เข้าสู่ระบบตอนที่สอง
เล่นละคร
“พี่หญิงใหญ่คงลืมไปแล้วว่าพวกเราเป็นสามีภรรยากัน” เฉินเทียนอี้เดินเข้าห้องนอนของหญิงผู้เคยนับถือเป็นพี่สาว
“พี่ไม่ได้ลืม แต่นั่นเป็นเพียงข้ออ้างในการรับเจ้าเข้าสกุลเฉินเท่านั้น”
“คงไม่ใช่แค่นั้น พวกเราเข้าพิธีแล้วย่อมต้องเป็นสามีภรรยากันอย่างแท้จริง หรือจะเพียงแค่เล่นละครอย่างที่อาสามกล่าวหา หากเป็นเช่นนั้นอีกไม่นานพวกเขาก็คงจับได้”
“จับได้แล้วอย่างไร”
“พี่หญิงใหญ่คงไม่พ้นความยุ่งยากใจอีกมาก”
“เจ้าหมายความว่าพวกเราจะต้องร่วมหอกันจริงอย่างนั้นหรือ”
“นี่เป็นเรื่องธรรมดาสามัญของสามีภรรยา พี่หญิงใหญ่คงไม่คิดจะแต่งข้าเพียงเอาไว้ใช้งานโดยไม่คิดจะอยู่ร่วมกันอย่างจริงจังกระมัง”
เฉินเป่าลี่ถึงกับสะอึกเมื่อได้ยินคำกล่าวหานี้ เดิมทีนางคิดเพียงแค่นั้นจริงๆ นางไม่ได้คิดว่าจะต้องร่วมหอใช้ชีวิตคู่กับชายหนุ่มซึ่งคิดเป็นน้องชายอย่างจริงจังมาก่อน
“ยามข้ารับปาก ข้าย่อมคิดถึงการใช้ชีวิตอย่างเช่นสามีภรรยาทั่วไป มีครอบครัว มีลูก ช่วยกันทำมาหากินสานต่อกิจการให้เจริญรุ่งเรือง” เฉินเทียนอี้จ้องตาหญิงสาวอย่างคาดหวัง
“เอ่อ...” เฉินเป่าลี่ลังเลใจ
“หากพี่หญิงใหญ่จะเพียงหลอกใช้ข้า ข้าคงเสียใจมาก” ชายหนุ่มก้มหน้าลงเพื่อแสดงอาการเศร้าเสียใจ
“เอาเถอะ ก็จริงของเจ้า พวกเราเข้าพิธีกันแล้ว การร่วมหอก็เป็นส่วนหนึ่ง พี่เพียงละเลยไปเอง เช่นนั้นพี่จะจัดการให้เจ้าเอง” เฉินเป่าลี่ตัดสินใจในฐานะพี่สาวคนโต นางจะทำร้ายจิตใจชายหนุ่มผู้เปรียบประดุจน้องชายไม่ได้
“เจ้ามานี่” หญิงสาวกวักมือเรียกชายหนุ่มให้มานั่งลงบนเตียง
“เอาล่ะ พี่จะทำให้ครบถ้วนเอง” เฉินเป่าลี่ลุกขึ้นถอดชุดออกจนเหลือเพียงเสื้อตัวบางแล้วจับร่างแกร่งของเฉินเทียนอี้ให้ลุกขึ้นเพื่อถอดเสื้อผ้าออกเช่นกัน
ยามนี้สองร่างเหลือเพียงชุดบางเบายืนหันหน้าเข้าหากัน หญิงสาวเริ่มเคอะเขินด้วยแม้จะเติบโตมาด้วยกัน แต่เมื่อพวกเขามีวัยเกิน10ขวบปี ก็แยกเรือนกันโดยสิ้นเชิง
เมื่อพิจารณารูปร่างกำยำของชายหนุ่มซึ่งเคยคิดเช่นน้องชาย ยามนี้เขาสูงกว่านางมากนัก ยิ่งถอดเสื้อออกมาจนเผยให้เห็นมัดกล้ามแน่น เฉินเป่าลี่ถึงกับมือไม้สั่นยามลูบไล้หน้าท้องตึง
“นี่เจ้าแข็งแรงเพียงนี้เชียว”
“ข้ายังแข็งแรงกว่านี้อีก” ชายหนุ่มได้ทีคุยโม้โอ้อวด
เขาก้มลงถอดกางเกงเพื่อให้ส่วนที่แข็งแกร่งได้หลุดออกมาให้ผู้เคยเป็นพี่สาวได้เห็นอย่างชัดเจน
เฉินเป่าลี่เหลือกตาอย่างแตกตื่น
เหตุใด เจ้าหนอนน้อยในยามนั้น จึงเติบใหญ่จนกลายเป็นหนอนยักษ์ถึงเพียงนี้
นี่จะใหญ่โตเกินไปแล้ว ใหญ่ขนาดนี้จะเข้าไปในร่างของนางได้อย่างไรกัน
หญิงสาวเริ่มหวั่นวิตก แต่ไม่อยากแสดงออกให้ชายหนุ่มได้เห็นจึงเสแสร้งหยอกล้อ
“ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนเจ้านี่ทั้งเล็กทั้งยับย่น ยามนี้หน้าตาก็ยังคงดูไม่ได้อยู่นั่นเอง”
“ถึงหน้าตาจะไม่งามไปบ้าง แต่ข้ารับรองว่ากินอร่อยและทรงพลัง พี่หญิงใหญ่จะต้องติดใจอย่างแน่นอน” เฉินเทียนอี้คุยโม้ขึ้นอีก
“เชอะ...จะสักเท่าใดกัน” หญิงสาวได้แต่บ่นออกมาทั้งๆที่ในใจเริ่มหวาดกลัว
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดมาก นอนลง” เฉินเป่าลี่หันไปผลักร่างแกร่งของชายผู้เคยคิดดั่งน้องชายให้นอนลงบนเตียง ซึ่งทำให้เจ้าหนอนยักษ์พุ่งขี้หน้าอย่างขึงขัง
“จะชี้หน้าข้าทำไมนักหนา” หญิงสาวบ่นพึมพำ แล้วลงมือถอดเสื้อของตัวเองออกจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่างดงาม
ตอนที่ห้า พี่ชอบเจ้าจริงจริง เฉินเฟยเจินต้องแต่งงานอย่างไม่ทันได้เตรียมตัวจึงออกจะงงงันอยู่บ้าง แม้จะไม่ได้รังเกียจอาจารย์หนุ่มแต่จะให้อยู่ร่วมกันโดยไม่ได้รักใคร่ก็ออกจะคิดมากสักหน่อยเรื่องนี้เผยซ่างกวนย่อมจับความผิดแปลกของหญิงสาวได้ จึงนัดแนะไปพูดคุยเจรจากันในเช้าวันหยุดจากการเรียนการสอนชายหนุ่มมารับหญิงสาวขึ้นรถม้าออกไปนอกเมืองเพื่อสร้างความผ่อนคลายก่อนจะพาไปพูดคุยกันที่บ้านพักตากอากาศของเพื่อนอาจารย์“น้องเฟยเจินยังกังวลเรื่องใดหรือ”“พวกเราเพิ่งรู้จักกัน พี่ซ่างกวนแน่ใจหรือว่าจะแต่งงานกับข้า”“พี่เฝ้ามองเจ้ามานานแล้ว ความชื่นชอบที่เพิ่มพูนแม้ใช้วันเวลาไม่มากแต่นับว่าเต็มแน่นอยู่ล้นใจ”เผยซ่างกวนเอ่ยคำหวานสวยหรูจนหญิงสาวเก้อเขิน“หญิงสาวมากมายล้วนแสดงออกว่าชื่นชอบพี่ซ่างกวน ไยจึงเป็นข้าที่ท่านชอบ”“นั่นเพราะเจ้าไม่เคยเหลือบแลพี่ทั้งๆที่พี่มองหาแต่เจ้า น้องเฟยเจินคงไม่รู้ว่าใบหน้างามของเจ้าลวงหลอกให้ชายหนุ่มอยากรังแกเจ้ามากเพียงใด ริมฝีปากบางแดงข
ตอนที่สี่ สำรวจบาดแผล“อย่าทำอันใดข้านะ หากพี่ซ่างกวนรู้เข้า พวกเจ้าตายแน่” เฉินเฟยเจินรีบพูดขู่เมื่อปากเป็นอิสระ“กว่าเขาจะรู้ พวกเราก็หนีไปต่างเมืองแล้ว” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยคิดวางแผนเอาไว้แล้ว“ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่อยากถูกฟ้องจนโดนไล่ออก สู้ลาออกไปเองย่อมสมศักดิ์ศรีกว่า”“ข้าไม่เคยฟ้องร้องเรื่องของพวกเจ้า ไยยังไม่ยอมเลิกรา” เฉินเฟยเจินต่อว่าออกมาแม้จะพยายามพูดอย่างไร ชายทั้งสามก็ไม่ยอมรับฟัง“ข้าไม่เชื่อ ช่างเถอะ วันนี้พวกเราจะรุมเจ้าจนต้องร้องครางแทบขาดใจไปเลย” ชายอีกคนประกาศก้องก่อนจะฉีกกระชากชุดเสื้อของหญิงสาวออกอย่างแรงชายที่เหลือถอดสายคาดเอวของหญิงสาวออกผูกมัดเข้ากับเรียวแขนบางเพื่อไม่ให้ต่อสู้ขัดขืน ส่วนอีกคนจับร่างบอบบางผลักนอนลงกับพื้นหญ้าแล้วพยายามกางขาขาวเนียนผ่องให้อ้าออกเฉินเฟยเจินน้ำตาไหลพรากทั้งดิ้นรนทั้งร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัวจนพวกเขาเอาผ้ามาอุดปากไว้ มือหนาหลายคู่บีบขยำขยี้แตงลูกใหญ่ด้วยความกระสันจนเต้าท
ตอนที่สาม เป็นคนรักเมื่อได้ยินเหตุผลของอาจารย์หนุ่ม เฉินเฟยเจินจึงเริ่มคล้อยตาม หญิงสาวพยักหน้าบอกความเข้าใจ“แล้วพวกเขายังจะลอบทำร้ายข้าอีกหรือไม่”“พวกเขาคงไม่เลิกราง่ายๆ เจ้ายังคงต้องระวังตัว แต่ข้าจะช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด” เผยซ่างกวนกล่อมจนศิษย์สาวเออออตามแล้วจึงคลายใจลงความจริงเขาไม่เคยคิดจะเป็นคนรักของศิษย์หญิงคนใดในสำนักศึกษามาก่อน แต่เขาลอบมองเฉินเฟยเจินตั้งแต่นางสมัครเข้ามาแล้ว หญิงสาวมีท่าทางอ่อนแอจนน่าสงสาร ยิ่งยามนางโดนลมพัดแทบปลิว เขาอยากเข้าไปโอบประคองร่างบางซึ่งต้องแบกลูกกลมใหญ่สองลูกเอาไว้ที่กลางอกอย่างยากลำบากจนมาวันนี้เขาจึงคิดแผนการขึ้นอย่างกะทันหัน การนี้ย่อมดีทั้งเพื่อตัวหญิงสาวและตัวเขาเอง“เอาล่ะ ขอข้าดูหน่อยว่าพวกเขาสร้างรอยแผลใดเอาไว้บ้าง จะได้ทายารักษา” อาจารย์หนุ่มหยิบยาทาแผลขึ้นมาแล้วขยับเข้าใกล้เพื่อสำรวจร่างกายบอบบางอย่างนุ่มนวลมือหนาจับแขนเรียวขึ้นมาทาก่อนด้วยรอยเขียวช้ำเห็นได้ชัดกว่าส่วนอื่น สองมือหนาสาละวนเปิดชุดเสื้อแหวกออกลูบไล้ไ
ตอนที่สอง กลั่นแกล้งรังแก เฉินเฟยเจินนั่งก้มหน้าก้มตาร้องไห้อย่างหนักโดยไม่ได้สนใจสิ่งอื่นไยพวกเขาหยาบคายจาบจ้วงกับนางถึงเพียงนี้ พวกเราเป็นศิษย์ร่วมสำนักศึกษากันมิใช่หรือเสื้อคลุมใหญ่ถูกโยนลงมาบนร่างบางซึ่งสะอึกสะอื้นจนตัวโยนก่อนจะมีแรงพยุงให้ยืนขึ้นแล้วประคองออกเดินเฉินเฟยเจินถูกประคองเดินไปที่ใดนางย่อมไม่รับรู้ด้วยยังคงก้มหน้าก้มตาร่ำไห้อย่างน่าสงสาร จนถูกประคองให้นั่งลงพร้อมถ้วยน้ำชาที่ยื่นมาส่งตรงหน้า“ดื่มสักหน่อย” เสียงทุ้มนุ่มนวลดังขึ้นหญิงสาวยื่นมือสั่นเทาไปรับถ้วยชาแล้วเงยหน้ามองชายผู้ช่วยเหลือก่อนจะเอ่ยเสียงเครือ“ขอบคุณอาจารย์เผย”เผยซ่างกวนมองร่างบอบบางซึ่งสวมเสื้อผ้าหลุดรุ่ยด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์ลูกศิษย์สาวนางนี้แม้จะมีอายุมากกว่าคนอื่นแต่ใบหน้ากลับอ่อนเยาว์ ดวงตากลมใสไร้เดียงสาส่งสัญญาณน่ากลั่นแกล้งรังแกยิ่งนัก ยิ่งเต้าทรวงอวบใหญ่เมื่อประกอบกับเอวขอดเล็กจึงแลคล้ายมีลูกแตงกลมโตประดับอยู่บนร่างเล็กอย่างที่ลูกศิษย์หนุ่มตะโกนบอกแ
ตอนที่หนึ่ง พวกเจ้าทำอันใดกัน ถึงตอนนี้คุณหนูห้าสกุลเฉินยกมือปิดปากตัวเองด้วยกลัวจะเผลอร้องด้วยความตกใจจนพวกเขาได้ยินก่อนจะค่อยๆถอยออกมาอย่างช้าๆหญิงสาวนางนั้นยังไม่ปักปิ่นมิใช่หรือ ส่วนชายหนุ่มทั้งสองล้วนยังอ่อนวัยกว่านาง ไยพวกเขาทำราวกามกิจที่ร่วมกันเสพสมอยู่เป็นเรื่องคุ้นเคยซึ่งทำกันมาจนเชี่ยวชาญแล้วอีกทั้งพวกเขายังถึงกับร่วมรักพร้อมกันสามคนในสำนักศึกษา ขณะมัวครุ่นคิดและหาทางถอยอย่างแตกตื่น หญิงสาวกลับไม่ได้ระมัดระวังว่ามีชายอีกคนเดินเข้ามาด้านหลัง“เจ้ามาแอบดูเช่นนั้นหรือ”เสียงอันดังส่งให้ชายหญิงทั้งสามหยุดชะงักรีบลุกขึ้นจากกามกิจที่ทำอยู่ด้วยความตกใจเฉินเฟยเจินเงยหน้าซีดขาวขึ้นมองคุณชายด้านหลังซึ่งเคยเห็นในห้องเรียนไม่กี่คราก่อนที่จะรีบฉวยโอกาสที่เขาหันไปหาร่างอันเปลือยเปล่าทั้งสามแล้วโกยอ้าววิ่งออกไปโดยไม่ระวังว่าจะส่งเสียงดังอีกหญิงสาวเดินกลับเข้าห้องเรียนด้วยเหงื่อไหลโทรมกายและหน้าตาตื่นตระหนกพวกเขาเห็นแล้วว่านางลอบดูอีกท
หญิงห้าแสนเย้ายวนนางเพียงชอบศึกษาเล่าเรียน แต่พวกเขากลับเอาแต่กลั่นแกล้งรังแกนาง มีทรวงใหญ่ล้นแล้วอย่างไร ลูกแตงใหญ่ของนางจะเอาแต่ขยำขยี้อยู่ทั้งวันได้หรือนางไม่รู้หรือว่าใบหน้าไร้เดียงสาและแตงกลมสองลูกนั่นเย้ายวนเพียงใดแนะนำตัวละครเฉินเฟยเจิน หญิงห้าแสนเย้ายวน อายุ17ขวบปี ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับกิจการ เป็นสาวงามผู้รักการเรียน ชอบเรียนหนังสือที่สุดเฉินเป่าลี่ พี่หญิงใหญ่สายรุก อายุ21ขวบปี เป็นกำลังหลักของกิจการค้าทั้งหมดของตระกูลเฉินด้วยช่วยเหลือบิดามารดาดูแลแต่เยาว์วัย ด้วยอายุจะเลยวัยออกเรือนไปนานแล้วจึงจับชายอ่อนวัยซึ่งบิดาเลี้ยงดูเอาไว้แต่งงานเข้าสกุลเฉินฟางหรง หญิงรองแสนเร่าร้อน อายุ20ขวบปี เป็นสาวงามเจ้าความคิดดุจเป็นมันสมองของตระกูล เป็นสาวงามซึ่งคิดมากทุกสิ่งที่ทำต้องได้เปรียบและไม่ยอมเสียเปรียบผู้ใดเฉินฟางหนิง หญิงสามจอมหยอกเย้า อายุ19ขวบปี ชอบการต่อสู้และฝึกวิชายุทธ์มาหลายปี เป็นสาวงามที่คิดว่าตนเองต้องดูแลแ







