“ตั้งใจเรียนนะเดีย!”
หลังกินกาแฟกันเสร็จ ฉันจ้องมองคนที่ไม่รู้ว่าตั้งใจโบกไม้โบกมือให้จริงๆ หรือแค่ทำมันเพราะเวทนาฉันอย่างที่ทำเป็นประจำตั้งแต่วันที่เธอแยกไป ใช่...แยก เชื่อว่าในทุกความสัมพันธ์พี่น้องต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่สำหรับเราแล้ว ถ้าให้ย้อนเวลากลับไป มันเลวร้ายยิ่งกว่านั้น และมันก็ยาก...เกินกว่าที่ฉันจะให้อภัยด้วย '...พี่เฟรย์ เดียกลัว' นั่นเสียงฉันเองแหละ เสียงสั่นๆตอนอายุไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ และพอสมองสั่งการให้หูได้ยินเสียงที่จำได้ไม่ลืมของตัวเอง ภาพเดิมๆก็ไหลย้อนกลับมา ทั้งที่ฉันพยายามจะลืมมัน 'เฟรย่ากับฟาเดีย ชื่อน่ารักทั้งคู่เลย คนนี้เป็นพี่ คนนี้เป็นน้องใช่มั้ยคะ?' ใครบางคนในมูลนิธิเด็กกำพร้าพูดมา ขณะที่ฉันในตอนนั้นยืนหลบอยู่หลังพี่เฟรย์เนื้อตัวสั่น ไม่รู้ว่าฉันจะเรียกมันว่าความใจร้ายของโชคชะตาได้มั้ย ที่เราต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าในชั่วข้ามคืนแบบนั้น พรึ่บ! 'อย่ามาจับน้องหนู!” พี่เฟรย์ในตอนนั้นยกแขนขึ้นมาบังตัวฉันและตะโกนออกไปดังลั่น จะว่าไปแล้วเธอดูพึ่งพาได้ใช่มั้ยล่ะ นั่นสินะ... สมัยที่ยังอ่อนต่อโลกและไร้เดียงสามากๆ ฉันเองก็คิดแบบนั้น แต่ทิ้งระยะไปไม่นาน จำไม่ได้ว่านานพอที่เราเริ่มจะคุ้นชินกับบ้านใหม่อย่างมูลนิธิเด็กกำพร้าบ้างรึยัง คนที่ดูเหมือนจะปกป้องฉัน กลับเป็นฝ่ายทอดทิ้งฉันซะเอง ในช่วงเวลาที่ครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งวนเวียนมาแจกของขวัญ จัดงานเทศกาล พวกเขาขยันมาจัดอาหารดีๆหลายอย่างให้เด็กๆในมูลนิธิทุกวัน ตอนนั้น...เรามีความสุขกันมาก ฉันกับพี่เฟรย์ เรารู้สึกดีกับการอยู่ในมูลนิธิมากขึ้นและไม่เคยร้องไห้อีกเลยยาวนานเป็นเดือน และหนึ่งในความรู้สึกดีๆที่ฉันได้รับและยังคงตราตรึงในใจเสมอ ก็คือการได้เจอเพื่อนใหม่อย่างเขาคนนั้น... เด็กผู้ชายท่าทางใจดี ยิ้มหวาน ลูกชายของคุณป้าที่ทำอาหารอร่อยมากๆ ฉันคลุกคลีอยู่กับเขาใกล้ๆพื้นที่ทำอาหารที่เขาคอยช่วยคุณแม่ทุกวัน แม่ของเขาเป็นคนที่สองในชีวิตที่สอนทำเมนูอร่อยๆให้ฉัน ในขณะที่พี่เฟรย์มัวแต่ไปเล่นแผลงๆ เตะต่อยกับเด็กผู้ชายอีกคนที่มาด้วยกัน และ 'DARK SHADOW' คือชื่อเรียกกลุ่มคนพวกนั้น… “Weekend นี้ไปทะเลกันนะ” เสียงเฮียเชนดึงฉันให้หลุดจากภวังค์ ในจังหวะที่เขาเดินแยกกับสองคนนั้นมาส่งฉันที่ตึก ทะเลงั้นเหรอ...ฉันเคยชอบมันนะ พี่เฟรย์ก็ด้วย แต่เพราะความรู้สึกและทัศนคติที่เปลี่ยนไป ไม่รู้ทำไม...ฉันถึงได้เกลียดทะเลทั้งที่เคยรักมันซะได้ “ไอ้แม็คมันเบื่อๆ อีกไม่กี่วันต้องกลับญี่ปุ่น” “เดียก็เหมือนกัน” ฉันตอบเฮียเชนไป ไม่ใช่เบื่อเหมือนกัน เพราะถ้ามันเป็นความต้องการของใครคนนั้น แม้จะพูดเต็มปากว่าเกลียดทะเล ฉันก็ยินดีถ้ามันคือความสุขของเขา ส่วนที่บอกว่าเหมือนกัน เพราะฉันเองก็ถูกเรียกตัวกลับญี่ปุ่นเพื่อพบพ่อบุญธรรมของตัวเองเหมือนกัน และเป็นคนที่เฮียแม็ครู้จักดีซะด้วย “ให้เฟรย์มันไปเป็นเพื่อนมั้ย?” “ไม่! เดียโตแล้วนะ” เสียงห้วนๆจากฉันพูดไป เพราะคิดว่าไม่ใช่กงการอะไรของเธอที่จะต้องมาคอยไปไหนมาไหนเป็นเพื่อน ว่ากันตามตรง ต่อให้พี่เฟรย์ไปเป็นเพื่อน เรามันก็เดินแยกกันตั้งแต่พ้นประตูทางเข้าแล้วด้วยซ้ำ เพราะเธอคือลูกบุญธรรมของคนที่สูงศักดิ์มากมายยิ่งกว่าพ่อบุญธรรมของฉัน ใช่...คนที่รับอุปถัมภ์พี่เฟรย์กับฉันเป็นคนละคนกัน แต่ความงี่เง่าของโชคชะตา ทำให้เราวนเวียนกลับมาพบกัน ทั้งที่เธอควรจะหายไปจากชีวิตฉันตั้งแต่หนึ่งปีก่อนหน้านั้น! “แต่กลับคนเดียวมันเหงา...” เฮียเชนยังคงเซ้าซี้ แต่ที่จริงมันก็มีนี่...วิธีที่จะทำให้ไม่เหงาน่ะ “เดียจะกลับพร้อมเฮียแม็ค” “นั่นสิ ลืมไปเลยว่าอยู่...” “ส่งเดียแค่นี้ก็พอแล้ว เฮียสายละ” ฉันเลือกจะตัดบทเพราะรู้ว่าเฮียเชนจะพูดอะไร และแน่นอน...เขาเองก็รู้ว่าฉันไม่ค่อยพอใจ ฉันไม่ชอบ ที่เฮียเชนมาคอยทำเหมือนฉันยังเป็นเด็กน้อยที่ต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด และพยายามจะสานสัมพันธ์ให้ฉันกับพี่เฟรย์กลับมาคุยกันดีๆได้ ทั้งที่เฮียก็น่าจะรู้ ว่าเราไม่สามารถจะกลับไปยืนอยู่จุดนั้น “อย่าเย็นชานักสิ เวลาเดียยิ้มน่ารักจะตาย” “เย็นชาเหรอ?” ฉันทวนคำถามนั้นนิ่งๆ เฮียเชนก็เอามือมาลูบหัวราวกับกำลังปลอบโยน และทำเหมือนเข้าใจว่าฉันรู้สึกยังไง แต่ก็นั่นแหละ โลกนี้มีคนมากมายที่ทำเหมือนจะเข้าใจคุณ แต่เอาเข้าจริง...ไม่มีใครเข้าใจคนอื่นหรอก ตราบใดที่ยังไม่ได้ไปยืนอยู่ในจุดเดียวกับคนๆนั้น “...เย็นชาไม่เท่าเพื่อนเฮียตอนทิ้งเดียไว้หรอกมั้ง” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่หลุดจากปากฉัน ก่อนที่ฉันจะโดนเฮียเชนดึงเข้าไปกอดไว้ท่ามกลางสายตาคนรอบข้างมากมาย พรึ่บ! “ไม่ว่ายังไง...เฮียอยู่นี่นะ” ฝ่ามืออุ่นๆลูบหัวฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนใจอ่อนยวบลงไปไม่เบา บอกตามตรง ถึงในใจฉันจะมีใครนอกจากเฮียเชน แต่คำพูดเป็นห่วงเป็นใยกับอ้อมกอดอบอุ่นของเฮียเชน มันคือข้อดีที่หายากมากๆจากคนอื่นเลยนะ แต่ถึงเฮียเชนจะเป็นคนที่อ่อนโยนกับฉันเสมอ ฉันก็ละทิ้งความรู้สึกในส่วนที่ลึกที่สุดไม่ได้จริงๆ ความรู้สึก…ที่ถามใจตัวเองกี่ครั้งก็บอกชัด ว่าฉันรักเขา... ไม่ใช่เฮียเชน แต่เป็นเฮียแม็ค ฉันหลงรักเด็กผู้ชายคนนั้น...เท่าระยะเวลาที่ได้รู้จักกัน มันยาวนานมาเป็นสิบปีแล้ว...และไม่มีใครมาแทนที่เฮียแม็คได้ทั้งนั้น!หลายวันต่อมา...
ออดดด~ ฉันลุกมาเปิดประตูห้องเพราะถึงเวลานัดพอดี ซึ่งก็ตามปกตินั่นแหละที่เฮียเชนจะมารับ แต่หลังจากเปิดประตูแล้วฉันก็รีบเดินกลับเข้ามาในห้องนอนเพราะตื่นสายเลยยังไม่ทันได้แพ็คกระเป๋าน่ะสิ “เฮียเดียตื่นสายอ่ะ แพ็คเป๋าแป๊บนะ” “อืม เอาเลยไม่รีบ” เอ๊ะ?! กึก... เสียงที่ได้ยินทำเอาขาฉันชะงักและหมุนตัวหันกลับไปมองทันที และนั่น...ไม่ใช่เฮียเชนนี่ ??? “เฮียแม็ค O_O” “ว่า?” ฟุ้บ! เสียงตอบกลับแบบชิลๆมาพร้อมกับเสียงทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาห้องรับแขก แถมเฮียยังหยิบรีโมทเปิดทีวีดูรออีก แต่ไม่สิ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้เรียกเขา ฉัน...ฉันหมายถึง เขามาทำอะไรที่นี่ “ทำไมเป็นเฮีย?” “สองคนนั้นต้องไปเคลียร์งานด่วนที่ ม. เลยให้เราไปกันก่อน” ระ...เราเหรอ? “หมายความไง...ให้ไป...กันก่อน?” ฉันพูดออกไปแบบติดๆขัดๆ จริงอยู่เราเจอกันบ่อยอยู่แล้ว แต่ฉันยังไม่เคย...ต้องไปไหนมาไหนกับเขาสองต่อสอง “ฟาร์ดาจองที่พักที่มีโปรพิเศษ ถ้าเช็คอินภายในบ่ายสองยี่สิบสองนาที จะแถมฟรีทริปดำน้ำ เห็นว่าพิเศษตรงที่เป็นจุดดำน้ำค้นพบใหม่ สวยมาก เป็นพื้นที่ส่วนตัว และไม่มีใครเคยไปมาก่อน” พูดจบเฮียแม็คก็ชี้ไปที่ทีวี ซึ่งมีโฆษณาที่พักริมหาดสุดหรูพร้อมโปรพิเศษที่คนแย่งกันจองจนเต็มเอี๊ยดแสดงอยู่ เดาว่าน่าจะเป็นที่พักที่เรากำลังจะไปวันนี้ แต่... “ตราด? ไม่ใช่ประจวบหรอกเหรอ?” ฉันถามไปงงๆ เพราะปกติถ้าบอกว่าจะไปทะเล เฮียเชนก็จะเลือกไปประจวบตลอด เหตุผลหลักก็เพราะเขาเป็นทายาทเจ้าของโรงแรมหรูระดับต้นๆของที่นั่น “หึ...ไปบ่อยไม่เบื่อเหรอ?” เฮียแม็คหลุดขำพอได้ฟัง แล้วเขาก็ตอบกลับฉันด้วยคำถาม แต่นั่นสินะ... ฉันไปบ่อยจนแทบจะรู้ทุกซอกทุกมุมของที่นั่นละ แต่นี่มันสายแล้วนี่นา เราจะไปทันโปรพิเศษอะไรนั่นมั้ยอ่ะ “งั้นเฮียรอเดียแป๊บนึงนะ” “แป๊บนี่กี่นาที เมื่อกี๊ก็บอกว่าแป๊บ” พูดจบเขาก็แกล้งทำท่ายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูพอเห็นฉันลุกลี้ลุกลนทำท่าจะวิ่งเข้าห้องมา หึ...นี่เขาจะรู้มั้ยนะ ว่าฉันกลั้นยิ้มกับท่าทางจอมกวนแบบนั้นอยู่น่ะ :) “ก็...แป๊บนึงอ่ะเฮีย เฮียกินข้าวยังอ่ะ~!” บ้าเอ๊ย! นี่มันเป็น Weekend ที่ดีที่สุดของฉันเลยนะ อยู่ๆก็มีใครบางคนมาเซอร์ไพรส์ที่ห้องอ่ะ >_< ฉันตะโกนกลับไปแล้ววิ่งเข้าห้องนอนโกยของทุกอย่างลงกระเป๋าแบบไม่ต้องเลือกอะไรอีก เฮียก็ตอบกลับมา “ยัง” “อื้ม แล้วเฮียหิวป่าว~!” หึ...ไปกันก่อนงั้นเหรอ มือฉันเก็บกระเป๋า ปากก็ชวนเขาคุย ซึ่งเฮียแม็คที่วันนี้ดูท่าทางอารมณ์ดี ก็ตอบกลับมาแบบกวนๆน่าดูเลย “ถ้าแป๊บคือสองชั่วโมงก็น่าจะหิว...” “ป่ะ! งั้นไปกันเลย เดียเก็บเป๋าเสร็จแล้ว” ครืดดด กึก! พูดจบฉันก็ลากกระเป๋าออกมายืนตรงหน้าโซฟารับแขกแบบรวดเร็วทันใจ เฮียแม็คก็มองมานิดนึง แต่เอาจริงๆเขาดูอึ้งๆ “นี่ไปสองวัน?” คนตรงหน้าเลิกคิ้วนิดหน่อยและมองมาที่กระเป๋าเดินทางของฉัน กะ...ก็แหม ไม่อยากให้เฮียรอนาน เลยรวบมันมาทั้งกองยัดใส่กระเป๋าใหญ่ซะเลย =_=^ “...ผู้หญิงกับทะเลสินะ” เฮียแม็คชิงพูดมาพอเห็นฉันไม่ตอบอะไร ถึงความจริงอยากจะบอกว่าไม่ใช่ และระยะหลังมานี้ฉันไม่ได้อินกับทะเลสักเท่าไหร่ แต่เฮียว่าไงก็ว่างั้น “อื้ม :)” ฉันพูดแล้วเหลือบตามองพื้นมองเพดาน ถ้าว่ากันตามตรง ฉันไม่กล้าสบตาเขาตอนนี้เลย แค่คิดว่าจะมีเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง มันก็... พรึ่บ! “หมวกไปด้วย แดดร้อน” รู้ตัวอีกที เฮียแม็คก็ปิดทีวีและลุกขึ้นมาคว้ากระเป๋าจากมือฉันไป แถมยังชี้ไปที่เสาแขวนหมวก ในจังหวะที่กำลังเดินนำออกฉันจากห้อง “อื้ม :)” ฉันพยักหน้าตอบกลับอย่างว่าง่าย มือเอื้อมไปหยิบหมวก ส่วนตาก็จ้องมองแผ่นหลังของร่างสูงที่มีกระเป๋าเดินทางของฉันในมือ แล้วก็ต้องหลุดยิ้มกว้างอย่างเลี่ยงไม่ได้... หึ...วันนี้มันวันอะไรกันนะ พระเจ้าใจดีผิดปกติแบบนี้ เพราะย่ำยีใจกันจนพอใจแล้วรึเปล่านะ?วันต่อมา“ไม่ค่อยเห่อกันเลยนะครับ”คิระแกล้งแซวอดีตผู้นำและท่านผู้หญิงที่ถึงแม้จะผ่านไปหลายปีก็ยังดูแข็งแรงอยู่ แถมวันนี้ทุกคนที่เกี่ยวข้องรวมถึงเมมเบอร์นับร้อยก็แต่งตัวสวยหล่อเป็นพิเศษ บรรยากาศโดยรอบของหอประชุมที่ถูกรีโนเวทใหม่ดูเป็นทางการและไม่มีที่นั่งส่วนไหนแบ่งฝั่งแบ่งฝ่ายอย่างเดิมเตโช โมเน่ต์ คิระ ลิซ่า เลโอ และเฟรย่า นั่งประจำในที่ของตัวเองโดยมีอดีตผู้นำและท่านผู้หญิงนั่งตรงกลาง ราวกับเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานถัดจากทั้ง 6 คนมีตำแหน่งที่ว่างอยู่ทั้ง 2 ที่ ซึ่งอยู่ในระนาบเดียวกันโดยไม่มีการแบ่งชนชั้นหรือลำดับความสำคัญกำลังรอการกลับมาของมาโครและฟาเดีย มีเพียงพื้นที่ที่ถูกจัดให้ระดับความสูงไม่มากเกินไปอย่างด้านซ้ายมือของเหล่าพ่อแม่ที่ถือครองตำแหน่งต่างๆเท่านั้น ที่ถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็กๆทั้ง 5 คนเรียงตามลำดับ ประกอบไปด้วยไคโร – ลูกชายของคิระกับลิซ่าโซลาร์ – ลูกสาวของเตโชกับโมเน่ต์มาร์คัส – ลูกชายของมาโครกับฟาเดียริคกิ – ลูกชายของเฟรย่ากับเลโอ และลิมา – ลูกสาวของคิระกับลิซ่าซึ่งตอนนี้ เด็กๆที่สนิทกันอย่างรวดเร็วต่างก็กำลังแย่งกันพูดคุยกับมาร์คัสที่ชะเง้อหน้
@ เซฟต์เฮ้าส์อดีตผู้นำ“เดีย!”เฟรย่าที่ได้สติและถูกนำตัวกลับมารักษาลุกพรวดด้วยความเป็นห่วงทันทีที่เห็นน้องเดินเข้ามาส่วนฟาเดีย เธอนิ่งเงียบและดูเฉยชา แม้แต่หน้าเฟรย่าตอนนี้ยังมองไม่ชัด ม่านน้ำตาของเธอบดบังทุกสิ่งจนถ้าไม่ได้มาโครเดินจูงมือเข้ามา เธอก็มองไม่เห็นทางด้วยซ้ำ“ร้องไห้ทำไม เจ็บตรงไหนบอกพี่ หมอ!”เสียงเฟรย่าตะโกนดังลั่น มาโคร เตโช คิระ รวมถึงเลโอที่แยกตัวออกไปช่วยดูเลล่าให้ก็ไม่มีใครปริปาก จนกระทั่งอดีตผู้นำ ท่านผู้หญิง โมเน่ต์ และลิซ่าเดินเข้ามา“ขอหนูไปอยู่ที่อื่นสักพักได้ไหมคะ”ฟาเดียเห็นหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่ เธอก็ตั้งคำถามอย่างเลื่อนลอย แต่ลึกๆก็คาดหวังให้พวกเขาที่มองมาอย่างนึกสงสารช่วยเห็นใจเธอบ้าง“หนูอยู่ที่นี่ไม่ไหวเลย…หนูรับ...อะไรพวกนี้ไม่ไหว...มัน…”เธอส่ายหน้าส่งสัญญาณต่อต้านสิ่งรอบตัวขึ้นมาฉับพลัน ก่อนอดีตผู้นำจะเดินเข้ามา พร้อมกันกับที่เธอพุ่งเข้าไปกอดและทรุดลงปล่อยโฮออกมาจนตัวสั่น“หนูเหนื่อย...หนู...”“ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร”นี่เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่ทุกคนได้เห็นอดีตผู้นำหน้าเครียดที่สุดจากที่รับมือกับเรื่องอะไรต่อมิอะไรมามากเฟรย่าที่ได้ฟังแม้จะรู้เ
"นี่สำหรับเมียกู!ต่อไป...ก็มึงสินะ""ขอเรากับคุยเฮซก่อน"พอเห็นมาโครเดินท่าทางเอาเรื่องกลับมา ฟาเดียก็ตัดสินใจเอาตัวเองเข้าไปขวาง เขาหยุดเดินมองเธอนิ่งๆ แต่ถึงแววตาดุร้ายคู่นั้นมันน่ากลัวกว่าทุกครั้งฟาเดียก็ยัง“ได้ไหม”"รักมันรึไง"เสียงห้วนและเยือกเย็นที่เขาไม่เคยใช้กับเธอตั้งคำถาม ยิ่งเห็นเธออึ้งจนอึกอักมาโครก็ยิ่งตะคอก"ถามว่ารักมันไหม?!"พรึ่บ!ฟาเดียตกใจ รีบเลื่อนมือไปทาบอกแกร่งเพื่อให้เขาใจเย็นลงก่อนตอบอย่างหนักแน่น"ไม่""ชัดไหม?!"แค่นั้นเองที่มาโครเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงเธอไปถามเฮย์โซที่มองเหตุการณ์นี้อยู่เช่นกัน"ปล่อยมัน"เขาสั่งลูกน้องให้แก้มัดเฮย์โซเช่นเดียวกับที่แก้มัดคาร์เตอร์ ก่อนจะพุ่งเข้าไปกระชากคอเฮย์โซมาเผชิญหน้าอย่างเหลืออดมานาน"มึงมีโอกาสตั้งมากมายที่จะปกป้อง! แต่มึงจ้องจะเอาคนของกูให้ได้!""คนของมึง ใครวะ กูไปยุ่งกับรักษาการตอนไหน"ผลัวะ!หมัดหนักๆของมาโครซัดเข้าหน้าเฮย์โซเต็มแรงไม่มียั้ง"ไม่ต้องมาเล่นลิ้น""งั้นกูเล่นเมียมึงได้ไหม”เฮย์โซไม่ลดละเลยที่จะต่อปากต่อคำเพราะไม่ชอบหน้ามาโครเหมือนกัน อีกอย่างเขารู้ตัวดีว่านาทีนี้ไม่มีอะไรจะเสีย"คำว่าเมียกูที่มึงพูด ก็
5 นาทีต่อมา“ไม่เจอเลย กำลังเสริมก็มาไม่ทัน 10 นาทีนี้แน่ ไหนจะตู้ที่ซ้อนกันไว้อีก”เลล่ารายงานไปพร้อมกับก้าวขาตามมาโครที่แยกกับทุกคนซึ่งตอนนี้ช่วยกันหาฟาเดียและเฟรย่าอย่างร้อนใจ“ท่านผู้หญิงกับอดีตผู้นำกำลังช่วยคิดอีกแรง แต่นายรู้ใช่ไหมยังไงมันก็เสี่ยงเพราะเวลากระชั้นชิดเกินไป”“มันเอาเข้าไปตอนไหน”กึก!มาโครหยุดเดินทันทีที่ฉุกคิดขึ้นได้ และกวาดสายตาอย่างใช้ความคิดท่ามกลางตู้คอนเทนเนอร์เป็นร้อยๆที่สูงท่วมหัวเขา พลางคิดว่าถึงคนของ Dark shadow ที่เอามาจะไม่มากพอสำหรับการเช็คทุกตู้ชั้นล่างทั้งหมดพร้อมกัน แต่อย่างน้อยตู้ชั้นล่างกว่า 60% ก็ถูกเช็คอย่างเร่งด่วนแล้วและไม่มีใครหาเจอ“เฟรย์สู้กับไอ้เวรนั่นอยู่ก่อนเราจะมาไม่เกิน 30 นาที ประเมินจากความสามารถของเฟรย์ ถึงสู้แรงไม่ไหวก็ใช่ว่าการสู้จะจบง่าย รอยแผลบนตัวไอ้ยักษ์มีไม่น้อย แปลว่าเฟรย์สู้เต็มกำลัง จากสถิติและทักษะที่ฝึกมา การสู้หนักระดับนี้เฟรย์ยื้อได้เกิน 20 นาที ซึ่งก็แทบจะเท่ากับเวลาที่เรามาถึงนี่”“หมายความว่า...”“มันบอกว่า 2 ตู้ แปลว่าแยกไว้คนละตู้ ถ้าต้องการถ่วงเวลาให้เราหาไม่เจอ มันคงไม่เอาไว้ตู้ใกล้กันแน่ และหรือถ้าจะเอาไว้ตู้ช
ไม่กี่นาทีต่อมาโครม!!!ประตูโกดังสะเทือนลั่น พร้อมกันกับร่างของไอ้ยักษ์ที่เคยทำร้ายเฟรย่ากระเด็นจากด้านนอกเข้ามาด้วยฝีมือมาโครที่เดินเข้ามานิ่งๆพลั่ก!“เมียกูอยู่ไหน!”หลังจากผลักเฮย์โซที่ลากคอเข้ามาเองกับมือ เลโอก็ตั้งคำถามเสียงห้วนอย่างไม่เกรงกลัวลูกน้องของคาร์เตอร์ที่ตอนนี้มีจำนวนเยอะกว่าในคลิปแบบทวีคูณ“มึง...”คาร์เตอร์คุ้นหน้ามาโครอยู่แล้ว แต่มันหยุดคิดนิดหน่อยพอเห็นเลโอที่มาด้วย ก่อนลูกน้องคนสนิทจะเข้ามากระซิบ“อ๋อ ไอ้พวก Nightshade แล้วที่เหลือล่ะวะ หรือพวกมึงกล้ามาแค่นี้”ใช่ คำถามนี้ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วเพราะท่ามกลางคนกว่า 20 คนตรงนี้ อีกฝั่งมีแค่มาโครและเลโอที่มาพร้อมเฮย์โซในสภาพอิดโรยเท่านั้นและแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ไอ้ยักษ์ แต่มาโครกับเลโอจัดการพวกหน้าประตูโกดังจนเกลี้ยงด้วยสองมือเปล่าเท่านั้น“ถามโง่ๆ ถ้ามาก็เห็นแล้วป่ะ ความลับเลยนะ ที่จริงเพื่อนกูไม่ให้ค่ามึงเลยว่ะ”เลโอตอบยียวนอย่างตั้งใจกวนประสาท ส่วนมาโครก็ยกยิ้มมุมปากจนคาร์เตอร์เสียเซลฟ์ที่ผู้มาเยือนไม่มีทีท่าจะหวั่นอะไรกองทัพของเขาด้วยซ้ำ“มั่นใจขนาดนี้แปลว่าสั่งคนล้อมพวกกูไว้แล้วสินะ”“อยากรู้ไม่ให้คนไปดูวะ”“เห็นด้
@ โกดังร้าง ท่าเรือ X“ดี! ก็ให้มันรู้ไปว่าพวก Dark shadow จะเปิดหน้าสู้กับกูตรงๆไหม ฮ่าๆๆๆ”เสียงคาร์เตอร์หัวเราะลั่นโกดังอย่างชอบใจ ก่อนจะมองสภาพหมดสติเพราะถูกทำให้สลบอย่างไม่ทันตั้งตัวของเฟรย่าและฟาเดียที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล“อีนี่ใช่ไหมที่สั่งระเบิดโกดังเก็บยากู!”ฝ่ามือหยาบกระด้างของคาร์เตอร์จิกผมเฟรย่าขึ้นมาจ้องแล้วสะบัดออกอย่างหัวเสีย ก่อนจะใช้อีกมือบีบแก้มฟาเดียขึ้นมาอย่างเคียดแค้น“ส่วนอีนี่ อีตัวดีที่เอาเงินกูไปงั้นสิ”เพี๊ยะ!พูดจบคาร์เตอร์ก็ใช้หลังมือตบเรียกสติฟาเดียจนสะดุ้งตื่น สิ่งแรกที่เธอทำ คือกวาดสายตามองหาเฟรย่าที่เจ็บหนักกว่า เพราะจำได้ว่ากระสุนสาดเข้ากระจกฝั่งนั้นเต็มๆ“พี่เฟรย์! พี่เฟรย์เป็นไรมากรึปะ...”“หุบปาก! เงินกูอยู่ไหน!”ไม่เว้นช่วงให้ฟาเดียพูดจบประโยคด้วยซ้ำ คาร์เตอร์ก็ตรงเข้ามาบีบคอเธออย่างคาดคั้น“เงินอะไร”“มึงอย่าทำเป็นไม่รู้”จริงอย่างที่คาร์เตอร์พูด ฟาเดียรู้ว่ามันคือเงินซื้อขายยาเสพติดระหว่างคาร์เตอร์กับสภา เงินที่เธอถูกพ่อบุญธรรมอย่างท่านเซนจิและเฮย์โซรวมหัวกันโอนเข้าบัญชีตัวเองที่ไม่ได้ใช้งาน และอดีตผู้นำเป็นคนได้ข้อมูลพวกนั้นมาทำให้เธอตาสว่