แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: กวนเหอว่านหลี่
ไม่รอช้า จูหยวนจางประกาศเลิกประชุมทันที!

พร้อมกันนั้นก็ให้เสนาบดีกรมกลาโหม เสนาบดีกรมคลัง ไคกั๋วกงฉางเซิง และจูอวิ่นเทิง ไปปรึกษาหารือที่ตำหนักหย่างซิน

ทั่วทั้งราชสำนักเกิดความโกลาหล!

ดูท่าแล้วฝ่าบาทคงจะหารือเรื่องการเดินทัพหรือถอยทัพของหลานอวี้กันในวงเล็กๆ

กรมกลาโหมรับผิดชอบด้านการทหาร กรมคลังรับผิดชอบด้านเสบียงอาหาร ส่วนไคกั๋วกงฉางเซิงนั้นคือผู้ที่รอดชีวิตมาจากกองซากศพในสนามรบ!

แต่จูอวิ่นเทิงเล่า มีสิทธิ์อะไร?

วันนี้ในราชสำนักจูอวิ่นเทิงมีท่าทีประหม่าไม่กล้าตัดสินใจ แถมยังตอบคำถามอะไรไม่ได้เลย!

ดูจากสีหน้ายินดีปรีดาและท่าทีอวดดีตลอดทางของฉางเซิงในวันนี้ หรือว่าจูอวิ่นเทิงได้รับการยอมรับบางอย่างจากฝ่าบาทแล้ว?

รัชทายาทจูเปียวไม่อยู่ในช่วงนี้ ได้ยินมาว่าฝ่าบาทให้เขาไปเลือกเมืองหลวงแห่งใหม่

เพื่อเตรียมการย้ายเมืองหลวง!

การย้ายเมืองหลวงเป็นเรื่องใหญ่หลวงเพียงใด!

เหล่าขุนนางต่างวิเคราะห์กันเป็นการส่วนตัวว่า จูหยวนจางชราแล้ว คงไม่มีแรงจะทำเรื่องใหญ่อีก

การย้ายเมืองหลวงเป็นเพียงข้ออ้าง ที่จริงแล้วคือการให้จูเปียวไปพักผ่อนหย่อนใจตามสถานที่ต่างๆ เพื่อรักษาสุขภาพ

เรื่องในวันนี้ช่างแปลกประหลาดโดยแท้ อนาคตของต้าหมิง กำลังจะเปลี่ยนทิศทางแล้ว

เมื่อมาถึงตำหนักหย่างซิน จูหยวนจางสั่งให้คนเปิดม่านบนผนังออก

แผนที่ขนาดมหึมาปรากฏขึ้นต่อหน้า

กินพื้นที่เต็มทั้งกำแพง!

“นี่คือแผนที่ที่เรายึดมาจากชาวหยวน พอได้แผนที่นี้มา เราถึงได้รู้ว่าโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล เกินกว่าจะจินตนาการได้จริงๆ!”

เมื่อจูหยวนจางกล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ

ทุกคนต่างเดินเข้าไปดูใกล้ๆ

[แผนที่นี้ มิชชันนารีมาร์โค โปโล เป็นคนวาด! เขาสนิทกับกุบไลข่าน จึงวาดแผนที่นี้มอบให้กุบไลข่าน]

[แผนที่นี้ก็ถือว่าไม่เลว แต่เห็นได้ชัดว่ามีจุดที่ผิดพลาดอยู่เยอะเลย]

เสียงในใจของจูอวิ่นเทิงดังเข้ามาในหัวของจูหยวนจาง

พระราชนัดดาคนนี้ ถึงกับบอกว่าแผนที่นี้มีจุดผิดพลาด?

เขาไม่เคยย่างเท้าออกจากประตูบ้าน ไม่เคยแม้แต่จะออกจากอิ้งเทียนเลยด้วยซ้ำ แล้วจะบอกว่าแผนที่นี้มีจุดผิดพลาดได้อย่างไร?

แต่นี่เป็นเสียงในใจของเขา เป็นสิ่งที่ออกมาจากใจจริง ย่อมไม่มีความจำเป็นต้องโกหก

“พวกเจ้าลองบอกเราสิ ฮ่องเต้หยวนน่าจะอยู่ที่ใด?” จูหยวนจางจงใจมองไปยังจูอวิ่นเทิง “ก่อนที่น้าทวดของเจ้าจะออกเดินทาง หน่วยสอดแนมแจ้งข่าวมาว่า ฮ่องเต้หยวนอยู่ห่างจากเมืองหนิงไปทางเหนือร้อยลี้ กองทัพจึงออกเดินทางจากที่นี่”

จูหยวนจางถือไม้เท้ายาว ชี้ไปยังเมืองหนิง

ฉีไท่เสนาบดีกรมกลาโหมเอ่ยขึ้น “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าฮ่องเต้หยวนน่าจะกลับไปยังรังเก่า เพราะที่นั่นปลอดภัยที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

เสนาบดีกรมคลังกล่าวเสริม “ถิ่นกำเนิดของชาวหยวนอยู่ที่แม่น้ำโว่หนาน ซึ่งอยู่ห่างไกลจากต้าหมิงของเรามาก เกรงว่าหลานอวี้คงจะไล่ตามไปได้ยากพ่ะย่ะค่ะ”

ฉางเซิงก็พยักหน้าเช่นกัน “แปดในสิบส่วนคงจะอยู่ที่นั่น ถิ่นกำเนิดของพวกมัน ย่อมมีหูตามากมาย การระดมพลและเสบียงอาหารก็สะดวกอย่างยิ่ง”

จูหยวนจางมองไประยะทางแล้ว ในใจก็เงียบสงบ

หากฮ่องเต้หยวนซ่อนตัวอยู่ที่นั่นจริงๆ เสบียงของหลานอวี้ไม่มีทางพอแน่!

ต่อให้ระดมเสบียง ก็เป็นไปไม่ได้!

ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ในดินแดนทางเหนือ ยังคงเป็นดินแดนที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะ!

“น่าเจ็บใจนัก ทัวกู่ซือเทียมู่เอ๋อร์ช่างขี้ขลาดตาขาวเสียจริง! เราประเมินมันต่ำไปจริงๆ !”

เมื่อจูหยวนจางกล่าวจบ ฉีไท่ก็รีบกล่าวสรรเสริญเยินยอทันที “ทั้งหมดเป็นเพราะฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ บุกตีหยวนเหนือนั่นเสียจนขวัญหนีดีฝ่อ มองเห็นแต่ไกลก็เผ่นหนี ยิ่งหนีไปไกลเท่าไรก็ยิ่งดีพ่ะย่ะค่ะ”

[เจ้านี่เป็นใครกัน? ประจบสอพลอได้ลื่นไหลดีจริง ตาเฒ่าจูเอ๋ย ท่านประเมินฮ่องเต้หยวนต่ำไป ส่วนข้าประเมินท่านต่ำไป!]

[ทายาทของสายเลือดทองคำจะไร้ความสามารถถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?]

[อีกอย่าง เวลานี้จะหนีไปที่แม่น้ำโว่หนานทำไม? ที่นั่นเกือบจะถึงรัสเซียแล้วนะ! ตั้งหลายร้อยกิโลเมตร ไม่ต้องกินไม่ต้องดื่มกันหรือไง?]

[ถ้าเป็นข้า ข้าก็จะเลือกเหมือนกับฮ่องเต้หยวน]

เมื่อจูหยวนจางได้ยินถึงตรงนี้ ก็มองไปยังแผนที่ พระราชนัดดาพูดมีเหตุผล

แต่ว่าทางเลือกของเขาอยู่ที่ไหนกัน?

[สถานที่แห่งนี้ ต้องสอดคล้องกับคุณสมบัติสามข้อ]

[ข้อแรก ต้องมีแหล่งอาหาร ต่อให้ไม่มีเสบียง ก็ยังสามารถอยู่รอดได้ สถานที่แห่งนี้ ย่อมต้องมีทะเลสาบ!]

[ชาวหยวนค่อนข้างชำนาญการจับปลาในฤดูหนาว แค่เจาะรูบนทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง ก็มีปลากินแล้ว!]

[ข้อสอง ต้องเป็นที่ที่กองทัพของหลานอวี้หาไม่เจอได้ เมื่อกองทัพของหลานอวี้เดินวนไปวนมาจนเหนื่อยล้าถึงขีดสุด ก็ส่งกองกำลังเล็กๆ ไปล่อให้ติดกับ]

[ข้อสาม ต้องเป็นสถานที่ที่ล้อมรอบด้วยภูเขา เมื่อกองทัพของหลานอวี้มาถึง กองทัพหยวนก็จะอาศัยแรงว่าอยู่บนเขาบุกลงมา กองทัพหมิงก็จะตกอยู่ในอันตราย]

จูหยวนจางทำศึกสงครามมานานหลายปี สามารถเก็บซ่อนอารมณ์ความรู้สึกได้นานแล้ว

แต่ในตอนนี้ จูหยวนจางตกตะลึงอย่างแท้จริง

เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นบนหน้าผาก

ที่แท้ฮ่องเต้หยวนวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว แอบซุ่มอยู่ในที่แห่งหนึ่ง รอให้หลานอวี้เหนื่อยล้าแล้วค่อยเผยเขี้ยวเล็บออกมา!

[ระยะทางไม่ใกล้ไม่ไกล เหมาะแก่การซ่อนตัว เหมาะแก่การโจมตี และอยู่ริมทะเลสาบ!]

[บนแผนที่นี้ก็มีระบุไว้นี่นา ก็คือทะเลปู่อวี๋เอ๋อร์ ปัจจุบันเรียกว่าทะเลสาบไบคาล]

ทะเลปู่อวี๋เอ๋อร์?

สายตาของจูหยวนจางจับจ้องไปยังต้นน้ำของแม่น้ำซีลามู่ ทางตะวันออกของเขาฮั่นอูลาทันที

ที่นั่น คือทะเลปู่อวี๋เอ๋อร์!

ทะเลสาบที่ไม่ใหญ่มากนักแห่งหนึ่ง

เมื่อมองระยะทางและทิศทางคร่าวๆ จูหยวนจางก็ตบโต๊ะอย่างแรง

“ดี ดี!” จูหยวนจางใช้ไม้ยาวชี้ไปยังแผนที่ “ก็คือที่นี่ ทะเลปู่อวี๋เอ๋อร์ ฮ่องเต้หยวนซ่อนตัวอยู่ที่นี่!”

ฉางเซิงมองอยู่เป็นเวลานาน ก็ตบมือหัวเราะลั่น “เป็นเช่นนี้จริงๆ ฝ่าบาทไม่ได้ออกรบมานานหลายปี แต่สายพระเนตรก็ยังคงเฉียบคมกว่าพวกกระหม่อมมากนัก! ก็คือที่นี่ ไม่ผิดแน่!”

[ให้ตายสิ ลุงรอง ท่านก็รู้จักประจบสอพลอแล้วหรือ! แต่พูดตามตรง ความสามารถของตาเฒ่าจูนี่ไม่ใช่ของเก๊เลย!]

[ตาเฒ่าจูถึงกับมองปราดเดียวก็รู้ที่ซ่อนของฮ่องเต้หยวน!]

[ผู้ที่สามารถปราบชนเผ่าต่างแดน และรบจากใต้ขึ้นเหนือได้สำเร็จ ตลอดหลายพันปีมานี้ มีเพียงจูหยวนจางคนเดียว!]

[ตาเฒ่าจู ข้าไม่ยอมใครหน้าไหนเลย ยอมให้ท่านคนเดียว!]

[จักรพรรดิหนึ่งเดียวในพันปี นับถือจากใจจริงๆ !]

เมื่อได้รับการยอมรับจากก้นบึ้งของหัวใจของพระราชนัดดา จูหยวนจางก็รู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาเล็กน้อย!

แต่ในไม่ช้า ในใจของจูหยวนจางก็รู้สึกกระอักกระอ่วน

หากไม่ใช่เพราะเสียงในใจของพระราชนัดดาเปิดเผยออกมา ตนเองจะรู้ได้อย่างไร?

พระราชนัดดาคาดการณ์สงครามทางใต้อย่างแม่นยำ และเมื่อครู่ก็เพิ่งจะชี้จุดสำคัญของสงครามทางเหนือ ที่ซ่อนตัวของฮ่องเต้หยวน!

นี่แสดงให้เห็นว่า พระราชนัดดาคนนี้มีความสามารถอันยิ่งใหญ่!

แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาถึงไม่ยอมแสดงมันออกมา!

หรือว่าเขาไม่สนใจตำแหน่งพระนัดดารัชทายาท?

วันๆ คิดแต่จะหลบซ่อนอยู่ในจวนนอกวัง คลุกคลีอยู่กับสาวใช้สองคน!

“ส่งสารด่วนแปดร้อยลี้ บอกหลานอวี้ ให้เขาทำตามความประสงค์ของเรา บุกตรงไปยังทะเลปู่อวี๋เอ๋อร์! กวาดล้างหยวนเหนือให้สิ้นซากในคราวเดียว!”

หลังจากที่จูหยวนจางตัดสินใจแล้ว ก็หยิบฎีกาลับฉบับหนึ่งออกมาให้ทุกคนอ่าน

ทั้งสามคนอ่านจบก็ตกใจยิ่งนัก ทางใต้ถึงกับมีกองทัพสามแสนนายจ้องมองอยู่ตาเป็นมัน!

กองทัพสามแสนนายนี้ไม่ธรรมดา ในจำนวนนั้นมีกองทัพหน้าห้าพันนายเป็นกองทัพช้างศึก!

ก่อนหน้านี้กองทัพหมิงเคยเผชิญหน้ากับกองทัพช้างศึกมาแล้ว

แม้ทหารเหล่านั้นจะรูปร่างเตี้ยเล็ก แต่พวกเขาก็ขี่ช้างออกรบ

ช้างถูกฝึกมาอย่างดี บนหลังยังติดตั้งที่นั่งอันสะดวกสบาย ทหารช้างนั่งอยู่ข้างใน กวัดแกว่งหอกและดาบยาว

หนังของช้างหนาและหยาบ แทบจะฟันแทงไม่เข้า!

ทหารศัตรูนั่งอยู่บนหลังช้าง อาวุธเอื้อมไปไม่ถึง!

กองทัพหมิงปะทะกันหลายครั้ง ก็ถูกกองทัพช้างศึกตีจนแตกกระเจิง

ในครั้งนั้น กองทัพช้างศึกมีขนาดเพียงไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น

แต่ครั้งนี้ กลับมีกองทัพช้างศึกถึงห้าพันตัว!

เสนาบดีกรมกลาโหมและเสนาบดีกรมคลังอ่านรายงานการทหารทางใต้จบ มือก็สั่นเทา

ฉางเซิงรบกับชาวหยวนอยู่บ่อยครั้ง ไม่เคยสู้รบกับกองทัพคนเถื่อนทางตะวันตกเฉียงใต้

แต่ก็รู้ดีว่า กองทัพคนเถื่อนทางตะวันตกเฉียงใต้ไม่ได้จัดการง่ายไปกว่ากองทัพหยวนเลย

หนึ่งในตัวอย่างอ้างอิงก็คือ มู่อิงที่รักษาการณ์อยู่ที่อวิ๋นหนาน

มู่อิงติดตามจูหยวนจางทำศึกมาตั้งแต่อายุแปดขวบ เพราะมีความกล้าหาญและมีสติปัญญา จึงถูกจูหยวนจางรับเป็นบุตรบุญธรรม

รัชสมัยหงอู่ปีที่สิบสี่ มู่อิงนำทัพสามแสนนายออกศึกที่อวิ๋นหนาน

หลังจากที่อวิ๋นหนานสงบลง มู่อิงก็ยังคงรักษาการณ์อยู่ที่นั่น

ในช่วงสิบปี มู่อิงได้ปราบปรามชนเผ่าคนเถื่อนอีกมากมายที่ผู่ติ้ง กว่างหนาน และลั่งฉยง

หากพูดถึงด้านการทหาร มู่อิงไม่ได้ด้อยไปกว่าฟู่โหย่วเต๋อ หลานอวี้ และคนอื่นๆ เลย

แต่พอเจอกับกองทัพช้างศึก หลายครั้งก็พ่ายแพ้ยับเยิน

ครั้งนี้ ชายแดนถึงกับรวบรวมทัพช้างได้ถึงห้าพันตัว!

แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว!
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 100

    ฉางเซิงได้ฟังก็รู้ว่า ที่แท้เป็นขันทีน้อยที่ฝ่าบาทส่งมาให้จูอวิ่นเทิงเแก้ปัญหาให้เรื่องนี้ ควรบอกให้ฝ่าบาททราบดีหรือไม่?เมื่อตัดสินใจได้ ฉางเซิงก็กราบทูลให้จูหยวนจางทราบก่อนจูหยวนจางคิดดูแล้ว ปัญหาก็ถูกแก้ไขแล้ว และคนที่จัดการก็คือมู่เหยาต้องเป็นหลานสามที่บอกวิธีแก่มู่เหยาแน่ ๆแล้ววิธีนั้นคืออะไรกันแน่ จูหยวนจางสนใจเป็นอย่างมากเสียงในใจของจูอวิ่นเทิงที่สำนักโหราศาสตร์หลวงวันนั้น จูหยวนจางกลับไปแล้วก็คิดทบทวนอยู่นานหากวิชาคณิตศาสตร์แพร่หลาย งานฝีมือ อาวุธ และอื่น ๆ ของต้าหมิงก็จะสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว!โดยเฉพาะอาวุธ ในฐานะฮ่องเต้ผู้มาจากสนามรบ ย่อมรู้ดีถึงความสำคัญของมันแต่ภายใต้การกดดันของพระองค์เอง ฐานะของขุนนางฝ่ายบู๊ก็ลดลง ในขณะที่ขุนนางฝ่ายบุ๋นมีฐานะสูงขึ้นก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เรียกว่า “ทุกสิ่งล้วนต่ำต้อย มีเพียงการศึกษาเท่านั้นที่สูงส่ง”ในฐานะฮ่องเต้ที่ไต่เต้ามาจากชนชั้นล่าง ไม่พอใจอย่างยิ่งต่อพวกฝ่ายบุ๋นที่ทำงานไม่เป็น ได้แต่อวดเก่งในชนบท แม้แต่การปรับปรุงเครื่องมือทางการเกษตรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตและรายได้ได้ในทันทีดังนั้น จูหยวนจาง

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 99

    “มู่เหยา ที่จริงข้ากำลังปิดบังความสามารถบางอย่างอยู่” จูอวิ่นเทิงย้ำอีกครั้งเพราะเขาไม่เห็นความตกใจในแววตาของมู่เหยาเลยมู่เหยาแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวาน “หม่อมฉันรู้ หม่อมฉันรู้ว่าท่านมีความสามารถ”หืม มู่เหยารู้แล้วหรือ?“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”มู่เหยากล่าวว่า “เพราะหม่อมฉันเชื่อในความ...ความรู้สึกของหม่อมฉัน ท่านต้องมีความสามารถแน่นอน อาจมีเหตุผลเฉพาะบางอย่างที่ไม่บอกคนภายนอกเท่านั้นเอง”จูอวิ่นเทิงจิตใจเบิกบานในทันที ไม่คิดเลยว่ามู่เหยาจะเป็นผู้ที่คลั่งไคล้ตน!อาศัยเพียงความรู้สึก ไม่มีเหตุผลใด ๆ ก็เชื่อว่าตนมีความสามารถแล้วลุงรองก็เป็นแบบนี้ มู่เหยาก็เช่นกันได้ผู้คลั่งไคล้ไม่ลืมหูลืมตาเพิ่มอีกคนแล้วการมีคนอื่นเลื่อมใสศรัทธาโดยไม่มีสาเหตุ ทำให้จิตใจอันทระนงของตนได้รับความพึงพอใจอย่างมาก“ถึงแม้ข้าจะไม่ถนัดเรื่องบุ๋นและไม่เก่งเรื่องบู๊ แต่ข้าก็มีความรู้จิปาถะอยู่บ้าง อย่างเช่นคณิตศาสตร์และเรขาคณิตเป็นต้น”มู่เหยาแอบหัวเราะในใจ สามีในอนาคตของนางยังคงเสแสร้งอยู่ไม่ถนัดเรื่องบุ๋นหรือ? ท่านบดขยี้ฟางเสี้ยวหรูในทุกด้าน ท่านบอกว่าไม่ถนัดเรื่องบุ๋นหรือ?ไม่เก่งเรื่องบู๊? ข้าที่ฝึ

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 98

    สามารถพูดได้ว่า ความปราดเปรื่องของจูอวิ่นเทิงนั้น ไร้ผู้เทียมทานในยุคนี้!หลายปีมานี้ จูอวิ่นเทิงได้ปกปิดพรสวรรค์ของเขามาโดยตลอด!บัดนี้นางเข้าใจในเจตนาของฝ่าบาทแล้วฝ่าบาทตรัสว่าวิธีเอาชนะกองทัพช้างศึกนั้นได้ยินมาจากคำละเมอของจูอวิ่นเทิงตอนนี้มาคิดดูแล้ว สิ่งที่ฝ่าบาทตรัสนั้นเป็นความจริง ไม่ได้โป้ปดเลยแม้แต่น้อย!จะว่าไปแล้วฝ่าบาทก็ไม่มีความจำเป็นต้องโกหกบิดาของตนจูอวิ่นเทิงมีความสามารถ แล้วเหตุใดถึงต้องปกปิดไว้ตลอด?หรือว่าจูอวิ่นเทิงจะมีความลำบากใจอะไรบางอย่าง?จะทูลให้ฝ่าบาททราบดีเรื่องนี้หรือไม่?ฝ่าบาททรงรับปากให้ตนแต่งงานกับจูอวิ่นเทิงจูอวิ่นเทิงคือสามีในอนาคตของนาง จะทำเช่นไรดี?จะให้จูอวิ่นเทิงรู้ไม่ได้ และยิ่งไม่อาจให้ฝ่าบาทรู้ด้วย ตนเองรู้ก็พอแล้วอันที่จริง ภารกิจที่ฝ่าบาทมอบหมายให้คือการฟังเสียงในใจของจูอวิ่นเทิง และสังเกตว่ามีสิ่งแปลกใหม่ใดภายในเรือนหรือไม่การไม่ทูลเรื่องนี้ให้ฝ่าบาททราบ ก็ไม่ถือว่าเป็นการขัดพระบัญชาเมื่อมู่เหยามองไปยังจูอวิ่นเทิงอีกครั้ง ภาพลักษณ์ก็พลันสูงส่งขึ้นมาทันทีเดิมทีคิดว่าสามีในอนาคตจะเป็นคนปัญญาอ่อนทำอะไรไม่เป็น แต่ใครจะไปร

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 97

    “ฟางฮั่นหลิน ท่านหมายความว่าจะยังคงสอนหนังสือข้าหรือ?”จูอวิ่นเทิงอยากจะลองตรวจดูว่าหนังหน้าของฟางเสี้ยวหรูทำมาจากวัสดุใด ถึงได้หนาเพียงนี้!ไม่ว่าจะเป็นภาษาโบราณหรือบทกวี ฟางเสี้ยวหรูก็ถูกลูกศิษย์บดขยี้ทุกด้าน เขายังมีหน้ามาเป็นอาจารย์ต่ออีกหรือ?ฟางเสี้ยวหรูพยายามควบคุมความอับอายที่แผ่ซ่านอย่างหนักไม่มีทางเลือก การเป็นอาจารย์ส่วนตัวของจูอวิ่นเทิงคือคำสั่งของฝ่าบาท!เดิมทีเขาไม่ได้อยากมาสอนหนังสือ เพียงอยากมาฟังคำละเมอของจูอวิ่นเทิงเท่านั้นหากไม่ได้เป็นอาจารย์ของจูอวิ่นเทิงแล้ว จะชี้แจงให้คนภายนอกฟังอย่างไรดี?หากออกไปบอกว่าความสามารถของจูอวิ่นเทิงเหนือกว่าตนเอง แล้วต่อไปจะอยู่ในแวดวงบัณฑิตและนักกวีได้อย่างไร?และยังมีความเป็นไปได้อีกอย่าง ทุกคนอาจจะคิดว่าตนเองกำลังพูดจาเหลวไหลกระทั่งอาจมองว่าเขากำลังย่ำยีเกียรติตัวเอง เอาใจราชสำนัก!ดังนั้น ตอนนี้ยังไปไม่ได้!“อู๋อ๋อง กระหม่อมได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้มาสอนหนังสือ หากอู๋อ๋องไม่ให้กระหม่อมสอนแล้ว ก็ต้องได้รับความยินยอมจากฝ่าบาทเสียก่อน กระหม่อมจะกราบทูลสาเหตุให้ฝ่าบาททราบด้วยตนเอง”“หากฝ่าบาททรงยินยอม กระหม่อมก็จะไป”“แม

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 96

    “อาจารย์ฟาง การคำนวณ เป็นหนึ่งในหกศิลป์ของสุภาพชน แต่ท่านกลับบอกว่ามันเป็นทักษะพิสดารไร้ประโยชน์! ไร้สาระ เหลวไหลสิ้นดี!”“เหมือนพวกพิธีการ ดนตรี หรืออักษร มันเข้าใจง่าย พวกท่านจึงขวนขวายกันนัก! ส่วนวิชาที่ลึกซึ้งอย่างคำนวณ ท่านไม่เข้าใจ ก็เลยหลบเลี่ยง”“หากท่านไม่อยากเรียนวิชาคำนวณก็แล้วไป แต่ท่านไม่ควรดูถูกมัน!”เวลานี้ใบหน้าของฟางเสี้ยวหรูแดงก่ำ ไม่นึกเลยว่าจูอวิ่นเทิงจะปากคอเราะรายถึงเพียงนี้อีกฝ่ายมีเหตุมีผล หากจะโต้แย้ง ก็ไม่รู้จะเริ่มแย้งจากตรงไหน!“ข้าจะถามท่านอีกครั้ง เหตุใดน้ำถึงไหลลงสู่ที่ต่ำ? เหตุใดผิงกั่วถึงตกลงสู่ด้านล่าง?”ฟางเสี้ยวหรูตอบว่า “นี่คือหลักการธรรมชาติ เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว!”“รู้ว่าเป็นเช่นนั้น แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น! พวกท่านไม่ได้ชอบพูดถึงการไขสิ่งของเพื่อรู้แจ้งอยู่ตลอดหรือ? แล้วท่านไขสิ่งใดได้บ้าง? คนอย่างพวกท่านยิ่งศึกษามากเท่าใด ก็ยิ่งเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของราชวงศ์ต้าหมิงมากเท่านั้น!”“รู้ว่าท่านไม่ยอมจำนน สิ่งที่ข้าทำได้ท่านทำไม่ได้ สิ่งที่ท่านทำได้ข้าทำได้ทั้งหมด ถึงตาของท่านแล้ว!”น้ำเสียงช่างโอหังนัก!ฟางเสี้ยวหรูก

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 95

    ฟางเสี้ยวหรูไม่คาดคิดเลยว่าจูอวิ่นเทิงจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันถึงเพียงนี้!ถึงกับพูดว่าจะตั้งใจเรียน ก้าวหน้าขึ้นในทุกวัน!เจิ้งเหอและมู่เหยาจึงถอยออกไปอย่างรู้กาลเทศะไม่นานนัก มู่เหยาก็แอบย่องกลับมา ยืนอยู่ริมหน้าต่างเงียบ ๆภายในห้องหนังสือ จูอวิ่นเทิงกล่าวว่า “อาจารย์ฟาง ความจริงแล้วข้ารู้สึกว่า สิ่งที่ท่านสอนเหล่านั้น ช่างน่าเบื่อจริง ๆ”ฟางเสี้ยวหรูเกิดความขุ่นเคืองเมื่อก่อน จูอวิ่นเทิงเคยหลับในห้องเรียนของเขา ก็ยังพอทนได้!บัดนี้ ฝ่าบาทให้เขามาเป็นอาจารย์ส่วนตัวที่นี่ ก็ยังพอทนได้!ทว่า ตอนนี้จูอวิ่นเทิงกลับกล้าพูดต่อหน้าว่า สิ่งที่เขาสอนนั้นน่าเบื่อ!นี่มันคือการตบหน้ากันซึ่งหน้า ดูหมิ่นกันตรงนั้น!“อู๋อ๋อง ท่านจะดูหมิ่นกระหม่อมก็ไม่เป็นไร แต่จะมาดูหมิ่นปราชญ์ในอดีตไม่ได้ ยิ่งไม่สามารถดูหมิ่นคำสอนของปราชญ์ได้”จูอวิ่นเทิงยิ้ม “คำสอนของปราชญ์ ไหนลองยกตัวอย่างหน่อยสิ?”ฟางเสี้ยวหรูกล่าวว่า “ขงจื๊อกล่าว ในการปกครองประเทศใหญ่ ต้องเคารพหน้าที่และรักษาความสัตย์ มัธยัสถ์และรักผู้คน ให้ประชาชนได้ทำงานตามฤดูกาล”“ขงจื๊อกล่าว คนสามคนเดินด้วยกัน ย่อมมีอาจารย์ของเราสักคน”

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status