/ อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 113: ตระกูลที่ยอมลดธง

공유

บทที่ 113: ตระกูลที่ยอมลดธง

작가: mafath9
last update 최신 업데이트: 2025-07-05 01:05:18

ตระกูลที่ยอมลดธง

เมื่อตราประจำตระกูลไม่สำคัญกว่าชื่อของคนที่ไม่มีใครจดจำ

“เจ้าจะให้เรายอมลดธงตระกูลง... เพื่อฟังเสียงของเด็ก?”

เสียงของ อาซูมะ โชอุน ดังก้องในหอปรึกษากลางปราสาทหินสูงแห่งฮิโนคามิ เสียงของชายที่เคยเป็นหนึ่งในเจ็ดดาบปราบขุนนางทรราช เสียงที่เคยทำให้แม่ทัพทั้งสามแคว้นต้องก้มหน้า

แต่วันนี้ เสียงนั้นถามกับเด็กหญิงคนหนึ่ง

เด็กหญิงที่ตัวเปื้อนฝุ่น ขาเปล่า ผมสั้นยุ่งเหยิง และไม่มีตรา ไม่มีบทสวด ไม่มีผู้นำ

เธอเงยหน้าขึ้นช้า ๆ แล้วกล่าว

“ข้าไม่ได้ขอให้ท่านลดธง... ข้าเพียงอยากให้ท่านจำชื่อของผู้ตายใต้ธงนั้น”

ห้าปีก่อน ตระกูลอาซูมะคือแนวหน้าในการสนับสนุนศาสนจักร พวกเขาสร้างศาลาใหญ่ริมทะเล ถวายธงพิธีทั้งเจ็ดผืน ตั้งบทสวดเอง และล้างชื่อลูกบ้านที่ขัดคำสั่งออกจากทะเบียนแห่งแสง

แต่หลังเหตุการณ์ "สมุดเงา" ที่แพร่เข้ามาถึงหมู่บ้านชายฝั่งอย่างเบา ๆ แต่ต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มแอบสวดชื่อของลูกที่ตาย แทนที่จะสวดตามตำรา

อาซูมะ โชอุน เองก็ได้ยินเสียงนั้นทุกค่ำ

เสียงกระซิบใต้ต้นสน

เสียงท่องชื่อคนรักของลูกสาวเขาที่ตายโดยที่ไม่มีใครพูดถึง

วันหนึ่ง เขาพบสมุดเปื้อนดินวางอยู่ใต้ธงตระกูล

เปิดดู พบเพียงชื่อเดียว — “ฮารุโกะ”

ชื่อของแม่บ้านในเรือนเล็กที่ฆ่าตัวตายเพราะไม่ผ่านพิธีสำนึก

เขาถามคนในบ้าน ไม่มีใครรู้ว่าใครเขียน

แต่เขารู้ว่า... นั่นคือชื่อที่ไม่มีอยู่ในบทสวดตระกูลของเขา

อีกฝั่งหนึ่งของแผ่นดิน ตระกูล ยามาโนะ ที่ขึ้นชื่อเรื่อง “ดาบแห่งจารีต” ก็เริ่มสั่นคลอน

ยามาโนะ เซคิริว ผู้นำรุ่นที่ 6 ยึดมั่นกับคำว่า “ศักดิ์ศรี” เหนือสิ่งอื่นใด

แต่ลูกสาวของเขา — ยามาโนะ มิจิ — แอบฟังพิธีจำชื่อใต้ต้นเมเปิลหลังเรือน

ในคืนหนึ่ง เธอแอบสวดชื่อ "ไทเซย์"

ชายหนุ่มจากตระกูลช่างไม้ที่ตายไปเพราะถูกลากเข้าพิธีชำระ

เสียงของมิจิหลุดลอดไปถึงเซคิริว

แต่เขาไม่ลงโทษ ไม่พูด ไม่ถาม

คืนถัดมา เขาเดินไปยังต้นเมเปิลนั้นเอง แล้วเขียนชื่อของ "น้องชาย" ของเขา — ชื่อที่หายไปจากตำราเพราะการเลือกฟังแทนสวด

 

ข่าวเรื่องเด็กนับพันเดินเข้าสู่เมืองหลวงพร้อมสมุดเริ่มแพร่

พระหญิง ไคเซ็น ที่แปรพักตร์จากศาสนจักรกลางเริ่มเผยคำว่า “พิธีฟัง”

หมู่บ้านต่าง ๆ เริ่มไม่ยกมือขึ้นเมื่อเสียงสวดกลางวันดัง

ในที่ประชุมของ 12 ตระกูล
อาซูมะ โชอุน ยืนขึ้นแล้วประกาศว่า

“ข้าจะลดธงตระกูลหนึ่งวัน

เพื่อเข้าร่วมพิธีจำร่วมของประชาชน

ไม่ใช่เพราะข้ายอมรับทุกสิ่งที่พวกเขาทำ

แต่เพราะข้าอยากรู้... ว่าชื่อของใครที่พวกเขาจำ”

เสียงฮือทั้งห้อง

แม้แต่ผู้นำตระกูล ฟูมิเอะ ผู้ถือครองศาลาไม้โบราณยังก้มหน้า

เมื่อโชอุนออกเดินทางไปยังหมู่บ้านอิคุซะโนะโมริในวันพิธี

ธงของตระกูลอาซูมะ — ผืนผ้าไหมสีครามปักรูปดาบทะลุเมฆ — ถูกลดลงจากยอดหอ

และแทนที่ด้วยสมุดเปล่าหนึ่งเล่ม

ไม่มีชื่อ

ไม่มีตรา

มีเพียงพู่กันและหมึก

ขณะเดียวกัน ตระกูลยามาโนะที่เคยยึดจารีต ก็เชิญเด็กกลุ่มหนึ่งมาที่เรือนกลาง

เด็กหญิงมิจิเป็นคนเปิดประตูให้เอง

เด็กชายผู้ถือพิณเดินเข้าไป

ไม่ได้เล่น

แต่ยื่นสมุดให้เซคิริว พร้อมคำถาม

“ท่านจำชื่อแรกที่ท่านฟังได้ไหม?”

ชายเฒ่าเงียบไปครู่หนึ่ง

ก่อนจะเขียนชื่อลงสมุดช้า ๆ

ไม่ใช่ชื่อของตระกูล

ไม่ใช่ชื่อของวีรบุรุษ

แต่คือชื่อของช่างทำขนมในหมู่บ้านที่ถูกเผา เพราะเคยพูดชื่อภรรยาที่ตายจาก

 

วันแห่งพิธีจำร่วมในเมืองอิคุซะโนะโมริ

ไม่มีกลอง

ไม่มีคัมภีร์

ไม่มีพระขึ้นแท่น

แต่มีที่นั่งเรียงรายกลางลานเปล่า

ผู้คนจากหลากแคว้นหลากชั้น

ทั้งหญิงชรา ช่างตีเหล็ก เด็กอนุบาล หญิงผู้มีสามีถูกลบชื่อ และชายผู้เคยเป็นนักสวดใหญ่

ตระกูลอาซูมะมาร่วมโดยไม่มีดาบ ไม่มีชุดเกราะ

ยามาโนะมาร่วมโดยไม่มีดาบพิธี

ทั้งสองผู้นำถือสมุดเปล่ามา

แล้วนั่งร่วมวงเดียวกับเด็กชายผู้ถือพิณ

เสียงแรกคือชื่อของหญิงที่ตายกลางศึก

เสียงต่อมาคือชื่อของเด็กที่หายตัวไป

เสียงต่อไป…เป็นชื่อของชายที่เคยเป็นผู้ลบชื่อคนอื่น แต่วันนี้สวดชื่อแม่ของตนเอง

ไม่มีใครปรบมือ

ไม่มีใครร้องไห้

แต่ลมยามเย็นพัดสมุดของทุกคนเปิดออก พร้อมกลิ่นของหมึกที่เพิ่งแห้ง

 

ค่ำวันนั้น

ธงตระกูลอาซูมะไม่ถูกชักขึ้นอีก

อาซูมะ โชอุนกล่าวเพียงว่า

“ข้าพบแล้วว่าอำนาจไม่ใช่สิ่งที่คนจำ

แต่คือสิ่งที่ทำให้คนลืม

หากข้าอยากให้คนจำตระกูลข้า

ข้าก็ต้องเป็นคนแรกที่จดจำคนอื่นก่อน”

เด็กกลุ่มใหม่เริ่มเดินออกจากพิธีอีกครั้ง

ไปยังแคว้นที่ยังไม่รู้จักการฟัง

แต่พวกเขาไม่ได้ไปตัวเปล่าอีกต่อไป

สมุดของพวกเขามีชื่อของตระกูล

ที่เคยไม่ยอมฟัง

แต่วันนี้...ยอมลดธง

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    บทที่ไม่มีผู้เขียนสมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดังเด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุดอ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่งไม่มีพิธีไม่มีใครสั่งให้ทำและที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไรสมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลาใครจะเขียนก็ได้จะเขียนแค่ชื่อจะวาดรูปหรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”เสียงที่ไม่มีเจ้าของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โตแต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟังเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”อิโตะมีสมุดของเขาซาโยะมีเล่มของพ่อฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรูแต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกันไม่มีผู้เขียนไม่มีคนถือครองไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็นเด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตนแล้วส่งให้คนอื่นบางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่องศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 124: บ้านที่ไม่มีประตู

    บ้านที่ไม่มีประตู - เด็กสร้างศาลาฟังใหม่ที่ทุกคนเข้าได้หุบเขาตะวันตกของโยะริมิยะ เคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามของศาสนจักรแต่วันนี้ กลายเป็นที่แรกที่มี “บ้าน” หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่มีประตูไม่มีระฆังไม่มีแท่นมีเพียงเสาสี่ต้น หลังคาฟาง และพื้นดินเปล่าตรงกลางปูเสื่อไม้ไผ่สานหยาบ ๆ วางสมุดฟังเล่มหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกยังว่างเปล่าและมีป้ายไม้เก่าเขียนไว้ด้วยลายมือเด็กว่า:“ศาลาฟัง – ไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้อนุญาต”พวกเขาไม่ได้รอใครให้สั่งไม่ได้ขอพระรูปใดมาเปิดพิธีไม่ได้ถือธงตระกูล หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาพวกเขาคือกลุ่มเด็กสิบสองคนจากหมู่บ้านรอบนอกบางคนเคยเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่ถูกประหารโดยคำสั่งศาสนจักรบางคนเป็นหลานของผู้ถูกลืมบางคนเคยเขียนชื่อคนตายด้วยดินเพราะไม่มีหมึกและวันนี้ พวกเขามีหมึกพอมีมือที่สั่นแต่แน่นพอมีใจที่ยังจำ“เราจะไม่เปิดประตู…เพราะเราไม่เคยปิด”— ยามาโกะ, เด็กหญิงคนหนึ่งที่เขียนป้ายเสียงแรกในศาลาฟัง“ท่านเคยได้ยินชื่อ ฮานาโกะหรือไม่?”เสียงของเด็กชายชื่อโคจิ เอ่ยขึ้นกลางวงไม่มีใครตอบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครแต่ทุกคนฟัง“เธอเป็นคนที่เคยให้ขนมฉันโดยไม่ถ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 123: ศาสนจักรแตกเสียง

    ศาสนจักรแตกเสียง - พระหญิงไคเซ็นแปรพักตร์แคว้นตะวันตกเฉียงใต้ของโยะริมิยะ เป็นแคว้นที่แสงตะวันตกตกช้าที่สุดในทุกวัน และเป็นที่ตั้งของ “วัดซุยเร็นจิ” — สำนักของพระหญิงไคเซ็น ผู้ได้รับสมญา “ผู้สวดในเงาแสง”แต่ในวันหนึ่งของเดือนที่ไร้จันทร์เงากลับปรากฏบนใบหน้าของเธอพระหญิงไคเซ็น ยืนอยู่หน้าแท่นเทศน์ในวิหารกลางของศาสนจักรตะวันตกในมือเธอไม่มีตำราไม่มีลูกประคำไม่มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ใดมีเพียง สมุดฟัง เล่มเดียวที่ถูกห่อด้วยผ้าเก่ารอบตัวเธอ คือพระชั้นผู้ใหญ่ ศิษย์ในส

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 122: เสียงของพระที่เงียบงัน

    เสียงของพระที่เงียบงันบ้านหลังเล็กใต้เขาตะวันตก อยู่ห่างจากศาลาเงาไปครึ่งวันเดินเท้า ไม่มีระฆัง ไม่มีแท่น ไม่มีธูปสักดอกแต่ภายในบ้านไม้หลังนั้น มีโต๊ะหนึ่งตัว ตะเกียงน้ำมันหนึ่งดวง และสมุดวางเรียงอยู่สิบห้าเล่ม — หน้าปกเป็นเพียงผ้าขี้ริ้วพันไว้ ไม่ต่างจากผ้าพันแผลของคนเจ็บฮากุโร่ไม่ได้พูดอะไรเลย นับแต่เขาก้าวเข้าสู่บ้านนั้น เขานั่งลงอย่างเงียบ ๆ ข้างหน้าเขา…คือหญิงชราเงียบงันผู้หนึ่ง และสมุดเล่มหนึ่ง…ซึ่งเปิดค้างไว้ที่หน้าเก่า หน้าแรกเขียนด้วยลายมือที่สั่น…แต่มั่นคง ว่า…

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 121: พระที่ล้มแท่นของตน

    พระที่ล้มแท่นของตน — พระบางคนเผาตำราเก่าและฟังเสียงเด็กแทนในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นดินโยะริมิยะมีวัดหนึ่งที่ชื่อว่า โฮเซ็นจิเป็นวัดไม้สูงเจ็ดชั้น ตั้งอยู่กลางผืนป่ามีระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่งมีตำราสวดร้อยกว่าเล่มมีพระผู้เฒ่าสามสิบรูปและคำสวดที่เหมือนกันหมดทุกเช้าเย็นแต่ในวันที่พระรูปหนึ่งเดินลงจากแท่นเอื้อมมือหยิบตำราหนึ่งมา…และวางมันลงในกองเพลิงตรงลานกลางวัดเสียงไฟที่แตกเปรี๊ยะ…เงียบกว่าการสวดพันบทพระที่ไม่สวดอีกต่อไปเขาชื่อว่า คันริวในสมัยหนุ่ม คันริวเป็นผู้เทศน์ที่เข้มงวดที่สุดในโฮเซ็นจิเขาสามารถท่องตำราสิบสามเล่มโดยไม่หยุดเขาเคยคัดลอกบทสวดด้วยหมึกดิบทุกคืนจนมือช้ำเขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิดด้วยการไม่ให้สวดหนึ่งสัปดาห์แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่ทุกคืน…นั่งอยู่ใต้ต้นสน นอกหอและจดสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา“เสียงที่แม่ร้องไห้”“คำสุดท้ายของเด็กที่ไม่มีพ่อแม่”“ชื่อที่ถูกลืมในพิธีศพ”“เรื่องเล่าในความเงียบที่ไม่มีใครอยากฟัง”เขาไม่เคยพูดถึงสมุดเล่มนั้นกับใครจนกระทั่งเด็กชายคนหนึ่งปีนข้ามกำแพงวัดมาในคืนฝนตกเด็กที่ไม่ต้องการให้ใครสวดให้พ่อเด็กคนนั้นชื่อว่า

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 120: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำรา – พื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึงเริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนาในแผ่นดินที่หมึกของตำราไม่เคยเปื้อนในหมู่บ้านที่พระไม่เคยสวดถึงในหุบเขาที่เสียงระฆังไม่เคยเดินทางไปถึงนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “ศรัทธาที่ไม่มีตำรา”หรือที่คนบางกลุ่มเรียกกันเบา ๆ ว่า...“พิธีฟัง”หมู่บ้านอิวาเระ — ดินแดนที่ไม่เคยมีแท่นบูชาหมู่บ้านอิวาเระอยู่ลึกในหุบเขาโซเซ็นต้องข้ามหินร้อยลูก ต้องเดินผ่านป่าไร้ทางไม่มีวัดไม่มีศาลเจ้าไม่มีพระไม่มีธงตระกูลมีเพียงกระท่อนไม้สิบห้าหลัง กับเสียงลมที่โหยหวนในคืนฝนตกแต่เมื่อข่าวของ “สมุดฟัง” แพร่ไปทั่วแคว้นหญิงชราคนหนึ่งในหมู่บ้าน — โยรุมิ — ตัดสินใจใช้ผ้าเก่าเย็บเป็นเล่มสมุดบนหน้าปก นางเขียนว่า“สำหรับชื่อที่ไม่มีใครฟังอีกแล้ว”ไม่มีพิธีเปิดไม่มีโฆษณาไม่มีคำประกาศจากตระกูลไม่มีบทสวดเริ่มพิธีแต่ในคืนเดือนดับชาวบ้านสิบหกคนรวมตัวกันใต้ต้นสนเก่าและเริ่มอ่านชื่อของคนที่จากไปในจังหวะที่ไม่เท่ากันในเสียงที่สั่นในอารมณ์ที่เปลือยเปล่าเด็กชายผู้ไม่เคยเห็นพระเด็กคนหนึ่งชื่อ “ชิน”อายุสิบขวบเขาไม่รู้ว่าพระคืออะไรไม่รู้ว่าพิธีกรรมต้องทำอย่างไรรู้เพียงว่าแม

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status