จากนั้นดิวก็เดินกลับไปขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากเรือนไม้สัก โดยมีน้ำพั้นซ์มองตามจนสุดสายตาด้วยความเป็นห่วง จนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น เธอจึงหันกลับมามองเจ้าของเสียง
"เป็นห่วงแฟนที่โดนอาว่าเหรอ ถึงได้มองตามขนาดนั้น" เตชินท์อดไม่ได้ที่จะพูดประชดประชันคนตัวเล็ก เพราะท่าทีของเธอที่ดูเป็นห่วงเป็นใยอีกฝ่ายทำให้เขาหงุดหงิดในใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
"พี่ดิวไม่ใช่แฟนหนูค่ะ แค่พี่ชายที่รู้จักกันเท่านั้น"
ทว่าคำตอบของคนตัวเล็ก ทำให้เตชินท์หันใบหน้าหลบไปอีกทางแล้วลอบกระตุกยิ้มด้วยความพอใจ จากนั้นก็หันกลับมาทำหน้านิ่งเหมือนเดิม ก่อนจะทำทีพูดประชดออกไปอีกครั้ง
"เหรอครับ อาก็นึกว่าแฟนเห็นนั่งตัวติดกันเชียว"
"พวกเราโตมาด้วยกันค่ะ เลยสนิทกันมาก"
"ถึงจะสนิทกันมากแค่ไหน แต่หนูพั้นซ์ก็เป็นผู้หญิง ไม่ควรจะใกล้ชิดผู้ชายขนาดนั้น อาหวง" เตชินท์ตั้งใจที่จะพูดคำว่าหวงออกมาชัดเจน จ้องมองคนตัวเล็กไม่วางตา
"หวง อ๋อ คงจะหมายถึงเป็นห่วงใช่ไหมคะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงหนู คราวหลังหนูจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะ" คราแรกก็ตกใจกับคำว่าหวงของคนตัวโต แต่พอคิดได้ว่าเขาอาจจะหมายถึงเป็นห่วงเธอแบบลูกแบบหลานก็รู้สึกเบาใจ
"อาห่วงอยู่แล้วครับ แต่เมื่อกี้อาบอกว่า อา หวง" เตชินท์พูดเน้นย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่ต่างจากใบหน้า ทีแรกเขาว่าจะค่อยเป็นค่อยไป แต่พอเห็นผู้ชายคนอื่นมายุ่งกับคนตัวเล็กของเขาต่อหน้าต่อตาแบบนี้ เขาจึงทนกับความหึงหวงไม่ไหว ถ้าจะให้ค่อยเป็นค่อยไปเขากลัวว่าคนตัวเล็กอาจจะหวั่นไหวให้กับชายหนุ่มคนอื่นเสียก่อน
"อะ อาเต พูดอะไรคะ"
น้ำพั้นซ์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ทั้งที่เข้าใจดีแต่ก็ยังจะถาม แก้มสาวเห่อร้อนแดงก่ำขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จนเตชินท์เห็นแล้วก็นึกเอ็นดู อยากจะยื่นมือไปบีบแก้มป่องๆที่แดงอยู่แล้วให้มันแดงขึ้นอีก แต่ก็ไม่อยากทำรุ่มร่ามกับเธอตอนนี้
"ที่ถามนี่ แน่ใจนะครับว่าไม่เข้าใจที่อาพูด" เขาถามเชิงหยอกเย้า เพราะอดไม่ได้ที่จะแกล้ง
"ไม่เข้าใจค่ะ อาเตอิ่มยังคะหนูจะได้เก็บจาน" น้ำพั้นซ์ตอบออกไปทันที ก่อนจะเอ่ยถามเปลี่ยนเรื่องเพราะอยากหนีไปจากสถานการณ์ตอนนี้เหลือเกิน เธอก้มหน้างุด เม็มปากเข้าหากันแน่น ใจดวงน้อยสั่นระรัวเต้นผิดจังหวะไปหมด ตอนนี้เธอไม่กล้าเงยหน้าสบตากับคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เธอไม่เข้าใจตัวเองเลย ว่าทำไมต้องเสียอาการเมื่ออยู่กับเขา ทั้งที่ปกติเธอเป็นคนพูดจาฉะฉาน ช่างพูดช่างจา ต่อปากต่อคำเก่ง เรียกว่าเก่งไปเสียทุกเรื่อง แต่พออยู่กับคนตรงหน้าคนนี้ เธอก็ไม่ต่างอะไรกับลูกแมวน้อยเชื่องๆเลย
ด้านเตชินท์ถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุดเมื่อเห็นท่าทีของคนตัวเล็ก ไหนจะแก้มแดงๆของเธออีก มันช่างน่ารักน่าเอ็นดูไปเสียหมด แต่เพราะไม่อยากทำให้เธออึดอัด เขาจึงเลือกที่จะเอ่ยตอบออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"เก็บจานเลยก็ได้ครับอาอิ่มแล้ว"
"ค่ะ"
จากนั้นน้ำพั้นซ์ก็รีบเก็บจานใส่ถาด โดยไม่ยอมมองหน้าคนตัวโตเลย เมื่อเก็บจานเสร็จก็เดินเอาจานไปล้างตรงซิงค์ล้างจานในครัว โดยมีคนตัวโตมองตามการกระทำของเธออยู่ตลอดเวลาอย่างคนหลงใหล ราวกับต้องมนต์ให้เขาหยุดสายตาไว้แค่ที่เธอ
...ซึ่งครัวจะอยู่ใต้ถุนบ้านและเป็นครัวที่กั้นไม้เรียบจากพื้นขึ้นมาหนึ่งเมตร ฝากั้นห้องครัวใช้ไม้สักกั้นเว้นระยะเป็นร่องๆจึงทำให้คนข้างนอกมองเห็นคนข้างในได้ เป็นครัวกึ่งเปิดโล่ง ถัดมาก็จะเป็นห้องน้ำห้องเดียวที่ใช้ร่วมกัน มองเลยไปด้านหลังบ้านก็จะมีลูกหนำหรือกระท่อมหลังเล็กๆที่ตาบุญสร้างไว้นอนเล่นพักผ่อนยามนอนกลางวัน หรือตั้งวงกินเหล้าคนเดียว แบบชิลๆรับบรรยากาศธรรมชาติ รอบๆกระท่อมรายล้อมไปด้วยต้นผลไม้หลายชนิดที่ตาบุญปลูกไว้กิน มีทั้งต้นมะม่วงเบา มะม่วงมัน เงาะ ลำใย ละมุด มังคุด ลองกอง และผลไม้อีกหลายชนิดที่ตาบุญได้ปลูกไว้ในพื้นที่สวนหลังบ้านยาวไปถึงท้ายสวน...
เมื่อล้างจานเสร็จ น้ำพั้นซ์ก็เดินออกมาจากในครัว พอเห็นคนตัวโตยังนั่งอยู่ที่เดิม เธอก็ชะงักเล็กน้อยเพราะยังรู้สึกประหม่าอยู่ไม่หาย ก่อนจะเอ่ยถามเขาไปด้วยน้ำเสียงติดขัดเช่นเดิม
"อะ อาเตไม่ขึ้นบ้านเหรอคะ ทำไมยังนั่งอยู่อีก"
"อารอขึ้นบ้านพร้อมหนูพั้นซ์ครับ"
ได้ยินเช่นนั้นดวงตากลมโตก็กระพริบถี่ๆ กลอกตาไปมาไม่กล้าสู้สายตาคนตรงหน้าด้วยความเขินอาย ใจดวงน้อยสั่นระรัวราวกลองชุด แก้มสาวแดงก่ำราวลูกตำลึงสุก จนเตชินท์ที่มองอยู่ไม่ละสายตา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความเอ็นดูเด็กน้อยตรงหน้าที่คล้ายกำลังเขินเขาอยู่ ยิ่งเห็นเธอเขินก็ยิ่งอยากแกล้ง ว่าแล้วก็ไม่รอช้า ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้สักแล้วเดินเข้าไปหาคนตัวเล็ก ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ดวงหน้าเล็ก แล้วเลื่อนมือหนาขึ้นมาบีบแก้มป่องๆทั้งสองข้างเบาๆอย่างอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้
น้ำพั้นซ์สะดุ้งทันทีกับการกระทำของคนตัวโตตรงหน้า ดวงตากลมโตสบกับดวงตาคู่คมอย่างกล้าๆกลัวๆ สัมผัสจากปลายนิ้วของเขาที่กำลังบีบแก้มของเธอทั้งสองข้าง ทำให้เธอรู้สึกร้อนรุ่มในร่างแปลกๆคล้ายคนจะเป็นไข้ แต่เธอไม่ได้ปัดมือหนาออกจากแก้มของตัวเองแต่อย่างใด ปล่อยให้เขาบีบแก้มของเธออยู่อย่างนั้น โดยที่เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้เขาแตะเนื้อต้องตัวขนาดนี้ ทั้งที่เกิดมายี่สิบสองปียังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนได้ทำแบบนี้กับเธอเลย แม้กระทั่งดิวที่ว่าสนิทมากแล้ว เธอก็ไม่เคยปล่อยตัวกับดิวแบบนี้เลย อย่างมากก็แค่ลูบหัวแบบเอ็นดูตามประสาพี่ชายน้องสาว
"น่ารักจัง"
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาลอยๆราวกับคนตกอยู่ในภวังค์ ทำเอาน้ำพั้นซ์ยิ่งเขินอายเข้าไปใหญ่ ทว่ามันก็ทำให้เธอได้สติในเวลาเดียวกัน เธอจึงเอ่ยพูดกับเขาไป
"นะ หนูขอตัวขึ้นบ้านก่อนนะคะ" เธอพูดพลางเบี่ยงใบหน้าออกจากมือหนา แล้วรีบเดินขึ้นบ้านไปทันที
เตชินท์มองตามหลังไวๆของคนตัวเล็กอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินขึ้นบ้านตามเธอไป โดยที่ปากหนายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจไปหมดที่เห็นคนตัวเล็กมีท่าทีเขินเขา แถมเธอไม่มีท่าทีผลักใสหรือปฏิเสธสัมผัสของเขาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากอย่างบอกไม่ถูก
หนึ่งเดือนต่อมาช่วงเวลาหนึ่งเดือนมานี้มีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นมากมาย งานแต่งของศิลากับซีเซียก็เพิ่งผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ราบรื่นไม่มีปัญหาใดๆ คราแรกเตชินท์กับศิลาได้คุยกันไว้เล่นๆว่าอยากจัดงานแต่งพร้อมกันสองคู่ ทว่าก็ไม่สามารถแต่งพร้อมกันได้เพราะฤกษ์ดีของศิลากับซีเซียที่หาไว้แล้วดันไม่ใช่ฤกษ์ดีของเตชินท์กับน้ำพั้นซ์ ฤกษ์ดีไม่ตรงกันจึงไม่สามารถแต่งพร้อมกันได้ ซึ่งฤกษ์ดีหรือฤกษ์แต่งงานของเตชินท์กับน้ำพั้นซ์คืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ...ทว่าเจ้าตัวน้อยก็ดันมากำเนิดในท้องของน้ำพั้นซ์ก่อนงานแต่งเหมือนคู่ของศิลากับซีเซีย แม้จะเป็นการท้องก่อนแต่ง แต่ทุกคนก็ต่างร่วมยินดีกับทั้งสองคู่ตอนนี้น้ำพั้นซ์ตั้งครรภ์ได้สี่สัปดาห์แล้ว ส่วนซีเซียก็ตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์ อายุครรภ์ห่างกันแค่เดือนเดียว ส่วนสองหนุ่มใหญ่พอเจอหน้ากันก็ขิงใส่กันแทบทุกวัน ว่าต่างฝ่ายต่างน้ำยาดีสามารถทำให้สาวๆติดท้องได้เร็ว ทั้งที่อายุก็จะเข้าเลขสี่อยู่แล้วแต่ก็ยังมีน้ำยา"มาอีกแล้วเหรอมึง บ้านช่องตัวเองไม่อยู่ อยู่แต่บ้านกูเนี่ย" เมื่อเห็นเพื่อนกับหลานสาวมาบ้าน เตชินท์ก็เอ่ยทักเพื่อนไปอย่างกวนๆตามประสาเพื่อนรักเพื่อนสนิท"มึงพูดแบบน
วันต่อมาวันนี้เตชินท์กับน้ำพั้นซ์ได้เดินทางกลับกรุงเทพ มาถึงบ้านก็ช่วงค่ำเหมือนเดิม ทว่าวันนี้ศิลากับซีเซียได้พากันมานอนที่บ้านด้วยในเวลาห้าทุ่มกว่าๆ สองหนุ่มใหญ่ต่างหลับไหลอยู่ภายในห้องนอนของตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่าข้างกายของพวกเขาตอนนี้ไร้ซึ่งร่างบางหรือเมียตัวน้อยของพวกเขา"มาแล้วจ้า~ มาม่าร้อนๆ ฝีมือไอพั้นซ์""หืม~ หอมอ่ะพั้นซ์ วางเลยๆ เราหิวจะแย่แล้ว""นั่งข้างล่างดีกว่าไหมเซีย กินหม้อเดียวกันจะได้กินถนัดหน่อย""ได้ดิ"หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อย สองสาวก็นั่งลงบนพื้นภายในห้องครัว น้ำพั้นซ์วางมาม่าหม้อเล็กที่เธอเพิ่งต้มเสร็จใหม่ๆกำลังร้อนๆน่ากินลงบนพื้น จากนั้นสองสาวก็ไม่รอช้า จับตะเกียบคีบเส้นมาม่าในหม้อแล้วเป่าก่อนจะป้อนเข้าปากตัวเอง เคี้ยวตุ่ยๆอย่างเอร็ดอร่อย ให้สมกับความหิวกลางดึกโดยไม่ได้นัดหมาย ในเมื่อต่างคนต่างหิวพวกเธอก็เลยตัดสินใจมาต้มมาม่ากินกันสองคนในครัวแบบนี้ด้านเตชินท์ที่ลุกขึ้นมาจะเข้าห้องน้ำกลางดึก ทว่าเมื่อไม่เห็นเมียเด็กข้างกาย เขาจึงเดินไปดูในห้องน้ำแต่ก็ไม่เจอ เลยเดินออกมาดูนอกห้อง ก็พบกับศิลาที่เปิดประตูออกมาจากห้องนอนพอดี ก่อนจะเป็นศิลาที่เอ่ยถามขึ้น"มึงจะไป
วันต่อมาวันนี้น้ำพั้นซ์พาเตชินท์ไปหาแม่ของเธอที่อาศัยอยู่ในตัวอำเภอเพื่อแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันไว้ หรือพาลูกเขยไปไหว้แม่ยายนั่นเอง หลังจากอยู่คุยกับคนเป็นแม่จนถึงช่วงบ่ายแก่ๆก็พากันกลับ โดยระหว่างทางกลับก็แวะตลาดสดเพื่อซื้อกับข้าวเย็นขณะที่ทั้งคู่เดินอยู่ในตลาดก็ดันมาเจอดิวที่มาเดินตลาดเช่นกัน โดยเป็นดิวที่เอ่ยทักขึ้นก่อน"มาซื้อกับข้าวเนาะพั้นซ์" (มาซื้อกับข้าวเหรอพั้นซ์) ดิวถามพลางหลุบตามองมือของน้ำพั้นซ์ที่มีมือของเตชินท์จับอยู่ เห็นเช่นนั้นดิวก็รู้สึกปวดใจ แต่ลึกๆก็ยินดีกับน้ำพั้นซ์ที่ได้คนเพรียบพร้อมอย่างเตชินท์คอยดูแล เทียบกับเขาที่ไม่มีอะไรเลย ก็คงเป็นได้แค่พี่ชายที่ดีให้เธอต่อไป"อือ แล้วนี่พี่ดิวจะขับรถกลับบ้านยังไงอ่ะ กับข้าวเต็มมือขนาดนี้" น้ำพั้นซ์เอ่ยตอบก่อนจะถามกลับเมื่อเห็นดิวซื้อของเต็มไม้เต็มมือทั้งสองข้าง คงจะพากลับลำบาก"พี่นั่งสองแถวมา ไม่ได้ขับรถมาเอง" (พี่นั่งสองแถวมา ไม่ได้ขับรถมาเอง)น้ำพั้นซ์ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าให้ดิวอย่างเข้าใจ เธออยากจะเอ่ยปากชวนดิวกลับด้วยกันแต่ก็ไม่กล้า กลัวคนข้างๆจะไม่พอใจอีก"ถ้าไม่ได้ขับรถมาเอง งั้นก็กลับด้วยกันสิ"ทว่าเสียงทุ้มข
สองวันต่อมาวันนี้เตชินท์หาเวลาว่างพาน้ำพั้นซ์กลับใต้มาหาคนเป็นตากับยาย แต่ซีเซียกับศิลาไม่ได้มาด้วย เนื่องจากซีเซียนั้นท้องอยู่ จึงไม่สามารถนั่งรถเดินทางไกลๆได้เพราะจะเสี่ยงอันตรายต่อครรภ์อ่อนๆเตชินท์กับน้ำพั้นซ์เดินทางมาถึงใต้ช่วงเวลาตะวันใกล้ตกดินพอดี หลังจากที่น้ำพั้นซ์พูดคุยและกอดหอมคนเป็นตากับยายด้วยความคิดถึงจนหนำใจแล้ว ทุกคนก็พากันลงไปทานข้าวเย็นข้างล่างตรงใต้ถุนบ้าน ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ เสียงรถมอเตอร์ไซค์ของดิวที่ขับเข้ามาในบ้านก็ดึงความสนใจของทุกคนให้หันไปมอง ด้านดิวเมื่อจอดรถเสร็จก็เดินมุ่งตรงมาทางทุกคนทันที ก่อนจะเอ่ยทักทายน้ำพั้นซ์ไป"หลบมาถึงนานแล้วเนาะพั้นซ์" (กลับมาถึงนานแล้วเหรอพั้นซ์)"ถึงสักพักแล้วล่ะ" น้ำพั้นซ์เอ่ยตอบดิว ก่อนจะหันมามองคนตัวโตข้างๆที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นเขามองมาแววตาเต็มไปด้วยคำถาม แต่เขาก็เงียบ เธอเองก็เลยไม่รู้จะพูดอะไร กระทั่งเสียงคนเป็นยายดังขึ้น"รู้ได้ไงว่าเจ้าพั้นซ์มันกลับบ้าน ได้ข่าวไวจริงนะเอ็ง""กะพั้นซ์โทรบอกผม ไม่ให้ผมโร้พรือล่ะยาย" (ก็พั้นซ์โทรบอกผม ไม่ให้ผมรู้ได้ไงล่ะยาย"ด้านน้ำพั้นซ์ตอนนี้นั่งก้มหน้างุด เพราะ
หนึ่งเดือนผ่านไปวันเวลาล่วงเลยผ่านไปเร็วเหมือนโกหก หนึ่งเดือนมานี้ทุกคนต่างดำเนินชีวิตไปตามปกติ ด้านน้ำพั้นซ์ก็เริ่มปรับตัวเข้ากับที่อยู่ใหม่ได้แล้ว และใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับเตชินท์ได้อย่างมีความสุข แม้ที่ผ่านมาจะมีการงอนง้อหรือง้องอนกันบ้าง แต่มันก็เป็นเรื่องปกติของคู่รักอยู่แล้ว และอีกหนึ่งข่าวดีที่เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งเดือนนี้คือซีเซียได้ตรวจพบว่าเธอนั้นท้องจริงๆ แต่ระยะครรภ์แค่เพียงสามสัปดาห์เท่านั้น หรือเธอเพิ่งจะตั้งครรภ์หลังจากที่กลับจากใต้นั่นเอง20:35 น.ณ ร้านเหล้าเปิดใหม่"ขอบใจนะไอเตไอศิที่มาประเดิมร้านให้กู ว่าแต่สองสาวน้อยนี่ใครวะ สวยจัด" เสียงเบียร์ เพื่อนสมัยเรียนมหาลัยของเตชินท์และศิลาเอ่ยพูดขึ้น โดยไม่ลืมที่จะถามถึงสาวน้อยข้างกายของทั้งสองคนที่สวยและน่ารักไม่แพ้กันเลย"เมียกู!/เมียกู!" เตชินท์กับศิลาเอ่ยตอบพร้อมกันทันทีด้วยน้ำเสียงแข็ง ต่างก็รู้สึกไม่ชอบใจเบียร์เท่าไหร่ที่มาชมเมียของพวกเขาต่อหน้าต่อตา ตามประสาคนหวงเมีย จนเบียร์ต้องเอ่ยความบริสุทธิ์ใจออกไป"กูก็แค่ชมเมียพวกมึงเฉยๆ อย่ามาทำหน้าแบบนี้ใส่กูดิ ว่าแต่ไม่คิดจะแนะนำเมียพวกมึงให้เพื่อนอย่างกูรู้จักหน่อยเหรอวะ
เมื่อทั้งสี่คนกลับมาถึงบ้าน ศิลาก็ขอตัวพาซีเซียกลับบ้านของเขา ตามที่เคยตกลงกันไว้ว่าถ้าหากเตชินท์มีเมียเมื่อไหร่ก็จะยอมปล่อยซีเซียให้ไปอยู่บ้านของศิลาและเมื่อศิลาพาซีเซียกลับไปแล้ว เตชินท์ก็เดินขึ้นไปชั้นบน น้ำพั้นซ์ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินตามไปทันที พลางเอ่ยถามออกไป"อาเตจะไปไหนคะ""ห้องทำงานครับ อามีประชุมออนไลน์" เตชินท์เอ่ยตอบโดยที่ยังเดินไปข้างหน้า ไม่ได้หันกลับมามองคนตัวเล็กเลย เพราะเขากำลังแกล้งเมินเธออยู่ แต่เขาก็มีประชุมออนไลน์จริงๆ ถึงแม้เขาจะหายงอนเธอแล้ว แต่เขายังอยากที่จะแกล้งงอนเธอต่อ เพราะแค่อยากให้เธอง้อเขาอีก อยากใจละลายใจระทวยกับการง้อของเด็กก็เท่านั้นด้านน้ำพั้นซ์พอได้ยินคนตัวโตบอกว่ามีประชุมออนไลน์ สองเท้าเล็กก็หยุดชะงักกับที่ โดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็เลือกที่จะเดินไปอีกทาง เพราะไม่อยากตามไปรบกวนเขาในเวลาทำงานน้ำพั้นซ์เดินมานั่งตรงประตูด้านข้างของบ้าน ดวงตากลมโตทอดมองไปยังสระน้ำสีฟ้าใสดูสะอาดตา พอได้อยู่คนเดียวโดยไม่มีซีเซียหรือคนคอยคุยด้วย ภายในใจก็รู้สึกอ้างว้างขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกคิดถึงตากับยาย คิดถึงบ้าน คิดถึงทุกอย่างที่ใต้ ทว่าอยู่ๆโทรศัพท์ในกระเป