ผลงานสุดฮอตฮิต ‘ย้อนเวลากลับไปเป็นรัชทายาทในยุคโบราณ’ ทะลุมิติมาเป็นองค์รัชทายาทแห่งต้าฉิน ชาตินี้ ข้าไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนทำงานหามรุ่งหามค่ำอีกต่อไป ข้าอยากตื่นขึ้นมาก็มีอำนาจควบคุมใต้หล้า พอเมามายก็นอนซบตักของสาวงาม สังหารขุนนางกังฉิน ทำลายแคว้นอริราชศัตรู ออกทะเลพิชิตเมืองตงอิ๋ง ต้าฉินเกรียงไกรทั่วทั้งแปดทิศ กุมอำนาจแต่เพียงผู้เดียว คำสั่งข้า คืออาณัติแห่งสวรรค์ ไม่มียืดเยื้อ ไม่มีการตอกหน้า ไม่มีโครงเรื่องไร้สาระ มีแค่ความสนุก และตัวเอกฆ่าดะ!
View More“หากเจ้ารับตำแหน่งอาจารย์แห่งรัฐผู้พิทักษ์แผ่นดินจากข้า และยอมให้สำนักบัวขาวถอนตัวออกจากแผ่นดินจงหยวนทั้งหมด ไปยังดินแดนของอ๋องแห่งแคว้น ข้าจะเปิดโอกาสให้พวกเจ้าขยายศรัทธา”น้ำเสียงของหลี่เฉินเปี่ยมล้นด้วยความมั่นใจจากนั้น เขาก็ลดเสียงให้ต่ำลง แฝงไปด้วยความเย้ายวนดุจเสียงปีศาจกล่าวว่า “และนั่นยังเป็นแค่จุดเริ่มต้น หากเราร่วมมือกันอย่างราบรื่น ข้าจะหาทางส่งพวกเจ้าไปเผยแผ่ศรัทธาที่แคว้นเหลียว แคว้นจิน และดินแดนตะวันออก”“เลิกคิดถึงการล้มล้างราชสำนักเสียที ไร้อนาคต หากดูจากสภาพพวกเจ้า ต่อให้วันนี้ข้ายกบัลลังก์ให้ ยกแผ่นดินต้าฉินให้ทั้งแคว้น พวกเจ้าจะบริหารมันได้หรือ?”“การปกครองแผ่นดินนั้น ต้องใช้มันสมอง ต้องมีวัฒนธรรม”“แล้วพวกสาวกของสำนักบัวขาวพวกเจ้าคือใครกัน? ชาวไร่ชาวนาอาภัพ ผู้ประสบภัย ผู้ที่ข้าวสักคำยังหามิได้ ผู้ที่หิวโหยจนจะตายอยู่แล้ว คนกลุ่มนี้จะบริหารแผ่นดินได้หรือ?”เมื่อได้ฟังคำของหลี่เฉิน เจี่ยนตี้ซินก็รู้สึกทั้งโกรธทั้งอับอายแต่แล้ว หลี่เฉินก็กล่าวอีกว่า “เจ้าไม่พอใจ? งั้นเจ้าลองกลับไปนับดูเองก็ได้ ว่าคนในระดับบริหารของสำนักบัวขาวของเจ้า มีสักกี่คนที่เขียนชื่อตัวเ
“แต่อ๋องแห่งแคว้นก็ใช่ว่าจะไร้พลังอำนาจเสียทีเดียว”เจี่ยนตี้ซินไม่ใช่คนเขลาเอาแต่นั่งหลับหูหลับตาอยู่ในบ้าน ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับโลกภายนอกเขาโต้กลับทันทีว่า “อย่างเช่นเหวินอ๋อง กับเนี่ยงอ๋อง เหวินอ๋องครองนครจินหลิง อันเป็นแผ่นดินที่มั่งคั่งที่สุดในใต้หล้า ส่วนเนี่ยงอ๋องอยู่ไกลถึงชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ แม้ยากจน แต่ผู้คนในถิ่นนั้นกล้าหาญแข็งกร้าว และรวมกลุ่มกันแน่นแฟ้น ต่อต้านคนนอกเป็นพิเศษ หลักคำสอนของสำนักบัวขาวของข้า ย่อมไม่เหมาะกับสองที่นี้โดยธรรมชาติ”“ถูกต้อง”หลี่เฉินไม่เพียงไม่ขัดแย้ง หากยังพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเจี่ยนตี้ซิน“สำนักบัวขาวของพวกเจ้านั้น ถนัดที่สุดคือการชักจูงผู้คน หากเป็นยุคสันติสุข แน่นอนว่าย่อมยากจะขยายอิทธิพล แต่หากเจอปีแห่งภัยพิบัติหรือยุคสมัยที่บ้านเมืองปั่นป่วน ราษฎรทุกข์ยากแสนสาหัส เช่นนั้นก็ย่อมเป็นดินแดนชั้นยอดสำหรับพวกเจ้าจะหยั่งรากเติบโต อย่างเช่นปีเคราะห์สองปีที่ผ่านมา สำนักของเจ้าก็ขยายตัวขึ้นกี่เท่าใช่หรือไม่? หรือจะให้ข้าพูดให้ละเอียดลึกลงไปอีก?”เจี่ยนตี้ซินกล่าวเสียงขรึมว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ องค์ชายก็ย่อมรู้ว่า การไปขยายสำนักในดินแ
เจี่ยนตี้ซินถึงกับเตรียมใจไว้แล้ว ว่าหลี่เฉินจะต้องเปิดปากเรียกร้องอย่างมักใหญ่ใฝ่สูง ฉีกเนื้อจากร่างเขาไปชิ้นหนึ่งอย่างไม่ไว้หน้าเพราะแค่ดูจากจุดจบของกงฮุยอวี่ ก็พอจะรู้ว่าองค์รัชทายาทผู้นี้ หาใช่คนที่ใครจะกล้าล้อเล่นด้วยไม่เมื่อครั้งหลี่เฉินจับตัวกงฮุยอวี่ได้ เขาเคยคาดเดาว่านางอาจถูกล่วงเกิน หรือไม่ก็ถูกฆ่าทิ้งเสียเลยแต่สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยคิดก็คือ หลี่เฉินกลับควบคุมกงฮุยอวี่ไว้ข้างกายตนเองเรื่องเช่นนี้ เมื่อก่อนย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ แม้แต่คิดก็ไม่ควรคิดแต่เรื่องประหลาดก็คือ หลี่เฉินกลับทำได้จริงตอนนี้กงฮุยอวี่เป็นอิสระอย่างแท้จริง แต่กลับไม่อาจจากหลี่เฉินไปได้พันธนาการเช่นนี้ น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าตรวนเหล็ก และได้ผลยิ่งกว่าเสียอีกด้วยมีตัวอย่างของกงฮุยอวี่อยู่ตรงหน้า ทำให้เมื่อเจี่ยนตี้ซินได้ยินหลี่เฉินบอกว่าไม่ต้องจ่ายสิ่งใดเลย ความระแวดระวังก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวการประลองครั้งนี้ เป็นการประลองด้วยเล่ห์กล ไม่เกี่ยวข้องกับพลังฝีมือสิ่งที่ถูกทดสอบ คือมันสมองของทั้งสองฝ่ายด้วยผลแห่งการหยั่งเชิงก่อนหน้า หลี่เฉินได้วางไพ่ใบแรกลงแล้วตอนนี้ ถึงคราวเจี่ยนตี้ซินจะวางไพ
นับตั้งแต่บรรลุญาณปฐมและก้าวเข้าสู่ขั้นเซียนเดินดิน เจี่ยนตี้ซินก็ไม่เคยตกตะลึงถึงเพียงนี้มาก่อนเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพระเฒ่ารูปนี้มีพลังเหนือกว่าตนอย่างท่วมท้นความรู้สึกที่ถูกจัดอยู่ในฝั่งอ่อนแอ ทำให้เขาอึดอัดใจยิ่งนักเมื่อครั้งนั้น เขาก็เพราะไม่อยากลิ้มรสความอึดอัดนี้อีก จึงมุ่งฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง ประกอบกับพรสวรรค์ล้ำเลิศ วาสนาแกร่งกล้า จึงสามารถเป็นผู้บรรลุขั้นเซียนเดินดินได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์แคว้นต้าฉินแต่ความรู้สึกว่าใต้หล้านี้ไร้ผู้ต่อต้านได้ วันนี้กลับถูกทลายลงอย่างย่อยยับเจี้ยวั่งยังคงไม่เอ่ยวาจาเขายืนอยู่ข้างกายหลี่เฉิน เงียบงันไม่เอื้อนเอ่ยความเพิกเฉยเช่นนี้ ทำให้เจี่ยนตี้ซินผู้มีจิตมั่นคงยิ่งดั่งศิลา พลันโทสะระเบิดทันทีเจี่ยนตี้ซินเดือดดาล ส่วนหลี่เฉินกลับยิ้มขำเขารู้สึกว่าเจี้ยวั่งผู้นี้ช่างเหมาะสมกับบท “จอมวางท่า” ยิ่งนักไม่ต้องพูดแม้สักคำ ก็สามารถทำให้เซียนเดินดินเดือดถึงขีดสุดได้น่าเสียดาย องครักษ์ฝีมือเช่นนี้ กลับใช้ได้เพียงครั้งเดียว“ตอนนี้ ท่านพอจะลดท่าทีเซียนเดินดินของท่านลง แล้วคุยกันอย่างคนปกติได้หรือยัง?”หลี่เฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้
เจี่ยนตี้ซินมิได้บ้าคลั่งเพียงแค่ปากพูดหากแต่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าก็คือ เขากล้าลงมือจริงๆเมื่อคำพูดจบลง เจี่ยนตี้ซินยกเท้าขึ้นอย่างแผ่วเบา แล้วเหยียบลงอย่างช้าๆเสียงบูทกระทบพื้นอีกครั้ง ทำเอาทุกผู้คนรู้สึกเหมือนมีเสียงอื้อดังในหัวเหมือนมีช้างบ้าคลั่งตัวหนึ่งในสมอง เงื้อตัวขึ้น แล้วยกขาหน้าทั้งสองกระแทกลงบนกะโหลกศีรษะตนเองอย่างรุนแรงกระแสพลังที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ หากแต่มีอยู่จริง แผ่ออกมาจากร่างของเจี่ยนตี้ซิน บิดเบือนอากาศรอบกายจนมองเห็นด้วยตาเปล่า แรงสั่นสะเทือนระลอกนั้นแม้แรกเริ่มจะเชื่องช้า แต่เพียงชั่วพริบตา ก็ระเบิดออกประหนึ่งลูกกระสุนที่พุ่งออกจากลำกล้อง กวาดผ่านเหล่าทหารองครักษ์ที่ล้อมรอบเขาอย่างใบไม้ปลิวตามสายลมในฤดูใบไม้ร่วงพรวด พรวด พรวดเสียงของทหารหลายสิบคนที่อ้าปากพ่นโลหิตออกมาอย่างบ้าคลั่งเพียงแค่เหยียบพื้นหนึ่งครั้ง เจี่ยนตี้ซินก็ทำให้ทหารนับสิบได้รับบาดเจ็บภายในเขามิได้ชายตามองเหล่าทหารที่ล้มกลิ้งอยู่เต็มพื้นแม้แต่น้อย เจี่ยนตี้ซินเหลือบมองหลี่เฉินอย่างเฉยเมย “ฝ่าบาท ท่านคิดเห็นเช่นไร?”บนใบหน้าของหลี่เฉินปราศจากแม้แต่วี่แววของความรู้สึกเขารู้อย
เจี่ยนตี้ซิน…เพียงชื่อดังกล่าวผ่านเข้าหู หลี่เฉินก็รู้สึกไม่พอใจทันที“กล้าใช้ตัวอักษร ‘ตี้’ ซึ่งหมายถึง ‘จักรพรรดิ’ เป็นชื่อ เจ้านี่ช่างกล้าหาญนัก” หลี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาการตั้งชื่อ ไม่ว่าจะเป็นคนขายของข้างถนนหรือถึงขั้นขุนนางชั้นสูง ต่างก็ต้องรู้จักหลีกเลี่ยงถ้อยคำต้องห้ามโดยเฉพาะคำว่า ‘หวง’ และ ‘ตี้’ ซึ่งแปลว่าองค์จักรพรรดิย่อมเป็นข้อห้ามสูงสุดนอกจากนี้ยังรวมถึงพระนามขององค์จักรพรรดิในรัชกาลปัจจุบันที่ต้องหลีกเลี่ยงเช่นกันสำหรับคนที่เข้มงวด ย่อมรวมไปถึงพระนามของจักรพรรดิองค์ก่อน และชื่อแผ่นดินด้วยแม้แต่หากเสียงอ่านคล้ายกัน ก็ต้องรีบเปลี่ยนชื่อทันทีไม่เช่นนั้น ย่อมถือว่าเป็นการล่วงเกินอย่างใหญ่หลวงนอกจากนี้ ยังมีธรรมเนียมการหลีกเลี่ยงชื่อผู้ใหญ่ในบ้าน ซึ่งสืบต่อกันมาจนถึงยุคปัจจุบันสำหรับจักรวรรดิต้าฉิน แม้จะถือว่าเข้มงวดน้อยกว่า อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับต้องหลีกเลี่ยงพระนามขององค์จักรพรรดิที่ล่วงลับหรือชื่อแผ่นดินที่สิ้นสุดลง แต่กระนั้น ก็ไม่เคยมีผู้ใดกล้าใช้คำว่า ‘ตี้’ เป็นชื่อเจี่ยนตี้ซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ก็แค่ชื่อหนึ่ง ฝ่าบาทจะวิตกไปใย?”“นี่มิใช
Comments