด้วยความสงสาร“ ความทรงจำเขาหายไปจริงๆ เขาไม่ได้ตั้งใจลืมเจ้า”“ช่างเขาต่อแต่นี้ถือว่าข้ากับเขาจบกันเพียงเท่านี้ เราสองคนไม่ใช่คนรักกันอีกต่อไปแล้ว” คำพูดเด็ดเดี่ยวมั่นคงจนเจี้ยนหยาอดที่จะสะท้อนใจไม่ได้ตงฟางชิงคิดหาเหตุผลว่าทำไม ซีซวนถึงจำซูเหยาไม่ได้แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกแต่หากซูเหยาตั้งครรภ์จริงๆ ก็เป็นไปได้มากที่จะตั้งครรภ์กับซีซวนอย่างเลี่ยงไม่ได้ในเมื่อซีซวน
ใต้เท้าเว่ยพาเจี้ยนหยากับซูเหยายังที่พักของหมอหญิง เป่ยเปยยังตามมาติดๆ ตงฟางชิง มองอยู่จากมุมหนึ่ง เขาจำได้ติดตาว่าซูเหยาคือหญิงที่เคียงข้างซีซวนในป่าวันนั้น ก้าวเท้ายาวๆ ประสานมือตรงหน้าใต้เท่าเว่ย“ใต้เท้า สองท่านนี้คือผู้ใดกัน”“อ๋อท่านองครักษ์ตง สองท่านนี้เป็นหมอหญิงคนใหม่และผู้ช่วยหมอหญิงที่ข้าตั้งใจ ให้เข้ามาช่วยเหลืองานในตำแหน่งหมอหญิง”“หมอหญิงคนเก่าเล่า”“หมอหญิงคนเก่า อย่างที่ท่านองครักษ์รู้ว่าฮองเฮาไม่ทรงโปรดปรานหมอหญิงคนเก่าฝ่าบาทจึงบัญชาให้ข้าหาหมอหญิงคนใหม่มาคอย ดูแลฮองเฮาต่อจากนี้”“ใต้เท้าเว่ยทำอะไรรัดกุมฝ่าบาทจึงวางใจ แม่นางผู้นี้ข้าเห็นว่าไม่ควรให้เข้าไปดูแลฮองเฮาพักนี้ฮองเฮาหงุดหงิดง่ายด้วยกำลังทรงพระครรภ์หากเข้าไปเกรงว่าอาจไม่ได้อยู่ทำงานวังหลวงเป็นแน่” ใต้เท้าเว่ยยิ้ม“ฮองเฮา ทรงรักฝ่าบาทแต่เดิมฝ่าบาทก็มีสนมนางในมากมายเรื่องนี้น่าจะเข้าใจ เปิดใจให้กว้าง หากเป็นเช่นนี้ จึงตั้งใจจะผูกมัดฝ่าบาทไว้คนเดียว การสืบสันตติวงศ์ ล้วนต้องอาศัย วงศ์วานหว่านเครือ หากยังทรงเป็นเช่นนี้ เกรงว่าฝ่าบาทจะมีไม่อาจมีองค์ชายองค์หญิงมากนัก จะต้องคอยรอให้มีกับฮองเฮาเพียงคนเดียว” พูดตามหล
“อย่าร้องไห้ซูเหยาแม่จะช่วยเจ้าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม”“ท่านแม่เขาลืมข้าแล้วใช่ไหม” ถามซ้ำๆ ดวงตาเหม่อลอยเศร้าหมอง“หากเขารักเจ้าจริง จะต้องจำเจ้าได้อย่างแน่นอน” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ไม่รู้สึกมั่นใจในคำพูดของตัวเองหลายวันต่อมา“ใต้เท้า เว่ย” เจี้ยนหยาประสานมือตรงหน้า“อ่า ท่านหมอเจี้ยนหยาท่านนั่นเองไม่ได้พบกันเสียนานลมอะไรถึงหอบเอาท่านหมอเทวดามาถึงนี่”“ใต้เท้า หากไม่มีเรื่องรบกวนท่านคงไม่อาจพบหน้าข้าเดิม ข้าตั้งใจเร้นกายห่างหายจากวังหลวง แต่มาวันนี้มีบางเรื่องรบกวนท่าน”“คราวนั้นหากไม่ได้ ท่านหมอเจี้ยนหยา บุตรชายของข้าเป่ยเปยคง ไม่อาจมีชีวิตรอด คราวนี้ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟขอให้ท่านหมอเอ่ยปากเว่ยกงฉียินดีแบ่งเบา” เจี้ยนหยายิ้มบางๆเจี้ยนหยาจากไป พร้อมกับความสมหวังใต้เท้าเว่ยรับปากมั่นเหมาะ“ท่านพ่อรับน้องบุญธรรมเช่นนั้นหรือ ข้าไม่เห็นว่าจะจำเป็น” เว่ยเป่ยเปยก้าวออกมาจากด้านหลังของห้องแอบฟังสิ่งที่เจี้ยนหยากับบิดาพูดคุยกันได้ยินในตอนท้ายของความประสงค์“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องขอคำปรึกษาจากคนไม่เอาไหนเช่นเจ้าเป่ยเปย”“เช่นนั้นข้าก็ไม่รับนางในเมื่อข้าไม่เห็นด้วย”“ต้องดีต่อนางในเมื่อน
งานเฉลิมฉลองจัดขึ้นหลายวันผ่านไปราษฎรล้วนมีสุขถ้วนหน้าเจี้ยนหยาเก็บ กระจาดปลาที่ขายจนหมด ก่อนจะแวะไปที่ร้านขายไก่“ป้าเจี้ยน วันนี้ที่หน้าประตูวังเวลาเย็นมีการแจกจ่ายอาหารที่อร่อยระดับเดียวกับเครื่องเสวย แล้วยังมีการโปรยเหรียญทองกับเหรียญเงินอย่างละแสนตำลึง ข้าเห็นว่าป้าเจี้ยน เป็นคนกันเองนะถึงบอก ข้านี้จะรีบขายรีบปิดร้านไปกันทั้งบ้าน”“งานอะไรหรือเถ้าแก่ตง”“ฝ่าบาท กลับมานั่งบัลลังก์หลังจากที่ถูกพวกกบฏ ลอบสังหารบัดนี้ ทวงบัลลังก์คืนได้แล้วอีกอย่างว่ากันว่าเป็นข่าวดีที่สุดฮองเฮาทรงพระครรภ์ ฝ่าบาทจึงดีใจจัดงานเฉลิมฉลอง แล้วยังงดภาษีอีกตั้งสามปีงานนี้เพราะพระบารมีจริงๆ เดิมถูกทำการกบฏมีเสียงร่ำลือว่าฝ่าบาทสิ้นพระชนม์มาครั้งนี้นับว่าเป็นข่าวดีถึงสามต่อ555อย่าลืมไปนะป้าเจี้ยน” เจี้ยนหยาพยักหน้าน้อยๆ คิดถึงซูเหยาที่ไม่ได้กินของดีดีนานแล้วหากได้ลิ้มรสอาหารดีดีเทียบเท่าเครื่องเสวยคงดีไม่น้อยอยู่บนเรือนแพกินแต่ปลาเช้าข้าวต้มปลาเย็นก็ปลาแห้ง จ่ายเงินซื้อไก่แล้วรีบไปที่เรือที่จอดไว้ตั้งใจไปรับซูเหยา ให้มางานเฉลิมฉลองเพื่อซูเหยาจะได้มีรอยยิ้มบ้างหลายวันมานี้ซูบผอมจนน่าใจหายแม้จะซื้อยาบำรุงครรภ์ไ
ซูเหยาขยับกายลุกขึ้นจากแท่นนอนยากเย็นเจ็บระบมไปทั่วตัวโดยเฉพาะจุดนั้น รอยหยดเลือดยังเปรอะอยู่ที่แท่นนอนไม้ไผ่ อมยิ้ม เมื่อคิดถึงบทรักหวานละมุนเมื่อคืน เขินอายกับเสียงกรีดร้องของตัวเองยามที่ซีซวนเร่งจังหวะกระแทกกระทั้น สวมใส่อาภรณ์เดินออกจากห้อง ไม่พบแม้เงาของซีซวน“ท่านแม่ ท่านพี่ข้าวต้มปลา”“เขาไปแล้ว”“ไม่จริง ไม่จริงเขาไม่มทางทิ้งข้าไป”ซูเหยาวิ่งเข้าไปในห้อง มองสำรวจจนไปทั่ว สิ่งที่พบคือป้ายหยก ลวดลายสวยงามที่เคยเห็นซีซวนแขวนไว้ข้างเอวเก็บมันขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา น้ำตาไหลรินสะอื้นไห้อย่างหนักเจี้ยนหยา เขามาสวมกอดลูกสาว“ท่านแม่เขาทิ้งข้าไปแล้ว”"ร้องออกมาเสียให้พอซูเหยาต่อไปจะได้ไม่ต้องร้องอีก”“ท่านแม่ซูเหยา...ซูเหยา เป็นของเขาแล้ว”มือใหญ่ลูบหัวให้เบาๆ“สักวันเขาจะกลับมา เจ้ารักเขามิใช่หรือก็ถูกแล้วที่จะเป็นของเขา”ซูเหยาซบหน้าลงบนอกมารดาสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บปวดในหัวใจวังหลวงอิงฝานในอาภรณ์บางเบา นั่งอยู่บนตักของซีซวน ที่กอดรัดไม่ห่าง“คิดถึงเจ้าที่สุด….”อิงฝานยิ้ม“ฝ่าบาท กลับมาครั้งนี้ได้เวลาคัดตัวนางในพอดีปีนี้อิงฝานตั้งใจคัดนางในที่งดงาม ไว้คอยปรนนิบัติฝ่าบาทเยอะหน่อย”กดร่าง
เสียงปลาน้อยกระโดดเล่นน้ำจ๋อมแจ๋ม ซีซวนดึงอ้อมแขนออกช้าๆจุมพิตที่แก้วเนียน แผ่วเบา เหลือบตามองหยดเลือดที่เปรอะเปื้อนบนแท่นนอนไม้ไผ่ เผลอยิ้ม“แล้วข้าจะกลับมาซูเหยา”ลุกขึ้นแต่งกายอย่างเร่งรีบ ไม่อยากจากไปยามที่ซูเหยาตื่นลืมตาเขาคงไม่อาจ จากซูเหยาได้ในเมื่อตอนนี้ใจเขาอยู่ที่นางเสียหมดแล้ว จากลาไม่ต้องเอ่ยคำลา เพราะสัญญาว่าจะกลับมาอีกหน ปลดป้ายหยกที่ห้อยข้างเอวลงวางในมือของซูเหยา ก้มลงจุมพิตหน้าผากอีกครั้ง“พี่ชายข้าวต้มปลา”เสียงซูเหยาละเมอแผ่วเบา หันหลังจากไปไม่หันหลังกลับมามองพาเรือล่องลอยออกจากเรือนแพไป ฟ้าเริ่มสางเมื่อเรือมาถึงฝั่งพอดี ผูกเรือไว้ที่เคยผูกไว้กับซูเหยา“พี่ชายข้าวต้มปลา”เสียงซูเหยาลอยมาตามลมซีซวนยิ้มเศร้าๆ แค่เพียงห่างกันไม่ถึงชั่วยามเขายังคิดถึงซูเหยาเพียงนี้ก้าวเท้าขึ้นไปบนฝั่ง ตงฟางชิง ก้มลงประสานมือตรงหน้า“ฝ่าบาท”ซีซวนเบิกตากว้าง ใบหน้าคุ้นเคยของตงฟางชิง“เจ้าเป็นใคร”“ฝ่าบาท ตงฟางชิง องครักษ์เสื้อแพร”“เจ้าเรียกข้าว่าฝ่าบาท”"ฝ่าบาทก็คือฝ่าบาทไม่มีทางเป็นอื่น”ซีซวนเงยหน้าขึ้นช้าๆ อาการปวดหัวรุมเร้าทว่าภาพความทรงจำในหัวแล่นเข้ามาเป็นสาย“ซินอ๋อง สมควรตายอย่างยิ่
“ข้าส่งข่าวบอกท่านพ่อตงฟางชิงท่านเองก็ระวังตัวด้วย”“ฮองเฮาโปรดวางพระทัยข้าน้อยเร้นกายในค่ำคืนนี้ตั้งใจพบฝ่าบาทโดยเร็ว”ประสานมือจากไปเรือนแพ ซูเหยานั่งเหม่อมองจันทราที่ลอยเด่นอยู่บนฟ้าซีซวนทรุดกายลงข้างๆ“พี่ชายข้าวต้มปลา ท่านคิดว่าข้าจะคิดถึงท่านไหมหากท่านจากไป”“ข้าไม่อาจรู้ใจเจ้า รอให้อาวุโสกลับมาข้าจึงจะลองขออาวุโสให้เจ้าตามไปด้วย จะดีไหม”คิดถึงท่าทีดีใจของซูเหยาเมื่อรู้ว่าเขารอเพียงคำอนุญาตจากเจี้ยนหยา“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว อยากอยู่กับท่านแม่ท่านแม่ชรามากแล้วหากจากไปเกรงว่าท่านแม่คงลำบากไม่น้อย ข้ามมีท่านแม่เพียงคนเดียวหากข้าไป ท่านแม่ไปขายปลาที่ตลาดกลับมืดค่ำใครกันจะทำกับข้าวไว้รอ”ซีซวนยิ้มบางๆ“เจ้าคงคิดถึงข้าแค่เพียงไม่นานแล้วก็ลืมเลือนไป”“แล้วท่านจะคิดถึงข้าไหม”“ข้าคิดถึงข้าวต้มปลาของเจ้าแต่เดิมข้าไม่เคยลิ้มรส... เนื้อปลา”“ท่านก็แวะเวียนกลับมาเยี่ยมเราข้ากับท่านแม่ยินดีต้อนรับเสมอ”“เจ้าไม่อยากไปจากที่นี่แล้วหรือ”“อยากไปแต่ ข้าคิดว่าคงทำให้ท่านพี่ข้าวต้มปลาอึดอัดใจในเมื่อท่านไม่อยากให้ข้าไปด้วย”จะบอกได้อย่างไรว่าเขา ไม่เคยรังเกียจซูเหยาแต่เพราะเขาคิดว่า เขาไม่อาจทำร้ายซูเหยา