พี่แทนยังคงส่งข้อความหาฉันไม่หยุดเพื่อถามความคืบหน้าว่าฉันจะรับเล่นบท ‘แม่วัยสาว’ รึเปล่า
เล่นทั้งโทร ทั้งส่งข้อความ ด้วยน้ำเสียงหล่อละมุน ปนลูกอ้อนแบบนี้ ถึงใจฉันจะแข็งเป็นหิน แต่น้ำหยดลงหินทุกวันมันก็...
แถมวันนี้พี่แทนยังสั่งให้พี่กรีนผู้จัดการส่วนตัวของฉัน มาหาฉันถึงห้องเพื่อรอฟังคำตอบ นี่เขากะจะมัดมือชกฉันชัด ๆ
“มิ้น รับเล่นบทนี้เถอะ ถือว่าพี่ขอร้องพี่ไม่อยากโดนไล่ออกนะ” พี่กรีนยกมือไหว้ฉันทำเอาฉันตกใจ จนต้องรีบจับมือเขาไว้ให้เขานั่งลง
“เดี๋ยวสิพี่กรีน พวกเขากดดันพี่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ฉันเบิกตาโพลงมอง
“ก็ไม่ได้พูดหรอก แต่พี่รู้สึกว่าทางคุณแทนเขาตั้งใจสร้างเรื่องนี้มากจริง ๆ ทุกคนก็คาดหวังว่ามิ้นจะรับเล่น ตอนนี้เหมือนสายตาพวกเขาจ้องมาที่พี่หมดเลยนะสิ พวกเบื้องหลังก็ทักมาไม่หยุดหย่อน ขอร้องนะน้องมิ้น งานอื่น ๆ พี่ไม่เคยจะบังคับ ตามใจมิ้นมาตลอด แต่เรื่องนี้พี่ขอเถอะนะ รับบทนี้นะ” น้ำเสียงที่สั่นเครือของพี่กรีนทำให้ฉันยิ่งรู้สึกว่าการไม่รับบทนี้ส่งผลกระทบให้ใครต่อหลายคนเกินไป
“พี่กรีน พี่ไปดื่มน้ำเย็นให้หายร้อนก่อนดีไหม เดี๋ยวมิ้นขออ่านบทที่พี่แทนให้มาก่อน” พี่กรีนเงยหน้ามองฉันก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินปลีกตัวไปยังห้องครัวของฉัน เพื่อหาน้ำเย็นดื่ม
ฉันนั่งเงียบ ๆ อ่านบทอยู่บนโซฟาในห้องของตัวเอง บทของฉันมีชื่อว่า ‘รุ้ง’ เป็นแม่ที่มีอดีตเลวร้ายจนสร้างบาดแผลทางใจให้กับลูกชาย เธอเป็นหญิงสาวที่เคยโดดเด่นหลงทางในแสง จนละทิ้งครอบครัวไป ถูกสังคมตีตราหน้าว่าอกตัญญู และสุดท้ายเมื่อคิดได้ก็พยายามที่จะกลับมาอยู่ในสายตาลูกชายของตนอีกครั้ง
ฉันเปิดบทอ่าน เพียงหน้าแรกก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้จุกอก บทรุ้งเต็มไปด้วยความอึดอัด ความจริงที่ไม่สวยงาม ฉันเห็นตัวเองในหลาย ๆ ซีน ทั้งความผิดหวัง ความกลัวที่ต้องเผชิญ ความพยายามกลับมายืนในจุดที่ละทิ้งไป
“ฉันจะเล่น!”
ฉันพูดออกมาดังลั่น ทำเอาพี่กรีนที่ไปรินน้ำดื่มในห้องครัวหันกลับมามองฉันด้วยท่าทีงุนงง
“น้องมิ้นว่ายังไงนะ!” พี่กรีนรีบวิ่งแจ้นมาที่ฉัน
“พี่กรีน มิ้นตัดสินใจแล้วค่ะ ว่ามิ้นจะรับเล่นเรื่องนี้”
เมื่อฉันตอบตกลงในวันนี้ วันรุ่งขึ้นทางผู้ผลิตก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงทันที ทำให้ฉันรู้เลยว่าพวกเขารอฉันตอบตกลงรับเล่นขนาดไหน ฉันออกมาเตรียมตัวเร็วกว่าใคร ๆ อย่างมืออาชีพ ไม่นาน...ผู้รับบทหลักแต่ละช่วงวัยก็เริ่มทยอยเข้ามา
ช่วงวัยรุ่น ผู้รับบทคือ ดีนี่ นางเอกดาวรุ่งหน้าใหม่ที่รับเล่นละครเรื่องที่สองก็ขึ้นแท่นนางเอกเต็มตัว
ช่วยวัยสาว ผู้รับบทคือ ฉัน มิ้น ณิชารัน
ช่วงวัยชรา ได้ดาราระดับตำนานที่ใครเห็นก็ต้องร้องว้าว อย่างคุณลดา
เรามีการทักทายกันตามปกติ และพูดคุยถึงบทที่ได้รับกันเล็กน้อย ดูเหมือนว่า ทั้งฉันและคุณลดาจะคุยกันถูกคอ ตามประสาคนที่ผ่านงานแสดงมามาก ในขณะที่น้องดีนี่ดูจะเงียบ ประหม่าไปไม่น้อย น่าเป็นห่วงน้องเขาจริง ๆ ถ้าต้องขึ้นไปยืนต่อหน้าสื่อ
และเป็นไปตามคาด นักข่าวที่รุมสัมภาษณ์ ต่างก็พุ่งประเด็นมาที่ฉันเพราะบทซีนแม่ล้านวิว ยังได้รับความสนใจอยู่มาก แต่ทักษะการรับมือของฉันจัดว่าเก่งพอตัวเลยผ่านมันได้สบาย ๆ
ไม่ต่างกับคุณแม่ลดาที่เก๋าเกมยิ่งกว่า จนนักข่าวไม่กล้าสัมภาษณ์มากนัก แต่ส่วนที่ฉันเป็นห่วงก็เกิดขึ้นจริง ๆ นั่นแหละ
น้องดีนี่ถูกนักข่าวรุมถามมากมาย ยิ่งเป็นนางเอกหน้าใหม่ ยิ่งถูกคำถามที่หนักหนาเอาการจนเก็บสีหน้าไม่อยู่ ฉันจึงพยายามคอยสะกิดเพื่อให้เธอได้สติแต่มันก็แย่อยู่ดี กว่าเธอจะผ่านมันมาได้เรียกได้ว่ายับพอควร
หลังการสัมภาษณ์การแถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงในเรื่องจบไปเพียงครึ่งวัน พี่กรีนก็วิ่งมาหาฉันบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ตอนนี้แฮชแท็ก #JusticeForMint พุ่งขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งทันที
‘โอ๊ย! เป็นเพราะฉันอีกแล้วเหรอเนี่ย หัวจะปวด!’
ฉันกลับไปนั่งในห้องแต่งตัว โดยบอกขออยู่คนเดียวเพื่อตั้งสติตัวเอง ก่อนจะไถมือถือดูโซเชียล
‘พี่มิ้นควรได้เล่นบทวัยรุ่น! ไม่ใช่แม่!’
‘เล่นดีขนาดนี้ บทแม่อีกแล้วเหรอ!’
‘ดีนี่ แสดงยังไม่ถึงครึ่งของมิ้นเลย ได้บทเด่นเกินคนอื่นได้ไง’
‘ทีมงานคิดอะไรอยู่วะ เอาคนดังมาซัพเด็กใหม่ เด็กเส้นรึเปล่า’
‘ไม่ได้เกลียดดีนี่ค่ะ แต่มันคือความจริง พี่มิ้นเล่นอะไรเราก็อินอ่ะ ทำไมต้องยอมถอยให้คนไม่พร้อม?’
‘ขอโทษนะ แต่เอาคนแสดงเป๊ะอย่างมิ้น ไปนั่งเป็นตัวรอง แล้วเอาคนเล่นแข็ง ๆ อย่างดีนี่ มาแบกละครเนี่ยนะ ตลกไปไหม’
ฉันอ่านคอมเมนต์ก็ได้แต่กุมขมับ ฉันเข้าใจว่าแฟนคลับเหล่านี้ต่างหวังดีกับฉัน แต่บางครั้งความหวังดีก็กลายเป็นอาวุธที่เสียดแทงผู้อื่นได้ อย่างเช่นตอนนี้ฉันไม่อยากให้ดีนี่ถูกโจมตี ไม่อยากให้ทีมงานต้องโดนลากมาด่า
“ฉันควรทำไงดี คิดสิคิด!” ฉันเดินไปมาอยู่ชั่วครู่ “จริงสิ มีแต่วิธีนี้เท่านั้น ที่จะทำให้ทุกอย่างมันเบาลงได้ ในเมื่อแฟนคลับต่างออกมาเรียกร้องให้ฉัน ก็ควรจะเป็นฉันเองรึเปล่า ที่ต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง”
ฉันเดินไปหยิบมือถือขึ้นมา เตรียมไลฟ์สด IGg เพื่อกล่าวทักทายแฟนคลับทุกคนแบบสด ๆ ยิ่งกว่าปลาในตลาด ยอดผู้ชมพุ่งสูงจนฉันยังตกใจ ‘เชี่ยแล้ว! เกือบแสนคน’
“สวัสดีค่ะ เป็นไงบ้างคะทุกคน สบายดีไหมเอ่ย มิ้นเพิ่งกลับมาจากการแถลงข่าวเปิดตัวละครใหม่เลยนะคะ มิ้นขอบคุณสำหรับทุกเสียงสนับสนุนจนทำให้มิ้นได้รับบท ‘รุ้ง’ นะคะ
บท ‘รุ้ง’ ไม่ได้เป็นเพียงบทแม่เท่านั้นนะคะ แต่มันเป็นบทที่ซับซ้อน ลึกซึ้ง ท้าทายความสามารถมิ้นมาก ๆ
ตอนมิ้นอ่านบทครั้งแรก มิ้นก็เลือกบทนี้ด้วยตัวเองเลยค่ะ และตั้งใจจะถ่ายทอดให้ดีที่สุด หวังว่าทุกคนจะตั้งตารอชมมิ้นในบทของ ‘รุ้ง’ ช่วงแม่วัยสาวด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มโบกมือให้กับแฟน ๆ ทุกคนก่อนปิดไลฟ์
“เฮ้อ...หวังว่ามันจะได้ผลนะ” ฉันวางมือถือก่อนจะทิ้งแขนขนานนาบข้างตัวพิงหลังลงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นมองเพดาน
(ณ ลานจอดรถ)
ฉันกลับมายังรถของตน หยิบมือถือขึ้นมาเช็กโซเชียลจนไม่ได้ออกรถสักที เพื่อดูกระแสหลังจากที่ฉันไลฟ์สดไปเมื่อกี้ เห็นกลุ่มแฟนคลับติดแฮชแท็ก #รักมิ้นณิชารัน กันอย่างเนืองแน่น เต็มไปด้วยคลิปไลฟ์สดชี้แจงของฉัน ทุกอย่างพลิกกลับมาในทางที่ดี เปลี่ยนจากคำด่าทอทีมงานและน้องดีนี่ มาเป็นโพสต์ให้กำลังใจฉันมากกว่าแล้ว และยอมรับในการตัดสินใจของฉัน
“ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก” เสียงเคาะกระจกดังขึ้นเบา ๆ ฉันหันไปมองพร้อมเปิดกระจกรถลง ท่าทีของฉันชะงักเล็กน้อย
“พี่แทน ว่าไงคะ?”
“ลงจากรถมาสูดอากาศกันหน่อยไหม” เขายักคิ้วพร้อมรอยยิ้มมุมปาก ฉันยิ้มตอบก่อนจะเดินลงจากรถตามเขาไป
“พี่แทนยังไม่กลับอีกเหรอคะ”
“รอส่งคนเก่งของวันนี้ก่อนสิครับ” เขาหันมาพูดพร้อมรอยยิ้ม ก็นะ...พี่แทนคงห่วงในฐานะผู้เขียนบทนี่นา
“เฮ้อ...แฟนคลับมิ้นพลังเยอะเกินไปแล้วค่ะพี่ วันนี้แทบจะโดนทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย” ฉันถอนหายใจยาว ก่อนจะแหงนมองท้องฟ้าที่มีดาวประดับประปราย
“แต่สุดท้าย...หนูก็เป็นคนคลี่คลายสถานการณ์ด้วยตัวเองนะ เก่งมากครับ” เขาหันมาสบตาฉัน ไม่นะ...พอได้ยินคำว่า ‘หนู’ จากพี่แทนคนหล่อกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ทำให้ฉันใจเต้นแปลก ๆ
‘หัวใจฉัน...อย่าตกหลุมรักเกย์คนนี้ไปมากกว่านี้สิ’
“พี่แทน แฟนคลับพูดแทนมิ้นไม่ได้หรอกว่ามิ้นรู้สึกยังไงกับบทนี้” ฉันยิ้มก่อนจะพูดต่อ “ตอนที่มิ้นได้อ่านบท มิ้นก็มั่นใจได้ว่าคนเขียนบทต้องอินกับเรื่องที่เขียนมากแน่ ๆ”
“อินสิ...อินมากด้วย” น้ำเสียงเขาเบาลง “แล้วก็อยากรู้ด้วยว่ามิ้นจะตีบทที่พี่เขียนแสดงออกมายังไง” น้ำเสียงเขาดูคาดหวัง พานทำฉันหัวเราะร่า
“โอ๊ย! ฮ่า...อย่างคาดหวังกับมิ้นสูงไปเลยค่ะ พี่แทนขา เดี๋ยวหนูกดดันค่ะ”
“แต่พี่มั่นใจในตัวมิ้นนะ” เขาขยับเข้ามาใกล้จนแขนเขาแทบจะติดกับแขนฉันอยู่แล้ว
คำพูดชวนจั๊กจี้อีกแล้ว จนทำให้ฉันต้องหัวเราะกลบ แต่ในใจคือหวีดไปสิบตลบ ทำไมเกย์เท่ ๆ คนหนึ่งถึงดูอบอุ่น ตรงสเปคฉันขนาดนี้ เสียดายจังที่เขาคงไม่เอาฉันแน่ ๆ
“ฮ่า...ถ้าพี่ไม่ใช่เกย์นะ หนูจะคิดว่าพี่กำลังขายขนมจีบอยู่นะคะ” ฉันพูดแกมจริงแกมขำ พี่แทนดูชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“พูดแบบนี้ พี่จีบหนูไม่ได้สินะ”
“ห๊า?” ฉันเงยหน้าแกล้งทำตกใจ เพราะพี่แทนคงเล่นมุกกับฉัน เขาสบตาฉันนิ่ง เล่นเนียนสุด ๆ ก่อนจะยิ้มเปลี่ยนเรื่องคุย
“ล้อเล่น...อย่าใส่ใจเลยครับ”
“ก็รู้อยู่แล้วค่ะ ว่าพี่แทนล้อเล่นกับมิ้น พี่จะมาชอบผู้หญิงอย่างมิ้นได้ไงจริงไหม เกย์ตัวพ่อ”
“ไป ๆ กลับคอนโดไปพักผ่อนครับ พรุ่งนี้คิวถ่ายแรกของหนู เดี๋ยวจะเหนื่อยเกินก่อนถ่ายจริงนะ” เขาผละออกไป แต่ในจังหวะที่เขาจะเดินผ่านฉัน เขาพูดเสียงเบาราวกับกระซิบแว่วผ่านหูฉัน
“แต่บางที...คนเราก็ซ่อนอะไรไว้มากกว่าที่แสดงออกได้นะมิ้น” ฉันยืนค้างมองแผ่นหลังเขาเดินจากไปจนลับตา
แล้วคำว่า ‘บางที’ ของพี่แทน คืออะไรงงเป็นไก่ตาแตกค่า
10ความอึดอัดและสับสนแสงแดดลอดผ้าม่านเข้ามาในห้อง ความอุ่นของมันทำให้ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ความรู้สึกแรกหลังตื่นคือหัวหนักอึ้ง ราวกับดื่มเหล้าเมาหนักไปด้วย ทั้งที่คนเมาเมื่อคืนคือพี่แทนแท้ ๆเอาจริงนะ ร่างกายว่าปวดร้าวหนักหน่วงแล้ว แต่ที่ยิ่งกว่าคือ หนักอกหนักใจ มากกว่า‘เรื่องเมื่อคืนมัน เกิดขึ้นจริงใช่ไหมเนี่ย’ภาพในค่ำคืนที่ผ่านมาถาโถม เสียงกระซิบชื่อฉัน สัมผัสของมือที่จับไปทั่วร่างทุกซอกทุกมุม ยังคงวนเวียนในหัว ฉันจำได้หมด ตั้งแต่เสียง ภาพ และความรู้สึกอันเร่าร้อนแต่ถึงจะจำได้ทุกอณูขนาดนั้น ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี“เขาเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเขาถึงมีอารมณ์กับฉันได้” ฉันพึมพำออกมาเบา ๆ “หรือว่ามันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบของเขากัน”ฉันยังหาบทสรุปไม่ได้ เขาเห็นฉันในสถานะอะไรในคืนที่ผ่านมา น้องสาวที่รู้จัก น้องในวงการ หรือคนที่เขาสามารถกอดได้ในคืนเหงาแบบนี้?‘ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวจัง’ฉันค่อย ๆ ลุกจากเตียงอย่างระมัดระวัง ไม่อยากให้พี่แทนรู้สึกตัว ฉันนั่งมองไปรอบ ๆ เสื้อผ้าที่กระจัดกระจายเกลื่อนบนพื้น ซึ่งเป็นหลักฐานที่สำคัญที่สุดในคืนที่ผ่านมา แถมยังมีชิ้นยางบาง ๆ อุปกรณ์ป้องกั
ความเมาเป็นเหตุ...สังเกตได้‘Rrrrrr’เสียงมือถือดังขึ้นตอนเกือบตีสอง ขณะที่ฉันกำลังเฝ้าพระอินทร์อยู่แท้ ๆ แต่คนปลายสายก็ไม่หยุดโทรเข้ามาสักทีทำให้ฉันต้องตื่นมารับมันทั้งที่ตายังปิดอยู่ด้วยซ้ำ“ฮัลโหล! โทรมาทำไมดึก ๆ ดื่น ๆ เนี่ย คนนอนอยู่เว้ย!” ฉันตวาดด้วยความหงุดหงิด“มิ้นครับ...อยู่ไหน”“พี่แทน?” เสียงของเขาแหบพร่า แฝงเจือความเมาอย่างชัดเจน“ครับ...” เขาตอบสั้น ๆ แล้วขาดช่วงไป“อยู่คอนโดค่ะ พี่โอเคไหมทำไมเสียงเป็นแบบนี้”“ไม่โอเค...ครับ...พี่อยู่...แถว ๆ คอนโด...เก่า ขับรถ...ไม่ได้”“พี่อยู่คนเดียวเหรอ” ใจฉันกระตุกวูบ อดเป็นห่วงไม่ได้“อืม...” เสียงเขาขาดช่วงไป แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงพึมพำฟังยากมากกว่าเดิม “มารับหน่อยได้ไหม ไม่อยากโทรหาใครอื่นนอกจากหนู”“พี่บอกชื่อร้านมาเดี๋ยวมิ้นไปรับค่ะ” ในขณะที่พูด
8บทที่เปลี่ยนไป‘ปัง!’ พอประตูห้องคอนโดปิดลง ฉันก็ทรุดตัวลงพิงประตูแล้วถอนหายใจยาว นี่มือยังสั่นอยู่เลยนะ หน้าก็ร้อนราวกับไฟลวก ไม่รู้ว่าเป็นไข้หรือเพ้อเกินขนาดกันแน่“พี่แทนจูบฉัน แล้วฉันก็จูบเขากลับไป โอ๊ย!” ฉันร้องลั่นห้อง วิ่งไปกระโจนลงเตียงนอน หยิบหมอนข้างมากอดแน่นแล้วกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งบนเตียง ร่างกายปั่นป่วนไปหมด“บ้าเอ้ย บ้าจริง บ้าที่สุด!” ฉันทั้งกลิ้ง ตีหมอนข้าง ถีบผ้าห่มจนยับ สภาพเรียกว่าเละก็ทำไงได้ จูบนั่นมันไม่ใช่จูบธรรมดาเลย มันมีเอฟเฟคต่อใจฉันแรงมาก มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉัน‘แทบหยุดหายใจ’แล้วฉันก็ดันเผลอหลับตาพริ้มแบบเต็มใจ ไม่สิรุกเขาด้วยซ้ำ ถ้านี่คือฉากบทนั้นต่อหน้ากล้อง ใครเห็นก็คงคิดว่าฉันตกหลุมรักพระเอกในฉากจริง ๆ แล้วล่ะ“ไม่ใช่โว้ย! เขาเป็นเกย์ เขาไม่ได้คิดอะไรกับจูบนั้นซะหน่อย” ฉันร้องบอกตัวเองเสียงดังอีกครั้ง เพื่อเตือนสติตัวเอง แล้วดึงผ้าห่มคลุมโป่งไปทั้งตัว หัวใจไม่ยอมฟัง มันยังคงเต้นแรงอยู่ในอกแต่...ตอนนี้ ฉันต้องพยายามคิดไว้ว่ามันคือซ้อมบท การแสดง มันเป็นเพียงแค่...‘งาน’ฉันกอดหมอนข้างแน่นขึ้นอีก กลิ้งไปมาอีกครั้งแล้วสมองก็ผุดคำหนึ่งขึ้นมา ‘เขาเป็
7จะ...จูบกับเกย์ฉันเดินออกมายืนรอที่ลานจอดรถด้วยท่าทีนิ่งขรึม กอดอกทอดสายตามองรถคันหรู ที่เคยเห็นมาเพียงครั้งหนึ่งเคลื่อนมาจอดตรงหน้าฉัน แต่ฉันยังคงยื่นนิ่งทื่อ เพราะสมองยังคิดถึงบทฉากใหม่ที่ถูกยัดเข้ามาอยู่“ขึ้นมาสิครับ” พี่แทนเลื่อนกระจกรถลง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มนุ่มนวล หึ...คนที่ยัดฉากจูบมาให้ฉันดื้อ ๆ ยังมีหน้ายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกฉันสะบัดตัวแสดงความไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นรถของเขารถคันหรูเคลื่อนตัวอย่างนุ่มนวลบนถนนยามค่ำคืน แสงไฟข้างทาง สาดส่องลอดผ่านกระจกมากระทบใบหน้าเขาถึงฉันจะโมโหพี่แทนอยู่ แต่พอมองหน้าที่ดูเย็น ๆ นิ่ง ๆ ของเขาก็ต้องยอมรับว่าทำให้ใจสงบ หล่อราวกับฉันเอื้อมไม่ถึง ว่าแล้วก็ได้แต่อิจฉาผู้ชายชะมัด จนอยากเกิดใหม่เป็นผู้ชายไปจีบเขาบ้าง แต่ก็คงได้แต่ฝันพี่แทนยังคงขับรถด้วยท่าทีนิ่งสงบ ไม่พูดอะไรออกมา ส่วนฉันก็เอาแต่มองหน้าต่างฝั่งตัวเอง ทั้งที่ใจสับสนวุ่นวายไปหมด“มิ้น...” เสียงพี่แทนทำลายความเงียบอย่างอ่อนโยน“ว่าไงคะ” ฉันตอบกลับแต่ไม่มองหน้าเขา จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกอยากทำให้พี่แทนรู้ว่า ฉันหงุดหงิดที่เขายัดบทให้ฉันไปจูบกับผู้ชาย (คนอื่น)“โมโหอะไร
6ห้องแต่งตัว หัวใจเต้นระริก“โอ๊ย! เหนื่อยจังโว๊ย” ฉันสบถออกมา หลังกลับมาถึงคอนโดก็แทบสลบคาโซฟา มันทั้งเหนื่อยล้าไปทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะอินไปกับบทที่ได้รับมากไปหน่อย‘วันนี้เก่งมากครับ’ จู่ ๆ คำพูดที่พี่แทนพูดกับฉัน ก็วนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด จากใบหน้าบึ้งตึง เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัวจนหยิบหมอนที่อยู่ใกล้มือมาปิดหน้าตัวเอง“กรี้ด...เขาชมฉันด้วย ฉันชอบเขาจัง พี่เกย์สุดหล่อขา...” หัวใจฉันมันเต้นตุบตับ ยิ่งกว่าเข้าซีนกับพระเอกในละครที่เคยแสดงด้วยกันซะอีกเอาเถอะ ฉันก็แค่หลงรักเขาข้างเดียว ยังไงซะ...เขาก็คงไม่หันมามองฉันหรอก แต่ถึงจะปลอบใจตัวเองขนาดนั้น หัวใจก็ไม่หยุดเต้นสักที‘เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!’ ฉันตบหน้าตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติตัวเอง ก่อนจะลุกเดินไปอาบน้ำเพื่อเข้านอน(วันรุ่งขึ้น)วันนี้คิวถ่ายฉันมีซีนเดียวเท่านั้น ก็ตามที่บอกแม้ฉันจะเล่นเป็นบทนำร่วมแต่บทแม่วัยสาวของฉัน มันไม่ได้เด่นมากขนาดนั้น ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีค่ะฉากในวันนี้ของฉันคือ รุ้งคุณแม่ยังสาว ต้องปกป้องลูกชายของตัวเองจากความจน และการโดนกดขี่จากคนรอบข้าง เสื้อผ้าที่ได้สวมใส่ก็เป็นผ้าฝ้ายสีซีด ต้องทำตัวให้ดูโทรมที่สุดเท่าที่
5 เข้ากองวันแรกวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันแรกของการถ่ายทำมาถึง แต่แทนที่ฉันจะได้สวมบทแม่ยังสาวและร้องห่มร้องไห้ในฉากแสนสะเทือนใจ กลับกลายเป็นว่าต้องมานั่ง รอ...รอ...และก็รอ เฮ้อ...สาเหตุไม่ใช่ใครที่ไหน ดีนี่ ดาราผู้รับบทช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นช่วงวัยที่มีบทมากที่สุด มาสายกว่าชั่วโมง สีหน้าเธอดูเหนื่อยล้า และซีดเผือดเหมือนยังไม่ได้นอนผู้จัดการของเธอก็เอาแต่พ่นคำหยาบออกมา แม้แต่ฉันที่ได้ยินยังรำคาญหู โวยวายเรื่องสคริปต์ เรื่องฉาก เรื่องตารางถ่ายทำที่แน่นเกินไป ฉันที่นั่งฟังเงียบ ๆ พานนึกในใจว่าไม่ใช่ที่ดีนี่ไม่พร้อมหรอก น่าจะเป็นผู้จัดการของเธอต่างหากที่ไม่พร้อมจะทำหน้าที่นี้ฉันยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้เพื่อรอคิวถ่าย แต่...ดีนี่แสดงได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก ผ่านไปเทคแล้วเทคเล่าเกือบยี่สิบรอบ ผู้กำกับเริ่มถอนหายใจแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทีมไฟ ทีมกล้องเริ่มเบือนสายตาจากจอมอนิเตอร์ หันมามองหน้ากันแทนและคิวของฉันก็ถูกเลื่อนออกไปเรื่อย ๆ แต่ที่น่าหนักใจกว่า คือดีนี่เริ่มร้องไห้หนัก เธอนั่งขดตัวอยู่มุมห้องจนไม่ม