เข้าสู่ระบบทันทีที่เท้าเหยียบแผ่นดินของเมืองเชียงใหม่ในประเทศไทย อนรรฆ เอียน แบรนดอน ก็รีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ตลอดการเดินทางอนรรฆไม่เอ่ยอะไรออกมาทั้งสิ้นจนแดนไทยไม่กล้าที่จะชวนคุย อนรรฆหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมากดหามารดาของตัวเองทันที
“แม่ครับ...ตอนนี้พ่อเป็นยังไงบ้างครับ”
ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงของคนเป็นลูก คุณอรรดาถึงกับน้ำตาคลอหน่วยตาทั้งสอง เมื่อคิดว่าเธอไม่ต้องอยู่ตามลำพังอีกแล้ว
“ปลอดภัยแล้วลูก...กันต์ก็ปลอดภัยแล้ว เอียนอยู่ไหนแล้วลูก”
น้ำเสียงสั่นสะท้านน้อย ๆ ของมารดาทำให้คนเป็นลูกกัดสันกรามตัวเองแน่น ถ้าหายตัวได้เขาก็อยากหายตัวไปหามารดาตอนนี้เลย เพราะคิดว่ามารดาคงตกใจน่าดูที่ต้องเผชิญเหตุการณ์นี้เพียงลำพัง
“ใกล้ถึงโรงพยาบาลแล้วครับ...เดี๋ยวเจอกันนะครับแม่”
อนรรฆกดตัดสายมารดาและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนแดนไทยเดินจนเกือบจะวิ่งอยู่แล้ว แต่บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวก็ไม่ได้บ่นเพราะเป็นห่วงผู้เป็นเจ้านายและเพื่อนรักอย่างกันต์ด้วยเช่นเดียวกัน
“คุณคริสเป็นยังไงบ้างครับบอส”
แดนไทยเก็บความอยากรู้เอาไว้ไม่ไหวจึงถามออกไปด้วยความเป็นห่วงคนทั้งสอง
“ปลอดภัยแล้วทั้งพ่อฉัน ทั้งกันต์”
บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะเร่งฝีเท้าให้ทันเจ้านายที่จ้ำอ้าวเดินไปยังห้องพักฟื้นของบิดาอย่างรวดเร็ว มือหนาผลักประตูห้องพักฟื้นออกก่อนร่างสูงจะถลาเข้าไปยืนข้างเตียงบิดา แล้วมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่เคร่งเครียดเมื่อเห็นสภาพบิดาที่แข็งแรงของตัวเองนอนนิ่งไม่ไหวติงบนเตียงแบบนี้
“เอียน...มาแล้วหรือลูก”
ทันทีที่ได้ยินสั่นพร่าของมารดา คนเป็นลูกก็เข้าไปกอดมารดาตัวเองเอาไว้อย่างปลอบโยน เรียกขวัญและกำลังใจของมารดาให้กลับคืนมา
“ไม่มีอะไรแล้วนะครับแม่...พ่อปลอดภัยแล้ว...ผมก็อยู่ตรงนี้แล้ว”
เพียงเท่านี้ผู้เป็นมารดาก็หลั่งน้ำตาออกมาทันทีด้วยความโล่งอก หัวใจที่หนักอึ้งด้วยความห่วงใยในตัวคนเป็นสามีเบาโหวงราวกับมีใครยกก้อนหินก้อนยักษ์ออกจากอกของนางเลยก็ว่าได้
“แม่ตกใจเหลือเกินลูก...ทำอะไรไม่ถูกเลย...ดีนะที่ได้แม่หนูคนนั้นอยู่เป็นเพื่อน”
คิ้วหนาได้รูปของอนรรฆขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อได้ยินมารดาพูดถึงบุคคลที่สาม
“แม่หนูคนไหนครับแม่...เธอเป็นใคร”
“เป็นคนที่ช่วยพาพ่อมาส่งโรงพยาบาลไงลูก”
อนรรฆพยักหน้าทันทีก่อนจะประคองมารดาให้นั่งบนโซฟาสำหรับเป็นที่นอนพักของคนมาเฝ้าไข้คนเจ็บอย่างอ่อนโยน สายตาเคร่งเครียดของคนเป็นลูกก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนด้วยเช่นเดียวกันยามมองคนเป็นมารดา
“แม่ไม่เข้าใจเลย นพขับรถให้พ่อกับแม่มาตั้งหลายปี ไม่เคยมีประวัติชนหรือเฉี่ยวด้วยซ้ำ แต่ทำไมมันถึงได้เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ขึ้นได้”
ไม่ใช่แค่คุณอรรดาเพียงเท่านั้นที่สงสัย อนรรฆด้วยก็เช่นเดียวกัน เขาไม่เชื่อแน่นอนว่ามันคืออุบัติเหตุมีเพียงกันต์คนเดียวที่จะตอบความสงสัยของเขาได้
“บอสฮะ...กันต์ฟื้นแล้วฮะ”
แดนไทยยกมือขึ้นไหว้คุณอรรดาก่อนจะเอ่ยปากบอกคนเป็นเจ้านายเพราะก่อนเข้ามาชายหนุ่มย้ำนักหนาว่าถ้ากันต์ฟื้นแล้วให้เรียกเขาทันที ร่างสูงของอนรรฆลุกขึ้นยืนและเดินไปยังห้องพักฟื้นคนป่วยที่อยู่ติดกันกับห้องของบิดาของเขา กันต์ยกมือขึ้นไหว้อนรรฆทันทีที่ร่างสูงเดินเข้ามายืนอยู่หน้าเตียงคนป่วย
“ดีใจนะกันต์ที่นายปลอดภัย”
กันต์ยิ้มให้อนรรฆอย่างขอบคุณ
“ขอบคุณครับบอส...คุณคริสเป็นยังไงบ้างครับ”
สีหน้าของกันต์เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดยามที่ถามถึงอาการของบิดาของอนรรฆซึ่งถือว่าเป็นเจ้านายของเขาคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน เขาทำงานกับครอบครัวนี้มานาน...นานจนเกือบจะคิดว่าครอบครัวนี้เป็นญาติของเขาด้วยซ้ำ ด้วยความที่เขาเป็นเด็กกำพร้าและเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ชีวิตของเขามีแต่ความลำบาก ดิ้นรนเอาตัวรอดในวงการมาเฟีย เขายังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้ดี...เขาบาดเจ็บแทบตายเนื่องจากโดนลอบทำร้ายหมายจะฆ่าปิดปากเขา อนรรฆกับแดนไทยเป็นคนช่วยเขาเอาไว้ เขาจึงสาบานกับตัวเองว่าจะรับใช้ครอบครัวนี้ไปจนตาย
“ปลอดภัยแล้ว...มันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ เพราะนพทำงานกับฉันมานาน พวกเรารู้ดีว่า นพระมัดระวังแค่ไหน”
คิ้วหนาของกันต์ขมวดเข้าหากันเมื่อคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงแม้มันจะเกิดขึ้นเร็วมากแต่เขาก็ยังจำได้เลือนรางว่ามีรถบรรทุกคันหนึ่งพยายามปาดหน้ารถของพวกเขา...นพพยายามแซงให้พ้นออกมา และเมื่อแซงได้นพก็พยายามเหยียบคันเร่งให้ทิ้งระยะห่างจากรถบรรทุกคันนั้น แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือรถบรรทุกคันนั้นตั้งใจที่จะชนท้ายรถยนต์ของพวกเขาให้ตกเหว แต่โชคดีที่มันพลิกคว่ำอยู่บนถนน
“ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอนครับ...นพตั้งใจที่จะแซงรถบรรทุกที่ขับฉวัดเฉวียนไปมา พอแซงพ้นแล้วรถบรรทุกคันนั้นกลับตั้งใจพุ่งมาชนท้ายหวังจะให้รถที่พวกเรานั่งตกเหว...มันไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอนครับบอส”
เมื่อได้ยินคำพูดของกันต์ สีหน้าเคร่งเครียดของอนรรฆกลับเพิ่มมากยิ่งขึ้น ดวงตาสีน้ำเงินเกือบดำวาวโรจน์ด้วยโทสะ สันกรามบดเข้าหากันแน่น ถ้าเป็นการจงใจฆ่าก็แสดงว่ามีคนที่จะจ้องทำร้ายครอบครัวเขาอยู่
“นพเป็นยังไงบ้างครับบอส...ปลอดภัยไหม”
แดนไทยถึงกับถอนหายใจออกมายาวเหยียดเป็นฝ่ายตอบคำถามของกันต์แทนอนรรฆเอง
“นพตายแล้ว...ตายคาที่”
กันต์มองหน้าแดนไทยอย่างตกตะลึง สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยนึกสงสารเพื่อนร่วมงานที่โชคร้าย
“นายคิดว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้กันต์”
ดวงตาของกันต์วาวโรจน์ด้วยโทสะด้วยเช่นเดียวกันเมื่อนึกถึงคนที่อนรรฆพูดถึง ใช่...ศัตรูทางการค้าและศัตรูที่จ้องจะทำร้ายครอบครัวแบรนดอนมีเพียงคนเดียว นั่นก็คือคนที่ให้คนมาทำร้ายหมายจะฆ่าปิดปากเขาด้วยเช่นเดียวกัน พวกมันคงแค้นที่ไม่สามารถฆ่าเขาได้ แถมเขายังทำงานให้กับศัตรูหมายเลขหนึ่งของพวกมันอย่างตระกูลแบรนดอนของอนรรฆความแค้นเลยเพิ่มเป็นสองเท่า
“มันเป็นใครไปไม่ได้หรอกครับ...นอกจากไอ้จอร์จ”
สันกรามของอนรรฆบดเข้าหากันแน่น สองตาวาวโรจน์ จอร์จ เดวา คือศัตรูหมายเลขหนึ่งของเขาตั้งแต่สมัยบิดาของเขาประมูลการนำเข้าและส่งออกซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ได้ และการประมูลครั้งนั้นก็สร้างรายได้ให้กับพวกเขาอย่างมหาศาล ใครหลายคนเล็งไว้ว่าบริษัทของจอร์จจะต้องเป็นผู้ที่ประมูลการขายครั้งนี้ได้ และจอร์จเองก็เอ่ยปากบอกใครต่อใครหลายคนอย่างมั่นใจว่าบริษัทเอ็นอีโอของจอร์จต้องชนะการประมูล แต่ทุกอย่างกลับผิดคาดพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเพราะคนที่ประมูลการขายครั้งนี้ได้คือบริษัทของเขานั่นเอง จอร์จเสียหน้าและแค้นใจเป็นอย่างมาก และความแค้นก็บวกเพิ่มเป็นทวีคูณเมื่ออนรรฆเป็นคนช่วยชีวิตของกันต์เอาไว้ให้พ้นจากการถูกฆ่าปิดปาก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเขาคงต้องรีบจัดการปัญหาตรงนี้ให้จบสิ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะนำอันตรายมาให้ครอบครัวและคนในปกครองของเขา
สีหน้าหงุดหงิดของอนรรฆไม่อาจรอดพ้นสายตาของแดนไทยได้เลย บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวจึงหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างไม่เก็บอารมณ์จนคนเป็นเจ้านายตวัดสายตาคมกริบไปมองลูกน้องตัวเองเขม็ง“แกจะหัวเราะอะไรไอ้แดน”“เอ๊า...ก็หัวเราะอะไรเน่า ๆ แถวนี้ เจ้านายดมหัวแดนนี่หน่อยได้ไหม พักนี้แดนนี่รู้สึกตัวเองหัวเหม็น ๆ เน่า ๆ ยังไงก็ไม่รู้”เมื่อสบตาวาววับของคนเป็นเจ้านายบอดี้การ์ดหัวใจสาวก็วิ่งปนหัวเราะไปหากันต์กับกมิตตราพลางกระซิบอะไรบางอย่างกับหญิงสาวจนหญิงสาวหันมามองอนรรฆด้วยสีหน้าร้อนรน ยิ่งเมื่อเห็นร่างสูงของอนรรฆเดินหนีไปแบบนั้น กมิตตราถึงกับหันไปมองกันต์อย่างขอความคิดเห็นว่าเธอควรจะทำอย่างไร“ไปง้อหน่อยเถอะ...คนแก่งอนง้อยากหน่อยนะ”นับเป็นครั้งแรกที่ได้ยินกันต์พูดออกมาแบบนั้น แดนไทยถึงกับมองเพื่อนหนุ่มอย่างอึ้ง ๆ ปกติเห็นกันต์เงียบขรึมตลอดเวลา“แกพูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอวะกันต์”“ฉันฟังแกมาเยอะไง...แดนนี่”พูดจบกันต์ก็เดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งให้แดนนี่ยืนทบทวนคำพูดของเพื่อนรักว่ามันด่าหรือว่าชมเขากันแน่ กว่าจะนึกออกกันต์ก็เดินหายไปแล้วทิ้งให้แดนไทยก่นด่าเพื่อนรักอยู่ในใจ“โกรธอะไรคะ”“เปล่า”กมิตตราย
ทั้งอนรรฆและแดนไทยเดินออกมาห่าง ปล่อยให้พี่น้องได้มีโอกาสคุยกันหลังจากที่พลัดพรากจากกันมานาน แต่ทั้งคู่ก็ยังอยู่ในสายตาของอนรรฆตลอดเวลา บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวมองภาพประทับใจนั้นด้วยดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเต็มสองตา ในที่สุด...กันต์ก็ได้หัวใจตัวเองกลับคืนมา ต่อไปนี้เพื่อนหนุ่มของเขาคงยิ้มได้เต็มหน้าเสียที ไม่ต่างอะไรกับอนรรฆ นับตั้งแต่ได้กันต์มาทำงานด้วยกัน เขาไม่เคยเห็นลูกน้องคนนี้มีความสุขจริง ๆ จัง ๆ สักครั้ง รอยยิ้มที่มีก็เป็นแค่การแยกเรียวปากออกจากกัน มันไม่ใช่รอยยิ้มที่มีความสุข ไม่ใช่รอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ แต่ว่า...สองคนนี้จะกอดกันอีกนานไหม ถึงแม้จะเป็นพี่น้องก็เถอะ หัวใจของเขามันคัน ๆ ชอบกล อนรรฆรีบหลับตาพึมพำนิด ๆ ราวกับสวดมนต์บอกกับตัวเองว่าพี่น้อง...พี่น้อง ไอ้อาการหึงหวงนี่เขาก็ห้ามมันไม่ได้เสียด้วย และอาการทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของแดนไทยถนัดตา“เจ้านายเป็นอะไรฮะ ทำปากขมุบขมิบเหมือนจะแช่งใคร หรือว่า...”คำพูดของแดนไทยหยุดเพียงแค่นั้น เมื่อหันไปมองกันต์กับกมิตตราที่กอดกันแน่น พอจะเดาอาการของคนเป็นเจ้านายถูก เขาก็อยากจะหัวเราะออกมาให้ดังลั่น แต่ก็หวั่นใจว่าปลายเท้าของเจ้านายจะตวัด
กันต์พยักหน้าก่อนจะมองแหวนอีกวงหนึ่งซึ่งอยู่ในมือของอนรรฆราวกับว่ามันคือสิ่งประหลาด หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก“นายดูแหวนวงนี้สิ...ว่าเหมือนของนายหรือเปล่า”อนรรฆยื่นแหวนอีกวงที่เขาถือเอาไว้ให้กันต์ทันที มือที่ยื่นไปรับแหวนจากอนรรฆสั่นเล็กน้อย หัวใจแทบจะหยุดเต้น นับเป็นครั้งแรกที่เขานึกวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ขอให้เรื่องที่เขารอคอยมานานเป็นจริงเสียทีเถอะกันต์มองแหวนวงน้อยในมือก่อนจะพลิกดูด้านใน ดวงตาของกันต์เบิกกว้างมองอนรรฆอย่างดีใจ รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าเคร่งขรึม นับเป็นรอยยิ้มอย่างดีใจรอยยิ้มแรกที่อนรรฆเห็นจากใบหน้าของกันต์ก็ว่าได้“เจ้านายได้แหวนวงนี้มาจากใครครับ เขาอยู่ที่ไหน...บอกผมเถอะครับ”น้ำเสียงกับสีหน้ายินดีของกันต์ ทำให้หญิงสาวอีกคนที่ยืนนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงมองหน้ากันต์อย่างพิจารณาเป็นครั้งแรก“มันเป็นของแก้มเองค่ะ”สิ้นเสียงสั่น ๆ ของกมิตตราสายตาของกันต์หันไปมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างตกตะลึงและคาดไม่ถึง“มะ...หมายความว่ายังไง...แก้มเป็นเจ้าของแหวนวงนี้หรือ”“ค่ะ...คุณแม่อธิการบอกว่ามันห้อยคอแก้มมาตั้งแต่เด็ก”กมิตตราตอบออกไปอย่างแผ่วเบา ดวงตากลมโตคลอค
บทส่งท้ายสายตาเหม่อลอยของหญิงสาวทอดมองไปยังท้องทะเลด้านหน้า ความฝันเมื่อคืนยังคงติดตาติดใจของเธอจนถึงตอนนี้ กระบอกตาของหญิงสาวร้อนผ่าวยามที่คิดถึงคนเป็นพี่...ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ ป่านนี้เขาจะอยู่ที่ไหนจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร“หนีพี่ออกมาแบบนี้...คืนนี้จะลงโทษให้ครางทั้งคืนเลยคอยดูเถอะ”ร่างสูงเดินเข้ามากอดหญิงสาวทางด้านหลัง ใบหน้าคมเข้มก้มลงจุมพิตหัวไหล่บอบบางของกมิตตราหนึ่งทีก่อนจะกระชับวงแขนที่รัดเอวบางของหญิงสาวให้แน่นขึ้นอีกนิด“คิดเรื่องอะไร...เรื่องฝันร้ายเมื่อคืนนี้เหรอ”กมิตตราพยักหน้าหงึก ๆ ยกมือขึ้นปาดหยาดน้ำตาที่ซึมออกมา“พี่ช่วยตามหาพี่ชายให้เอาไหม เรื่องยุ่ง ๆ ทุกอย่างมันจบลงไปหมดแล้ว ทีนี้คงมีเวลาที่จะตามหาพี่ชายของแก้มได้”ร่างบางหันขวับมามองคนตัวสูงทันทีอย่างดีใจ“จริงนะคะ”อนรรฆพยักหน้าอย่างหนักแน่น ก่อนจะจุมพิตที่หน้าผากกลมมนของหญิงสาวคนรักเบา ๆ“จริงสิจ๊ะ”สายตาของอนรรฆทอดมองไปยังชายหาดด้านล่าง เมื่อเห็นร่างสูงของกันต์ คิ้วหนาของชายหนุ่มก็ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง“โน่นก็อีกคน...น้องหาย ถ้าเอาแก้มกับกันต์มาอยู่ด้วยกันคงเหมือนพี่น้องกันเลย อีกคนตามหาพี่ อี
ประโยคแรกหญิงสาวตะโกนหมายจะบอกให้เขาทั้งสองได้รับรู้ในสิ่งที่เธอพูดไป ในขณะที่ประโยคถัดมาเธอตะโกนเสียงดังเพื่อให้อนรรฆตอบเธอมาเสียงดังด้วยเช่นเดียวกัน อนรรฆหลับตาลงพลางนึกสีหน้าของลูกน้องทั้งสองคนออกเลยทีเดียวโดยเฉพาะแดนไทย“เร็ว ๆ สิฮะคุณเอียน แดนนี่รอเป็นพยานอยู่นะ”เมื่ออนรรฆยังไม่ตอบออกมาแดนไทยจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเสียก่อน“รัก”“อะไรนะ...รัก...รักใคร...รักแดนนี่หรือฮะ”อนรรฆหลับตาลงนิดพลางนึกคาดแค้นแดนไทยในใจ อย่าให้ถึงทีฉันบ้างนะแดนนี่ ฉันจะซัดแกให้น่วม ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าปอดพลางมองหญิงสาวที่รอคอยคำตอบจากเขาด้วยความหวัง“พี่รักแก้ม...รักที่สุด”เสียงหัวเราะของแดนนี่ดังออกมาทันทีที่เขาพูดจบ ในขณะที่กันต์ยิ้มออกมาอย่างดีใจ ในที่สุดอนรรฆก็พูดออกมาเสียที ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นปล่อยให้คนทั้งคู่ได้อยู่กันตามลำพัง“แสบนักนะ...ยัยตัวร้าย”“เอาคืนนิดหน่อยเอง โทษฐานที่พี่เอียนหลอกแก้มก่อน...เล่นน้ำทะเลกันดีกว่า”หญิงสาวตัวเล็กจูงมืออนรรฆลงเล่นน้ำทะเลกันอย่างสนุกสนาน กมิตตรากวักน้ำใส่หน้าอนรรฆจนอีกฝ่ายหลบไม่ทัน เสียงเข้มห้ามปรามหญิงสาวแล้วแต่อีกฝ่ายหาเชื่อไม่ มือหนาของ
กมิตตรามองหน้าอนรรฆอย่างยั่วเย้า หญิงสาวถอยหลังลงไปในทะเลอีกนิดก่อนจะตัดสินใจปลดกางเกงขาสั้นที่สวมออก มือหนาของอนรรฆกำที่วางแขนบนรถเข็นแน่น มองไปรอบด้านว่ามีใครนอกเหนือจากเขาอีกหรือเปล่าที่จะเห็นภาพกมิตตราในตอนนี้อนรรฆพยายามนับหนึ่งถึงร้อยไม่ให้ตัวเองวิ่งถลาเข้าไปโอบร่างบางของกมิตตราเอาไว้เมื่อคิดว่าจะมีใครเห็นเนื้อนวลขาวที่ตัดกับชุดว่ายน้ำสีส้มนั้นอีกนอกจากเขา“แต่แก้มว่า...เล่นแบบไม่ใส่อะไรเลยดีกว่า”นิ้วเรียวของกมิตตราปลดสายชุดว่ายน้ำออกจากหัวไหล่บอบบางของตัวเองออกจนมันหล่นลงไปกองกับต้นแขนเพียงเท่านั้นอนรรฆก็ทนมองอีกไม่ไหว ร่างสูงวิ่งเข้าไปกอดรัดร่างบางของกมิตตราไว้แน่น พร้อมกับต่อว่าหญิงสาวเสียงขรม“ผู้หญิงบ้าอะไร ไม่อายคนอื่นหรือยังไง”“จะอายทำไม แก้มใส่ชุดว่ายน้ำอยู่นะคะ”อนรรฆมองซ้ายมองขวาก่อนจะรัดร่างบางไว้แน่น พยายามใช้ร่างหนาของตัวเองบดบังไม่ให้ใครได้เห็นสาวน้อยคนนี้ในชุดที่เรียกอารมณ์หนุ่มของเขาให้สูงขึ้น“แดน กันต์ ออกไปไกล ๆ เลย ไม่ต้องอยู่ตรงนี้”เสียงดังลั่นของอนรรฆเรียกรอยยิ้มจากกมิตตราได้ทันที ดูเหมือนอนรรฆจะลืมตัวแล้วว่ากำลังเล่นบทคนพิการกับเธออยู่ ถึงได้ถลาเข้ามาบั







