เข้าสู่ระบบขณะที่ตู้ชิงชิงสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น จางอวิ๋นอวี้ก็เดินไปสำรวจแผ่นกระดาษที่นางอธิษฐานขอพร ในเศษกระดาษที่ขาดกระจายมีร่องรอยเผาไหม้นั้น มีร่องรอยของน้ำหมึกใจความว่า
‘ข้าอยากพบเจอท่านเทพเซียนผู้นั้นที่ป่าไผ่สวรรค์บนเขาเทพประทานแห่งนี้อีกครั้ง’
มุมปากของจางอวิ๋นอวี้ยกขึ้นอย่างน่าหวาดกลัว “ช่างเพ้อฝันเสียจริง”
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังกวาดสายตาสำรวจด้วยความสนใจ เหตุใดกระดาษเหล่านี้ถึงระเบิดคล้ายกับถูกฉีกทึ้งแทบทุกแผ่น
เขาจำได้ว่า ช่วงที่เขาเสร็จกิจเมื่อคืน กระดาษแผ่นสุดท้ายก็ระเบิดส่งแสงระยิบระยับเป็นฉากหลังที่งดงามพอดี
ราวกับว่า ตั้งแต่เริ่มมีสัมพันธ์กับตู้ชิงชิง กระดาษอธิษฐานแผ่นแรกก็ระเบิด และเมื่อเสร็จสมทั้งคู่ ก็ถึงกระดาษแผ่นสุดท้ายพอดิบพอดี
ช่างบังเอิญเสียจริง
“เพราะว่าเจ้าเพ้อฝันถึงเทพเซียน เป็นผีแต่ไม่เจียมตัว กระดาษเหล่านี้เลยระเบิดจนหมด อ่อ หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเจ้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับข้า คำอธิษฐานของเจ้าจึงเป็นโมฆะไปแล้ว”
จางอวิ๋นอวี้พูดพลางเหลือบตามองสตรีที่ดวงหน้าเศร้าหมอง นางไม่ต่อปากต่อคำของเขาแต่อย่างใด เท้าเรียวเดินมาอยู่ด้านหลังของเขาอย่างเงียบเชียบ
เขาจึงไม่กล่าวสิ่งใดอีก พาสตรีกลับมาอีกฝั่งของบึงใหญ่ท่ามกลางป่าไผ่อีกครั้ง
คนทั้งสองเดินตามกันไปจนถึงเชิงเขา พบกับเจ้าหน้าที่ของศาลต้าหลี่ ลูกน้องที่ติดตามจางอวิ๋นอวี้มานั่งรออยู่
ส่วนเกาถงฟื้นคืนสติแล้ว แต่ยังนั่งสีหน้าเลื่อนลอย
“เขาไม่เป็นอะไร ถือว่าเจ้าโชคดีแล้ว” จางอวิ๋นอวี้พูดกับสตรีเสียงเบา
ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา บุรุษทั้งกลุ่มต่างมองไปยังหัวหน้าตนเอง ทุกสายตาแสดงออกถึงความโล่งใจที่เห็นจางอวิ๋นอวี้กลับมาโดยปลอดภัย แต่เมื่อมองไปด้านหลังของเขานั้น แต่ละคนล้วนจับจ้องไปที่สตรีรูปร่างอ้อนแอ้นบอบบาง ใบหน้างดงามล่มเมือง
ช่างงามยิ่งนัก
นางเป็นใคร ทำไมนางถึงตามใต้เท้ากลับมา
หรือว่านางเป็นผีสาวตนนั้นหรือ
จางอวิ๋นอวี้ราวกับรู้ใจของลูกน้อง เขาแนะนำตู้ชิงชิงให้ทุกคนฟังอย่างสั้นๆ “ผีสาวถูกข้าปราบแล้ว นางผู้นี้เป็นมนุษย์ที่ถูกผีตนนั้นจับตัวเป็นทาส”
บุรุษโกหกคำโต ก่อนเขาจะกล่าวเช่นนี้ เขารับรู้ได้ว่าตอนนี้ตู้ชิงชิงมีกายเนื้อที่คล้ายกับมนุษย์จนแทบแยกไม่ออก
แถมร่างกายก็เริ่มมีความอบอุ่น คงเพราะได้รับน้ำรักจากเขามากกระมัง
แค่ต้องป้องกันมิให้นางได้รับบาดเจ็บ เพราะหากนางเกิดบาดแผลแต่ไม่มีโลหิตไหลออกมา เช่นนั้นก็ไม่สามารถปิดบังความจริงได้
“อ่อ” เกาถงพยักหน้ารับคำ แม้ว่าเขาจะคุ้นหน้าของตู้ชิงชิง สตรีที่ตนเห็นเมื่อวานอยู่บ้าง แต่ตอนนั้นก็ค่อนข้างมืดมิด เขาจึงไม่แน่ใจว่าเป็นสตรีนางเดียวกันหรือไม่
บางทีผีสาวอาจแปลงร่างให้รูปร่างหน้าตาเหมือนสตรีที่อยู่ตรงหน้านี้ก็เป็นได้
“หากเจ้าดีขึ้นแล้ว เราจะได้กลับเมืองหลวง” จางอวิ๋นอวี้พูดกับเกาหงก่อนพาตู้ชิงชิงไปยังรถม้า
...............
ระหว่างการเดินทาง ตู้ชิงชิงแอบเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างรถม้าเพื่อมองทิวทัศน์ด้านนอกอยู่บ่อยครั้ง นางไม่ได้ออกนอกบริเวณเขาเทพประทานตลอดสองร้อยกว่าปีที่ผ่านมา
แม้บรรยากาศจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในแต่ละบริเวณล้วนใช้ชีวิตอย่างมีสีสัน ดูคึกคักและมีชีวิตชีวา
เมื่อใกล้ถึงเมืองหลวง รถม้าของจางอวิ๋นอวี้ก็จอดข้างศาลต้าหลี่ เขาปล่อยให้ตู้ชิงชิงรออยู่บนรถโดยมีเมิ่งหลู่เฝ้าอยู่ด้านหน้า ทว่าเขาก็ยังไม่ไว้วางใจ ใช้เชือกหงสือผูกที่ข้อเท้านางกับโครงรถม้า
เพราะเชือกหงสือคือเชือกพิเศษที่เมื่อผูกปมแล้ว หากไม่ใช่เจ้าของเชือกก็ไม่สามารถแก้ปมได้
ตู้ชิงชิงจึงนำผ้ามาคาดปิดครึ่งใบหน้าเพื่อไม่ให้ถูกแสงแดดมากนัก จากนั้นแง้มม่านหน้าต่างเพื่อดูผู้คนและรถม้าที่สัญจรไปมา
“ไม่ได้เข้าเมืองมาเกือบสามร้อยปี เจริญขึ้นผิดหูผิดตา” สตรีพูดพลางเหลือบมองด้วยความเพลิดเพลิน
“หยุด”
เสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นจากรถม้าคันที่กำลังจะเคลื่อนผ่าน ผู้ที่ส่งเสียงเปิดม่านออก เขามองตู้ชิงชิงด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“แม่นางผู้นี้ ไม่ทราบว่าท่านคือ...”
ตู้ชิงชิงไม่ตอบ นางรีบปิดม่านทันที
“แม่นาง อย่าไร้มารยาทกับข้าอย่างนี้สิ” บุรุษผู้นั้นยิ้มกว้างสายตาหยอกเย้า นิ้วเรียวส่งสัญญาณให้คนขับรถม้าไปจอดเทียบข้างรถม้าของจางอวิ๋นอวี้ ให้หน้าต่างเสมอกัน
หลังจากนั้น เขาก็ใช้ฝักกระบี่ยื่นออกจากหน้าต่างรถม้าตนเองเพื่อเปิดม่านหน้าต่างดูตู้ชิงชิงที่นั่งหลบอยู่ด้านใน
“เห็นแค่ดวงตาก็รู้ว่างามยิ่งนัก เจ้าสนใจมานั่งรถเล่นกับข้าหรือไม่”
“กระหม่อมพานางนั่งรถเล่นได้ ไม่รบกวนองค์ชายสี่หรอกพะย่ะค่ะ” เสียงของจางอวิ๋นอวี้ดังขึ้น เขามายืนด้านข้างรถม้า ก่อนกระโดดขึ้นไปนั่งเก้าอี้ตำแหน่งตรงหน้าต่างรถม้าบานนั้น
ใช้ร่างกายตนเองบังร่างของตู้ชิงชิง ไม่ใช่ชายคนดังกล่าวเห็น
“อ่อ นางเป็นญาติหรือเป็นคู่หมั้นคู่หมายของใต้เท้าจางอย่างนั้นหรอกหรือ” บุรุษลดความเจ้าชู้ลงสองส่วน แต่ยังถามด้วยท่าทางที่ไม่เกรงกลัว
บุรุษผู้นี้ก็คือองค์ชายสี่เหอควาน โอรสของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เขาช่วยงานที่กรมอาญา จึงมีงานหลายส่วนขัดแย้งกับจางอวิ๋นอวี้
เรียกได้ว่าไม่ค่อยถูกชะตากันเท่าใดนัก
“องค์ชายสี่อย่ายุ่งกับนางเลยพะย่ะค่ะ นางเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของกระหม่อม” จางอวิ๋นอวี้พูดน้ำเสียงราบเรียบปราศจากคลื่นอารมณ์ใดๆ
“โอ้ สาวใช้อุ่นเตียงอย่างนั้นหรือ ข้าไม่รังเกียจใช้ของร่วมกับเจ้าหรอก ให้ข้าเล่นสนุกกับนางสักสองสามคืนได้หรือไม่” องค์ชายเหอควานตาเป็นประกาย พูดออกมาอย่างไม่อายปาก
“แต่กระหม่อมไม่ชอบใช้ของร่วมกับผู้อื่น ขออภัย” จางอวิ๋นอวี้ปิดผ้าม่าน เขาสั่งให้สารถีขับรถม้าออกโดยไม่สนใจอีกฝ่าย
เมื่อรถม้าเริ่มออกตัวนั้น นัยน์ตาหงส์ลึกลับน่าหวาดกลัวก็จ้องจับผิดตู้ชิงชิง
“เจ้าคิดจะใช้องค์ชายสี่เข้ามาช่วยเหลือหรือ”
“เปล่า ข้าไม่ได้รู้จักเขาเสียหน่อย จะขอความช่วยเหลือไปทำไม” ตู้ชิงชิงพูดพลางกระเถิบกายซุกอีกฝั่งของรถม้า
“นั่นเพราะว่าเจ้าอยากเป็นอิสระ และคิดว่าผู้ที่กล้ามาตอแยคนบนรถม้าของข้าได้ย่อมมีอำนาจน่ะสิ”
จางอวิ๋นอวี้พูดเสียงขรึม เขาเอื้อมมือจับตัวตู้ชิงชิงแล้วกระชากร่างบางมาตรงกลางรถม้า
ตู้ชิงชิงที่ถูกดึงเสียหลัก นางล้มอยู่ในท่าทางที่หน้าอกเกือบจะแนบติดพื้น ส่วนสะโพกลอยโด่งงอนเด่น
“อยากมากนักหรือไงที่ล้มท่านี้ คิดยั่วข้าอย่างนั้นหรือ” จางอวิ๋นอวี้เอ่ย มือหนาที่แต่เดิมจะดึงตู้ชิงชิงให้ขึ้นมานั่งข้างกายเปลี่ยนเป็นแหวกเสื้อผ้าตรงสะโพกของนาง แล้วดึงกางเกงด้านในออกจนหมด
ทำให้กลีบเนื้อนุ่มที่แนบสนิทปรากฏต่อสายตาจางอวิ๋นอวี้อีกครั้ง
บุรุษกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขายังไม่ลืมว่าสอดใส่ในท่านี้ทำให้เข้าไปได้ลึกมาก
“อยู่นิ่งๆ อย่าร้องเสียงดัง” เขาสั่งตู้ชิงชิงก่อนลงมือทำตามที่ร่างกายต้องการ
เมืองซานเจียงจางอวิ๋นอวี้พาลูกน้องใต้บังคับบัญชามาพักยังจวนชายป่าที่สร้างทิ้งไว้ เขาพูดคุยวางแผนจนถึงดึกดื่นจึงเข้าห้องพักของตน“พรุ่งนี้ข้าจะไปปราบโจร เจ้ารออยู่ที่นี่ละกัน” เขาพูดกับตู้ชิงชิง ก่อนเงียบไปเล็กน้อยแล้วพูดต่อ“หากเกิดอะไรขึ้นกับข้าเจ้าก็ถือว่าเป็นอิสระ อยากไปไหนก็ไปเถอะ เพียงแต่ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ” บุรุษพูดเสียงไม่ดังมากนักแต่แสดงถึงความห่วงใยอย่างชัดเจนตู้ชิงชิงจ้องมองใบหน้าของจางอวิ๋นอวี้ “ข้าอยากเป็นอิสระก็จริง แต่ไม่ได้อยากให้เจ้าเป็นอะไรไป อีกอย่าง หากเจ้าเกิดเรื่องจริงๆ ข้าจะล้างแค้นให้”จางอวิ๋นอวี้หัวเราะ ทว่าภายในหัวใจรู้สึกอบอุ่นบอกไม่ถูก “ผีผู้หญิงอย่างเจ้าจะทำอะไรกับโจรได้ พักผ่อนเถอะ ข้าจะนอนล่ะ” เขาปล่อยให้ตู้ชิงชิงทำสมาธิ ส่วนตนเองนอนหลับเอาแรง...เช้าวันรุ่งขึ้นเสียงไก่ขันและนกร้องปลุกให้ตู้ชิงชิงที่เผลอหลับลืมตาตื่นขึ้นมา นางมองไปที่เตียงก็พบว่าจางอวิ๋นอวี้ออกไปด้านนอกแล้วคิดไม่ถึงว่าเขาจะไปอย่างเงียบเชียบไม่บอกกล่าวนางสักคำความจริงก่อนที่จางอวิ๋นอวี้จะออกไปนั้น เขาก็อยากจะบอกลานาง แต่เห็นว่านางหลับอยู่เขาจึงไม่ได้รบกวนเขาไม่แน่ใจว่าผีต้องนอนหลั
ไม่พูดพล่ามทำเพลง จางอวิ๋นอวี้ก็จับตู้ชิงชิงอุ้มแล้วยกตัวลอย ส่วนล่างก็จ้วงแทงไปตามจังหวะการเดิน“หืม ออกข้างนอกยิ่งตอดแรง เจ้าชอบแบบนี้หรือ” เขาถามสตรีในอ้อมแขน“อย่าพูดพล่อยๆ” ตู้ชิงชิงดุจางอวิ๋นอวี้ นางถลึงตาใส่ก่อนหลับตาแล้วส่งเสียงครวญครางต่อเนื่องแท่งหยกใหญ่ยิ่งใส่ยิ่งร้อน โดยเฉพาะเวลาที่เขาหลั่งน้ำขาวข้นเข้าร่าง ยิ่งทำให้นางรู้สึกว่าตนเองแทบไม่ต่างจากมนุษย์ปกติทั่วไปความเย็นเยียบบนตัวแทบไม่หลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย“ไม่แน่ว่าหากข้าเอาเจ้าไปเรื่อยๆ เจ้าอาจจะตั้งครรภ์ก็ได้” จางอวิ๋นอวี้หัวเราะ เพราะถ้าร่างกายตู้ชิงชิงใกล้เคียงมนุษย์เข้าไปทุกวัน การที่นางตั้งครรภ์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก“บุรุษอย่างเจ้าเนี่ยนะจะเลี้ยงเด็ก ข้านึกภาพไม่ออกเลย” ตู้ชิงชิงบ่น ร่องรักขมิบตอดรัวจนจางอวิ๋นอวี้ต้องหยุดเดิน“อื้ม ดีมาก ขนาดของข้าใหญ่เช่นนี้แถมยังเอาเจ้าทุกวัน แต่ร่องรักเจ้าก็ยังคับแน่นไม่ต่างจากวันแรกที่ได้กัน” จางอวิ๋นอวี้พูดพลางอุ้มตู้ชิงชิงไปยังศาลาริมสระน้ำเขานั่งบนเก้าอี้ ให้ร่างอวบอัดของตู้ชิงชิงนั่งอยู่ด้านบน “ขย่มสิ” เขากระซิบบอกข้างหูของนางมือหนาจับสตรีนั่งหันหน้าออก แล้วขยำหน้าอกทั้งสอ
หลังจากปลดปล่อยจนรู้สึกสบายตัว จางอวิ๋นอวี้ก็พูดคุยกับเยว่เส้าอยู่สักพักก่อนจะโบกมือให้เขาออกไปพักผ่อนเยว่เส้าจึงเดินไปกระซิบ พูดข้างหูจางอวิ๋นอวี้ประโยคสั้นๆ “หากอยากให้สตรีหลีกหนี ต้องทำให้พวกนางจุกและรู้ว่ารับไม่ไหว”“ข้าเข้าใจล่ะ” จางอวิ๋นอวี้พยักหน้าน้อยๆอาวุธคู่กายขนาดใหญ่สามารถทำให้สตรีเพ้อหาและก็ทำให้สตรีหวาดผวาได้เช่นเดียวกัน แล้วแต่ว่าสตรีผู้นั้นร่างกายเป็นแบบไหนค่ำคืนนั้น จางอวิ๋นอวี้นอนหลับสนิทบนเตียง ปล่อยให้ตู้ชิงชิงทำสมาธิฝึกปราณนางได้รับน้ำรักที่เต็มไปด้วยพลังหยางจากจางอวิ๋นอวี้ จึงทำให้ร่างกายคล้ายมนุษย์เพิ่มมากขึ้น ทั้งมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมากเรียกได้ว่าร่วมรักกับจางอวิ๋นอวี้นางมีแต่ได้ไม่มีเสีย.......วันถัดมา จางอวิ๋นอวี้พาตู้ชิงชิงไปที่จวนกั๋วกง เมื่อเข้าไปยังโถงรับรองแขกก็พบว่าเฉินชิงเหลียงผู้เป็นมารดาเรียกสตรีมาด้วยสองนางจี้นั่วและเหมียวอี้หลิงพวกนางเป็นธิดาตระกูลใหญ่ จี้นั่วเป็นบุตรีสายตรงของเจ้ากรมคลัง ส่วนเหมียวอี้หลิงเป็นบุตรอนุที่เกิดกับเจ้ากรมโยธาเฉินชิงเหลียงตั้งใจจะให้พวกนางแต่งให้จางอวิ๋นอวี้พร้อมกัน คนหนึ่งเป็นเอก ส่วนอีกคนเป็นอนุจะได้มีหล
“ขับรถม้าไปเรื่อยๆ รอบชานเมือง จะกลับจวนเมื่อไหร่ข้าจะบอกเอง” จางอวิ๋นอวี้ส่งเสียงบอกสารถี ขณะที่พูดก็ปลดสายคาดเอวของตนแล้วดึงกางเกงลงแก่นกายที่คล้ายงูยักษ์ผงาดทันใด มือหนาจับแก่นกายตนเองฟาดใส่แก้มก้นของตู้ชิงๆ จนหนำใจ จากนั้นก็นำส่วนหัวหยักถูขึ้นลงตรงกลีบเนื้อนุ่มเพื่อให้น้ำรักหลั่งออกมาเมื่อน้ำใสไหลออกมาชโลมงูตัวเขื่อง ไม่รอช้า เขาก็จับมันมุดเข้าปากถ้ำที่คับแคบ“อืม” บุรุษส่งเสียงเบาออกจากลำคอแสดงถึงความพึงพอใจ ท่านี้สอดเข้าไปกี่ครั้งก็ทั้งลึกทั้งคับแน่นช่างรู้สึกดีเสียจริง“อื้อ” ตู้ชิงชิงส่งเสียงกระเส่า เสียงร้องของนางทำให้สติของจางอวิ๋นอวี้เตลิดไปไกลเขาขยับเอวสอบกระทุ้งร่องรักที่ตอดลำใหญ่ของตนถี่ๆ ฝ่ามือทั้งสองก็บีบแก้มก้นตามจังหวะกระแทกกระทั้นปัก ปัก ปัก ปักตู้ชิงชิงที่ถูกตอกจนลึก นางได้แต่หลับตาเม้มริมฝีปากแน่น ความใหญ่โตของจางอวิ๋นอวี้ทำให้นางทั้งจุกทั้งเสียวอยากจะครางเพื่อระบายความร้อนรุ่มที่ได้รับจากบุรุษก็ทำไม่ได้เพราะถูกสั่งไว้ตั้งแต่แรกเสียงเนื้อกระแทกเนื้อนี้แม้จะดัง แต่ก็ดังสู้เสียงพูดคุยของชาวบ้านที่กำลังจับจ่ายใช้สอยไม่ได้ ทำให้ไม่มีใครสนใจรถม้าของพวกเขายกเว
ขณะที่ตู้ชิงชิงสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น จางอวิ๋นอวี้ก็เดินไปสำรวจแผ่นกระดาษที่นางอธิษฐานขอพร ในเศษกระดาษที่ขาดกระจายมีร่องรอยเผาไหม้นั้น มีร่องรอยของน้ำหมึกใจความว่า‘ข้าอยากพบเจอท่านเทพเซียนผู้นั้นที่ป่าไผ่สวรรค์บนเขาเทพประทานแห่งนี้อีกครั้ง’มุมปากของจางอวิ๋นอวี้ยกขึ้นอย่างน่าหวาดกลัว “ช่างเพ้อฝันเสียจริง”แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังกวาดสายตาสำรวจด้วยความสนใจ เหตุใดกระดาษเหล่านี้ถึงระเบิดคล้ายกับถูกฉีกทึ้งแทบทุกแผ่นเขาจำได้ว่า ช่วงที่เขาเสร็จกิจเมื่อคืน กระดาษแผ่นสุดท้ายก็ระเบิดส่งแสงระยิบระยับเป็นฉากหลังที่งดงามพอดีราวกับว่า ตั้งแต่เริ่มมีสัมพันธ์กับตู้ชิงชิง กระดาษอธิษฐานแผ่นแรกก็ระเบิด และเมื่อเสร็จสมทั้งคู่ ก็ถึงกระดาษแผ่นสุดท้ายพอดิบพอดีช่างบังเอิญเสียจริง“เพราะว่าเจ้าเพ้อฝันถึงเทพเซียน เป็นผีแต่ไม่เจียมตัว กระดาษเหล่านี้เลยระเบิดจนหมด อ่อ หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเจ้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับข้า คำอธิษฐานของเจ้าจึงเป็นโมฆะไปแล้ว”จางอวิ๋นอวี้พูดพลางเหลือบตามองสตรีที่ดวงหน้าเศร้าหมอง นางไม่ต่อปากต่อคำของเขาแต่อย่างใด เท้าเรียวเดินมาอยู่ด้านหลังของเขาอย่างเงียบเชียบเขาจึงไม่กล่าวสิ่งใดอีก
“สาวรับใช้หรือ เจ้ามันบ้าไปแล้ว” ตู้ชิงชิงชูกำปั้นหมายจะทุบจางอวิ๋นอวี้ แต่ก็ไม่ทัน ร่างอวบอัดถูกจับพลิกคว่ำหน้าอกแนบติดพื้น แต่สะโพกยกแอ่นอวดร่องรักที่ยังมีน้ำสีขาวเปรอะเปื้อน“งามนัก” มุมปากของจางอวิ๋นอวี้โค้งขึ้น น้อยครั้งนักที่เขาจะยิ้มได้เช่นนี้เขาไม่พูดมากความ จับแก่นกายที่ยังตั้งผงาดเย่อหยิ่งอวดดีตีใส่บั้นท้ายกลมงอนของตู้ชิงชิงทีละข้างจนแดง จากนั้นก็ดันหัวเห็ดบานใหญ่มุดผ่านน้ำรักขาวขุ่นเข้าไปในโพรงเนื้อนุ่มอีกครั้ง“อืม ท่านี้ลึกดีจริงๆ ดันเข้าไปได้มากกว่าเดิม” บุรุษเอ่ยกับตนเองเสียงไม่ดังนักแม้จะไม่ดัง แต่ตู้ชิงชิงก็ได้ยินชัดเจน นางรู้สึกมากกว่าจางอวิ๋นอวี้ด้วยซ้ำ มีหรือจะไม่รู้ว่าตอนนี้ท่อนเอ็นร้ายกาจของเขาแนบชิดเต็มพื้นที่ร่องรักของตนท่อนเอ็นร้อนกระตุ้นให้โพรงนุ่มเริ่มขยับตอดรัด เมื่อท่อนเอ็นครูดถูไปมา การตอบสนองก็เพิ่มมากขึ้นร้อนดีเหลือเกินตู้ชิงชิงคิดในใจ นางตายมาหลายปีนอกจากความเย็นก็แทบไม่สามารถสัมผัสความอบอุ่นของคนมีชีวิตได้ แต่ท่อนเอ็นใหญ่แท่งนี้ทำให้โพรงเนื้อนางร้อนผ่าว ทั้งขมิบและตอดอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งสัมผัสความเสียวก็ยิ่งอยากให้ลำเอ็นนี้อยู่ภายในโพรงรักนานๆจะได







