พิมพ์ชนก หรือ "พิม"นักศึกษาปี 4 คณะนิเทศศาสตร์ ผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียนบทละครมืออาชีพ เธอเป็นคนฉลาด มีไหวพริบ และมุ่งมั่น เธอเลือกทำงานพาร์ทไทม์ในผับ "Black Velvet" เพื่อหาข้อมูลสำหรับเขียนบทละครส่งอาจารย์ โดยหวังว่างานชิ้นนี้จะเป็นใบเบิกทางสู่วงการบันเทิงโดยไม่รู้เลยว่า เธอกำลังเดินเข้ามาในโลกที่เต็มไปด้วยอันตราย และผู้ชายที่มีอิทธิพล ปกรณ์ มีโครงหน้าเข้มคมชัด หนวดเคราเพิ่มเสน่ห์และความเป็นผู้ใหญ่ ตาแสดงความมั่นใจและดูสุขุม ผมสั้นจัดทรงอย่างดี สวมชุดสูทสีเข้มให้ความรู้สึกภูมิฐานและน่าเชื่อถือ บุคลิกดูสุขุม อบอุ่น แต่แฝงด้วยความมั่นใจในตัวเองเจ้าของผับสุดหรูที่มีชื่อเสียงและอำนาจในวงการกลางคืน ไม่เพียงแต่เป็นเจ้าของผับ"Black Velvet"เท่านั้น แต่เขายังมีธุรกิจหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับ ธุระกิจสีเทาและยังมีบริษัทส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศอีกด้วยและ บริษัทส่งออก ภายใต้ภาพลักษณ์ของชายหนุ่มหล่อที่ดูสุขุมและมีเสน่ห์ เขาคือคนที่ทุกคนต้องเกรงกลัว และในวันที่เขาเห็นพิมพ์ชนกครั้งแรก เขารู้ทันทีว่าเธอจะทำให้เขาไม่สามารถละสายตาได้
View Moreพิมพ์ชนกเดินเข้าไปในผับในชุดเสื้อเซิ้ตและกางเกงยีนส์ธรรมดา เพียงแค่ต้องการเขียนบทละครของคนทำงานในผับเธอ
มาที่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาทำงานในสถานที่แบบนี้ก็เห็นคนเต็มไปหมด
เสียงเพลงและเสียงหัวเราะดังไปทั่ว ขณะที่เธอกำลังเดินไปหาพนักงานเพื่อเริ่มงาน
กลับไปเดินชนกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ในมุมมืดของผับ เพราะเธอเองก็ยังไม่ชินกับความมืด
พิมพ์ชนกหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ในมุมมืดของผับอีกครั้ง คราวนี้เธอเห็นเขาชัดเจนขึ้น เขาสูงใหญ่ ร่างกายกำยำ
ใบหน้าคมคายที่แฝงความดุ ใบหน้าของเขามีเคราขึ้นจางๆแต่ดวงตาของเขากลับไม่แสดงความโกรธหรือความไม่พอใจแม้แต่น้อย
เพียงแค่จ้องมองเธอด้วยความเย็นชา
"ขอโทษค่ะ..." พิมพ์ชนกพูดเสียงต่ำ ยังคงรู้สึกแปลกๆ กับการที่เธอไปชนเขาแบบนี้
เธอเองก็ไม่คิดว่าจะมีคนมายืนอยู่ในที่มืดๆแบบนี้
ชายหนุ่มยักไหล่เบาๆ ก่อนจะตอบกลับมาเสียงทุ้ม "ไม่เป็นไร"
เขาพูดสั้นๆ แล้วมองไปที่เธออย่างแปลกใจ หญิงสาวที่แต่งตัวไม่เหมือนกับคนที่มาเที่ยวกลางคืน
ก่อนที่สายตาของเขาจะไหลไปยังทางอื่นอย่างไม่สนใจ
พิมพ์ชนกมองตามเขาไป ก่อนจะบ่นออกมาด้วยความหัวเสียในใจ
"คนอะไรตัวโตชะมัด"
เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะพยายามทำตัวให้เป็นปกติแล้วเดินไปหาพนักงานเพื่อเริ่มงานต่อ
ในขณะที่เธอเดินออกไปจากจุดนั้น ภาพของชายหนุ่มในมุมมืดก็ยังคงหลอกหลอนอยู่ในหัว
พิมพ์ชนกรู้สึกถึงความไม่ปกติบางอย่างเกี่ยวกับเขา ความเย็นชาที่แฝงไว้ในท่าทางของเขาทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ
แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องรีบเดินไปหาผู้จัดการร้านเพื่อจะไปขอเริ่มงาน
พิมพ์ชนกเดินไปถึงเคาน์เตอร์และแนะนำตัวกับพนักงานที่ดูไม่ค่อยมีอารมณ์มากนัก
ก่อนจะถูกพาไปยังหลังร้านเพื่อเริ่มงานเป็นพนักงานเซิร์ฟ เธอพยายามไม่คิดถึงชายหนุ่มในมุมมืดนั้น
แต่เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นจากโต๊ะนั้นก็ยังคงตามติดอยู่ในหู แม้บรรยากาศจะเต็มไปด้วยเสียงเพลงและผู้คนที่ดูสนุกสนาน
แต่พิมพ์ชนกกลับรู้สึกเหมือนทุกสิ่งรอบตัวกำลังหมุนช้าลง
ขณะที่เธอกำลังเดินไปเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับโต๊ะหนึ่ง เสียงห้าวของชายหนุ่มที่เธอชนเมื่อครู่ดังขึ้นจากข้างหลัง
"คุณทำงานที่นี่เหรอ?ผมขอไวน์อีกแก้ว"
พิมพ์ชนกหันไปเจอเขายืนอยู่ไม่ไกล มือจับแก้วไวน์ไว้ในมือและสายตาที่จ้องมาที่เธออย่างมีอำนาจ
เธอรู้สึกเสียวสันหลัง แต่ก็พยายามรักษามารยาทและยิ้มอย่างอ่อนโยน
"ขอโทษค่ะ รอแป๊บหนึ่งนะคะ" พิมกล่าวพร้อมเดินไปที่บาร์อย่างรวดเร็ว
หัวใจเต้นแรงแต่พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในใจกลับสงสัยว่าเขาคือใครกันแน่
ทำไมถึงดูเหมือนจะมีอำนาจและความน่าเกรงขามขนาดนั้น.
พิมพ์ชนกหันกลับไปมองเมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มเรียกเธอ รู้สึกไม่ค่อยดีนักเมื่อเห็นเขานั่งอยู่ที่โต๊ะมุมมืดนั้นอีกครั้ง
เขายกมือขึ้นเรียกเธออีกครั้ง ท่าทางของเขาน่าเกรงขามผู้ชายหน้าเข้มมาดขรึมแววตาแข็งกระด้างคนนี้เป็นใครกันนะ
"เธอมานี่หน่อย" เขาพูดเสียงทุ้มพร้อมกับมองตรงมาที่เธอ พิมพ์ชนกรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เธอเดินเข้าไปที่โต๊ะของเขาด้วยท่าทางตั้งใจทำงานต่อไป "ค่ะ ต้องการอะไรคะ?"
พิมพ์ชนกถามเสียงเรียบ พร้อมกับยิ้มแหยๆ พยายามไม่ให้ท่าทีของเธอดูเกร็งเกินไป
เขามองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นมา "พึ่งมาทำงานวันแรกเหรอ?"
พิมพยักหน้าเล็กน้อย "ใช่ค่ะ หนูเพิ่งเริ่มทำงานวันแรกค่ะ" เธอตอบพลางตั้งใจดูแลเครื่องดื่มที่โต๊ะอย่างระมัดระวัง
หลีกเลี่ยงการสบตากับเขานานเกินไป แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเสียงคำถามนั้นแฝงความสนใจอะไรบางอย่าง
ชายหนุ่มนั่งเอนหลังในเก้าอี้ พินิจพิจารณาพิมจากศีรษะจรดปลายเท้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
"ระวังตัวหน่อยละกัน " เขาพูดอย่างไม่เร่งร้อน แต่คำพูดของเขากลับทำให้พิมรู้สึกถึงความหมายที่แฝงอยู่
พิมพยักหน้ารับในสิ่งที่เขาพูด "ขอบคุณค่ะ หนูจะระวังตัวค่ะ"
แต่ในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยคำถามเกี่ยวกับเขาและความหมายของคำเตือนนั้น
สิ่งที่เขาพูดเหมือนจะเป็นคำเตือนจริงๆ มากกว่าคำแนะนำทั่วไป
พิมพ์ชนกพยายามเก็บความสงสัยไว้ในใจและเดินกลับไปทำงานตามปกติ
แต่คำพูดของชายหนุ่มยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอ "ระวังตัวหน่อยนะ"
เขาหมายความว่ายังไง? เธอเริ่มสังเกตสิ่งรอบตัวในผับมากขึ้น
และพบว่าลูกค้าหลายคนดูเหมือนจะให้ความเกรงใจชายหนุ่มคนนั้นเป็นพิเศษ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนั่งอยู่ในมุมมืด
เวลาผ่านไปจนใกล้เลิกงาน พิมพ์ชนกกำลังเก็บกวาดโต๊ะและเตรียมตัวกลับห้องพักของเธอ แต่ไม่ทันไร
เธอก็เห็นชายหนุ่มคนนั้นลุกขึ้นและเดินตรงมาที่เธอ เธอรีบหันกลับไปสนใจงานในมือ
พยายามทำเหมือนไม่สังเกตเห็นเขา แต่เสียงทุ้มของเขาก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
"ทำงานเหนื่อยไหม?" คำถามเรียบง่ายแต่ฟังดูจริงใจทำให้พิมพ์ชนกต้องหยุดมือและหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา
"ก็นิดหน่อยค่ะ แต่พอไหว" เธอตอบพลางพยายามยิ้มให้สุภาพ แม้จะรู้สึกเกร็งกับการที่เขายืนอยู่ใกล้ขนาดนี้
เขามองเธอนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "เธออายุเท่าไหร่ ที่นี่เขารับเด็กอายุต่ำกว่า18ปีมาทำงานเหรอ?"
คำพูดของเขาทำให้พิมรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ เธอพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกนั้นด้วยการยิ้ม
"เอ่อ…คือว่าฉันอายุ22แล้วค่ะ"
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ เป็นครั้งแรก แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูเหมือนเขารู้บางอย่างที่เธอไม่รู้ "แล้วเธอทำไมมาทำงานแบบนี้"
ทำไมเขาถึงดูเหมือนจะรู้จักที่นี่ลึกซึ้งนัก และที่สำคัญ ทำไมเขาถึงสนใจเธอมากขนาดนี้
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่พิมพ์ชนกกลับมาบ้าน เธอหลีกเลี่ยงไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้กับแม่ เพราะกลัวว่ามันจะทำให้แม่เป็นห่วงและเธอเองก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองทั้งหมด"พิม...คุณปกรณ์เขาไม่ใช่คนที่จะมาดีกับลูกของแม่แบบง่ายๆ นะ เขามีประวัติ...แม่ทำงานกับเขามานานนะลูก"แม่ของเธอหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง"แม่ไม่อยากเห็นลูกต้องเจอกับปัญหาจากคนแบบเขา"พิมพ์ชนกถอนหายใจเงียบๆ แม้เธอจะรู้ว่าแม่เป็นห่วง แต่ความรู้สึกที่เธอมีต่อปกรณ์กลับไม่ได้ง่ายเหมือนที่แม่คิดพิมพ์ชนกไม่อยากให้แม่เห็นภาพที่เขาเป็นแบบนั้น แม้แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจตัวเองดีพอ"แม่คะ... พิมจะระวังตัวค่ะ อย่าห่วงนะคะ" พิมพ์ชนกตอบเสียงเบา แต่ในใจเธอเริ่มท่วมท้นไปด้วยความลังเลและความไม่แน่ใจแม่ของเธอยิ้มอ่อนโยนแต่ยังคงท่าทางกังวล "แม่แค่ห่วงหนูนะลูก"การสนทนาเงียบลงในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความห่วงใย แม้พิมพ์ชนกจะอยากให้แม่เข้าใจแต่ก็ยังรู้สึกถึงความซับซ้อนในความสัมพันธ์ของเธอกับปกรณ์ที่ยากจะอธิบายให้ใครเข้าใจได้พิมพ์ชนกคิดคำพูดที่จะตอบแม่อย่างระมัดระวัง ก่อนจะเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให
ปกรณ์นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามพิมพ์ชนกในห้อง VIP เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ แต่สายตาที่มองมานั้นเจือแววจริงจัง"พิมพ์ชนก" เสียงทุ้มนุ่มของเขาทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย"คะ?" เธอเงยหน้ามองเขาอย่างระวัง"ฉันมีคำถามที่อยากรู้" เขาเริ่มขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สายตาของเขานั้นไม่ธรรมดา"เรื่องที่เธอบอกว่าเธอต้องมาหาเงินจ่ายค่าเทอมเอง...มันคงไม่จริงใช่ไหม?"พิมพ์ชนกชะงัก คำถามนี้เหมือนล้วงลึกเข้าไปในส่วนที่เธอไม่อยากพูดถึง"ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร" เธอเลี่ยงตอบตรงๆปกรณ์หัวเราะเบาๆ พลางยกคิ้วขึ้น"แม่ของเธอเป็นเลขาฉัน เงินเดือนแม่เธอไม่น้อยเลยนะ แถมยังได้โบนัสปีละหลายเดือนฉันเองก็รู้ดีว่าแม่เธอไม่มีภาระอะไรหนักหนา แล้วทำไมเธอถึงต้องมาทำงานหาเงินเอง?"เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย พยายามควบคุมสีหน้า"ฉันแค่อยากช่วยแม่แบ่งเบาภาระค่ะ"เขาส่ายหน้าเบาๆ ยิ้มมุมปากแบบที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเขาไม่เชื่อ"เธอไม่ใช่คนโกหกเก่งนะ พิมพ์ชนก" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงขรึม "พูดความจริงกับฉันมาเถอะ"พิมพ์ชนกหลบสายตา เธอรู้ดีว่าการปกปิดอะไรจากเขาไม่ใช่เรื่องง่าย"ฉันแค่ไม่อยากเป็นภาระแม่ค่ะ" เธอตอบด้วยเสียงเบา
เตโชขับรถมารับพิมพ์ชนกตามปกติในเช้าวันใหม่และไปรับหลังจากเธอเสร็จสิ้นการเรียนที่มหาวิทยาลัยแต่วันนี้จุดหมายปลายทางไม่ใช่หอพักของเธอเหมือนเดิม"วันนี้คุณปกรณ์ให้ผมพาคุณไปที่บริษัทครับ" เตโชพูดขึ้นขณะเลี้ยวรถออกจากมหาวิทยาลัย"บริษัท? มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?" พิมพ์ชนกถามด้วยความสงสัย"อันนี้ผมไม่ทราบครับ แต่คุณปกรณ์กำชับให้ผมมารับคุณไปทันทีที่คุณเรียนเสร็จ" เตโชตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่งตามแบบฉบับของเขาเมื่อรถเคลื่อนเข้าสู่ลานจอดรถของบริษัท พิมพ์ชนกก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างออกไปอาคารสูงและทันสมัยแห่งนี้เต็มไปด้วยพนักงานที่เดินสวนกันไปมา"เชิญครับ" เตโชเปิดประตูรถให้เธอ ก่อนจะพาเธอเดินไปยังลิฟต์ส่วนตัวระหว่างทางสายตาของพนักงานหลายคนจับจ้องมาที่เธอด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเมื่อถึงชั้นบนสุด ประตูห้องทำงานใหญ่ของปกรณ์เปิดกว้างออก เขายืนรออยู่ด้านใน สวมชุดสูทสีดำที่เสริมให้เขาดูทรงอำนาจยิ่งกว่าเดิม"มานี่สิ พิมพ์ชนก" น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่กลับดึงดูดใจจนเธออดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหา"คุณมีธุระอะไรกับฉันหรือคะ?" เธอถามพลางนั่งลงตรงข้ามเขาปกรณ์เอนตัวพิงเก้าอี้ สายตาม
ค่ำคืนเดียวกัน ปกรณ์นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของผับรอบโต๊ะใหญ่มีชายหนุ่มอีกสามคนที่แต่ละคนล้วนเป็นนักธุรกิจชื่อดังในแวดวงสังคมแต่ภายใต้ภาพลักษณ์เหล่านั้น ทุกคนต่างเป็นคนสำคัญในโลกธุรกิจมืด"นายดูไม่ค่อยมีสมาธิเลยนะกรณ์" หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น เป็นชายหนุ่มผมยาวเรียบแปล้ในชุดสูทไร้ที่ติชื่อว่า ธีรธร เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฟอกเงินและเป็นคนที่มีเครือข่ายใหญ่ในหลายประเทศปกรณ์ละสายตาจากแก้วเหล้าตรงหน้า ก่อนจะยิ้มมุมปาก "ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อย เรื่องของที่เราส่งไปใต้เรียบร้อยดีไหม?""เรียบร้อยกว่าเดิมด้วยซ้ำ" ชายอีกคนตอบขึ้น เป็นชายหนุ่มผิวเข้มชื่อ คณิน เจ้าของท่าเรือที่ใช้เป็นทางผ่านของสินค้าผิดกฎหมาย"แต่ข่าวจากตำรวจเริ่มเข้มขึ้นนะ เราอาจต้องลดปริมาณในล็อตหน้าลง" ธีรธรพูดพร้อมโยนแฟ้มเอกสารไปให้ปกรณ์ปกรณ์รับมาเปิดดูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาไม่ใช่คนพูดมากในที่ประชุมแบบนี้ แต่ทุกคำพูดของเขามักชี้นำการตัดสินใจของทั้งกลุ่ม"ทำเหมือนเดิม แต่ระวังมากขึ้น ถ้าตำรวจเริ่มได้กลิ่น เราต้องหาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจพวกมันไปที่อื่น"ชายหนุ่มคนสุดท้ายที่นั่งเงียบมานาน ชื่อว่า อัคคี ซึ่งเป็นผู้จัดการด้านอาวุธผิด
ขวัญข้าวนั่งไขว่ห้างอยู่ที่ม้านั่งหน้าคณะ พลางก้มมองโทรศัพท์ในมือแต่หางตาเหลือบเห็นรถคันหรูจอดเทียบอยู่ไม่ไกล เธอเลิกคิ้วสงสัย ก่อนจะเห็นพิมพ์ชนกเปิดประตูรถลงมา"เฮ้ย! ยัยพิม!" ขวัญข้าวลุกพรวดขึ้นมา มองเพื่อนรักด้วยสายตาแปลกใจปนสงสัยพิมพ์ชนกยืนปรับกระโปรงพลางส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้เพื่อน แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงขวัญข้าวก็ลอยมาอีก"รถใครอะ? หรือว่า..."เธอหยุดพูดเมื่อเห็นชายร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มและกางเกงสแลคสุดเนี้ยบก้าวลงมาจากฝั่งคนขับปกรณ์ยืนตรงหน้ารถ มองพิมพ์ชนกด้วยสายตานิ่งๆ แต่กลับมีแววเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ขวัญข้าวแทบหลุดกรี๊ด"โอ๊ยยย! นี่ใครกันยะ หล่อขนาดนี้?" ขวัญข้าวถามเสียงสูง ยืนจ้องปกรณ์ราวกับตื่นเต้นเกินเหตุพิมพ์ชนกรีบหันไปมองเขาแล้วขมวดคิ้ว "คุณกลับไปได้แล้วค่ะ!"ปกรณ์ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย "โอเคครับ แต่ถ้าคุณต้องการอะไร โทรหาผมนะ พิมพ์"คำพูดนั้นทำเอาขวัญข้าวหันมามองพิมพ์ชนกตาโต "เดี๋ยวนะ! เขาเรียกเธอว่าอะไรนะ?"พิมพ์ชนกหน้าแดง เธอรีบดันขวัญข้าวให้ถอยออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับปกรณ์เสียงดุ"กลับไปเถอะค่ะ แล้วไม่ต้องมาแถวนี้อีก!"ปกรณ์หัวเราะเบาๆ "ได้สิ แต่ผมไม่สัญญานะว่าจะไม
เช้าวันใหม่มาเยือน พร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดผ่านม่านหน้าต่างในห้องที่เงียบสงบพิมพ์ชนกค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้า แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ที่โอบล้อมตัวเธออยู่เธอหันไปมองด้านข้าง ใบหน้าคมเข้มของปกรณ์อยู่ใกล้จนเธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของเขาที่พัดผ่านแก้ม เธอหน้าแดงทันทีที่นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา"นี่ฉัน...ทำอะไรลงไปเนี่ย" พิมพ์ชนกพึมพำเบาๆ กับตัวเอง มือบางพยายามดึงตัวออกจากอ้อมแขนของเขาแต่ชายหนุ่มกลับกระชับกอดแน่นขึ้นโดยไม่ลืมตา"จะรีบไปไหนล่ะ พิมพ์" เสียงทุ้มต่ำของปกรณ์ดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า ทำเอาหญิงสาวยิ่งหน้าแดงกว่าเดิม"ปล่อยฉันได้แล้ว" เธอพยายามดันตัวเขาออก แต่เขากลับหัวเราะเบาๆ"เมื่อคืนยังไม่เห็นพูดแบบนี้เลย" ปกรณ์แกล้งเย้าด้วยน้ำเสียงขี้เล่นคำพูดนั้นทำให้พิมพ์ชนกสะอึก เธอจ้องหน้าเขาอย่างโกรธเคือง แต่ความทรงจำบางส่วนเมื่อคืนกลับผุดขึ้นมาในหัว ทำให้เธอพูดไม่ออกปกรณ์มองสีหน้าของเธอที่เปลี่ยนไป ก่อนจะลดรอยยิ้มลง ดวงตาของเขาสบกับเธออย่างจริงจัง"เมื่อคืนคุณเป็นคนเริ่มนะ" เขายิ้มๆบอกด้วยน้ำเสียงหยอกล้อพิมพ์ชนกนิ่งไป หัวใจของ
Comments