คนอื่นได้มาเกิดใหม่เป็นนางเอก นางร้าย เพื่อแย่งพระเอกแต่ฉันกลับเข้ามาอยู่ในร่างผู้ชายที่ท้องได้นะสิ
ดูเพิ่มเติมรจนีที่ได้ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยความสดชื่นแบบถึงที่สุดและสบายใจมากที่สุดที่รู้ว่าตัวเองยังไม่ชีวิตอยู่แบบครบสามสิบสอง “ฮือ ไม่สิ ไม่ครบสามสิบสอง เพราะฉันมีดุ้นแทน…. ฮือ แค่คิดก็อยากจะร้องไห้ออกมา” เป็นฉันนี่มันน่าเหนื่อยจริงๆ เลย ชีวิตนี้ยังไม่เคยมีผัวหรือมีแฟนเลยสักคน แต่ทำไมชีวิตฉันถึงต้องมาอาภัพถึงขนาดนี้กันเนี่ย รู้งี้น่าจะมีแฟนตั้งแต่เรียนจบจะได้ไม่ต้องมารู้สึกเสียดายแบบนี้ ฮืออออ แต่การอยู่ในร่างของผู้ชายก็ดีเหมือนกันนะ เพราะฉันจะได้ต้องมานั่งเป็นประจำเดือนให้เหนื่อยหรือป่วยท้องทุกเดือนอีก ซึ่งนั้นยังมีอีกหนึ่งอย่างที่รจนีนั้นยังไม่ได้รู้เกี่ยวกับร่างกายของตัวเองที่จะต้องเป็นรดูของพวกบุหลันเพศชายเหมือนกันแม้ว่าจะไม่ได้มีรอบเดือน แต่จะเป็นการทรมานและร้อนรุ่มทางร่างกายแทนในความอยากทางกายที่มีอยากมีอะไรกับบุรุษเพศไม่ว่าจะเป็นทินกรหรืออัมพรก็ตาม ทั้งบุหลันแต่ละคนก็ได้มีกลิ่นเฉพาะตัวที่บ่งบอกถึงความเย้ายวนในตัวเองและนั้นก็คือสิ่งที่รจนียังไม่รู้ “ฉันจะต้องอยู่ในโลกนี้อย่างสงบสุขให้ได้” รจนีที่ตอนนี้กำลังเดินสาละวนอยู่ในห้องนอนของตัวเอง เพื่อต้องการสำรวจพื้
ท้าวสามนต์ที่เดินขึ้นมาเพื่อดูอาการของลูกชายหลังจากที่ตกบันไดและสลบไปหลายวันด้วยความเป็นห่วง “รจนีเจ้าฟื้นแล้วลูกพ่อ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ท้าวสมมนต์เอ่ยถามลูกชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจด้วยความเป็นห่วง ทั้งที่เขานั้นก็รู้อยู่เต็มอกว่าลูกชายของเขามักจะถูกพวกพี่สาวรังแกอยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยความที่เขานั้นอยากจะฝึกให้ลูกมีอะไรก็ยอมที่จะพูดบอกเขาทุกเรื่องบ้าง ใครคือรจนีเนี่ย!? “เป็นอะไรหรือรจนี” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามลูกชายด้วยความเป็นห่วงนักยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเห็นว่าแววตาของลูกชายนั้นมีแต่ความสับสนและสงสัยจนปิดเอาไว้แทบไม่มิด เขาคุยกับฉันเหรอ!? แล้วรจนีไหน เคยได้ยินแต่รจนา เหมยได้แค่นึกเถียงขึ้นในใจ เพราะสิ่งที่เธอนั้นรู้จักดีมีแค่รจนาในเรื่องสังข์ทองเพียงเท่านั้น แล้วรจนีคือนิทานพื้นบ้านเรื่องไหนกัน นั้นคือสิ่งที่เธอสนใจอยู่ในตอนนี้ “ปะ เปล่า อ๊ะ ไม่สิ แล้วฉันต้องพูดว่าอะไรเนี่ย!?” เหมยว่าพึมพำกับตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าเองจะต้องพูดเอ่ยอะไรออกไปถึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องกันแน่ “พ่อว่าเจ้าคงอาจจะต้องการใช้เวลาในการพักรักษาตัว” “ดีค่ะ เอ่อ เพคะ” เหมยว่าตอบกล
ส่วนเหมยหญิงสาวอายุยี่สิบห้าปี เธอใช้ชีวิตมาอย่างดีด้วยการเลี้ยงดูจากยายที่เลี้ยงเธอมาเพียงลำพังตลอดหลายปี จนเธอเรียนจบมัธยมปลาย ยายที่ได้เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กจนโตก็ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคชรา อย่างที่เธอไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงในการเกิดแก่เจ็บตายได้ เหมยจึงได้ใช้ชีวิตเพียงลำพังและต้องหาเงินส่งตัวเองต่อให้จบปริญญา เพื่อที่จะได้มีงานมีการดีๆ ทำ ไม่ต้องลำบากลำบน จากนั้นผ่านมาหลายปีเหมยก็ได้เข้าทำงานที่พิพิธภัณฑ์จากการที่เธอได้ทำงานที่นี่มาสามปี เธอจึงต้องลงพื้นที่เพื่อไปยังถ้ำจินดามณีพร้อมกันกับเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ แต่ไม่ใช่เพื่อการตรวจดูสถานที่หรือความเก่าแก่แต่อย่างใด พวกกลุ่มคณะของพิพิธภัณฑ์ก็แค่อยากที่จะรวมตัวกันไปเที่ยวก็เท่านั้นไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ “โอ้ย เราต้องนั่งรถเข้าไปอีกไกลแค่ไหนเนี่ย” แพรวดาวหนึ่งในคณะที่ร่วมออกเดินทางว่าบ่นออกมาด้วยความเหนื่อยล้าเต็มทีกับการที่ต้องตื่นเช้าและต้องนั่งรถมาหลายชั่วโมงเพื่อกราบไหว้บูชาพ่อเงาะป่า “อย่าบ่นสิแพรว อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้วเนี่ย“ เหมยพูดบอกพร้อมกับชี้บอกทางให้เพื่อนมองไปที่ด้านหน้าที่มีรูปปั้นขนาดใหญ่ตั้งอยู่และเด
ณ เมืองสามนต์นคร รจนีบุตรชายองค์สุดท้องของท้าวสามนต์ ที่มีบุตรสาวจากนางมณฑามเหสีฝั่งขวาถึงเจ็ดองค์ ซึ่งเป็นบุตรสาวทั้งหมดเจ็ดพระองค์และทุกพระองค์ต่างเป็นบุหลันด้วยกันทั้งหมด แต่ทว่าหลังจากที่รจนาบุตรสาวคนสุดท้องของมเหสีฝั่งขวาได้คลอดออกมาเพียงแค่ไม่กี่เดือน ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่ารจนาก็เป็นบุหลันเหมือนกันกับพี่สาวทั้งหกของเธอ จากที่นางมณฑาที่คิดว่าความรักทั้งหมดคงจะอยู่ที่ลูกคนสุดท้องอย่างรจนาแน่นอน แต่ทุกอย่างกลับต้องเปลี่ยนไปเมื่อนางมณโฑมเหสีฝั่งซ้ายที่เป็นน้องสาวของนางมณฑาได้ตั้งท้องขึ้นมา หลังจากนั้นไม่กี่เดือนนางมณโฑก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายขึ้นมา ซึ่งนั้นก็สร้างความดีใจท้าวสามนต์เป็นอย่างมาก เพราะด้วยความที่เขานั้นรักมเหสีฝั่งซ้ายมากกว่ารักมากกว่ามณฑาที่เป็นพี่สาว แต่ด้วยเหตุผลจำเป็นเขาต้องแต่งงานกับนางมณโฑก่อน ถึงจะสามารถแต่งงานกันนางมณโฑผู้เป็นน้องสาวได้ เขาจึงต้องยอมทำตามข้อตกลงนั้นอย่างไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงได้ “ลูกของเราเป็นผู้ชายเจ้าค่ะเสด็จพี่ แต่ลูกของเราเป็นบุหลัน” มณโฑว่าออกไปด้วยความเสียใจแทนสามีที่คาดหวังจะได้ลูกชายที่เป็นทินกร “….” “ไม่ใช
ความคิดเห็น