หน้าหลัก / รักโบราณ / ทะลุมิติมาพบรักกับเมน / บทที่ 9 ว่าที่คู่หมั้น อะไรกันเนี่ย

แชร์

บทที่ 9 ว่าที่คู่หมั้น อะไรกันเนี่ย

ผู้เขียน: หนึ่งบุปผา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-11 20:00:32

         เมื่อทำหน้าที่ของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้วฟางหนิงฮวาก็กลับมาที่ร้านอย่างสบายใจ หลังจากนั้นจึงทำหน้าที่ปั้นแป้งซาลาเปาต่อ ร้านนี้ไม่ได้ขายดีเพียงแค่ช่วงเช้าหรือว่าช่วงที่ผู้คนพักกินข้าวกันเท่านั้นแต่ทว่าขายดีทั้งวัน เพราะเมืองถู่หยางนั้นมีผู้คนมากมาย แต่ละคนทำงานไม่เหมือนกันเวลาพักกินข้าวบางครั้งก็ไม่ตรงกัน ดังนั้นซาลาของร้านสกุลฟางจึงขายได้ทั้งวัน

        ที่ร้านไม่ได้มีเพียงแค่ซาลาเปาอย่างเดียวยังมีหมั่นโถวขายด้วย

        ฟางหนิงฮวาไม่คิดว่าสวรรค์จะเข้าข้างตนเองถึงเพียงนี้ ชาติที่แล้วได้ทำงานที่ตัวเองรักนั่นก็คือการเป็นเชฟ พอตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ยังได้เกิดเป็นบุตรสาวร้านขายซาลาเปาอีก ช่างมีความสุขจริง ๆ นางคิดเล่น ๆ ว่าในภายภาคหน้าหากคุ้นเคยกับเมืองนี้และรู้เรื่องลู่ทางการทำมาหากินแล้วก็อยากจะขยายร้านซาลาเปาให้เป็นร้านอาหารที่โด่งดังที่สุดในเมืองถู่หยาง

พูดถึงร้านอาหารแล้วที่เมืองถู่หยางนั้นมีผู้คนอาศัยอยู่มากมายก็จริงแต่ร้านอาหารขึ้นชื่อมีอยู่ไม่กี่แห่ง ที่พอจะนึกออกก็จะมีที่โรงเตี้ยมเฉียนฮวากับเหลาสุราซ่งเฮ่อเท่านั้น ที่อื่นล้วนขายอาหารแบบปกติทั่วไปจำพวกบะหมี่ เกี๊ยว จะว่าไปแล้วหากบุกเบิกตลาดได้ก่อนย่อมจะได้เปรียบ

        "หนิงฮวา ปั้นแป้งซาลาเปาชุดนี้เสร็จเอาซาลาเปาไปให้บ้านของว่าที่คู่หมั้นเจ้าหน่อยนะ" เสียงพูดดังมาจาหน้าร้านเป็นคำสั่งของบิดานั่นเอง

        ได้ยินแล้วก็ถึงกับชะงักกึก 'ว่าที่คู่หมั้น? ว่าที่คู่หมั้นอันใดกัน?' ฟางหนิงฮวาเงยหน้ามองบิดาอย่างงุนงง พลางความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมก็วิ่งเข้ามาในหัว

        สกุลฟางมีสหายสนิทที่มาจากหมู่บ้านเดียวซึ่งก็คือสกุลเหลียน สกุลเหลียนทำการค้าในเมืองถู่หยางนี่มาตั้งแต่ก่อนที่พวกฟางหนิงฮวาจะเข้ามาเปิดร้านเสียอีก พวกเขาขายหมูอยู่ที่หัวมุมถนนถัดไปอีกไม่กี่ร้าน ร้านขายหมูของสกุลเหลียนใหญ่ที่สุดในตลาดแห่งนี้ ตอนที่ฟางตวนจะเข้ามาหาลู่ทางค้าขายนั้นก็ได้เจ้าของร้านขายหมูนี่แหละช่วยหาทำเลให้

        พวกเขามีบุตรชายผู้หนึ่งนามว่าเหลียนต้าเป่า ต้าเป่าเป็นหนุ่มน้อยนิสัยดีทั้งยังจิตใจโอบอ้อมอารีมีเมตตา เด็ก ๆ ในตลาดต่างก็รักใคร่เขากันทั้งนั้น เขามีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนผู้ใดก็คือมีรูปร่างที่อ้วนตุ๊ต๊ะ แก้มกลมย้วย ผิวขาวผ่องจนบางครั้งออกแดดนิดหน่อยก็แดงแล้ว ดูไปน่ารักไม่น้อยและนี่จึงเป็นเหตุให้ที่ทำเขาเป็นที่รักของทุกคน

        แต่สำหรับฟางหนิงฮวาแล้วต้าเป่าเป็นสหายสนิทที่เล่นมาตั้งแต่เด็ก จะให้คิดเกินเลยถึงขั้นเป็นคู่หมั้นได้อย่างไร แต่ทว่าที่ห้ามไม่ได้ก็คือเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมาบิดาของทั้งสองคนได้ถือวิสาสะคุยเรื่องนี้กันไปแล้วโดยที่ไม่ได้ถามความเห็นของบุตรทั้งสอง ฟางหนิงฮวารู้ใจตัวเองว่าไม่อยากหมั้นกับต้าเป่า แต่แล้วต้าเป่าล่ะ นางเองก็อยากรู้ว่าเขาคิดอย่างไร

        "เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนั้น ราวกับไม่อยากไปเยี่ยมต้าเป่าอย่างนั้นแหละ เจ้าเองก็ไม่ได้ไปมาหลายวันแล้วไม่ใช่หรือ ไปพบกันสักหน่อยความสัมพันธ์จะได้แน่นแฟ้นขึ้น" ฟางตวนกล่าว

        ฟางหนิงฮวาได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนจะอธิบายให้บิดาฟัง "ท่านพ่อ ท่านก็รู้ว่าข้ากับต้าเป่าเป็นสหายกัน พวกเราใช้ชีวิตฉันท์สามีภรรยาไม่ได้หรอก ท่านล้มเลิกความตั้งใจนี้เสียเถอะ ข้าจะให้ต้าเป่าพูดเรื่องนี้กับท่านลุงเหลียนด้วย"

        "หากว่าเจ้าไม่แต่งกับต้าเป่าแล้วผู้ใดจะมาแต่งกับเจ้าเล่า คนทั้งเมืองต่างก็รู้ว่าบุตรสาวสกุลฟางร่างกายไม่แข็งแรง ไม่มีผู้ใดอยากได้คนป่วยเข้าไปอยู่ในตระกูลหรอกรู้หรือไม่" ฟางตวนทั้งกล่าวทั้งทอดถอนใจ เป็นอย่างที่เขาว่าหากว่าผู้ใดจะแต่งเข้าไปเป็นภรรยาก็จำเป็นต้องมีร่างกายที่แข็งแรงพร้อมจะมีบุตรสืบสกุล แต่ว่าฟางหนิงฮวาป่วยกระเสาะกระแสะมาตั้งแต่เด็กเลยไม่มีบุตรชายตระกูลไหนมาให้ความสนใจเลย ถึงแม้ว่านางจะมีหน้าตาที่งดงามไม่น้อยก็ตาม

        "เช่นนั้นจะไม่เป็นการบังคับจิตใจของต้าเป่ามากเกินไปหรือเจ้าคะ พวกท่านบังคับให้เขาแต่งหญิงสาวที่ป่วยเข้าบ้านหากว่าข้าไม่มีลูุกหลานสืบสกุลให้เขาขึ้นมา แล้วพวกเราจะทำอย่างไร" ฟางหนิงฮวากล่าว

        คำกล่าวของนางทำเอาผู้เป็นบิดาถึงกับต้องฉุกคิด เหตุผลนี้ถูกต้อง เป็นเพราะเขาเห็นแก่ตัว เห็นแก่บุตรสาวของตนเองมากเกินไปจนไม่ได้นึกถึงต้าเป่าเลยว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร และหากว่าแต่งกันไปฟางหนิงฮวามีบุตรไม่ได้แล้วต้าเป่าจำเป็นต้องแต่งอนุเข้ามาเล่าความเป็นอยู่ของบุตรสาวของตนจะต้องน่าสงสารถึงเพียงไหน

        "แต่ถ้าเจ้าไม่แต่งงานจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรเล่า" นิ่งหรงผู้เป็นมารดาถามด้วยความเป็นห่วง

        "จะไปยากอันใดเล่าท่านแม่ พวกท่านก็เพียงแค่ส่งต่อร้านซาลาเปาให้กับข้า ในภายภาคหน้าข้าจะทำให้มันรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอีก พอข้าร่ำรวยแล้วก็ไม่ต้องแต่งงาน อีกอย่างข้าจะเลี้ยงดูท่านพ่อท่านแม่เป็นอย่างดีเลย" ฟางหนิงฮวากล่าว ท่าทางของนางมุ่งมั่นราวกับว่าไม่ใช่ฟางหนิงฮวาคนเดิม บิดากับมารดาต่างก็มองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

        "ไปเถอะ ๆ ประเดี๋ยวไม่ทันพวกเขากินข้าวเที่ยง" นิ่งหรงบอกกับบุตรสาว

        "เจ้าค่ะ" ฟางหนิงฮวารับคำ

      

        มาถึงร้านขายหมูฟางหนิงฮวาก็มองสำรวจดูร้านโดยบรอบทว่าไม่เห็นต้าเป่าก็แปลกใจเล็กน้อย ปกติแล้วต้าเป่าไม่ค่อยออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน เขาจะนั่งอยู่ที่โต๊ะและทำบัญชีของร้านอย่างตั้งอกตั้งใจ

        "ท่านลุงเหลียน ข้าเอาซาลาเปามาส่งเจ้าค่ะ" ฟางหนิงฮวาร้องบอกชายวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งกำลังถือมีดหั่นหมูอยู่ในมือ ผ้ากันเปื้อนของเขามีรอยคราบอันเนื่องมากจากมันหมูอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ดูสกปรกจนหน้าเกลียด

        "หนิงฮวา…มาแล้วหรือ เอาวางไว้ที่โต๊ะเถอะ" เหลียนถงกล่าว ในมือยังคงหั่นหมูยิก ๆ

        ฟางหนิงฮวามองไปรอบร้านอีกครั้ง ในเมื่อแน่ใจแล้วว่าต้าเป่าไม่น่าจะอยู่จึงเอ่ยถาม "ท่านลุงเหลียน ต้าเป่าเล่าเจ้าคะ"

        "อ้อ…ข้าให้เขาออกไปส่งหมูน่ะ สักครู่ก็คงกลับมาแล้ว เจ้ารอที่นี้ก่อนนะ" เหลียนถงกล่าว

        หลังจากนั้นไม่นานต้าเป่าก็กลับเข้าร้านมา เห็นว่าฟางหนิงฮวานั่งรออยู่ก็รู้ได้ว่านางต้องมีเรื่องสำคัญคุยด้วยเป็นแน่ แต่กลับรู้สึกว่าฟางหนิงฮวาในวันนี้ดูไม่เหมือนกับที่ผ่านมา นางดูแข็งแรง สดใส แล้วก็มั่นใจมากกว่าปกติ

        "เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้ามีธุระสำคัญต้องคุยกับเจ้า พวกเราไปหาที่สงบ ๆ คุยกันดีกว่า" ฟางหนิงฮวากล่าว

        ต้าเป่าพยักหน้างหงึก ๆ อย่างงงงัน แต่ก็พาสหายมานั่งคุยกันที่หลังร้านตรงข้างบ่อน้ำ "เจ้ามีเรื่องอันใดหรือ"

        "ก็เรื่องที่บิดาของพวกเราคุยกันไว้เมื่อตอนปีใหม่อย่างไรเล่า ข้ากล่าวกับท่านพ่อไปแล้วว่าพวกเราเป็นสหายกัน ไม่เหมาะที่จะแต่งกันหรอก ให้ท่านพ่อเอาเรื่องนี้ไปคิดดูอีกที แล้วเจ้าล่ะคิดว่าอย่างไร" ฟางหนิงฮวาบอกต้าเป่าไปตามความจริง นางไม่คิดว่าต้าเป่าจะเสียใจเพราะรู้สึกได้ว่าต้าเป่าเองก็ไม่ได้ชมชอบนางในฐานะนั้นเช่นกัน

        "ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า แต่ไม่คิดว่าบิดาของข้าจะใจอ่อนลงง่าย ๆ เหมือนท่านอาฟางน่ะสิ" ต้าเป่าบอก

        ทั้งสองต่างก็รู้นิสัยของเหลียนถงเป็นอย่างดีว่าเขาเป็นคนที่มีความเด็ดขาดถึงเพียงไหน หากว่าอยากจะเปลี่ยนความคิดของเขานั้นจำเป็นจะต้องมีเหตุผลที่ฟังขึ้นเท่านั้น ดังนั้นทั้งสองจึงได้ช่วยกันคิดอย่างเคร่งเครียด

        "เจ้าพอจะนึกเหตุผลบางอย่างออกหรือไม่ อย่างเช่นปฏิเสธข้าเพราะว่าข้าป่วย ในภายภาคหน้าอาจจะไม่สามารถมีบุตรสืบสกุลให้เจ้าได้" ฟางหนิงฮวาเสนอ

        ต้าเป่าครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนกล่าว "เหตุผลนั้นคงไม่เพียงพอ เพราะถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นถึงบุตรีของสหายรักของพ่อข้า ดังนั้นการรับเจ้าไว้ย่อมเป็นเรื่องดีเป็นการช่วยเหลือเจ้าด้วย แต่หากว่าในภายภาคหน้าเจ้าไม่มีบุตรจริง ๆ ท่านพ่ออาจจะเสนอให้ข้ารับอนุก็ได้"

        "ก็จริงของเจ้า แล้วพวกเราจะมีเหตุผลอื่นใดมาอ้างได้อีกเล่า" ฟางหนิงฮวาทอดถอนใจอย่างหมดหวัง

        "ขะ…ข้ามีหญิงในดวงใจผู้หนึ่ง" ต้าเป่ากล่าว

        "นางเป็นผู้ใดกัน" ฟางหนิงฮวาถามด้วยความตื่นเต้น

        "เจ้าก็เคยเห็นนาง เป็นแม่นางหยางบุตรสาวของร้านผลไม้แห้งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านของข้า และตอนนี้ข้าก็กำลังลดความอ้วนเพื่อที่จะหาทางเข้าหานางอยู่" ต้าเป่าตอบอย่างขวนเขิน

        "แม่นางหยางเสี่ยวเจียงน่ะหรือ งั้นดีเลยเจ้าต้องขอนางเป็นคนรักให้ได้แล้วนำเหตุผลนี้มาคุยกับท่านลุงเหลียน ข้าจะช่วยเจ้าอีกแรง" ฟางหนิงฮวากล่าว นางฮึกเหิมเสียยิ่งกว่าต้าเป่าเสียอีก

        "อืม…ตกลง ข้าเองก็จะทำอย่างเต็มที่" ต้าเป่าพยักหน้า ทั้งสองแปะมือกันคราหนึ่ง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 50 บิดามารดามาเยี่ยม

    บทที่ 50 บิดามารดามาเยี่ยม ตั้งแต่ที่ฟางหนิงฮวามาที่เมืองเสวี่ยคังนี่ก็เป็นเป็นเวลากว่าห้าเดือนแล้ว นางยังไม่ได้กลับบ้านเสียที มีแต่เขียนจดหมายไปบอกบิดามารดาเท่านั้น ฟางตวนกับนิ่งหรงพอเห็นว่าบุตรสาวไม่กลับบ้านก็คิดถึงและเป็นห่วงจึงได้คิดที่จะไปเยี่ยมนาง พวกเขาเริ่มออกเดินทางส่วนร้านซาลาเปานั้นก็ฝากไว้กับอารอง “ท่านพี่ เตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง” นิ่งหรงเอ่ยถามสามีที่กำลังจัดของของตัวเองใส่ห่อผ้าอยู่ เขาเอาสิ่งนั้นเข้าสิ่งนี้ออกอยู่หลายครั้งจนนางรำคาญ “ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ แต่ขอข้าคิดก่อนว่าควรจะเอาเนื้อกวางแห้งนี่ไปฝากหนิงฮวาดีหรือไม่” ฟางตวนพูดพลางหยิบเนื้อกวางแห้งนั่นใส่เข้าไปในห่อผ้าอีกครั้ง “ท่านไม่ต้องเอาอะไรไปฝากนางทั้งนั้นแหละ

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 49 ดวลสุรา

    บทที่ 49 ดวลสุรา เป็นเพราะว่าเห็นคุณชายผู้นี้พูดคุยกับฟางหนิงฮวาทำให้เซียวป๋อเหวินอดไม่ได้ที่จะหึงขึ้นมา เขาตัดสินใจนั่งร่วมโต๊ะกับเหยียนจื่อจิง ทั้งนี้ก็เพื่อจะเอาตัวเองขวางกั้นไม่ให้เหยียนจื่อจิงได้สนทนากับฟางหนิงฮวาได้สะดวก “ถ้าเช่นนั้นทั้งสองท่านรอสักครู่นะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะให้พ่อครัวจัดอาหารมาให้” ฟางหนิงฮวาพูด “อ้อ...ท่านแม่ทัพอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือไม่เจ้าคะ ข้าจะได้ทำให้” “แล้วแต่เจ้าเถิด แต่ว่า...ข้าขอสุรามากหน่อย วันนี้รู้สึกอยากดื่มสุรา” เซียวป๋อเหวินพูด หลังจากที่ฟางหนิงฮวาหายเข้าไปในครัวแล้วบรรยากาศในร้านก็เปลี่ยนไป เซียวป๋อเหวินที่แย้มยิ้มเมื่อสักครู่บัดนี้เปลี่ยนเป็นสายตามาดร้ายจ้องไปที่เหยียนจื่อจิงอย่างไม่วางตา

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 48 ตุ๊กตาหมี

    บทที่ 48 ตุ๊กตาหมี เวลาผ่านไปความสัมพันธ์ของฟางหนิงฮวากับเซียวป๋อเหวินก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้นจนเหล่าทหารทั้งกองทัพต่างก็มองว่าทั้งสองเป็นคู่รักกันไปแล้ว ฟางหนิงฮวามักจะเอาอาหารไปให้เขาที่ค่าย ส่วนเขาก็มักจะทำอะไรให้นางประหลาดใจอยู่บ่อย ๆ วันนี้ที่ร้านยุ่งมากจนฟางหนิงฮวาไม่สามารถปลีกตัวออกจากร้านได้ เดิมทีนางคิดว่าจะทำไก่ผัดพริกเสฉวนไปให้เขากินที่ค่ายแต่ว่าทำเสร็จนานจนอาหารเย็นชืดก็ยังไม่ได้ไป กว่าลูกค้าจะออกจากร้านหมดก็ปาเข้าไปปลายยามเซินแล้ว ฟางหนิงฮวากลับมาที่จวน นางถือกล่องอาหารมาด้วยและก็พบเข้ากับเซียวป๋อเหวินที่กลับมาพอดี “ไก่ผัดพริกเสฉวนนี่เย็นชืดหมดแล้ว เดี๋ยวข้าจะเข้าครัวไปอุ่นให้ท่านใหม่นะ” “ไม่เป็นไรหรอก ให้สาว

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 47 ร้านอาหารเสฉวนแห่งเมืองเสวี่ยคัง

    บทที่ 47 ร้านอาหารเสฉวนแห่งเมืองเสวี่ยคัง หนึ่งเดือนต่อมาร้านอาหารก็เปิด ฟางหนนิงฮวาเปิดร้านอาหารรูปแบบของเสฉวน เน้นอาหารรสชาติเผ็ดร้อนที่เซียวป๋อเหวินชอบ แถมยังมีหม้อไฟหม่าล่าซึ่งเป็นสิ่งแปลกใหม่ของที่นี่อีกด้วย สร้างความฮือฮาในหมู่ชาวเมืองเสวี่ยคังเป็นอย่างอยิ่ง เมื่อได้ยินว่ามีร้านอาหารมาเปิดใหม่ผู้คนต่างก็อยากรู้อยากเห็น พากันแวะเวียนมาเดินผ่านหน้าร้านกันแต่ว่าก็ยังไม่มีใครกล้ามาลองกินดูสักคน จนเมื่อฟางหนิงฮวาเปิดหม้อน้ำแกงหม่าล่าออกก็ถึงกลับทำให้คนที่เดินไปมาอยู่หน้าร้านถึงกลับชงัก กลิ่นของน้ำแกงนั้นหอมเตะจมูกเป็นอย่างยิ่ง มีทั้งกลิ่นที่กลมกล่อมของมันวัวและกลิ่นเครื่องเทศที่หอมฟุ้ง ชาวเมืองที่อยู่แถวนั้นต่างก็กลืนน้ำลายกันเป็นแถว “นี่มันอาหารอะไรเนี่ย ข้าไม่เคยได้กลิ่นอะไรที่หอมเช่นนี้มาก่อนเลย” ชายวันกล

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 46 เริ่มต้นกิจการ

    บทที่ 46 เริ่มต้นกิจการ “นี่...หัวหน้าองครักษ์กู้ ช่วงนี้ท่านแม่ทัพกำลังยุ่งอยู่หรือไม่” ฟางหนิงฮวาถาม นางมาดักรอหัวหน้าองครักษ์ที่ทางเดินไปห้องหนังสือของเซียวป๋อเหวิน “ช่วงนี้ท่านแม่ทัพค่อนข้างยุ่งน่ะ ต้องเตรียมเรื่องการฝึกทหาร ยิ่งตอนนี้มีการรับทหารใหม่เข้ามา งานก็เลยล้นมือ” หัวหน้าองครักษ์กู้ตอบ “เหตุใดเจ้าไม่ไปถามกับท่านแม่ทัพเอาเล่าหนิงฮวา” “ข้าไม่อยากรบกวนเขาน่ะ และข้าก็รู้ว่าท่านต้องตอบข้าทุกอย่างอยู่แล้ว” ฟางหนิงฮวายิ้มน้อย ๆ “เจ้านี่ฉลาดเอาเรื่อง ว่าแต่ถามหาท่านแม่ทัพมีธุระอันใดหรือ” หัวหน้าองครักษ์กู้ถาม “ข้าเพียงแต่อยากรู้ว่าช่วงที่ข้า

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 45 หุบเขาวัดเสวียนคงและสวนต้นกุ้ยฮวา

    บทที่ 45 หุบเขาวัดเสวียนคงและสวนต้นกุ้ยฮวา หลังจากการศึกจบลง บ้านเมืองสงบเซียวป๋อเหวินได้มีเวลาของตัวเอง วันนี้เข้าจะพาฟางหนิงฮวาออกไปเที่ยวนอกเมืองสักหน่อย เขาเองก็ได้ยินชื่อเสียงเรื่องความงามของธรรมชาตินอกเมืองมานานแล้ว แต่ด้วยความที่ต้องยุ่งอยู่กับการศึกจึงไม่ได้มีเวลาออกไป วันนี้ว่างแล้วจึงเป็นเวลาที่เหมาสมพอดี เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นสองสามครั้งตั้งแต่เช้าตรู่ ฟางหนิงฮวาที่เพิ่งตื่นขึ้นมาได้ไม่นานกำลังนั่งแต่งตัวจัดเครื่องประดับอยู่ที่หน้ากระจกทองเหลืองเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก็รีบออกมาเปิดทันที เมื่อเห็นว่าเป็นเซียวป๋อเหวินก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะปกติแล้วเช้าตรู่เช่นนี้เขาจะอยู่ที่ห้องหนังสือมิใช่หรือ “ท่านแม่ทัพ มาหาข้าแต่เช้ามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” หญิงสาวถาม&nb

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status