เมื่อนางร้ายในละคร ถูกเพื่อนสนิทในชีวิตจริงหักหลัง แย่งผู้ชายที่เธอรักไป อีกทั้งเพื่อนคนนั้นยังมาเป็นนางเอกละครเรื่องเดียวกับเธอ นินิว>>หลังจากที่แพ้จนหมดรูปและหายตัวไปจากวงการนาน 5 เดือน เธอก็กลับมาเล่นละครอีกครั้ง และได้เล่นละครเรื่องเดียวกับเพื่อนสนิทคนดี คนเดิมที่หักหลังเธอ ออสติน>>คาสโนว่าตัวพ่อ ตัวแปรสำคัญของเกมส์แก้แค้นนี้ เขาคืออดีตเพื่อนสมัยมัธยมที่โดนคนเป็นพ่อดัดนิสัย ส่งไปเรียนต่อเมืองนอกตั้งแต่ยังไม่จบมัธยมปลาย โมนา>>เธอคือนางเอกในละคร แต่เป็นนางร้ายในชีวิตจริง พอได้เจอหน้ากับออสตินและรู้ว่าเขาคือสปอนเซอร์รายใหญ่ของละครเรื่องใหม่ที่เธอเล่น เลยอยากสานต่อความสัมพันธ์เพื่อเป็นบันไดให้เธอขึ้นไปยืนจุดสูงสุดได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Voir plusแชะ! แชะ! แชะ!
แสงแฟลชวิบวับของนักข่าวสายบันเทิงที่มากันเนืองแน่นห้องแกรนด์บอลรูมของโรงแรมชื่อดัง ในงานแถลงข่าวเปิดตัวละครเรื่องใหม่ ที่ได้สองพระนางชื่อดังแห่งยุคคือขุนเขาและโมนามาเป็นแสดงนำทั้งคู่ ร่วมด้วยนางร้ายหน้าสวยอย่างนินิวที่มีข่าวฉาวรายวันและหายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงพักใหญ่กลับมารับงานแสดงโปรเจ็กต์ใหญ่เรื่องนี้ด้วย หลังจากงานแถลงข่าวจบลง ทุกคนก็เดินเข้าไปยังห้องรับรองของโรงแรมที่ทีมงานจัดไว้สำหรับแต่งหน้าทำผม นินิวที่เดินหน้าบูดหน้าบึ้งเพื่อเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนั้นพร้อมกับโมนานางเอกของเรื่อง “ดีใจด้วยนะ ที่เธอได้กลับมาแสดงอีกครั้ง” นินิวเบะปากพร้อมกับเหลือบมองไปยังคนพูด ผู้หญิงคนนี้เก่งมากที่คีพลุคเป็นนางเอกได้ดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งที่จริงนิสัยตัวเองต่างกันกับบทบาทที่ได้รับราวฟ้ากับเหว “สาบานว่าเธอดีใจที่ฉันกลับมา ตอนนี้ไม่มีกล้องไม่ต้องแอ๊บทำเป็นนางเอกหรอกนะ” “ทำไมเธอพูดแบบนั้นล่ะนิว เราเป็นเพื่อนกันนะ ฉันอุตส่าห์บอกให้พี่ใหญ่ผู้กำกับ ให้โทรเรียกเธอมาเล่นเรื่องนี้ด้วยกัน เพื่อให้เธอมีพื้นที่ข่าวหน้าแรกอีกครั้ง” แปะ! แปะ! “เป็นพระคุณอย่างสูงค่ะ งานนี้เธออยากได้อะไรเป็นการตอบแทนล่ะ อุตส่าห์ช่วยฉันขนาดนี้”นินิวยกมือขึ้นปรบเสียงดังต่อหน้าอดีตเพื่อนสนิทของเธออย่างโมนา “เธอหมายความว่าไง นี่เธอยังไม่ลืมเรื่องในอดีตของเราเหรอ มันผ่านมาตั้งนานแล้วนะนิว ฉันไม่ติดใจเอาความอะไรเธอแล้ว เธอเองก็ควรเลิกโทษตัวเองได้แล้วนะ” “ฉันไม่ได้โทษตัวเอง แต่ฉันโทษเธอ นังเพื่อนทรยศ” “ฉันนะเหรอทรยศเธอนิว พูดให้ดี ๆ นะ”พอโดนตอกหน้าตรง ๆ แบบนี้ ลุคนางเอกใส่ซื่อต่อหน้านักข่าวก็โดนลอกคราบออกไป“ฉันกับเรย์เราคบกันมาก่อนเธอนะ เธอต่างหากที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างเราสองคน” ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ปี โมนาก็จะพูดแบบนี้กับเธอ คำพูดของอดีตเพื่อนสนิทคนนี้จะทำให้เธอขาดสติและเผลอใช้กำลังจนเป็นข่าวฉาวเมื่อห้าเดือนก่อน ว่าเธอตบหน้านางเอกชื่อดัง จนเธอกลายเป็นนางร้ายทั้งในจอและนอกจอของแฟนละครเกือบทุกคน มีน้อยคนที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นคนยังไงและยังอยู่เคียงข้างเธอ ก็คือกลุ่มแฟนคลับที่รักและเข้าใจเธอจริง ๆ มันเป็นเพราะพวกเขาที่ทำให้เธอผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตมาได้ จนสามารถกลับมารับละครได้อีกครั้ง เรื่องที่โมนาบอกว่าเป็นคนบอกพี่ใหญ่ผู้กำกับให้โทรหาเธอนั้นไม่ใช่เรื่องจริง เพราะพี่แจงผู้จัดการส่วนตัวเธอเป็นคนบอกเองว่าโปรเจ็กต์ละครเรื่องนี้ ทางผู้สนับสนุนเป็นคนรีเควสมาเองว่าต้องเป็นเธอเท่านั้นที่เล่นเป็นนางร้ายของเรื่องนี้ เธอเองก็อยากเจอหน้าและขอบคุณอยู่เหมือนกัน แต่วันนี้บริษัทผู้สนับสนุนได้ส่งทีมงานมาแทน ตัวผู้บริหารไม่ได้มาด้วย ทำให้เธอยังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณเขาคนนั้น “ฉันกลับมาคราวนี้ ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เพราะเธอ อีกอย่างต่อให้เธอจะยั่วให้ฉันโกรธเกลียดเธอมากขนาดไหน มันคงไม่มากไปกว่าที่ฉันเกลียดเธอตอนนี้หรอกโมนา ฉันจะรอวันที่ทุกคนตาสว่างว่าเธอคือผู้หญิงที่สกปรก โสโครกแค่ไหน ที่ได้มาเป็นนางเอกจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะเธอต้องไปนอนแบระหว่างทางจนช่วงล่างพลุนไปหมดแล้ว” “กรี๊ดดดด!!! อีนิว มึงด่ากูเหรอ” โมนายกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าอดีตเพื่อนสนิท ที่เธอพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ได้กลับมาเฉิดฉายในเส้นทางบันเทิงได้อีก แต่ก็ต้องแปลกใจที่นินิวยังกลับมารับงานละครได้ แถมยังเป็นโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่อีกด้วย ทั้งที่เธอยอมเอาหน้าสวย ๆ ให้ตบจนเลือดกลบปาก แล้วนักข่าวก็มาเห็นพอดี ตอนงานเลี้ยงปิดกล้องละครเมื่อห้าเดือนที่แล้ว “เอาสิ กรี๊ดให้นักข่าวเข้ามาในห้องนี้เลย กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้านักข่าวได้เห็นนางเอกแสนใสซื่อ กำลังกรีดร้องเสียงดัง เหมือนชะนีที่กำลังร้องหาผัวจะเป็นยังไง” “กูไม่โง่เหมือนมึงหรอก ถ้ากูโง่ กูคงไม่แย่งเรย์มาจากมึงได้หรอกอีนิว” “มึงยอมรับแล้วสินะ ว่าเป็นคนยั่วเรย์จนได้ไปสมสู่กัน”นินิวยิ้มเยาะออกมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงเจ็บแค้นเรื่องในอดีตมากกว่าตอนนี้และลงมือทำร้ายอดีตเพื่อนสนิทตรงหน้าจนเป็นข่าวอีก แต่ตอนนี้เธอไม่มีวันทำตัวแบบนั้นอีกแล้ว เธอจะไม่เอาหน้าที่การงานและอาชีพที่เธอรักไปแลกกับเรื่องในอดีตของตัวเองอีกแล้ว “กูสวยไง ไม่ต้องพยายามอะไรมาก ผู้ชายก็อยากสมสู่กับกู ไม่เหมือนมึงใช้ความพยายามแทบตาย ผู้ชายก็ไม่อยากสมสู่ด้วย พอโดนกูปาดหน้าเข้าหน่อยก็รับไม่ได้ ตีอกชกตัวว่าตัวเองมาก่อน ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้คิดอะไรกับมึงตั้งแต่แรก” “แล้วเป็นไงล่ะ ตอนนี้มึงเองก็โดนเขาทิ้งไปเหมือนกันนิ มันเพราะอะไรนะ เขาถึงได้หนีไปแต่งงานกับคนอื่น แต่ถ้าให้กูเดา คงจะเป็นเพราะเขาจับได้ว่ามึงร่านนอนกับผู้ชายไปทั่ว” “อีนิว!!” “มีอะไรกัน”เสียงพี่แจงผู้จัดการส่วนตัวของเธอเข้ามาขัดจังหวะมือเล็กของโมนาที่ยกขึ้นหมายจะตบหน้าเธอ ที่พูดแทงใจดำได้เจ็บปวดที่สุด ทำให้อีกฝ่ายเอามือลงและกำมือเข้าหากันแน่นเพราะความคับแค้นใจ ที่โดนอีกฝ่ายด่าทอขนาดนี้ “รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วนิว รถตู้รออยู่”แจงรีบผลักเด็กในสังกัดตัวเองให้เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ไม่ลืมส่งสายตาไม่พอใจใส่โมนาไปด้วย เธอเองก็เป็นอีกคนที่รู้จักนิสัยที่แท้จริงของนางเอกชื่อดังคนนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อเป็นนางเอกที่ฝีมือดีและกระแสแรงไม่มีตก“เธอเองก็ควรรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะโมนา ก่อนที่นักข่าวจะแห่กันมาเพราะคิดว่านางเอกกับนางร้ายตบตีกันอีก” “พี่ดูคนของพี่ให้ดี ๆ นะคะ อย่าปล่อยให้เห่าไปทั่วแบบนี้” “หึ นี่เธอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ไม่ใช่เธอหรอกเหรอที่เห่าอันธพาลนิวมันก่อน” “นี่พี่ด่าว่าฉันเป็นหมาเหรอ” “ฉันไม่กล้าหรอก ถ้าเธอไม่ใช้คำว่าเห่าก่อน ใช้คำแบบไหนกับใคร พอเขาใช้กลับเราก็ต้องรับให้ได้ด้วยนะ สมองนะต้องฉลาดกว่านี้ อย่าฉลาดแต่ใช้ช่วงล่างอย่างเดียว” พูดจบแจงก็เดินไปรอนินิวหน้าห้องแต่งตัว ทิ้งให้โมนายืนสงบสติอารมณ์อยู่ตรงนั้นคนเดียว วันนี้เธอแพ้ แต่ยังไงวันหน้าก็ต้องมี เพราะเธอยังต้องถ่ายละครกับอดีตเพื่อนรักอีกหลายเดือน คราวนี้เธอจะทำให้นินิวไม่สามารถยืนอยู่ในวงการนี้ได้อีกเลย คอยดูก็แล้วกัน “ฉันอยากให้เธอใจเย็นกว่านี้นะนิว อย่าไปตามเกมส์ของโมนาอีก”เมื่อขึ้นมาบนรถตู้ แจงก็บ่นนินิวชุดใหญ่ “ฉันกำลังพยายามอยู่พี่ก็เห็น” “ฉันเห็นและรู้ทุกอย่าง แต่เรื่องแบบนั้นมันไม่มีหลักฐานให้เราแฉโมนาได้หรอก มันก็เหมือนเรากล่าวหาเขาลอย ๆ เธอก็รู้ว่าแฟนคลับโมนามากขนาดไหน เกิดอะไรขึ้นมา มันไม่คุ้มกับสายอาชีพนี้ เธอก็รู้” “ฉันรู้ค่ะ”นินิวหลับตาลง ทิ้งศรีษะลงบนพนักพิง แค่กลับมาเจอกันวันแรก ก็ทำให้เธอปวดหัวอีกแล้ว นี่ยังต้องถ่ายละครด้วยกันอีกหลายเดือน เธอไม่เส้นเลือดในสมองแตกไปก่อนหรอกเหรอข่าววงในบอกมาว่าเมื่อวานมีการเถียงกันในกองถ่ายละครระหว่างนางเอกชื่อดังกับนางร้ายหน้าสวย ดูเหมือนการเกาเหลากันยังไม่หายไป ที่เห็นยิ้มแย้มและยืนข้างกันตอนวันแถลงข่าวเปิดกล้องละคร จะเป็นเพียงฉากหน้าที่ทำให้ทุกคนตายใจเพียงเท่านั้น เพราะในกองละครทั้งคู่ไม่เคยพูดคุยกันหรือแม้แต่มองหน้ากันเลยด้วยซ้ำและยิ่งไปกว่านั้นคือครั้งนี้ตัวละครสำคัญอย่างนักธุรกิจหน้าตาดี ดูเหมือนจะเป็นปัจจัยแตกหักชนิดรุนแรงชนิดที่ว่าชาตินี้คงไม่มีวันเผาผีกันได้อีก สืบเนื่องมาจากมีข่าวออกมาว่านางร้ายหน้าสวยกับนักธุรกิจหน้าตาดีกำลังจะเปิดตัวหมั้นกันในวันที่ละครออนแอร์ อาทิตย์หน้านี้ ว้าวววว อันนี้ยังไม่ยืนยันเพราะทางเราดันรู้เสียก่อนจะมีข่าวออกมา ต้องบอกว่าเป็นเอ็กคลูซีฟชนิดไม่ใช่แค่ขอบเตียง เพราะว่าเราทำข่าวกันอยู่บนเตียงเลยด้วยซ้ำ แต่ ๆ ๆ ๆ ยังไม่แค่นั้น ที่บอกว่าน่าสนใจ ยังมีอะไรเด็ดกว่านี้ มีเรื่องที่ทำให้ทุกคนอึ้งยิ่งกว่านี้คือตอนนี้นักธุรกิจหนุ่มหน้าตาดีกำลังแอบแซ่บอยู่กับนางร้ายหน้าสวย และดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจะมีใจให้กัน เอาล่ะสิ ช็อกไปตาม ๆ กัน อย่าเพิ่งค่ะ อย่าเพิ่งช็อก เรื่องราวยังไม่จบแค่นั้น เมื่อทางเราดัน
"นี่พี่บอกให้ผู้จัดการรู้เรื่องของเราด้วยเหรอคะ" อัญชันเอ่ยถามออกมาทันทีที่ปิดประตู เมื่อรูมเซอร์วิสออกไปแล้ว "แล้วทำไมบอกไม่ได้"ขุนเขาเลิกคิ้วถามด้วยท่าทางปกติ แต่ทว่าอัญชันมองว่าเขากำลังกวนประสาทเธอมากกว่า "แล้วแบบนี้พี่เขาจะมองฉันยังไงคะ พี่ไม่อายบ้างเหรอคะ ที่ทำแบบนี้" "ทำไมต้องอาย อีกอย่างผู้จัดการส่วนตัวของฉันเขาไม่ใช่คนปากโป้ง เขาไม่เอาไปบอกใครหรอก" "เหอะ นี่แสดงว่าพี่เขารู้ละเอียดเลยสินะ" เธอถึงว่าวันนี้ผู้จัดการส่วนตัวของเขามองเธอด้วยแววตาแปลกไปจากเดิม ทั้งที่เมื่อก่อนเธอแทบไม่อยู่ในสายตาของพี่เขาเลยด้วยซ้ำ คงจะกำลังดูถูกและสมเพชเธออยู่ในใจ ที่กล้าทำเรื่องแบบนี้ "เรื่องปกติไหมว่ะ เธอจะอายอะไรนักหนา" “ฉันไม่ได้หน้าหนาอย่างพี่นะ ที่จะได้ไม่อายเรื่องแบบนี้” “เธอแอบแซ่บกับพระเอกละครชื่อดังเลยนะเว้ย สมมติข่าวออกไปผู้หญิงอิจฉาเธอทั้งประเทศเลยนะ” อัญชันกรอกตามองบนกับความหลงตัวเองของเขา ทำให้ขุนเขาเผลอยิ้มกับท่าทางแบบนั้นของเธอ ก่อนจะรีบหุบยิ้มทันที เมื่อรู้ตัวว่าเผลอรู้สึกอะไรแปลก ๆ ขึ้นมาอีกแล้ว ที่สำคัญคือหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะขึ้นมาทันที เช้าต่อมา Rrrrrr Rrrrrr ในข
“มานี่สิ” มือหนาตบที่ว่างข้างตัว เป็นสัญญาณบอกว่าให้เธอขึ้นไปนอนข้างเขา ทีแรกก็อยากจะอิดออดไม่ทำตาม เพราะไม่พอใจคำพูดก่อนหน้าของเขา แต่ก็ไม่อยากทำลายบรรยากาศให้แย่ลงไปกว่านี้ เลยเดินไปทิ้งตัวลงนอนข้างเขาทันที “ทำอะไร?” เมื่อรู้สึกถึงมือซุกซนกำลังเลื้อยเข้ามาในชายเสื้อยืดของเธอ ผ่านหน้าท้องแบบราบที่ทำให้ขนกายเธอลุกชันขึ้นมาทันที ก่อนประกบลงที่สองเต้าอวบอิ่มผ่านเสื้อชั้นในลูกไม้ที่กำลังห่อหุ้มเต้าสวยงามอยู่ “จับนมไง เธอชอบถามอะไรแบบนี้ ทั้งที่รู้อยู่แล้ว” “อาบน้ำก่อนไม่ดีกว่าเหรอคะ ถ่ายละครมาทั้งวันเหงื่อทั้งนั้นเลยนะคะ” “แค่จับนม ยังไม่ได้เอา” อัญชันกรอกตามองบนกับคำพูดของเขา“เมื่อก่อนพี่อยู่ได้ยังไงคะ ฉันไม่เห็นพี่เคยมีแฟน” “รู้ได้ยังไง เธอเคยสนใจเรื่องฉันหรือไง” “ถึงไม่สนใจก็ต้องรู้อยู่แล้วไหมคะ เราเล่นละครด้วยกันหลายเรื่องแล้วนะคะ” มือหนาที่กำลังบีบเค้นอกอวบของเธอหยุดชะงัก ในหัวของเขานึกย้อนไปถึงตอนที่เจอเธอครั้งแรก อันที่จริงเราสองคนก็เจอกันมาเกือบเจ็ดปีแล้ว ถ้าเปรียบเหมือนคนคบกันเป็นแฟน ช่วงนี้ก็ต้องอยู่ในช่วงระหว่างจะไปต่อหรือพอแค่นี้หรือที่เรียกว่าหัวเลี้ยวหัวต่อของคงาม
ตกตอนเย็นหลังจากกองถ่ายเลิกกอง นินิวก็รีบกลับเข้าห้องพักไปทันที วันนี้เธอมีถ่ายเกือบทั้งวัน ซึ่งตลอดช่วงบ่ายเธอก็ไม่เห็นออสตินป้วนเปี้ยนอยู่แถวกองถ่ายเลย หลังจากที่เขาเดินจับมือโมนาออกไป เธอก็ไม่รู้ว่าเขาทั้งสองคนไปคุยอะไรกัน ตอนโมนาเดินกลับมาถึงได้หน้าตาฉุนเฉียวขนาดนั้น ใครเข้าหน้าก็ไม่ติด แต่ก็ยังดีที่ยังมีสปิริตของนักแสดง ถ่ายทำจนทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี “คืนนี้มึงนอนกับกูใช่ไหมอัญ” “ไม่อ่ะ เดี๋ยวเผื่อแฟนมึงมาอีก กูแค่เข้ามานั่งเล่นเป็นเพื่อนมึงหรอก” “คงไม่มาแล้วล่ะ ช่วงบ่ายกูไม่เห็นเขาในกองถ่ายเลย คงจะกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วมั้ง” อัญชันหันมาจ้องหน้าจับผิดอาการของเพื่อน ดูเหมือนจะมีคนน้อยใจแฟนหนึ่งอัตรา เธอเลยยิ้มล้อเลียนเพื่อนออกมาทันที “น้อยใจ?” “น้อยใจอะไร โต ๆ กันแล้ว เขาคงมีงานด่วน ไม่งั้นคงไม่ไปโดยไม่บอกกูแบบนี้” ได้แต่สะกดจิตตัวเอง พยายามมองโลกในแง่ดี ถ้าไม่สำคัญจริง เขาคงต้องบอกเธอก่อนที่เขาจะไป “กูว่าเดี๋ยวเขาก็มาหามึง ขาดมึงได้เสียที่ไหน” อัญชันเอ่ยปลอบใจเพื่อนออกมา ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังนอนเล่นอยู่บนเก้าอี้แบบนอนรับลมทะเลอยู่ที่ระเบียงของห้องพัก ยามเย็นแสงอาทิตย์กำลังจ
"อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ เธอก็รู้ว่าที่นี่มีนักข่าวอยู่เต็มไปหมด ละครยังไม่ออนแอร์ เธอคงไม่อยากเป็นข่าวฉาวขึ้นมาหรอกใช่ไหม" "ตินก็บอกพวกมันสองคนสิคะ ว่าอย่ามาพูดลับหลังแบบนี้ โมไม่ชอบ ไหน ๆ ก็ไม่ถูกกันแล้ว ก็แค่ต่างคนต่างอยู่ ไม่เห็นยากนี่คะ" นินิวเหยียดยิ้มออกมา จากที่คิดว่าจะยืนนิ่ง ไม่อยากพูดอะไรให้มันเป็นปัญหาไปมากกว่านี้ เห็นทีจะไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายคอยแต่จะพูดจิกกัดเธออยู่ตลอดเวลา เธอเองความอดทนก็ไม่ได้มีมากขนาดมายืนฟังได้โดยไม่รู้สึกอะไร "เธอมีอะไรให้คนอื่นเขาพูดถึงกัน แค่หน้าเธอ ฉันยังไม่อยากมองเลย จะไปพูดถึงเธอให้เสียเวลาทำไม เอาเวลาไปชื่นชมธรรมชาติไม่ดีกว่าเหรอ" "อย่าทำมาเป็นพูดดี หน้าระรื่น อีกไม่กี่วันหรอก เธอก็จะยิ้มไม่ออก" โมนาพูดเสียงลอดไรฟันออกมา เบ้าตาแทบจะถลนออกมาด้วยความโมโห มือเล็กกำเข้าหากันแน่น นึกหมั่นไส้อดีตเพื่อนรักมาตั้งแต่เช้า เพราะวันนี้สีหน้าดูดีขึ้นกว่าเมื่อวาน คงจะไปแอบพลอดรักกันมาเมื่อคืนนี้ ไม่งั้นอารมณ์คงไม่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้ "ทำไมฉันต้องยิ้มไม่ออก" นินิวหันหน้าไปมองออสตินอย่างสงสัย เมื่อเห็นโมนาเหลือบตาไปมองเขา ซึ่งเข
ภาพในกล้องวงจรปิดเริ่มฉายตั้งแต่เวลาเลิกกองถ่าย เป็นกล้องที่มีภาพขนาดคมชัดแบบฟูลเอชดี ตอนนี้ในภาพเขาเห็นนินิวเดินเข้าห้องพักก่อนคนอื่น หลังจากนั้นไม่นานก็เป็นอัญชัน เดินเข้าห้องพักอีกฝั่งและตามมาด้วยผู้ต้องสงสัยคือโมนา ที่เดินถือกระเป๋าด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างเหมือนกำลังคุยแชตกับใครบางคนอยู่ เพราะเขาเห็นนิ้วเรียวจิ้มลงไปบนหน้าจอ ก่อนเธอจะเดินเข้าห้องไปด้วยท่าทางปกติ และไม่นานเขาก็เห็นตัวเองกำลังเดินไปหยุดยืนหน้าห้องนินิว ซึ่งตอนนี้เองที่พนักงานหันมามองหน้าเขาด้วยความสงสัย "ห้องเพื่อนผมนะ พอดีผมอยากมาจับผิดเมีย เลยพาเพื่อนมาเป็นเพื่อนด้วย" พนักงานดูเหมือนจะไม่เชื่อ เพราะตอนที่นินิวเปิดประตูออกมา ท่าทางของเธอห่างไกลจากคำว่าเพื่อนมากนัก น่าจะเหมือนคนทะเลาะกันมากกว่า เธอแทบจะปิดประตูใส่หน้าเขา จนเขาต้องผลักประตูแล้วเดินเข้าหายไปในห้องทันที "เพื่อนคุณดูไม่อยากให้คุณเข้าห้องเลยนะ" "พอดีเขาเป็นเพื่อนเมียผม ผู้หญิงคนที่ถือกระเป๋าก่อนหน้านั้นไง" ออสตินรีบไปสมอ้างว่าโมนาคือเมียของเขา เพราะค่อนข้างมั่นใจในระดับหนึ่งแล้วว่าผู้กำกับต้องออกมาจากห้องโมนาแน่นอน เพราะเดินออกมาจากห้องพักฝั่งนั้น
Commentaires