แชร์

ตอนที่6

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-04 08:19:05

ตอนที่6

...จวนรองสกุลสวียังแคว้นฉู่... 

“นายท่าน” 

ซั่วเจามาพร้อมถุงผ้าเปื้อนเลือดวางลงตรงหน้าคนที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตวัดพู่กันอยู่ที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ทั้งที่ก็เข้าสู่ต้นยามจื่อแล้วโดยแท้ สวีฉีเฟิ่งตวัดพู่กันลงไปบนตัวอักษรสุดท้ายแล้วจัดการพับเรียบร้อยเป็นจดหมายลับส่งออกไปกับพิราบสื่อสารสีขาวตัวอ้วนพี 

“เรียบร้อยดีทุกสิ่งใช่หรือไม่อาเจา” 

“เป็นไปตามบัญชาของนายท่านขอรับ” 

“ดี!” 

เรียวปากสวยเกินบุรุษแย้มยิ้มงดงามแล้วหยิบถุงผ้ามาเปิดออกเห็นสิ่งที่อยู่ภายในก็ไม่พูดสิ่งใด เดินออกจากห้องหนังสือในคฤหาสน์ของสกุลสวีแล้วมุ่งตรงไปยังสวนด้านหลังเรือนดอกท้อก็พบกับกรงขนาดใหญ่ที่มีเสือดำตัวใหญ่นอนอย่างเกียจคร้านอยู่ภายในถึงสองตัว 

“อาลี่” 

เจ้าตัวที่ใหญ่กว่าขยับหัวขึ้นดูแต่ไม่ได้ลุกขึ้นมา กลับเป็นตัวที่เล็กกว่าที่ลุกขึ้นมาแล้วบิดตัวราวปวดเมื่อยอย่างยิ่ง แล้วเดินยักย้ายส่ายสะโพกมารับเอามือของมนุษย์คาบไปนอนแทะเล่นยังอีกมุมหนึ่งของกรงราวกับกินของว่างมื้อดึก ซึ่งพอส่ง อาหาร ‘ขบเคี้ยว’ ยามดึกให้เสือดำกำลังตั้งครรภ์เรียบร้อยสวีฉีเฟิ่งก็เดินไปล้างมือในอ่างด้านข้างที่บ่าวชายถือรอเอาไว้ 

“นายท่านจะกลับเรือนนอนหรือไปฟ่านไฉขอรับ” 

ซั่วเจาสอบถามผู้เป็นนายหนุ่มที่กำลังขัดถูมือตนเองในอ่างทองเหลืองแล้วรอฟังคำสั่ง ด้วยกิริยาเยือกเย็นจนเด็กหนุ่มผู้ถืออ่างทองเหลืองรู้สึกหนาวเหน็บกับกิริยาของนายท่านหนุ่ม และหนึ่งคนสนิทเช่นซั่วเจาใช่น้อย 

“ติงฮ่าว เจ้าไปช่วยท่านพ่อบ้านใหญ่เตรียมสินสอดเถิด คืนนี้ข้าจะไปค้างที่รุ่ยเฟิ่งไม่ต้องเตรียมห้องนอน” 

รับผ้ามาเช็ดมือไปพลางก็สั่งการบ่าวชายข้างกายด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “จัดรถม้าแล้วเจ้าคุ้มกันออกประตูหน้าไปก่อน” มุมปากสวยกระตุกเล็กน้อยในยามคิดถึงแผนการ ‘เล่นสนุก’ ให้ได้ยืดเส้นยืดสายหลังจากนั่งตรวจสอบบัญชีมาหลายวัน

“ขอรับนายท่าน” 

ซั่วเจารับคำแล้วจึงถอยกายหายไปกับความมืด ติงฮ่าวเองพอเสร็จงานในหน้าที่แล้วเขาก็จากไปทำตามคำสั่งเช่นหลายหนาวที่เขานั้นเติบโตมากับ ’นายท่าน’ จนบัดนี้เข้าวัยสิบหกหนาวย่อมรู้ดีว่าการขัดคำสั่งนายท่านจะไม่ส่งผลดีต่อตนเองเช่นไรบ้าง

“แทะอาหารว่างไปก่อนพรุ่งนี้ข้าจะนำอาหารหลักมาให้พวกเจ้ากินเพิ่มเอง”

เขากล่าวแล้วตบกรงแผ่วเบาไปสามครั้งเจ้าเสือดำตัวใหญ่ที่นอนสงบนิ่งผงกหัวนำจมูกมาดุนมือเรียวยาวของผู้เป็น ‘ทาส’ ที่คอยส่งน้ำส่งเหยื่อไปให้แก่มัน จนถึงพามันไปเล่นน้ำอย่างให้กำลังใจอีกฝ่ายว่าจงพา ‘อาหารหลัก’ มื้อเช้ามาส่ง ‘เจ้านาย’ เช่นมันให้จงได้นะ 

“รู้แล้วละน่า อาฟ่งมื้อเช้าเจ้าได้กินจนอิ่มแน่” 

ลูบปลายจมูกเย็นของเสือดำขนาดยักษ์แล้วจึงเดินตรงไปยังเรือนดอกท้อเพื่อแต่งกายให้รัดกุม กระบี่คู่ถูกหยิบออกมาใช้ เรียวปากสวยเหยียดยิ้มเย้ยหยันออกมาอย่างไม่คิดปิดบังเมื่อต้องอยู่เพียงผู้เดียว กายสูงกำยำในอาภรณ์สีดำสนิทกลืนกินไปกับราตรีกาลเร้นกายขึ้นอาชาพ่วงพีสีนิลตรงไปยังจุดหมายเพื่อรอคอย ‘เหยื่อ’ จะเดินมาติดกับดักที่เขาวางเอาไว้ 

ที่สวีฉีเฟิ่งมายังจวนรองสกุลสวีที่แคว้นฉู่ ฉากหน้าคือหนึ่งตรวจสอบบัญชีของกิจการโรงเตี๊ยมรุ่ยเฟิ่งและหอพนันฟ่านไฉ กับสองคือตบแต่งกับคุณหนูสี่สกุลจาง แต่ความจริงคนเช่นเขาไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเดินทางมารับตัวเจ้าสาวไกลถึงเพียงนี้ หากไม่มีสิ่งสำคัญกว่านั้นเป็นแน่ ศัตรูทางการค้าต่างหากคือจุดประสงค์หลักที่เขาเดินทางมาแคว้นฉู่ในคราวนี้ทั้งยังไม่พร้อมเผชิญกับสตรีไม่รู้ความบางคนอีกด้วยเขาจึงต้องจากไกลเจียงหนานและเมืองหลวงมาเช่นนี้

...ถนนเส้นหลักของแคว้นฉู่... 

ก่อนถึงโรงเตี๊ยมรุ่ยเฟิ่งและบ่อนพนันฟ่านไฉราวเจ็ดสิบลี้กำลังมีรถม้าหรูหราประทับตราตัวอักษร ‘สวี’ บอกชัดเจนว่าเป็นสมบัติของสกุลใดเคลื่อนผ่านตรงไปยังจุดหมายที่แน่แท้ว่าต้องเป็นหอสูงเช่นฟ่านไฉแห่งนั้นมิผิดไป

...ฟ้าว...ฟุบ...ฟุบ... 

มิคาดเพียงผ่านไปยังกลางสะพานที่จะข้ามไปยังฝั่งที่ตั้งของโรงเตี๊ยมใหญ่ ธนูเพลิงก็พุ่งเข้าหารถม้าคันหรูหราราวกับพายุฝนห่าใหญ่ไม่ถึงอึดใจ บุรุษที่รอคอย ‘เหยื่อ’ มาติดกับแสยะยิ้มราวปีศาจร้ายเมื่ออีกฝ่ายลงมืออย่างไม่เกรงกลัวอำนาจในมือของตนเองเช่นนี้ 

“ลงมือ!” 

มิคาดว่าจากที่รถม้าถูกเผา ขบวนคุ้มกันหนานเฉิงกั๋วกงหนุ่มถูกโจมตีจนแตกพ่ายในคราแรกจะกลับเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาได้เปรียบฝ่ายจู่โจมเพียงพลิกฝ่ามือเท่านั้น กระบี่คู่บนแผ่นหลังกำยำถูกกวัดไกวดื่มโลหิตศัตรูคนแล้วคนเล่ามิหลงเหลือภาพคุณชายหยิบโหย่งจับเป็นเพียงปลายด้ามพู่กันและสมุดบัญชีที่ทุกคนคุ้นตากันอยู่เสมอ 

“เหลือชีวิตให้พวกมันกลับไปส่งข่าวต่อผู้เป็นนายของพวกมันด้วยซั่วเจา!”

ไม่ถึงสองเค่อซากศพกว่าเจ็ดสิบชีวิตก็กองเต็มถนนกว้าง เลือดสีคล้ำเนืองนองพื้น กลิ่นคาวคละคลุ้ง มือเรียวยาวขยับปลดผ้าคลุมใบหน้าขาวสะอาดออกเปิดเผยให้ ‘เหยื่อ’ ซึ่งยังรอดชีวิตอีกราวสิบคนได้เห็นเป็นบุญตาว่าคนที่พวกมันต้องการชีวิตนั้นยังอยู่ดีไร้ร่องรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย 

…หึ!…นิสัยไม่ได้ก็คิดสังหารให้ตายเช่นนี้นะหรือจะให้เขายอมรับนางมาเป็นภรรยา มาเป็นหนานเฉิงกั๋วกงฟูเหรินนอนร่วมเตียงหึ!แต่งนางให้มาสังหารเขาได้สะดวกเช่นนั้นหรือไม่?

…เขายังมิได้โง่งมถึงเพียงนั้น…

“ไปบอกนายของพวกเจ้าว่าหากต้องการ ‘สามี’ ก็มีมารยาทกว่านี้สักหน่อย ทว่าหากนางต้องการศีรษะของข้า สวีฉีเฟิ่ง มือสังหารชั้นปลายแถวเพียงไม่ถึงร้อยอย่าส่งมาอีก!” 

น้ำเสียงหนักแน่นนั้นมาพร้อมกับกระบี่คู่ตัดเอาศีรษะของสามในสิบของมือสังหารที่ถูกคนของสวีฉีเฟิ่งห้อมล้อมเอาไว้ “เอากลับไป ‘ฝาก’ นายของพวกเจ้าได้ชื่นใจสักหน่อย บอกว่าข้าตั้งใจฝากไปให้นาง” 

...ตุ๊บ...ตุ๊บ... 

ซั่วเจาจับเอาสองในสามศีรษะโยนออกไปกองตรงหน้าอีกเจ็ดชีวิตที่เหลือจากนั้นส่งสัญญาณให้คนของตนเองเปิดทาง สวีฉีเฟิ่งเหยียดยิ้มเย้ยหยันตามไปกับเงาร่างของทั้งเจ็ดชีวิตที่วิ่งล้มลุกคลุกคลานหายไปกับความมืด 

“จัดการมื้อเช้าให้อาลี่กับฟ่งอย่างเต็มที่ส่วนที่เหลือก็ส่งไปเป็นปุ๋ยให้กับดงดอกเหมยกุยที่เชิงเขาฝูซานก็แล้วกัน” 

สั่งความเสร็จแล้วกายสูงสง่านั้นก็โหนตนเองขึ้นม้าที่คนจูงมาส่งแล้วมุ่งหน้าไปทิศทางที่ไม่ใช่หอสูงเช่นโรงเตี๊ยมฟ่านไฉและโรงเตี๊ยมรุ่ยเฟิ่งพอซั่วเจาขยับควบม้าตามไปเขาก็ส่งสัญญาณมือว่าไม่ต้องการให้ติดตามไป ม้าของซั่วเจาจึงหยุดลงตั้งแต่ยังไม่ได้ออกเดินด้วยซ้ำไป 

...เรือนคุณหนูห้าสกุลจาง... 

...ตุ๊บ!... 

คนกำลังหลับแต่ไม่สนิทเพราะภาพของพี่สาวกับพ่อบ้านฝู่เผยตามหลอกหลอนผวาสะดุ้งสุดตัวลุกขึ้นนั่งกลางเตียงเพราะมีเสียงคล้ายของหนักตกลงตรงหน้าต่างบานด้านข้าง ความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์ส่องแลเห็นเป็นเงาตะคุ่มวูบไหวทอดยาวราวภาพปีศาจร้ายทำเอาจางเยว่เซียงแตกตื่น มองไปด้านข้างเตียงก็ว่างเปล่าเลยนึกได้ว่าตนเองเพิ่งเล่นบทนางเอกแสนดีส่งฟางปี้เหลียนไปดูแลท่านย่ามหาภัย 

“กตัญญูผิดวันเสียแล้วนางบ้าเอ๊ย” 

คนงามพึมพำสบถด่าทอตนเองไปพลางก็ค้นหาของที่จะนำมา ‘ฟาด’ เงาปีศาจร้ายที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ทุกขณะ สุดท้ายมือเล็กคลำไปเจอเชิงเทียนบนโต๊ะข้างหัวเตียงจึงคว้ามากำเอาไว้แน่น ในใจก็คิดว่าขอให้เป็นปีศาจจริง ๆ เถิด เพราะปีศาจยังน่ากลัวน้อยว่า ‘โจร’ ราคะหลายพันเท่า! 

...ตุ๊บ!...โครม!...เพล้ง!... 

“ตายไหม?!” 

มิอาจทราบได้ว่านางถามผู้ใด รู้เพียงตนเองฟาดอีกฝ่ายด้วยเชิงเทียนแล้วเงาดำทะมึนยังยืนโงนเงน นางจึงควานไปหาชุดน้ำชาฟาดซ้ำจนแตกกระจายไม่พอควานมือพบสิ่งใดนางก็จัดการเร่งทุบเปรี้ยงลงไปไม่ยั้งแรง รู้สึกตัวอีกครั้งนางก็ลงไปยืนหอบแฮก ๆ อยู่ที่พื้นหน้าเตียงเสียแล้ว โดยมีร่างทะมึนนอนไม่ไหวติงอยู่ที่ปลายเท้า 

คนซึ่งไม่คิดว่าสตรีตัวเล็กเท่ามดนั้นจะมีพลังมากดังหมีป่า นอนมึนเป็นครู่ พอใช้มือคลำไปบนศีรษะกับสัมผัสได้ถึงของเหลวที่อุ่นแถมมีกลิ่นคาวอันคุ้นเคย สวีฉีเฟิ่งที่ยี่สิบกว่าหนาวนั้นไม่เคยเสียทีพลาดท่าให้ผู้ใดก็พลันอึ้ง เมื่อพบว่าตนเองพลาดท่าเสียทีถูกว่าที่ภรรยา ‘ทุบศีรษะ’ จนเลือดนองเข้าเสียได้ 

“จาง...เยว่...เซียง!” 

...เรือนกลางสกุลจาง... 

จางเยว่เซียงต้องมายืนปฐมพยาบาลให้กับ ‘จอมโจรราคะ’ จำเป็นเช่นสวีฉีเฟิ่งด้วยใบหน้าอิหลักอิเหลื่อเต็มทน ส่วนคนศีรษะแตกก็นั่งกอดอกหน้าตาบึ้งตึงคล้ายพร้อมจะฆ่าคนโดยมีท่านนายอำเภอจางนั้นเทน้ำชาใส่ถ้วยพลางยิ้มแห้งให้อีกฝ่าย 

“ลูกเขยค่อย ๆ ดื่มน้ำชาก่อน แหะ ๆ” 

เขาตวัดสายตาแค้นเคืองให้คนที่กำลังใส่ยาห้ามเลือดให้แล้วก็ยกถ้วยน้ำชาซดลงคอราวกับจะบดขยี้ถ้วยแล้วกลืนถ้วยน้ำชาเนื้อดีลงท้องระบายแค้นก็มิปาน 

“กะ...ก็...ก็...ก็เพียงป้องกันตัวเจ้าค่ะ...ป้องกันตัวเท่านั้น” 

กล่าวจบนางก็ส่งยิ้มแสนจะสลดหดหู่ออกไปให้คนหน้าตึงยิ่งกว่าหนังกลองไปหนึ่งสาย แล้วเร่งเก็บเครื่องมือทำแผลลงกล่องส่งต่อไปให้กับฟางปี้เหลียน นางอยากตะโกนออกไปยิ่งนักว่าตนเองไม่ได้ผิดนะ ก็ใครใช้ให้เขาปีนเข้าห้องของนางกัน เพราะจะมีสตรีที่ดีนางไหนอ้าแขนรับผู้บุกรุก นางเพียงฟาดเขาศีรษะแตกนับว่ายังน้อยหากมีดาบรับรองเขาถูกนางแทงจนร่างพรุนเป็นตะกร้าไปแล้ว 

“ดี!” 

...อะไรดี? ...นางฟาดได้ดีหรือ? ... 

“ข้าฟาดได้ดีหรือเจ้าคะ?” เขาถูกนางฟาดศีรษะจนเสียสติไปแล้วกระมัง 

พรวด!...แค่ก....แค่ก...แค่ก... 

จางเสียนอีถึงกับสำลักพ่นเอาน้ำชาที่ยังไม่ทันกลืนลงคอออกมาจนหมดถ้วยแล้วไอจนหน้าแดงก่ำอีกหลายยกจนเสี่ยวฮูหยินจางต้องทุบหลังให้เขาหยุดไอเสียหลายตุ๊บ ส่วนจางเยว่เซียงที่จู่ ๆ ก็ถูกชม ถึงกับยืนเผยอปากค้าง มองว่าที่สามีนิ่งคล้ายไม่วางใจว่า หลังจากชื่นชมนางเสร็จแล้วเขาอาจหยิบกระบี่คู่ที่วางอยู่บนโต๊ะมาแทงนางจนตายอีกรอบหรือไม่ 

“ถูกต้อง ข้าชมน้องเซียงว่าตีได้ดี!” 

จางเยว่เซียงเหลือบสายตาไปมองกระบี่สลับกับมองสีหน้าทะมึนของสวีฉีเฟิ่ง แล้วเท้าไม่รักษาหน้าเจ้าของนั้นก็ขยับถอยหนีไปใกล้ประตูอีกหน่อยก็...โธ่...ต่อให้นางเคยตายมาแล้วหนึ่งครั้งก็ใช่ว่าจะชอบตายอีกรอบนี่นา ย่อมกลัวตายซ้ำตายซากอยู่แล้ว

“แหะ ๆ ...เช่นนั้นเอาไว้เราแต่งกันแล้วน้องเซียงจะช่วยตีพี่เฟิ่งอีกดีหรือไม่” 

...โอ๊ย!...นางบ้า!...แกสมควรพูดว่า...คราวต่อไปน้องเซียงไม่กล้าแล้วสิยะ!... 

แต่ปากเจ้ากรรมไม่กลัวตายดันพูดออกไปอีกทางจนนางต้องหันหน้าหนีอีกฝ่ายแล้วตบปากตนเองไปหลายทีที่มันไม่กลัวตายพูดจาไม่รักษาชีวิตเจ้าของ 

“วันนี้น้องเซียงตีจนพี่เฟิ่งสาแก่ใจแล้ว เช่นนั้นคงสมควรลากลับเสียที ท่านพ่อตา อาเฟิ่งขอลา” 

“น้อมส่งลูกเขย” 

จางเยว่เซียงและเสี่ยวฮูหยินจางต่างมองหน้ากันแล้วไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี เพราะเกิดมาก็เพิ่งเคยพบเคยเห็นพ่อตา ‘น้อมส่ง’ ลูกเขยก็วันนี้นี่แหละ! 

แต่คนเช่นนายท่านสวี บิดาของนางน้อมส่งก็คงไม่ผิดอันใดมากนัก ทว่า...จางเยว่เซียงมองมือตนเองพลันสายตาก็ดันเหลือบไปเห็นกระบี่คู่ของอีกฝ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะ นางจึงคิดทำดีไถ่โทษสักครั้งคว้าเอากระบี่คู่มาหอบเอาไว้แล้ววิ่งตื๋อพุ่งตามไปทิศทางที่คาดว่าสวีฉีเฟิ่งเดินไป พอเห็นด้านหลังของอีกฝ่ายไวไวจึงตะโกนเรียกเขาสุดเสียง 

“พี่เฟิ่งลืมกระบี่แล้วเจ้าค่ะ!” 

...กึก!... 

กายสูงสง่าหยุดกึกลงทันควันเช่นกัน จางเยว่เซียงเตรียมฉีกยิ้มประจบประแจงเต็มที่ คาดว่าเขาหันมาพบต้องมีให้อภัยนางบ้างไม่มากก็น้อยที่ฟาดจัดเต็มจัดใหญ่ใส่ไปไม่ยั้งที่ห้องนอนเมื่อครู่ใหญ่ทว่า 

“ให้น้องเซียงเป็นรางวัลที่ตีได้ดี” 

กล่าวจบเขาก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพงแล้วหายลับไปกับความมืด จางเยว่เซียงจึงฉีกยิ้มแย้มแตะแต้มค้างเติ่ง พลันนั้นแข้งขาก็ดันหมดแรงทรุดนั่งสิ้นกิริยาคุณหนูห้าผู้เรียบร้อยไปโดยสิ้นเชิง ภายในหัวก็มีแต่ภาพข้อมือของฝู่เผยถูกตัด ภาพใบหน้าของจางเยว่ซินถูกกรีด 

พอภาพดังกล่าววิ่งตีกันอยู่ในหัว อ้อมแขนที่กอดกระบี่สองเล่มก็ดันสั่นพั่บ ๆ ดังกับว่านางเป็นไข่เอ๊ย...เป็นไข้จับสั่นก็มิปาน “สั่นทำไมละ? ...อย่าสั่นสิวะ!” แต่ดุมันก็แล้ว ด่าเจ้าแขนทั้งสองข้างไปจนคอแห้ง เจ้าสองแขนไม่เอาไหนก็ไม่หยุดสั่นไม่พอ มันยังพาเอาขาสองข้างสั่นไปด้วยอีกต่างหาก 

“คุณหนูห้า...” 

ยังดีว่ามีฟางปี้เหลียนมาช่วยตามเก็บนางกลับเรือน หาไม่จนถึงช่วงสายก็คาดว่านางอาจยังไม่หยุดสั่นแล้วพาตนเองกลับไปนอนหวาดผวาอยู่ที่ห้องนอนของตนเองได้เป็นแน่ 

...แต่...นางไม่ผิดจริง ๆ น่ะนะ นางตีถูกเขาทุกครั้งเลย...จริง...จริ๊ง!... 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายวันเวลานั้นช่างมิเคยหยุดรอผู้ใด บัดนี้ชีวิตใหม่ของอดีตนางร้ายข้ามภพเช่นจางเยว่เซียงหรือก็คือหนานเฉิงกั๋วกงฟูเหรินเผลอไปเล็กน้อย บัดนี้ก็ผ่านมาถึงเจ็ดหนาวเข้าไปแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นเช่นปุถุชนทั่วไปนั่นก็คือมีทั้งสุข และทุกข์ยากผสานกันไป บุตรชายฝาแฝดทั้งสองคนของนางคลอดออกมาอย่างปลอดภัยหลังจากพิธีแต่งงานของซั่วเจา และฟางปี้เหลียนผ่านไปได้ราวสองเดือน สวีฉีเฟิ่งคือคนที่ดีใจจนน้ำตาไหลในยามที่เขาได้โอบอุ้มเด็กแฝดสองคน และตลาดเจ็ดหนาวที่ผ่านมา 'สวีเฉิงซี' และ 'สวีเฉียวฟ่าน' ก็แข็งแรง และฉลาดเฉลียวสมวัย มิมีสิ่งใดผิดปกติเช่นที่นางกังวลมาตลอดหลังจากตนเองถูกวางยาในคราวนั้น ส่วนฟางปี้เหลียน และซั่วเจาอีกสองหนาวหลังจากแต่งงานกัน พวกเขาก็ให้กำเนิดบุตรสาวหนึ่งคน และอีกห้าหนาวต่อมาก็เป็นบุตรชายอีกหนึ่งคน ครอบครัวแซ่ซั่วจึงอบอุ่นมีความสุขกันตามประสา ส่วนนางเมื่อหนึ่งหนาวก่อนก็เพิ่งให้กำเนิดบุตรสาวมาเป็นแก้วตาให้กับบุรุษแซ่สวีทั้งสาม และตัวของนางเอง ชีวิตของหนานเฉิงกั๋วกงสวีนั้นเจ็ดหนาวผ่านมาก็ยังคงต้องเดินทางหนึ่งหนาวแทบมิได้หยุดหย่อน ซึ่งในบางครั้งนางก็ติดตามเขาไปบ้าง แต่บางครั้งก็รั้

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนพิเศษ2

    ตอนพิเศษ2ราวครึ่งชั่วยามฟางปี้เหลียนก็ก้าวเท้าออกจากห้องอาบน้ำด้านหลังมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนที่พันพันห่อรอบศีรษะ เพราะนางทนไม่ไหวจำต้องสระผมด้วย ชายของเสื้อคลุมตัวที่นางสวมนั้นสั้นเพียงโคนขาเรียวเปิดเผยให้เห็นช่วงขาอ่อนวับแวม ส่วนหัวไหล่นวลเนียนลาดลงมารับกับเนินอกอันอวบอิ่มนั้นถูกเนื้อผ้าของเสื้อคลุมปกปิดมิดชิดเช่นปกติ ฝ่ายเจ้าบ่าวที่นอนรอท่าอยู่แล้ว เมื่อเห็นเจ้าสาวของตนเดินออกมาจากห้องอาบน้ำเกือบจะถึงฉากที่กางกั้นเอาไว้สำหรับแต่งกาย เขาก็ลุกพรวดพราดขึ้นตรงไปประคองร่างงาม พลางโอบกอด และซบจมูกลงตรงช่วงลำคอขาวเนียนแล้วไถลเลยไปถึงลาดไหล่ "อะ!...ดะ...เดี๋ยวสิเจ้าคะ ขออาเหลียนสวมอาภรณ์ และเช็ดผมให้แห้งเสียก่อน" ถึงนางจะอาบน้ำถ่วงเวลาทำใจมาเป็นครึ่งชั่วยามแล้วโดยแท้ ทว่าเพียงเขาจู่โจมนางกลับสะท้านเยือกกับเคราเขียวที่เพิ่งโกนของเจ้าบ่าวซึ่งเสียดสีกับเนื้ออ่อนนุ่มบริเวณลำคอ"มิต้องสวมแล้ว สวมไปก็ถูกข้าถอดออกอยู่ดี" คนอดทนรอให้ถึงราตรีนี้มาหลายเดือนกล่าวทึ่มทื่อมิอ้อมค้อมสักน้อยจนฟางปี้เหลียนนั้นเขินอายใบหน้าร้อนผ่าวจึงอดจะบ่นพึมพำเสียมิได้ "ท่านพี่น่ะ!" ทว่านางพึมพำออกมาได้เพียงเท่านั

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนพิเศษ1

    ตอนพิเศษ1เข้าเดือนสี่หิมะเริ่มสลาย กลีบดอกเหมยก็ร่วงโรยใกล้หมดต้น บ่งบอกว่าบัดนี้เข้าสู่ปลายฤดูหนาว และคงกำลังจะเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิมาเยือนแผ่นดินต้าเหลียงแล้ว วันที่จวนสวีกลับคึกคักอย่างยิ่ง ทั่วบริเวณเนื้อที่กว่าหนึ่งร้อยหมู่บัดนี้ถูกตกแต่งประดับประดาด้วยสีแดงระยิบระยับสดใสแสบตา เพราะวันนี้กำลังจะมีงานมงคลเกิดขึ้นนั่นเอง ซึ่งงานวิวาห์ในวันนี้นั้นจะเป็นของผู้ใดไปมิได้นอกจากท่านหัวหน้าซั่วเจาหนุ่มวัยฉกรรจ์ผู้เยือกเย็น กับแม่นางฟางปี้เหลียน คนสนิทของทั้งนายท่านสวี และนายหญิงสวีนั่นเอง แขกเหรื่อนั้นคราวแรกทั้งเจ้าบ่าว และเจ้าสาวมิคาดว่าจะมากมายเพราะทั้งคู่มิใช่คนมีฐานันดรอันใด ผู้เป็นฝ่ายเจ้าสาวนั้นนางเป็นเพียงสาวใช้กำพร้า มีญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวคือท่านหมอฟางผู้แก่ชรามากแล้ว ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นคงมิต้องกล่าวเพราะมีเพียงสวีฉีเฟิ่ง พ่อบ้านซูจิ้งเหยา เฉาคุน ติงฮ่าว และเหิงเซา เท่านั้นที่เหลือก็เป็นลูกน้องใต้ปกครองอีกราวสองร้อยกว่าชีวิตที่ยังอยู่ในเมืองหลวงเท่านั้น แต่บัดนี้กลับมีแขกมาร่วมงานนับแล้วคงเกินห้าถึงหกร้อยคน ซึ่งในคราวนี้เพราะเวลาถูกเลื่อนมาจากกำหนดเดิมถึงสามเดือนกว่า ทางสกุ

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่ 50

    ตอนที่ 50และแล้วพ้นผ่านไปเพียงหนึ่งวัน ข่าวจากวังหลวงก็เริ่มทยอยส่งมาให้สวีฉีเฟิ่งได้ทราบ เริ่มจากตำหนักลี่ฮวาของเฉียนเต๋อเฟยที่อยู่ ๆ ก็เกิดเพลิงไหม้จนวายวอด คนเกือบทั้งตำหนักตายลงสิ้น ทั้งที่นี่คือฤดูหนาวหิมะหนาแน่น แต่ต่อให้เป็นฤดูฝนน้ำมาก แต่หากเป็นพระประสงค์ของฮ่องเต้ อยากให้มอดม้วยมลายสิ้นก็ต้องเป็นไปตามนั้น ส่วนเด็กสาวที่กวนเหยานักฆ่าสาวผู้นั้นฝากฝังเอาไว้ แน่นอนว่าต้องได้รับการช่วยเหลือตามคำพูดที่เขาได้รับปากคนตายไปแล้ว เพียงแต่ช่วยเหลือนางออกมาแล้วเขาก็จัดการส่งไปยังโรงเตี๊ยมของสกุลสวีให้นางเลือกว่าจะทำงานใดเลี้ยงชีพตนเอง แล้วลำดับต่อมาก็เป็นสกุลเฉียนที่ถูกข้อหายั่วยุองค์ชายสี่ทำการก่อกบฏคิดลอบปลงพระชนฮ่องเต้ ห้าร้อยเจ็ดสิบสามคนถูกประหารจนสิ้น ส่วนองค์ชายสี่ถูกเนรเทศไปอยู่ชายแดนฝั่งเยี่ยนเป่ยตลอดชีวิตมิอาจกลับมาเหยียบเมืองหลวงได้อีกต่อไป ส่วนทางด้านเหยียนเหม่ยซินนั้นได้คลอดบุตรออกมาเป็นหญิง และเพื่อความบริสุทธิ์ไร้ข้อกังขา ฮ่องเต้จึงประทานหมอหลวงให้ไปพิสูจน์สายเลือดถึงหกคนว่าที่แท้บิดาของเด็กน้อยนั้นเป็นสวีฉีเฟิ่งจริงหรือไม่ ซึ่งย่อมแน่นอนว่าไม่ใช่ แล้วความจริงที่ว่าเหยีย

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่ 49

    ตอนที่ 49...ตำหนักฉางชุน... กายแกร่งของหนานเฉิงกั๋วกงหนุ่มก้าวผ่านโค้งประตูของตำหนักใหญ่ที่มีทหารองครักษ์ และขันทีมากมายคุ้มกันแข็งขันสมกับเป็นตำหนักของมังกรแห่งต้าเหลียง “ฝ่าบาท หนานเฉิงกั๋วกงมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีคนสนิทเร่งเข้าไปโค้งกายกระซิบกระซาบบุรุษในอาภรณ์ลำลองมิได้เต็มพิธีการเช่นในยามออกว่าราชการยังท้องพระโรงใหญ่ของมหาราชวัง “อืม…ให้เขาเข้ามาได้” ผู้กำลังเคร่งเครียดอยู่กับม้วนฎีกามากล้นเอ่ยอนุญาตโดยมิได้ละสายตาจากงานในมือแม้แต่น้อย “ฉีเฟิ่งถวายพระพรฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” กายสูงใหญ่ของหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเอ็ดหนาวผู้อยู่ด้านหลังโต๊ะทรงงานเงยหน้าขึ้นจากกองฏีกามากมายตรงหน้าได้ในท้ายที่สุด เมื่อคนที่เขาทราบดีอยู่แล้วว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งสวีฉีเฟิ่งนั้นจะต้องมาเข้าเฝ้าเป็นแน่ เพราะข่าวคราวการสูญเสียเลือดเนื้อเชื้อไขไปมิใช่อันใดที่บุรุษจะยอมรับได้ “แวะมาพบข้าได้สักครานะเฟิ่งเอ๋อร์ มานั่งตรงนี้พูดจากันให้ดีเถิด” หากเรียกกันเช่นนี้ย่อมหมายความว่าฮ่องเต้มิต้องการพูดคุยกันอย่างฮ่องเต้กับขุนนาง แต่เขาคงต้องการพูดคุยกันอย่างญาติสนิทมากกว่า แต่จะฐานะใดวันนี้สวีฉีเฟิ่งจะมิอ่อนข้อเด็ดข

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่ 48

    ตอนที่ 48พอเขาขยับกายโอบอุ้มผู้เป็นภรรยา ก็สัมผัสได้กับความเปียกชื้นบ่งบอกชัดเจนถึงของเหลวจึงยกมือขึ้นมาดู ภาพหยาดโลหิตสีเข้มพร้อมกลิ่นคาวกลับทำเอาเขาอุทานลั่นพลางหน้าตาซีดเซียว ส่วนหัวใจนั้นเจ็บปวดราวกับถูกมือขนาดยักษ์ยื่นมาบีบบี้ขยี้จนแหลกเหลวกลายเป็นน้ำเสียแล้ว …ไม่นะเจ้าก้อนขนมทังหยวน (ขนมบัวลอย) ของบิดา เจ้าอย่าเป็นอันใดไปนะ!… “นายท่านเร่งพานายหญิงไปด้านในก่อนเถิดขอรับ อาเหลียนเร่งไปตามท่านพ่อบ้านใหญ่มาเร็วเข้า” เป็นซั่วเจาที่มีสติมากกว่าผู้เป็น ‘นายท่าน’ เขาจึงร้องเตือนทางสวีฉีเฟิ่ง เสร็จแล้วหันไปร้องบอกให้ฟางปี้เหลียนเร่งไปตามผู้มีความรู้ทางการแพทย์เช่นซูจิ้งเหยามาดูอาการของจางเยว่เซียงก่อนที่ท่านหมอจะมาถึงจวน “ท่านพี่…” จางเยว่เซียงนั้นเกร็งมือกำหน้าอกเสื้อของสามีเอาไว้แน่นจนเห็นข้อนิ้วขาว พยายามกัดฟันอดทนต่อสู้กับความเจ็บปวดที่บีบรัดรุนแรงในช่องท้อง นางพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วปล่อยออกสุด หวังบรรเทาอาการปวดนั้นมิให้กัดกินสติของนางจนสิ้นนั่นเอง ส่วนภายในใจนั้นจางเยว่เซียงนั้นกลับกังวลห่วงใยลูกน้อยที่นางเพิ่งทราบว่ามีเขามาอยู่ด้วยเพียงสองเดือนเท่านั้น แต่บัดนี้นางกำลัง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status