เธอ…คือน้องสาวของอริที่เขาอยากเหยียบให้จมดิน เขา…คือผู้ชายที่มีพร้อมทุกอย่าง ยกเว้นหัวใจ เมื่อเงินคือสิ่งเดียวที่เธอต้องการ และเขาเสนอให้แลกกับจ่าย ‘ร่างกาย’ เป็น ‘ดอกเบี้ย’
View Moreเสียงเหล็กครูดลากไปตามพื้นซีเมนต์ในซอยเปลี่ยวดังจนรู้สึกเข็ดฟัน มันขยี้ประสาทได้พอๆ กับแสงไฟถนนที่กระพริบติดๆ ดับๆ เหมือนโลกกำลังหายใจขาดช่วง
ภายใต้แสงไฟสลัว…กลุ่มชายหนุ่มห้าคนในชุดนักศึกษายืนประจันหน้ากัน ไม่มีใครยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว ในมือมีอาวุธครบพร้อมฟาดฟัน “เพื่อนมึงอีกคนไปไหนแล้ววะ” เสียงของ ครินทร์ ในชุดนักศึกษาที่เอาเสื้อออกนอกกางเกงเอ่ยถามฝั่งตรงข้ามอย่างเย้ยหยัน มือหนาถือแท่งเหล็กหนักๆ ที่สามารถฟาดหัวอริแตกได้ในพริบตา รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏตรงมุมปาก แววตาเฉียบคมจ้องมองราวกับ ‘นักล่า’ ที่พร้อมกระโจนใส่ฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา “สองคนก็เอาพวกมึงลงได้” เซนต์ คู่อริฝั่งตรงข้ามตอบกลับเสียงเรียบ ตระกูลของครินทร์เป็นมาเฟียทรงอิทธิพล ตนอาจจะเสียเปรียบฝั่งนั้นเรื่องฐานะ แต่ในเรื่องของ ‘ศักดิ์ศรี’ ไม่เคยยอมใครอยู่แล้ว ต่อให้ใหญ่มาจากไหนเขาก็ไม่เคยกลัว “หึ! ปากดีนักนะมึง ระวังวันนี้จะได้จมตีนกู” “กูเคยกลัวมึงด้วยเหรอ” “ปากเก่งแบบนี้ กูแม่งอยากเอาเลือดปากมันออกจริงๆ” หนึ่งในเพื่อนของครินทร์อย่าง ตรีภพ เอ่ยด้วยสายตาเอาเรื่อง มือหนาที่มีสนับกำเข้าหากันแน่น “วันนี้มึงได้เห็นเลือดปากมันแน่” ลูกชายมาเฟียเอียงหน้าไปพูดกับเพื่อน ก่อนจะดึงสายตากลับไปมองเซนต์ คู่อริหมายเลขหนึ่ง ครินทร์ยกบุหรี่ขึ้นดูดหนึ่งเฮือก ก่อนจะดีดมันทิ้งลงแอ่งน้ำขังอย่างไม่แยแส แท่งเหล็กที่วางพักอยู่พื้นถูกยกขึ้น ปัง! เสียงขวดเบียร์แตกกระจายลงกับพื้นเหมือนเป็นสัญญาณของการเปิดศึก เสียงฝีเท้าพุ่งเข้าใส่กันดังก้อง เหล็ก ไม้ และสนับมือฟาดตีกันโครมคราม สะท้อนระหว่างกำแพงแคบๆ ของซอย ครินทร์ยกเท้าเตะเข้าหน้าท้องเซนต์อย่างจัง ร่างอีกฝ่ายเซไปหนึ่งจังหวะ ก่อนจะพุ่งกลับมา สวนหมัดใส่หน้าแบบไม่ยั้ง ผัวะ! ผัวะ! เสียงหมัดกระแทกเนื้อดังก้องในหัวเหมือนระฆังนรก แรงปะทะแลกกันไม่ต่างจากสัตว์ป่ากำลังแย่งอาณาเขต ในขณะที่ฝนเริ่มเทลงมา ครินทร์ไม่หลบสักหมัด เขารับมันเข้าหน้าเต็มๆ แค่เพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่าย ‘กล้าแค่ไหน’ มุมปากแตก เลือดซึม แต่สายตายังนิ่งสนิท น่ากลัวกว่าความเจ็บปวดคือความเงียบของคนที่ไม่กลัวเจ็บ “ต่อยกูแรงกว่านี้หน่อยดิวะเซนต์” เสียงครางต่ำลอดไรฟัน สะกดอารมณ์ไว้ไม่อยู่ มือที่กำแท่งเหล็กแน่นตวัดเป็นวงกว้าง ผัวะ!! เสียงเหล็กฟาดเข้ากับบ่าของเซนต์จนอีกฝ่ายแทบล้มทั้งยืน แต่เด็กหนุ่มฐานะธรรมดาอย่างเซนต์ไม่ใช่คนจะล้มง่ายๆ เขาเงยหน้าขึ้น สายตายังคงแข็งกร้าว เหมือนคนที่ยิ่งเจ็บยิ่งเดือดดาลอยากเอาชนะ “หยุด! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ!” เสียงตะโกนพร้อมกับคำว่า ‘ตำรวจ’ ทำให้ทุกคนชะงัก ครินทร์ที่กำลังเหยียบอกแกร่งของเซนต์ขบกรามแน่น ดวงตาฉายชัดถึงความไม่พอใจ “แม่งเอ๊ย! ถอยก่อน!” เสียงครินทร์ตะโกนบอก ก่อนจะหันหลังแล้ววิ่งหนี พร้อมตรีภพและจอมทัพที่เป็นเพื่อนสนิท ฝีเท้าของพวกเขาหายวับไปในเงามืดก่อนตำรวจจะทันควักกุญแจมือ “ไม่ต้องตาม!” “แต่…” “นั่นลูกชายคุณคิระ ปล่อยไปก่อน” ในขณะที่ครินทร์หลุดรอด เซนต์กับเพื่อนกลับถูกกดกับพื้นและใส่กุญแจมือทันที เลือดไหลจากคิ้วอาบแก้ม สายตาคมเข้มดูเกรี้ยวกราดมองตามแผ่นหลังของอริที่หนีไป ลูกชายมาเฟียและเพื่อนวิ่งหนีตำรวจหัวซุกหัวซุนมาไกลพอสมควร ชุดนักศึกษาหลุดรุ่ยมีคราบเลือดเปื้อนเขรอะอย่างชัดเจน “แม่ง! พวกตำรวจเหี้ย” ครินทร์สถบ แล้วโยนแท่งเหล็กเข้ากำแพงอย่างหัวเสีย หากตำรวจไม่โผล่มาป่านนี้เซนต์โดนเขาอัดน่วมไปแล้ว “กูยังหอบไม่หายเลย มึงวิ่งโคตรเร็ว” จอมทัพ หอบหายใจแรง ยกแขนเสื้อเช็ดเหงื่อพร้อมเหลือบตามองเพื่อน “แล้วมึงจะเอาไงต่อ” ตรีภพที่ยืนพิงเสาอยู่เอ่ย ครินทร์นิ่งไปหนึ่งจังหวะ ดวงตาเย็นเยียบเหมือนถูกดับไฟภายในชั่วพริบตา เขายกมือขึ้นเช็ดมุมปากที่ยังมีเลือดซึมอยู่เล็กน้อย “รอบหน้าเจอมันอีก…กูจะเอาให้มันตายคาตีน!”หลายปีต่อมาเสียงประกาศจากพิธีกรบนเวทีดังก้องไปทั่วลานหน้าคณะ ท่ามกลางบรรยากาศอบอวลด้วยความยินดีและความภาคภูมิใจของเหล่าบัณฑิตใหม่ วันนั้นเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสจนแทบไม่มีเมฆ เสียงหัวเราะ เสียงชัตเตอร์ เสียงเรียกชื่อกันข้ามตึกดังระงมไปหมด มวลอากาศร้อนระอุปะปนกลิ่นดอกไม้ที่ผู้คนถือเต็มสองมือเซลีนอยู่ในชุดครุยสีดำสนิทกับผ้าพาดบ่าขลิบทองช่วยขับให้ผิวขาวผ่องของเธอโดดเด่นยิ่งกว่าใคร ผมยาวถูกรวบตึงเรียบร้อยแต่เส้นเล็กๆ ที่หลุดออกมาเคลียกรอบกรอบหน้าทำให้เธอดูอ่อนโยนและเป็นธรรมชาติจนน่ามองไม่วางตาร่างบางเดินยิ้มรับคำแสดงความยินดีจากเพื่อนๆ และอาจารย์อย่างเป็นกันเอง ดวงตาเป็นประกายคล้ายมีแสงสะท้อนจากแววฝันที่ทำสำเร็จในวันนี้ เสียงกดชัตเตอร์ดังต่อเนื่องเมื่อเธอหันไปยิ้มให้กล้องครินทร์ยืนพิงรถหรูสีดำข้างถนน สายตามองเซลีนในชุดครุยด้วยแววอ่อนโยนที่คนอื่นไม่มีวันได้รับ วันนี้เธอโตขึ้นไปอีกขั้นแล้วภูมิใจในตัวเด็กคนนี้มากเขาเดินเข้าไปร่วมแสดงความยินดี พอเซลีนเห็นก็รีบเข้ามาสวมกอดด้วยความดีใจ เขาหยิบบางอย่างที่ถือมาด้วยแล้วยื่นให้“อะไรคะ?” เธอเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อเขายื่นบางอย่างมาให้“ลองเปิดดูสิ
ลานกิจกรรมของคณะเต็มไปด้วยความคึกคัก เสียงเชียร์ เสียงปรบมือ และเสียงตะโกนสลับกันไปมาไม่ขาดสาย ยามบ่ายอากาศร้อนอบอ้าวแต่กลับเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เหงื่อที่ไหลตามกรอบหน้าแต่คนละถูกเช็ดลวกๆแสงแดดสะท้อนจากผ้าใบกันแดดที่ขึงไว้เหนือหัวจนเกิดประกายแสบตา ทุกมุมของลานกว้างเต็มไปด้วยสีสันของลูกโป่ง ป้ายผ้า และสเปรย์โฟมที่ใช้ตกแต่งมุมถ่ายรูปรุ่นพี่เดินแจกน้ำให้รุ่นน้องที่นั่งเรียงกันอยู่ด้านหน้า แต่ละคนมีป้ายชื่อห้อยคอ มีของตกแต่งเล็กๆ ที่บ่งบอกเอกลักษณ์ของตัวเองเสียงร้องเพลงดังขึ้นเป็นจังหวะพร้อมเสียงตบมือ เสริมด้วยกลองยาวที่รุ่นพี่เตรียมไว้ช่วยเพิ่มความครึกครื้นเข้าไปอีกเซลีนสวมใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ขายาวเรียบง่าย ผมรวบสูงลวกๆ มีเส้นผมหลุดมาปรกแก้มบางส่วนแต่กลับดูเป็นธรรมชาติเธอเดินตรวจความเรียบร้อยให้รุ่นน้องกลุ่มตัวเอง มือถือขวดน้ำและผ้าเย็นไว้แจก แสงแดดกระทบผิวจนเกิดประกายวาวอ่อนๆ ทำให้เธอโดดเด่นท่ามกลางผู้คนโดยไม่รู้ตัวจนถึงช่วงเฉลยพี่รหัส หนุ่มตี๋ผิวขาวในชุดนักศึกษาเหมือนอาบน้ำวันละสิบรอบเดินตรงเข้าไปหาเซลีนพร้อมกระดาษคำใบ้“สวัสดีครับ ผมกร คำใบ้ในกระดาษ…ใช่พี่ไหมครับ”“อ่
ความสัมพันธ์ระหว่างครินทร์กับเซลีนดูราบรื่นแต่ก็มีทะเลาะกันตามประสาคู่รัก และทุกครั้งครินทร์เป็นฝ่ายยอมเพราะไม่อยากทำเรื่องให้เล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่สองคนไม่เคยทะเลาะกันจริงๆ จังๆ เวลาอีกคนไม่ชอบอะไรในตัวอีกคนก็จะคอยบอกปรับกัน เป็นเรื่องปกติเวลาคบกันนานขึ้นแล้วเจอข้อเสียของกันและกัน“พี่ครินทร์มีผู้หญิงทักมา เธอเป็นใครเหรอคะ?” เซลีนเดินเข้าไปหาครินทร์แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ดู“เธอชื่ออลิชา เป็นคนที่พี่ต้องไปคุยงานด้วยวันมะรืนนี้” เขารั้งเซลีนมานั่งบนตัก แขนโอบกอดเอวบางเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะจุมพิตลงไหล่มนหนึ่งครั้งอย่างอ่อนโยน“แต่ชวนไปดื่มไวน์ด้วยเนี่ยนะคะ” เธอหลุบมองหน้าจอโทรศัพท์เขาที่มีข้อความจากผู้หญิงที่ชื่ออลิชาเด้งขึ้นมาเป็นข้อความชวนดื่มไวน์พอดี ก่อนจะชูให้เขาดูด้วยสายตาเอาเรื่องครินทร์รับโทรศัพท์มาอ่านข้อความ ในใจได้แต่คิดซวยแล้ว เขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลย ส่วนเรื่องคอนแทคส่วนตัวเขาไม่ได้เป็นคนให้ เธอคงไปขอจากคนอื่นมาอีกที“เซย์เชื่อใจพี่ไหมครับ”“ค่ะ”“ถ้างั้นเซย์เชื่อใจพี่เรื่องนี้ด้วยได้ไหม”“อธิบายมาสิคะ แล้วเซย์จะตัดสินใจเอง”ครินทร์เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้ว
“พรุ่งนี้แกต้องไปงานแทนฉันที่โรงแรมคลิน”“ทำไมต้องเป็นผม พ่อใช้เฮียคิรันบ้างดิ” ครินทร์หัวเสียเล็กน้อย พรุ่งนี้ตั้งใจบินไปส่งเซลีนถึงญี่ปุ่นพร้อมกับอยู่ด้วยเจ็ดวัน แต่พ่อดันบอกให้ไปร่วมงานที่โรงแรมคลินในวันพรุ่งนี้คิระละสายตากจากแก้วชาในมือไปมองลูกชายด้วยแววตายากอ่านออก ก่อนจะขยับริมฝีปากตอบกลับเสียงเรียบ“คิรันมีบินไปดูงานที่ฮ่องกงพรุ่งนี้กับเมียเหมือนกัน ส่วนฉันก็ไม่ว่าง เหลือแค่แกแล้วครินทร์”“แต่ผม…”“งานนี้สำคัญมาก แขกที่มาคือคุณริวกิ ทัตสึโอกะ นักธุรกิจฝั่งญี่ปุ่น และครอบครัวเราได้รับเกียรติให้เป็นฝ่ายต้อนรับเขาในครั้งนี้” คิระสวนลูกชายทั้งที่ยังพูดไม่จบ ตระกูล ‘ทัตสึโอกะ’ มีอิทธิพลมากในญี่ปุ่น เผื่อในอนาคตได้ร่วมทำธุรกิจด้วยกันคงง่าย ถ้าหากครินทร์ไปร่วมงานและสร้างสัมพันธไมตรีกับทางนั้นได้อีกอย่างทางนั้นบอกเองอยากให้ครินทร์เป็นฝ่ายมาต้อนรับ จริงๆ เขาให้คิรันหรือไปเองได้ แต่ทางนั้นกำชับว่าต้องเป็นครินทร์ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ก็ดีเหมือนกันลูกชายจะได้มีประสบการณ์ เพราะครินทร์ไม่ค่อยชอบออกงานเท่าไรนัก“พ่อรู้ไหมว่าพรุ่งนี้เซย์จะบินไปญี่ปุ่น? ผมสัญญากับเธอแล้วว่าจะไปด้วย”“
ยิ่งใกล้วันเซลีนบินไปญี่ปุ่นครินทร์ก็ยิ่งไม่อยากให้ไป เขานั่งบนโซฟาหนังราคาแพงสีดำ ทิ้งศีรษะไปพิงพนักด้านหลัง เซลีนยังคงใช้ชีวิตตามปกติผิดกับเขาโดยสิ้นเชิงตอนนี้สภาพเขาไม่ต่างจากหมาโบ้ที่ซึมเพราะกำลังจะได้ห่างจากเจ้าของ เขาสามารถบินไปหาเธอได้ก็จริง แต่ด้วยหน้าที่ของเขาที่นี่ก็มีเช่นกันทำให้ทำแบบนั้นไม่ได้ตลอดครินทร์ยังนั่งนิ่งอยู่สักพัก สายตาจ้องมองมือของตัวเองที่พาดอยู่บนตัก ราวกับพยายามหาคำพูดที่จะบอก แต่ใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้เซลีนเดินเข้ามาจากฝั่งหัวโซฟา เธอยิ้มบางๆ ก่อนโน้มตัวลงจูบเบาๆ ที่หน้าผากคนตัวโต ครินทร์ลืมตามอง ดวงตาของเธอสดใสและอบอุ่นเหมือนแสงแดดในตอนบ่าย“คิดอะไรอยู่คะ?” เซลีนถามเสียงนุ่มครินทร์ส่ายหัวเบาๆ จากนั้นดึงตัวขึ้นมานั่งให้เรียบร้อย เซลีนอ้อมตัวมานั่งข้างๆ ก่อนที่เขาจะซบใบหน้าลงบนไหล่ของเธอ“พี่ไม่อยากให้เซย์ไปญี่ปุ่นเลย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ดวงตาคมสั่นเล็กน้อยราวกับกลั้นความเจ็บปวดจากการต้องห่างกันเซลีนยกมือขึ้นลูบเส้นผมของเขาอย่างเบาๆ หัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นแววตาที่เปล่งความอ่อนแอออกมา เธอรู้ทันทีว่าความรู้สึกนี้เป็นเรื่องจริงไม่ใช่แค
สามวันต่อมา ชีวิตเซลีนยังคงดำเนินต่อไปเหมือนเดิม แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือ การให้โอกาสครินทร์อีกครั้ง เมื่อก่อนทั้งเพื่อนและพี่ชายต่างไม่ชอบครินทร์ ทว่าตอนนี้เขาทำให้คนรอบข้างเธอต่างยอมรับ แต่พี่ชายของเธอก็ยังคงทำฟอร์มในบางครั้งบ่ายแก่ๆ ภายในมหา’ลัย แสงแดดลอดผ่านต้นไม้ใหญ่ด้านข้างอาคารเรียน เงาตกลงบนพื้นคอนกรีตจนเกิดลวดลายเหมือนภาพวาด เสียงพูดคุยของนักศึกษาดังระงมจากทุกทิศ โรงอาหารกลางยังคงแน่นไปด้วยผู้คนที่ต่อคิวซื้ออาหารและหาโต๊ะนั่งกันเต็มไปหมดเซลีนกับน้ำตาลเดินเคียงกันมาพร้อมถาดอาหารในมือ วันนี้เซลีนเลือกข้าวผัดโป๊ะหน้าด้วยไข่ดาวไข่แดงไม่สุกมาก ส่วนน้ำตาลเลือกสลัดกับไก่ย่างชิ้นโตเพราะกำลังอินกับการนับแคล แต่สุดท้ายก็ไม่วายแอบซื้อนมเย็นแก้วใหญ่ติดมือมาด้วย“วันนี้คนเยอะเนอะ” น้ำตาลบ่นขณะกวาดสายตาหาโต๊ะว่าง“จริง รู้สึกว่าเยอะกว่าทุกวัน” เซลีนถามพลางเดินตามจังหวะฝีเท้าเพื่อน ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ โรงอาหารที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ คุยกันอื้ออึง เสียงช้อนส้อมกระทบจานโชคดีที่มีโต๊ะว่างพอดีตรงมุมติดกระจก มองออกไปเห็นสนามหญ้ากว้างด้านนอกที่นักศึกษากำลังนั่งจั
Comments