แชร์

13

ผู้เขียน: RainyStarSea
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-14 20:09:52

เสียงหัวเราะชื่นชมจากบรรดาสนมดังระงมไปทั่วลาน เมื่อ ซูกุ้ยเฟย ยกกลอนที่เพิ่งแต่งเสร็จขึ้นถวายไทเฮา ท่วงทำนองอ่อนหวาน เปรียบดอกโบตั๋นเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ สละสลวยจนแม้แต่ขุนนางฝ่ายในที่นั่งอยู่ด้วยยังพยักหน้ารับ ซูกุ้ยเฟยยกยิ้มบาง ก่อนหันไปทางซินเยว่พลางเอื้อนเอ่ยเสียงใส

“กลอนของหม่อมฉันหาได้พิเศษอันใดไม่… ผู้ที่มีความสามารถแท้จริงด้านบทกวีคือฮองเฮาต่างหากเพคะ” ทันใดนั้นสายตาทุกคู่ก็หันมาจับจ้องยัง อวิ๋นซินเยว่ หัวใจเธอกระตุก เพราะตัวเองแต่งกลอนไม่เป็นแม้แต่นิดเดียว!

[ติ๊ง! สถานการณ์อันตรายระดับ 95%! หากตอบไม่ได้ = ค่าศักดิ์ศรีฮองเฮาลดฮวบ! ถูกผู้คนหัวเราะเยาะทั้งงาน และไทเฮาจะผิดหวังในตัวท่านมากขอรับ]

“เอ่อ…หม่อมฉันกลัวว่า หากแต่งกลอนออกมา…จะไปไม่ถึงครึ่งของกุ้ยเฟยเพคะ” เสียงกระซิบดังระงม หลายคนชะงักนึกว่าฮองเฮาจะถอยหนี แต่เธอกลับหันไปยิ้มกว้างต่อหน้าทุกคน ไทเฮาเลิกพระขนงเล็กน้อย คล้ายสนใจอยากฟัง

อวิ๋นซินเยว่สูดหายใจลึก แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงใส

“ดอกไม้อาจงดงามเพราะฤดูกาล

แต่ก็เหี่ยวเฉาไปเพราะฤดูกาลผันผ่านเช่นกัน

หากคนเรายิ้มได้แม้วันที่โศกเศร้าที่สุด

แม้ฤดูกาลใดก็ไม่มีผล"

คำพูดนั้นเรียบง่าย ไม่ใช่กลอนโบราณสลับซับซ้อน แต่กลับมีจังหวะและสัมผัสพอให้ทุกคนฟังแล้วเข้าใจทันที

เสียงหัวเราะเบา ๆ จากเหล่าสนมดังขึ้นไม่ใช่หัวเราะเยาะ แต่เป็นหัวเราะด้วยความเอ็นดู บางคนถึงกับกระซิบกับคนข้างตัว “เป็นกลอนที่เรียบง่ายแต่กลับตรงใจจริง ๆ” อวิ๋นซินเยว่วางท่าเอาพัดปิดใบหน้าเล็กน้อยคล้ายเจินอาย

“เห็นไหมเพคะ หม่อมฉันเตือนแล้วว่าหามีความสามารถเทียบใครไม่…กลอนแบบนี้แม้แต่เด็ก ๆ ในบ้านนอกยังแต่งได้เลยเจ้าค่ะ”

เสี่ยวหลิงแจ้งเตือน

[ติ๊ง! แต้มความเอ็นดูจากผู้ฟัง +15!

แต้มความอบอุ่นจากไทเฮา +8!

กุ้ยเฟย: ความหงุดหงิด +20!]

ไทเฮากลับแย้มพระโอษฐ์ ยกถ้วยชาจิบช้า ๆ พลางตรัส

“บางครั้ง ความงามของกลอนอยู่ที่ความจริงใจ ไม่ใช่ความวิจิตร”

เพียงประโยคเดียวจองพระนาง ทุกคนก็ก้มศีรษะเห็นด้วย

ซูกุ้ยเฟยที่ตั้งใจจะดันฮองเฮาให้ขายหน้า กลับต้องยิ้มรับอย่างสงบ แต่ดวงตาเป็นประกายวาวคล้ายถูกหักหน้าโดยไม่รู้ตัว

........

หลังเหตุการณ์นี้ เหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ไทเฮามีรับสั่งให้ทุกคนตามสบาย บรรดาสนมทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าพากันจับกลุ่มแยกย้ายกันเดินชมดอกไม้ กลุ่มละสามคน ห้าคน กระจายไปทั่วบริเวณสวนดอกไม้ บ้างก็นั่งจิบชากินขนมพูดคุยกันเบา ๆ ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่ารื่นรมย์

ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกันอยู่นั้น เสียงดนตรีจากพิณยังบรรเลงคลอเคล้าสร้างบรรยากาศอยู่นั้น ร่างของสตรีผู้หนึ่งกลับล้มฟุบลงตรงเบื้องหน้าโต๊ะอาหาร เต๋อผิน พระสนมรูปงามผู้เป็นที่เอ็นดูของเหล่าสนมชั้นรองต่างหวีดร้องตกใจ

“เต๋อผิน! เต๋อผินเป็นอะไรไป!”

“รีบพาไปพักเดี๋ยวนี้!”

ความโกลาหลเกิดขึ้นทันที เสียงหวีดร้องของนางกำนัลดังระงมทั่วลานชมบุปผา ทุกคนวิ่งกรูกันเข้ามา ใบหน้าหวาดหวั่นกับเหตุไม่คาดคิดกลางงาน ทว่าท่ามกลางความสับสน ซูกุ้ยเฟยกลับเป็นผู้เดียวที่ลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง ริมฝีปากบางสั่งการเสียงชัดถ้อยชัดคำ

“รีบไปตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้! จัดการนำเต๋อผินไปยังศาลาริมน้ำเพื่อให้อากาศถ่ายเท อย่าให้ใครแตะต้องสิ่งที่นางกินหรือดอกไม้รอบตัวนางเด็ดขาด จงเก็บไว้ทั้งหมด! ส่วนคนที่อยู่ใกล้ตัวนางให้ควบคุมตัวเอาไว้!” เสียงนั้นเด็ดขาดจนเหล่านางกำนัลต่างก้มศีรษะรับคำสั่งทันที ผู้คนพากันถอย เปิดทางให้นางกำนัลคนสนิทของกุ้ยเฟยรีบวิ่งออกไป แต่ก่อนจะไป นางกำนัลคนนั้นแอบเหลือบตามองเจ้านายเพียงเสี้ยววินาทีเป็นแววตาที่เข้าใจตรงกันที่ไม่พ้นสายตาเงียบ ๆ ของผู้สังเกตการณ์บางคน ไม่นานนัก หมอหลวงก็เร่งรุดมาถึง ตรวจชีพจรและลมหายใจ ก่อนขมวดคิ้วเข้ม

“พระสนมเต๋อผินมิได้เป็นลมธรรมดาพ่ะย่ะค่ะ…แต่เป็นอาการแพ้ดอกไม้ชนิดหนึ่งอย่างรุนแรง หากช้ากว่านี้เกรงว่าชีวิตจะตกอยู่ในอันตราย” คำวินิจฉัยจองหมอหลวงนั้นทำให้เสียงซุบซิบดังระงมไปทั่วทั้งงาน สนมบางนางที่คุ้นเคยกับเต๋อผินรีบโพล่งออกมาอย่างลนลาน

“งานชมบุปผาครั้งนี้ ฮองเฮาเป็นผู้จัดการทุกอย่างมิใช่หรือเพคะ!?”

“ใช่แล้ว หากจัดดอกไม้ผิดจนทำให้สนมป่วยถึงเพียงนี้ ย่อมเป็นความบกพร่องของฮองเฮาโดยแท้!”

"บังอาจนัก! กล้าดีอย่างไรมากล่าวโทษฮองเฮา" นางกำนัลคนสนิทของกิ๋นซินเยว่รีบก้าวออกมาปกป้องเจ้านาย

บรรยากาศร้อนระอุทันใด สายตาหลายคู่หันมาจ้องยัง อวิ๋นซินเยว่ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สูงสุดรองจากไทเฮา สีหน้าเธอชาวาบแต่ยังพยายามรักษารอยยิ้มบางไว้ ไม่ยอมให้ความหวาดกลัวเผยออกมา

ไทเฮา ซึ่งทอดพระเนตรเหตุการณ์ทั้งหมดเพียงเงียบมาตลอด บัดนี้เอ่ยพระสุรเสียงเรียบแต่ทรงอำนาจ

“ตลอดงานที่ผ่านมา ฮองเฮาจัดการงานได้เรียบร้อย ไม่เคยบกพร่อง ข้าย่อมไม่ตัดสินด้วยคำครหาเพียงอย่างเดียว… รอให้หมอหลวงตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าเหตุแท้จริงคืออันใดแน่” คำพูดนั้นทำให้แรงกดดันรอบตัวซินเยว่เบาลงเล็กน้อย ทว่าความกังวลยังอัดแน่นอยู่ในอก เพราะเธอรู้ดีว่านี่คือ กับดักที่ซูกุ้ยเฟยปูเอาไว้อย่างแนบเนียน

เสี่ยวหลิงโผล่ขึ้นมาเป็นแสงเล็ก ๆ ข้างหู รีบกระซิบเสียงสั่นรัว

[ติ๊ง! สถานการณ์อันตรายระดับ 99%! หม่าม๊ากำลังโดนโยนบาป! ถ้าไม่หาทางพลิกเกม มีสิทธิ์ถูกริบอำนาจได้เลยครับ!]

หัวใจอวิ๋นซินเยว่เต้นแรงรัว… คราวนี้เธอจะรอดพ้นไปได้อย่างไร?

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   15

    เสียงเหล่าขุนนางขานรายงานลากยาวราวบทสวดอันซ้ำซาก อวี้เหยียนนั่งบนบัลลังก์มังกร สายพระเนตรเย็นเยียบไล่ไปทีละคน…จนถึงเงาร่างหนึ่งที่นั่งเคียงข้าง ผ้าคลุมไหล่สีเข้มของฮองเฮาอวิ๋นซินเยว่สะท้อนเข้าตาเขาพอดี ดวงตาเธอก้มต่ำ ฟังรายงานอย่างสงบ แต่นิ้วเรียวแอบหมุนกำไลหยกบนข้อมือซ้ายไปมาอย่างเบื่อหน่ายเพียงท่าทางเล็กน้อยนั้น กลับสะกิดของเขายิ่งนัก มุมปากหยักหนายกขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว แต่เพียงแวบเดียวเท่านั้น เขารีบตวัดสานตากลับไปยังขุนนางที่กำลังเถียงกันเรื่องการเก็บภาษีชายแดน หลี่กงกงที่ยืนก้มหน้าอยู่ด้านล่าง มองเห็นแววตานั้นชัดกว่าใคร คนที่นั่งสูงสุดบนบัลลังก์ มังกรยังเป็นมังกร แต่แววตานั้น…ไม่เหมือนเดิม ฮ่องเต้หนุ่มที่ดึงสติกลับมา ได้ยินเสียงขุนนางหนุ่มฝ่ายบุ๋นดังขึ้นอย่างกล้าหาญเกินวัย “ทูลฝ่าบาท หากยังเก็บภาษีเช่นนี้ต่อไป ชาวบ้านชายแดนจะอดตายพะย่ะค่ะ” “เงียบ” พระสุรเสียงดังก้องไปทั่วท้องพระโรงขุนนางหนุ่มหน้าซีดเผือด รีบก้มลงคุกเข่า ทุกสายตาในท้องพระโรงตึงเครียด แต่ละคนไม่กล้าเงยหน้าทั้งห้องเงียบรางกับไร้ผู้คน…ยกเว้นเพี

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   14

    เสียงวิพากษ์วิจารณ์ยังดังระงมรอบลานชมบุปผา “ฮองเฮาเป็นผู้จัดงานจะปฏิเสธความผิดได้อย่างไร!”“สนมขั้นผินถึงกับเกือบสิ้นใจเช่นนี้ มิใช่เรื่องเล็กแล้ว!”หมอหลวงยังคงคุกเข่า รายงานเสียงหนักแน่นว่าเป็นอาการแพ้ดอกไม้ที่ใช้ประดับงานซึ่งทั้งหมดล้วนผ่านมือฮองเฮาจัดการทั้งสิ้นสายตาของเหล่าสนมพุ่งมาที่อวิ๋นซินเยว่ไม่วาง ราวกับเธอเป็นอาชญากรตัวจริง ร่างบางกำมือแน่น หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก ไม่ว่าจะคิดทางไหน ก็ไร้ทางรอด…ทันใดนั้น เสียงเล็ก ๆ ดังเจื้อยแจ้วขึ้นในโสตประสาทของเธอ เสี่ยวหลิง![หม่าม๊า…ทุกคนกำลังตัดสินท่านผิดแน่ ๆ แล้วครับ แต่ถ้าหม่าม๊าอยากให้ช่วย เสี่ยวหลิงก็พอมีวิธีขอรับ]อวิ๋นซินเยว่สะดุ้งน้อย ๆ คิ้วขมวดแน่น พลันกระซิบในใจ 'วิธีอะไร'[วิธีที่จะทำให้ท่านหลุดพ้นในวันนี้อย่างปลอดภัย… เสี่ยวหลิงสามารถปล่อยบั๊กข้อมูล ให้หลักฐานทั้งหมดเบี่ยงเบนไปหาคนอื่นได้ แต่ว่ามีข้อแลกเปลี่ยนครับ]'ข้อแลกเปลี่ยนเหรอ'เสี่ยวหลิงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนตอบเสียงเบาลง ราวกับตัวเองก็ไม่อยากพูด[หากวันนี้หม่าม๊าใช้วิธีนี้…ท่านจะรอดพ้นก็จริง แต่ระบบจะตัด *เหตุการณ์พิเศษกับฝ่าบาท ที่ควรเกิดขึ้นหลังงานนี้ออกไปขอรับ]

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   13

    เสียงหัวเราะชื่นชมจากบรรดาสนมดังระงมไปทั่วลาน เมื่อ ซูกุ้ยเฟย ยกกลอนที่เพิ่งแต่งเสร็จขึ้นถวายไทเฮา ท่วงทำนองอ่อนหวาน เปรียบดอกโบตั๋นเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ สละสลวยจนแม้แต่ขุนนางฝ่ายในที่นั่งอยู่ด้วยยังพยักหน้ารับ ซูกุ้ยเฟยยกยิ้มบาง ก่อนหันไปทางซินเยว่พลางเอื้อนเอ่ยเสียงใส “กลอนของหม่อมฉันหาได้พิเศษอันใดไม่… ผู้ที่มีความสามารถแท้จริงด้านบทกวีคือฮองเฮาต่างหากเพคะ” ทันใดนั้นสายตาทุกคู่ก็หันมาจับจ้องยัง อวิ๋นซินเยว่ หัวใจเธอกระตุก เพราะตัวเองแต่งกลอนไม่เป็นแม้แต่นิดเดียว! [ติ๊ง! สถานการณ์อันตรายระดับ 95%! หากตอบไม่ได้ = ค่าศักดิ์ศรีฮองเฮาลดฮวบ! ถูกผู้คนหัวเราะเยาะทั้งงาน และไทเฮาจะผิดหวังในตัวท่านมากขอรับ] “เอ่อ…หม่อมฉันกลัวว่า หากแต่งกลอนออกมา…จะไปไม่ถึงครึ่งของกุ้ยเฟยเพคะ” เสียงกระซิบดังระงม หลายคนชะงักนึกว่าฮองเฮาจะถอยหนี แต่เธอกลับหันไปยิ้มกว้างต่อหน้าทุกคน ไทเฮาเลิกพระขนงเล็กน้อย คล้ายสนใจอยากฟัง อวิ๋นซินเยว่สูดหายใจลึก แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงใส “ดอกไม้อาจงดงามเพราะฤดูกาล แต่ก็เหี่ยวเฉาไปเพราะฤดูกาลผันผ่านเช่นกัน

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   12

    และแล้ววันจัดงานชมบุปผาก็มาถึง เสียงกลองเบา ๆ จากเหล่านักดนตรีด้านนอกดังมาเป็นสัญญาณ งานเลี้ยงชมบุปผาที่ทุกคนรอคอยกำลังจะเริ่มขึ้น ภายในตำหนักคุนหนิง อวิ๋นซินเยว่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นางกำนัลนับสิบต่างรุมล้อม ใส่เสื้อคลุมชั้นแล้วชั้นเล่า สีสันสดใสราวท้องฟ้ายามรุ่งอรุณกับกลีบกุหลาบแรกแย้ม ชุดปักดิ้นเงินลายหงส์สยายปีกโอบล้อมไปทั่วร่าง ผมดำถูกรวบขึ้นอย่างประณีต ประดับปิ่นหยกมรกตระยิบระยับ เมื่อเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายถูกเสียบลง เธอถูกดันให้นั่งต่อหน้ากระจกทองเหลืองบานใหญ่ ภาพสะท้อนเบื้องหน้าทำให้เธอถึงกับตะลึง “นี่…คือข้าจริง ๆ หรือ?” อวิ๋นซินเยว่อ้าปากค้างเล็กน้อย กะพริบตาปริบ ๆ เหมือนมองคนแปลกหน้า ผิวที่ปกติซีดขาวบัดนี้เจือสีแดงนวลอย่างสุขภาพดี ริมฝีปากทาด้วยชาดสีแดงอ่อนดูงามละมุน สายตาที่เคยสดใสราวเด็กสาวกลับกลายเป็นวาววับดั่งหญิงสูงศักดิ์ที่พร้อมจะสะกดทุกสายตาแต่แววซุกซนยังไม่หายไป ทำให้ความสง่างามนั้นยิ่งมีเสน่ห์มากกว่าใคร

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   11

    ลมฤดูใบไม้ผลิพัดกลีบดอกเหมยปลิวเข้ามาในตำหนักคุนหนิง อวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่ท่ามกลางกองบันทึกพิธีและตำรามารยาทสูงเป็นตั้ง ดวงตาคมกวาดมองทีละบรรทัดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นางพึมพำเบา ๆ “งานชมดอกไม้… มิใช่เพียงเรื่องความงาม หากแต่สะท้อนศักดิ์ศรีของฮองเฮา หากข้าพลาดเพียงนิดเดียว ซูกุ้ยเฟยจะต้องใช้เป็นข้ออ้างโจมตีข้าแน่” ทันใดนั้น แสงสีฟ้าใสสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ เสี่ยวหลิง ระบบเอไออัจฉริยะปรากฏร่างจำลองขึ้นมาพร้อมเสียงแจ่มใสที่ตัดกับบรรยากาศตึงเครียด “หม่าม๊า อย่ากังวลไปเลย ข้าได้สแกนบันทึกงานราชพิธีเก่า ๆ ทั้งหมดแล้ว พบว่ามีจุดอ่อนอยู่หลายอย่างที่สามารถพลิกสถานการณ์ให้ท่านได้เปรียบ!” อวิ๋นซินเยว่เงยหน้ามองด้วยสายตาวาบประกายความหวัง “เจ้ามีแผนอะไรหรือ เสี่ยวหลิง?” ภาพเสมือนคล้ายแผนผังสามมิติถูกฉายขึ้นกลางห้อง แสดงการจัดวางตำแหน่งโต๊ะสำรับ น้ำชา ดนตรี และตำแหน่งดอกไม้ในสวน เสี่ยวหลิงเอ่ยเสียงกระตือรือร้น “หากท่านเลือกพันธุ์ดอกไม้ที่ยังไม่เบ่งบานเต็มที่ พอถึงวันงานมันจะผลิบานพร้อมกันพอดี สร้างความประทับใจได้มากกว่าซูกุ้ยเฟยที่มัวแต่เน้นความหรูหราเกินจำเป็น” นางพยักหน้าอย่างครุ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   10

    เสียงฆ้องเบา ๆ ดังขึ้นสามครั้ง ก่อนที่ม่านกำมะหยี่สีแดงขลิบทองในห้องโถงของตำหนักคุนหนิงจะถูกเลิกขึ้นอย่างช้า ๆ แสงแดดยามสายส่องลอดเข้ามาตกต้องกับอาภรณ์สีม่วงทองระยับตา ไทเฮาปรากฏกายอย่างสง่างามเรือนพระเกศาที่ขาวแซมเพียงเล็กน้อยถูกเกล้าอย่างประณีต ประดับปิ่นหยกชั้นสูง สายตาคมกริบของนางกวาดมองเหล่าสนมและพระสนมชั้นสูงที่คุกเข่าลงและนั่งเรียงรายอยู่เบื้องหน้า ทันใดนั้น บรรยากาศทั้งตำหนักอี้คุนก็เหมือนถูกตรึงด้วยไอเย็นแห่งอำนาจของสตรีที่เคยได้ชื่อว่ามีอำนาจที่สุดในวังหลังของจักรพรรดิองค์ก่อนเสียงขันทีขานพระนามกังวานก้อง “ไทเฮาเสด็จ”เหล่าสตรีในวังหลังที่มียศต่ำต่างหมอบลงจนหน้าผากแตะพื้น อวิ๋นซินเยว่เองก็ยืนขึ้นเช่นกัน เพียงประสานมือค้อมตัวลงต่ำอย่างนอบน้อม แต่ในใจกลับรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่กำลังกดทับมาบนบ่าไทเฮา ก้าวลงจากบัลลังก์ย่อม ๆ แท่นสูง เสียงรองเท้าปักมุกกระทบพื้นไม้ดังก้องอย่างสง่างามนางทอดพระเนตรมายังอวิ๋นซินเยว่ ริมฝีปากโค้งเพียงน้อย แต่เต็มไปด้วยนัยลึกล้ำ “ฮองเฮา… อีกเจ็ดวันจะมีงานเลี้ยงชมบุปผา เจ้าคงรู้ดีว่า นี่ไม่ใช่เพียงงานรื่นเริง แต่เป็นงานที่แสดงเกียรติยศและเป็

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status