เด็กในอุปถัมภ์วันนั้น!!! วันนี้...กลายมาเป็นภรรยาของเขาอย่างเต็มตัว... (เพราะความใกล้ชิตที่ไม่อาจห้ามใจได้ ถึงแม้จะถูกตราหน้าว่า สมภารกินไก่วัดก็ยอม)
ดูเพิ่มเติมณ บ้านปัญญาพิวัฒน์
‘ธนา ปัญญาพิวัฒน์’ หนุ่มโสดที่มีลูกติดด้วยมาหนึ่งคน หรือที่เรียกกันภาษาติดปากคือ พ่อหม้ายนั้นเอง ดูแลธุรกิจอันมากมายมหาศาล มีทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมายในวัยเพียงแค่ 32 ปีเท่านั้น มีลูกชายที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด เพราะเกิดจากความสัมพันธ์ในช่วงของวัยรุ่น มารดาผู้เป็นแม่ซึ่งยังไม่พร้อมที่จะเลี้ยงดูทั้งในเรื่องของความพร้อม อายุ การเงิน และอะไรหลายๆอย่าง อีกทั้งความสัมพันธ์ที่ไม่ได้รักกัน เธอจึงยอมยกลูกให้อยู่ภายใต้ความดูแลของธนาแต่เพียงผู้เดียว และจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกันอีก ธนาจึงเป็นฝ่ายเลี้ยงมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งโตเป็นหนุ่มน้อยในวัย 14 ปีแล้ว มีนามว่า ‘ชีโน่ ชิษณุพงศ์ ปัญญาพิวัฒน์’
“พาพี่เขาไปเที่ยวไหนมาอีก...พ่อบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า อย่าขับรถเองมันอันตราย ลูกยังไม่มีใบขับขี่น่ะ” ธนาพูดขึ้นมาทันที ที่เห็นลูกชายกลับเข้ามาบ้าน ในเวลาค่ำแล้ว พร้อมกับหญิงสาววัย 18 ปี ที่เขา อุปถัมภ์ดูแลต่อ เพราะพ่อของเธอคือรุ่นพี่คนสนิทที่ร่วมกันสร้างธุรกิจมาร่วมกัน คือ ‘เขตแดน วัฒนพาณิชย์’ ที่อายุห่างกันกับเขาตั้ง 10 ปี แต่ก็นับถือกันมาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะเป็นลูกกำพร้ากัน มี พนา ซึ่งมียศเป็นปู่ของเขาอยู่จนถึงทุกวันนี้ โดยที่เขตแดนจะใช้นามสกุลของปู่ และเขตแดนเองก็มีลูกสาวที่เลี้ยงมาด้วยตั้งแต่เล็กหนึ่งคน
“ก็พ่อไม่ยอมให้พี่เดียร์ขับรถไปเรียนเองนี้น่า ผมก็แค่ไปรับไปส่งพี่สาวผมแค่นั้นเอง” ชีโน่ ลูกชายเพียงคนเดียวของธนา ปัจจุบันเรียนมัธยมปีที่ 3 แล้ว พูดขึ้นมาทันที
“คุณธนาสวัสดีค่ะ” เสียงหญิงสาวกล่าวทักทาย พร้อมกับยกมือขึ้นทักทายผู้อุปการะคุณเธอ ‘เดียน่า วัฒนพาณิชย์’ หญิงสาวในวัย 18 ปี สาวมหาลัยปีแรก เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของ เขตแดน ซึ่งเสียชีวิตหรือหายสาปสูญไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ธนาจึงรับเลี้ยงดูต่อเพราะยังไงเธอก็เป็นทั้งพี่ และเพื่อนเล่นของชีโน่มาตั้งแต่ยังเล็กแล้ว ส่วนแม่ของเธอก็ไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน เพราะเขตแดน พ่อของเธอไม่ยอมบอกอะไรเลย เธอรู้เพียงแค่ว่าเป็นลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย แต่ในเมื่อผู้เป็นพ่อที่เลี้ยงดูต่อมาไม่บอก เธอก็ไม่ได้ถาม เพราะก็ไม่ต้องการรู้คำตอบนั้นอยู่แล้ว
“แล้วพากันทานอะไรมายัง เข้าบ้านมาเอาเวลานี้” ธนาถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“เรียบร้อยมาแล้วครับ” ชีโน่เอ่ยตอบพ่อไป
“ถ้าอย่างนั้น ก็พากันขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ แล้วอย่าลืมอ่านหนังสือกันด้วยล่ะ เดียร์ก็ด้วย พึ่งเข้ามหาลัยก็ตั้งใจหน่อย อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ” ธนาพูดบอกลูกชาย แล้วหันมาบอกทางเดียน่าบ้าง
“รู้แล้วค่ะ เดียร์จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน” เดียน่าพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ
“คืนนี้พ่ออาจจะกลับมาช้า หรือไม่ก็เช้าน่ะ ไปโรงเรียนก็ให้คนขับรถไปส่ง อย่าพากันขับไปเอง พ่อจะออกไปทำงานของพ่อแล้ว พากันขึ้นไปพักผ่อนเถอะ” ธนาเอ่ยบอกกับทั้งคู่
“ครับ”
“ปิดเทอม เราจะไปเยี่ยมคุณปู่ทวดกันนะ” ธนาเอ่ยบอกตามหลังของคนทั้งคู่ที่กำลังจะเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน
“ครับ/ค่ะ” ทั้งสองขานรับพร้อมกัน แล้วก็พากันเดินเข้าไปชั้นบนของบ้านต่อทันที
เมื่อทั้งสองเดินลับตาไปแล้ว ธนาได้แต่นั่งถอนหายใจเงียบๆ อยู่คนเดียว พร้อมกับเหตุการณ์ในอดีตเมื่อ 8 ปีที่แล้วก็ผุดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมองหน้าลูกสาวของคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานหลายปี
ย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อน
“นายครับ...คุณแดนโดนยิงตกเรือตอนนี้ยังค้นหาไม่เจอเลยครับ ผมว่าไม่น่าจะรอด” นาที แฝดพี่ของเวลาลูกน้องคนสนิทของเจ้านายหนุ่ม ทั้งคู่มีอายุ 20 ปี เข้ามารายงานว่ารุ่นพี่คนสนิทที่นับถือกันเป็นพี่น้อง ที่รู้จักมาหลายปี และร่วมกันสร้างธุรกิจมาด้วยกันจนเติบโตตั้งแต่อายุยังน้อย
“อะไรน่ะ...พี่แดนโดนยิง” ธนาตาลุกวาว พร้อมกับลุกขึ้นจากโซฟาพูดเสียงดังขึ้นมาทันที ที่ได้ยินลูกน้องเข้ามารายงาน
“ครับ...ตอนนี้กำลังเร่งค้นหาอยู่ แต่ยังไม่ทราบครับว่าเป็นตายร้ายดียังไง” เวลา แฝดน้องเอ่ยเสริมขึ้นมา
“พี่นาที พี่เวลาว่าอะไรนะคะ...พ่อ!” เด็กสาวในวัยเพียง 10 ขวบ ที่เดินเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ได้ยินเข้าพอดี ว่าพ่อของเธอได้รับอันตราย ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง เพราะตอนนี้เธอก็พอจะรับรู้เรื่องราวของพ่อเธอ กับธนาดีอยู่แล้วว่าทำงานเกี่ยวกับอะไร
เดียน่าพักอาศัยอยู่ที่เรือนเล็กของบ้านหลังนี้ เพราะในบ้านหลังนี้มีแต่ผู้ชาย เขตแดนจึงสร้างบ้านหลังเล็กให้แก่เธอ แต่เธอก็เดินเข้ามาในบ้านหลังนี้เป็นประจำ พร้อมความที่สนิทกันกับลูกชายของธนา ซึ่งก็คือ ชีโน่นั้นเอง
เดียน่าที่เดินเข้ามาได้ยินธนากับลูกน้องพูดคุยกันพอดี ถึงเรื่องพ่อของเธอ เด็กสาวที่ตกใจจนทำตัวไม่ถูกอยู่ตอนนี้ ได้แต่ยืนนิ่ง ตัวแข็งทื่อ ร่างสูงจึงเดินเข้าไปหาใกล้ๆ เพื่อที่จะได้อธิบายให้ฟัง
“เดียร์!...เธอเข้ามาตอนไหน ทำไมพวกมึงไม่...โว้ยยย แล้วกูต้องทำยังไงต่อ” เด็กสาวเป็นลมล้มคอพับทันที แต่โชคดีที่ร่างสูงของธนาเดินเข้าไปรับไว้ได้ทัน แล้วอุ้มขึ้นมา
“น้องเดียร์ น่าจะแค่ช็อคแล้วเป็นลมไปนะครับนาย นายอุ้มเธอไปที่โซฟาก่อน เดี๋ยวผมกับไอ้นาทีจะไปเอายาดม และไปตามแม่บ้านมาให้ครับ” เวลาแฝดน้องของนาทีเอ่ยบอกเจ้านายหนุ่ม แล้วรีบสาวเท้ายาวออกไปตามแม่บ้านมาทันที
“อื้ม...” ธนาพยักหน้ารับ แล้วอุ้มเด็กสาววัย 10 ขวบ วางลงบนโซฟาตัวยาวของบ้าน ที่อยู่ในห้องโถงของบ้าน แล้วกลับจ้องมองใบหน้าของเด็กไร้เดียงสาที่ต้องรับรู้เรื่องราวร้ายๆนี้อย่างน่าสงสาร
จนวันเวลาผ่านไปหลายวัน ผ่านไปเป็นเดือนก็ไม่ทราบข่าวคราวของเขตแดน แม้จะจัดการคู่ค้าอริได้ แต่ร่างของเขตแดนก็ยังไม่พบ จนทั้งหมดเริ่มถอดใจ และเด็กสาวผู้ที่ต้องมารับรู้ทุกอย่าง ปกติเป็นคนร่าเริงพูดเก่ง แต่กลับต้องกลายมาเป็นเด็กที่เก็บตัว ไม่สุงสิงกับใครเลย
“ออกไปเล่นกับน้องน่ะ อยู่ที่นี่คนเดียว มันไม่สนุกหรอก อยากไปเที่ยวไหนไหม ฉันจะพาไป” ร่างสูงของธนาเข้ามานั่งลงใกล้ๆ แล้วเอ่ยเสียงนุ่มขึ้นพยายามหว่านล้อม ให้เด็กสาวออกมาจากห้องเพียงสี่เหลี่ยมของบ้านหลังเล็ก ที่เด็กสาวพักอาศัยอยู่ ที่ตอนนี้เงียบเชียบไร้เสียงหัวเราะของเธอ ที่ช่างพูด ช่างหยอกล้อคนอื่นๆ
“...” เด็กสาวที่นั่งกอดเข่าอยู่ได้แต่ส่ายหน้าให้อย่างเดียว และไม่เอ่ยตอบอะไรตอบหรือพูดออกมาแม้แต่คำเดียว
แผนการเจ้าเล่ห์“ทำไมเราไม่เข้าไปโรงพยาบาลค่ะ นี้ดูคุณธนาจะไม่รู้สึกเป็นห่วงคุณโน่เลยน่ะค่ะ...” เดียน่าถามขึ้นอย่างสงสัย เมื่อรถแล่นเลยผ่านทางที่จะแวะไปโรงพยาบาล ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือที่เขาส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์มาบริจาคเป็นประจำ และทั้งยังเป็นหุ้นส่วนอีกด้วย“ซื่อบื้อจังเลยน่ะเธอนี้ แบบนี้จะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกได้ยังไงกัน จะไม่ถูกใครปอกลอก ถูกหลอกเอาง่ายๆเหรอ” ธนาเอ่ยขึ้นมา พร้อมกับมองหน้าเดียน่า แล้วพูดจาถากถางแซวหญิงสาวออกไป“ไล่อยู่ได้...ใครจะอยากออกไปกัน” เดียน่าพูดขึ้นเบาๆ คนเดียว ด้วยน้ำเสียงที่ปนความน้อยใจ“เธอพูดว่าอะไรน่ะ” ธนาที่ได้ยินเสียงซุบซิบดังนั้นรีบถามขึ้นมาทันที เพราะได้ยินที่หญิงสาวพูดไม่ดัง“เปล่าค่ะ งั้นคุณก็โกหกทวดท่านเหมือนกันนะสิ...” เดียน่ารีบปฏิเสธ แล้วนึกถึงชายชราที่พึ่งจะจากกันมาเมื่อสักครู่นี้ขึ้นมาทันที“ใช่...แผนการของฉันเองแหล่ะ” ธนาเอ่ยตอบเดียน่าออกไป อย่างไม่ได้รู้สึก เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย“คุณกล้าใช้แผนโกหกคุณทวดเลยหรือค่ะ” เดียน่าต่อว่าธนาขึ้นมาทันที ที่กล้าใช้แผนโกหกผู้สูงอายุที่นับถือ“ปู่ท่านก็รู้ว่าฉันโกหก ท่านก็เล่นตามน้ำไปอย่างนั้นแหล่ะ จริ
ความสุขของชายสูงวัย“...กว่าจะมาได้สักทีน่ะ” เสียงเข้มของชายสูงวัยที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ดังขึ้นมา พร้อมกับหันหลังให้แก่คนทั้งคู่ที่เดินเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังอันใหญ่โต ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าชายชุดดำนับร้อยคนยืนเรียงรายตั้งแต่ประตูทางเข้า จนมาถึงภายในบริเวณบ้าน เพราะพนามีอายุที่เยอะมากแล้วบวกร่างกายที่ชราขึ้นพอสมควรตามอายุ และไม่สามารถที่จะเดินได้ด้วยตัวเองนานๆ จึงจำเป็นต้องนั่งวีลแชร์ การใช้ชีวิตที่ลำบาก จึงต้องมีบุคคลที่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิต“คุณปู่สวัสดีครับ” ธนายกมือขึ้นทักทายชายชราที่ยังคงหันหลังให้ แล้วนั่งลงยังโซฟาตัวยาวที่ห้องรับแขก และดึงร่างบางของเดียน่าให้นั่งลงมาข้างๆ เมื่อหญิงสาวยังคงมีความหวาดกลัววิตก โดยไม่ค่อยสนใจชายสูงวัยที่หันหลังให้นัก“อื้ม...แล้วแม่หนูคนนี้เป็นใครกัน เมียใหม่แกหรอกหรือ” เสียงเข้มถามขึ้นมาอย่างสงสัยทันที เมื่อเห็นเดียน่าเป็นครั้งแรก และรู้สึกแปลกใจที่ธนาพาหญิงสาวมาด้วย“สะ...สวัสดีค่ะ” เดียน่าเอ่ยเสียงตะกุกตะกักขึ้นมาทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ และก้มหน้าลงอย่างกลัวๆ เพราะไม่กล้าสู้สายตาคมของพนา“คือ...คุณปู่ครับ” ธนากำลังจะเอ่ยปากขึ้นมาอธิบาย“ฉันเข้าใจ...
ความรู้สึก(ผิด) ที่เริ่มก่อตัวและเมื่อวันเวลาเดินทางมาถึงช่วงปิดภาคเรียนแรกของชีโน่และเดียน่าก็มาถึง ซึ่งธนาเองก็ลั่นสัจจะวาจาไว้กับผู้อุปการะคุณอย่าง พนาซึ่งก็คือปู่ที่ชุบเลี้ยงชีวิตของเขา และเขตแดน พ่อของเดียน่า และวันนี้ทุกคนต้องเดินทางไปเยี่ยมหาผู้อาวุโส ตามที่ธนาเคยได้บอกไว้เมื่อหลายเดือนก่อน“ผมไม่ไปได้ไหมครับ พ่อไปกับพี่เดียร์เถอะ” ชีโน่เอ่ยออกมา เมื่อทุกคนนั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องรับแขก เตรียมตัวที่จะขึ้นรถแล้ว“ก็แล้วแต่น่ะ โตมากแล้วนี้ พ่อก็ไม่อยากบังคับ” ธนาพูดบอกไปแบบไม่ได้บังคับฝืนใจ เพราะลูกชายก็โตมากพอแล้ว“ขอบคุณครับ ผมไปแล้วน่ะ มีนัดเตะบอลกับเพื่อน” ชีโน่เอ่ยขอบคุณพ่อ แล้วรีบลาไปหาเพื่อนทันที เพราะมีนัดกันตามประสา“ยิ่งโต ยิ่งแต่ตีตัวออกห่าง” ธนาพูดออกมาคนเดียว เมื่อลูกชายเดินออกไปพ้นตรงนั่นแล้ว แต่ก็พอที่จะทำให้เดียน่าที่อยู่ตรงนั้นได้ยินไปด้วย“ผู้ชายก็แบบนี้แหล่ะค่ะ” เดียน่าเสริมขึ้นมาทันที“ไปกันเถอะ รถจอดรอนานแล้ว” ธนาเอ่ยบอก พร้อมกันเดินนำหน้าไปขึ้นรถก่อนทันที“เชิญครับนาย น้องเดียร์ แล้วนายน้อยละครับ” เวลาที่ทำหน้าเปิดประตูรถให้แก่เจ้านายหนุ่มเอ่ยขึ้น พร้อมกลับ
ความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับ “น้องเดียร์จะเข้าไปมหาลัยไหมครับ พี่จะได้แวะไปส่ง” เวลาถามหญิงสาวขึ้นมา เมื่อรถแล่นออกมาจากคาสิโนแล้ว และกำลังมุ่งหน้ากลับไปทางบ้าน เพราะว่าหญิงสาวยังสวมชุดนักศึกษาอยู่“กลับบ้านเลยดีกว่าค่ะพี่เวลา มันเลยเวลาเรียนของเดียร์มาเยอะแล้ว และอีกอย่างคุณธนาก็หลับอยู่ กลัวว่าจะทำคุณเขาตื่น แล้วจะโวยวายใส่เอาค่ะ” เดียน่าตอบกลับชายหนุ่ม ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถอยู่ตอนนี้ไป“ครับ...น้องเดียร์เมื่อยหรือเปล่าครับ” เวลาขานรับ แล้วเพ่งมองไปที่กระจกหลัง จ้องมองไปที่คนทั้งคู่ กลับพบว่า ธนา เจ้านายหนุ่มหลับคับพับสนิท แถมเอนตัวมาพิงเดียน่าไว้เต็มๆ จนหญิงสาวแทบขยับไปไหนแทบไม่ได้เลย ถามหญิงสาวออกไปเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะเมื่อยที่รองรับน้ำหนักของเจ้านายหนุ่ม เพราะธนากับเดียน่า รูปร่างต่างกันมาก“ไม่เป็นไรค่ะ เดียร์ไหว” หญิงสาวเอ่ยตอบเสียงเบา เพราะกลัวจะทำเอาร่างสูงตื่น จึงได้แต่นั่งอยู่เงียบๆ และนิ่งจนแทบจะไม่กล้าขยับเลยจนกระทั่งรถแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านหลังกว้างใหญ่อันไพศาลของเจ้านายหนุ่ม แต่เจ้าของบ้านกลับยังคงหลับสนิท ไม่รู้สึกอะไรเลย“เดี๋ยวเดียร์ปลุกคุณธนาเองค่ะ พี่เวลาม
ผู้ปกครองเจ้าเผด็จการรุ่งเช้า“วันนี้ไปมหาลัยยังไง แล้วชีโน่ละ” ร่างสูงที่นั่งจิบกาแฟอยู่ที่ห้องรับแขก ถามขึ้นมาทันที เมื่อเห็นหญิงสาวเดินลงมาจากชั้นบน“เดียร์ไปรถประจำทางก็ได้ค่ะ” เดียน่าเอ่ยตอบกลับไป“แล้วชีโน่ล่ะ” ธนาถามขึ้นมา เมื่อยังไม่เห็นลูกชายลงมาจากชั้นบน เพราะนี้ก็สายมากแล้ว“ที่โรงเรียนมีจัดกิจกรรม คุณโน่ไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” เดียน่าตอบออกไปตามตรง เพราะเมื่อคืนชีโน่บอกเธอว่า ที่โรงเรียนมีกิจกรรม“ไปขึ้นรถ ฉันจะไปส่ง” น้ำเสียงที่เรียบนิ่งของธนาเอ่ยบอกหญิงสาว ที่ยืนนิ่งอยู่ตรงทางบันไดของบ้าน“...” เดียน่า ไม่รู้จะตอบหรือปฏิเสธแบบไหนดี จึงไม่ได้พูดอะไรออกมา“นาทีกับเวลาไม่ว่าง ไปทำธุระให้ฉันตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่กลับมาเลย” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง เพราะที่คาสิโนมีปัญหา ลูกน้องคนสนิททั้งสองจึงต้องอยู่เคลียร์ เขาเลยต้องกลับมาที่บ้านคนเดียว ในเวลาช่วงเช้ามืด“เดียร์ว่าคุณธนาก็พักผ่อนเถอะนะคะ ดูท่าทางคุณก็คงจะอดหลับอดนอนมาเหมือนกัน” เดียน่าเอ่ยบอกร่างสูงที่นั่งอยู่บนโซฟา อย่างเป็นห่วง เพราะดูหน้าตาไม่ค่อยสดชื่นเลย“ฉันบอกให้ไปขึ้นรถ ก็ทำตามที่ฉันบอก ก่อนที่ฉันจะโมโหไปมากกว่านี้
เด็กในการปกครอง“ไปอยู่บ้านใหญ่ด้วยกันน่ะ ไปอยู่ที่ห้องพ่อของเธอไง เธอจะได้รู้สึกว่ามีพ่ออยู่กับเธอตลอดเวลายังไงล่ะ ดีไหม” ร่างสูงเอ่ยปลอบ พร้อมกับลูบศีรษะทุยนั้นเบาๆของเธอ“เดียร์ไม่เหลือใครแล้ว...พ่อก็ทิ้งเดียร์ไปอีกคนแล้ว ฮือ...เดียร์...” เสียงงอแงร้องไห้ออกมา พร้อมกับเอ่ยตัดเพ้อขึ้นมาด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น“ฉันนี้ไง เธอยังมีฉัน มีชีโน่น้องชายของเธอไง ฉันจะเลี้ยงดูเธอต่อจากนี้เอง ส่งเสียให้เธอได้เรียนเหมือนคนอื่น เป็นพี่ของชีโน่ เป็นครอบครัวกันเหมือนเดิม” เสียงนุ่มเอ่ยบอกอย่างจริงจัง พร้อมกับสบตามองอย่างมุ่งมั่น ว่าเขาพูดจริง“...” เดียน่า ไม่ได้เอ่ยตอบอะไร กลับกอดคอร่างสูงไว้แน่น เพราะความดีใจ ไม่คิดว่าร่างสูงจะมีน้ำใจต่อเธอขนาดนี้ เพราะใจในของเธอคิดอยู่ตลอดเวลา ว่าหากว่าพ่อของเธอเป็นอะไรไป เขาคงจะไล่เธอออกจากบ้านหลังนี้แน่ๆ“รัดแน่นขนาดนี้ ฉันตายก่อน ที่เธอจะได้เรียนต่อน่ะ” ร่างสูงเอ่ยแซวขึ้นมาทันที“ขอโทษค่ะ เดียร์ดีใจมากไปหน่อย” เด็กสาวคลายวงแขนออกแล้วรีบขอโทษร่างสูงทันที“ถ้าอย่างนั้น ก็รีบลุกขึ้น ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ได้แล้ว นี้ใส่เสื้อตัวนี้มากี่วันแล้ว โตเป็นสาวแล้วน่ะ”
ความคิดเห็น