หลายชั่วโมงต่อมา...
“หิวแล้วล่ะสิ” คำถามจากเฮียแม็คดังขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงที่คลออยู่บนรถ พอเห็นฉันหันไปมองร้านอาหารละลานตาที่อยู่ก่อนถึงที่พัก “เราไปเช็คอินกันก่อนก็ดะ...” พรึ่บ! แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ เฮียแม็คก็หักพวงมาลัยเข้ามาที่ลานจอดรถของร้านที่ใกล้ที่สุดทันที ก่อนจะก้มมองนาฬิกาและหันข้อมือมา “เหลือเวลาอีกตั้งนาน” 13.12 PM คือเวลาที่โชว์บนหน้าปัดนาฬิกาหรูบนข้อมือนั้น แล้วพอพูดจบเฮียก็ดับเครื่องรถเดินลงไปเลย ฉันเองก็คว้ากระเป๋าสะพายแต่ดันทำมันหลุดมือจนข้าวของหล่นกระจัดกระจาย โธ่เอ๊ย มันใช่เวลามั้ยเนี่ย - -^ ก๊อกๆ กึก! เฮียแม็คเคาะกระจกเบาๆ พอเห็นฉันเงียบไปนาน ฉันเลยเปิดมันออกไป “แป๊บนึงเฮีย เดียทำของหล่นอ่ะ” แต่แทนที่เขาจะช่วย เฮียกลับยืนมองแบบแอบขำ ส่วนฉันก็รีบก้มเก็บของใช้ส่วนตัวที่หล่นเกลื่อนบนรถพัลวัน “นี่มาเปิดท้ายขายของรึเปล่า?” “หึ...แป๊บนึงสิ หรือเฮียจะเข้าไปก่อน” และคงเพราะฉันพูดคำว่าแป๊บนึงมาตลอดตั้งแต่ที่เจอกัน พอได้ฟังเฮียแม็คก็ส่ายหัว “จะแป๊บนึงถึงค่ำเลยมั้ย” “เฮียแม็ค! อย่ามาแซวน่า” “ซุ่มซ่าม” คำพูดสั้นๆทำฉันหันไปลอยหน้าลอยตาใส่เขา ก่อนจะรีบโกยทุกอย่างลงกระเป๋าแบบเดิมเสร็จสรรพ “แค่นี้ก็เรียบร้อย” “อ๋อเมื่อเช้าก็ทำอย่างนี้” พูดจบเขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินนำเข้าร้านอาหารไปทันที ทิ้งให้ฉันเดินอมยิ้มตามหลังอย่างเคย หึ...ขอให้มันเป็นวันที่ดีด้วยเถอะนะ ขอให้เราได้ใกล้กัน...ให้นานที่สุด...ใกล้กันจนนาทีสุดท้ายเลย :) “เดี๋ยวสิ เมื่อกี๊เฮียว่าไงนะ?!” “เปล่าาา...” สิ้นสุดคำอธิษฐานในใจ ฉันก็แกล้งตะโกนตามหลังเฮียแม็คที่ลากเสียงตอบกลับมาเหมือนกัน ก่อนเราจะกวาดสายตาหาโต๊ะเพราะวันนี้คนแน่นมากๆ “เฮียกินไรเหรอ?” พอเลือกโต๊ะได้ เราก็นั่งเปิดเมนูกันไปเรื่อยๆ แต่ถ้าให้เดามันต้องมี... “ทอดมันกุ้ง” ใช่ด้วย! :) 'ลองกินสิ แม่เราทำทอดมันกุ้งอร่อยมาก’ “หึ...” ฉันหลุดยิ้มออกมาอย่างลืมตัว พอนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่ผ่านมาที่ยังคงจำมันได้ดี รู้ตัวอีกทีเฮียแม็คก็จ้องมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม “???” “ปะ...เปล่า ไม่มีไร” “ชื่อเมนูที่ดูมันตลก?” “งั้นมั้ง นี่จริงในนี้มีหนังสือขายหัวเราะซ่อนอยู่ :)” ฉันตอบกลับไปขำๆ เฮียก็ทำหน้างงๆ ก่อนจะสั่งเมนูต่างๆที่เขาชอบอีกหลายอย่าง เช่น ปูนิ่มผัดพริกไทยดำ ห่อหมกทะเล กุ้งเผา... “แล้วเรา?” สงสัยใครบางคนเพิ่งจะนึกได้ว่าสั่งเพลินเลยหันมาถามฉัน ซึ่งก็... อืมมม มีอีกอย่างนะ ที่เฮียแม็คน่าจะลืมสั่ง 'อันนี้ห้ามลืมเลย เราชอบมากๆ ฝึกทำไว้ด้วย...' “เดีย” “หะ...ฮะ? อ๋อ กรรเชียงปูผัดพริกเหลืองค่ะ” ฉันหันไปบอกพนักงานหลังได้ยินเสียงเฮียแม็คดึงให้หลุดจากภวังค์ แล้วเฮียแม็คก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที “ใช่ นี่ทีเด็ดเลย” อ่าฮะ อีกแล้วล่ะ อีกแล้วที่ฉัน...เฝ้ามองรอยยิ้มเล็กๆของเขาด้วยความปลาบปลื้มแบบนี้ :) หึ...ทีเด็ดเหรอ? ก็ต้องอย่างงั้นอยู่แล้ว เพราะทุกเมนูที่เขาพูดมา ป้ามาร์ธาแม่ของเขาสลับกันทำให้เฮียทานในช่วงนั้นตลอดเลยนี่นา ขนาดบอกว่ามันเผ็ด เฮียแม็คก็ยังชอบมาก เขากินเผ็ดเก่งตั้งแต่เด็กๆแล้วนะรู้มั้ย แล้วก็จะชอบกินไอติมวานิลลาตบท้าย ถ้าไม่ได้กินจะมีคนปวดท้องเอาง่ายๆ :) “เอาอย่างเดียว?” “อื้ม ก็เฮียสั่งหลายอย่างแล้วนี่นา” ฉันพยักหน้าตอบไป แล้วเฮียแม็คอยู่ๆก็ทำท่าจะ Cancel เมนูพวกนั้นขึ้นมา “เปลี่ยนได้ น้อง...” “ไม่นะ!” เห็นแบบนั้นฉันก็โพล่งออกไปทันที ก่อนจะตัดบทรวบรัดให้พนักงานรีบเดินออกจากไปโต๊ะตอนนี้ “เอาตามนั้นเลยค่ะ รีบหน่อยนะเราหิวมากเลย ^_^” “ครับคุณลูกค้า” แล้วพนักงานก็เดินออกไป ส่วนเฮียแม็ค... “โทษที” “เรื่องเล็กน้อยน่าเฮีย เดียชอบทุกเมนูที่เฮียสั่งนั่นแหละ” “ชอบ?” แย่ละ ฉันหลุดปากพูดออกไป แล้วเฮียแม็คก็จ้องมา “ก็...มาทะเลไม่กินซีฟู้ด มันก็แปลกๆนะว่ามั้ย” แล้วพอตอบกลับไปแบบนั้นเฮียก็พยักหน้า “ใช่ งั้นเดี๋ยวชดเชยให้ด้วย...” เฮียแม็คเว้นช่วงคำพูดนิดนึง และชี้ไปที่คาเฟ่ริมหาดไม่ใกล้ไม่ไกลที่มองเห็นจากตรงนี้ “จริงนะ” “จริงดิ แต่หลังจากเช็คอิน เดี๋ยวมีคนโวยวาย” “อื้ม” ฉันตอบรับอย่างว่าง่าย แม้ลึกๆจะจุกนิดหน่อยตอนเห็นเฮียยิ้มกว้างเวลาพูดใครที่ยังมาไม่ถึงไงไม่กี่นาทีต่อมา...
“นี่แรร์โลเคชั่นเลยป่ะ” หลังจากเช็คอินและได้โปรพิเศษมาตอน 14.22 PM เรียบร้อย เฮียแม็คก็พาฉันมาคาเฟ่น่ารักริมหาดตามสัญญา ส่วนที่เขาพูดเมื่อกี๊ก็เพราะที่ร้านนี้ลูกค้าเยอะมาก และมีมุมถ่ายรูปยอดฮิตที่ลูกค้าต่อแถวรอถ่ายมุมนี้หลายสิบคน แต่ฉันไม่ใช่หนึ่งในนั้นหรอกนะ “เอาด้วยมั้ย?” “ไม่อ่ะ เฮียรอไม่ไหวหรอก” ฉันตอบไปขำๆ วิวรอบข้างที่เค้าแย่งกันถ่ายอยู่มันก็สวยแหละ แต่ฉันไม่ได้มีความอดทนยืนรอนานขนาดนั้น “ที่จริงตรงนั้นสวยกว่าอีก” เฮียแม็คชี้ไปตรงระเบียงไม้ที่ยื่นออกจากร้านไปนิดหน่อย แต่มันค่อนข้างจะเก่าและสูงมาก แถมไม่มีอะไรกั้นเลย ยิ่งเวลาลมทะเลแรงๆพัดมานี่น่ากลัวจัด “นั่นดิ แต่มันจะเสียวหน่อยก็แค่นั้น” ฉันพยักหน้าเห็นด้วย เฮียแม็คก็ขำๆ แถมยังเดินนำไปที่ระเบียงแล้วเอียงคอชะเง้อมองข้างล่าง “ถ้าตกลงไปไม่ต้องเรียกใครเลย” “อื้อ ภาวนาให้เฮียคว้าเดียทัน” ที่พูดแบบนี้เพราะข้างล่างมันเป็นโขดหินทั้งนั้นเลย ลำพังลุ้นระทึกตอนตกน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เปอร์เซ็นต์ที่หัวจะไม่กระแทกโขดหินตายนี่มีน้อยมาก “แล้วถ้าคว้าไม่ทัน?” เฮียแม็คหันมาเลิกคิ้วตั้งคำถาม พอฉันหยิบมือถือขึ้นมาเซลฟี่แบบคนอื่นเค้าบ้าง แต่อย่างเฮียแม็คเนี่ยนะจะคว้าไม่ทัน เขาไม่มีทางอืดอาดเป็นเต่าล้านปีหรอกมั้ง “นี่เดียมากับมือวางอันดับหนึ่งของ Dark Shadow เลยนะ” ใช่... Dark Shadow ภายนอกอาจดูธรรมดา แต่ใครจะไปคิดว่าคนที่ยืนอมยิ้มกับคำพูดของฉันตอนนี้ จะเป็นถึง Top One แห่งการต่อสู้ของแก๊งค์มาเฟียที่กระจายอำนาจทั้งในและต่างประเทศ โดยมีศูนย์บัญชาการใหญ่อยู่ที่ญี่ปุ่น ทุกคนอยู่กันเป็นครอบครัวมาเฟีย ใช้นามสกุลเดียวกัน ตราประทับเดียวกัน ที่อยู่ปัจจุบันคือปราสาทใหญ่โตมโหฬารอย่าง Dark Shadow Castle! และโดยข้อมูลคร่าวๆที่กล่าวไปนั่นหมายถึง... ฉัน! คือลูกบุญธรรมของสมาชิกระดับสูงท่านหนึ่งในแก๊งค์ หากนับตามความสัมพันธ์ในฐานะลูกบุญธรรม ฉันอยู่สังกัดสภากฎ สังกัดที่เป็นผู้ควบคุมข้อบังคับต่างๆของแก๊งค์ ให้เป็นไปตามความเห็นชอบทางกระบวนการของเรา ส่วนเขา...เฮียแม็ค! เฮียแม็คเป็นหนึ่งในสมาชิกของแก๊งค์ ที่ ณ ตอนนี้วนเวียนอยู่ในสังกัดสภาเช่นกัน เขาเป็นที่นับหน้าถือตาของใครต่อใคร เป็นบุคคลที่ได้รับการชื่นชมและยกย่องจากท่านเซนจิ พ่อบุญธรรมของฉันจนออกนอกหน้า นั่นทำให้เฮย์โซ ลูกบุญธรรมอีกคนของท่านไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไหร่นัก และคนสุดท้าย พี่เฟรย์! หึ... เธอเป็นลูกบุญธรรมของท่านผู้นำสูงสุดของแก๊งค์นี้ พ่วงตำแหน่งรักษาการแทนท่านผู้นำที่ดูสูงศักดิ์เกินใครซะไม่มี รักษาการเป็นตำแหน่งที่มีสังกัดเป็นของตัวเองและไม่อยู่ในกฎ หากว่ากันตามหลักการ เธอคือจุดบอดที่สภากฎกำลังหาทางให้กลับเข้ามาอยู่ภายใต้การควบคุมเดียวกันกับสมาชิกทุกคน แต่รายละเอียดทางความสัมพันธ์ของเราค่อนข้างซับซ้อน เอาไว้ถ้ามีเวลา ฉันจะสาธยายเรื่องพวกนั้นให้ฟังอีกที “...ถ้าคว้าไม่ทันเฮียก็เป็นคนสุดท้ายที่เดียอยู่ด้วยก่อนตายล่ะมั้ง” หลังจากยืนเงียบอยู่นาน ฉันก็พูดไปแบบทีเล่นทีจริง แต่ถ้าเป็นเขาที่ฉันได้เห็นหน้าเป็นคนสุดท้ายจริงๆ มันก็เป็นสิ่งดีที่สุดแล้วนี่ :) “ไม่ฝึกไว้บ้าง” ถึงปกติเราจะไม่ได้คุยกันแบบโจ่งแจ้งต่อหน้าใครๆ แต่อย่างที่บอก เราวนเวียนอยู่ในสังกัดเดียวกัน เลยเจอกันบ่อย ก่อนที่ฉันจะย้ายมาเรียนที่ประเทศไทย และฝึกที่ว่า...หมายถึงการฝึกใช้อาวุธและสกิลการต่อสู้ต่างๆที่สมาชิกทุกคนเขาทำกัน นั่นรวมถึงเฮียแม็คและพี่เฟรย์ แต่มันเป็นข้อยกเว้นสำหรับฉัน “เดียชอบอยู่แบบสงบมากกว่า” และที่ๆสงบที่สุดของฉัน คือหลังกระจกที่ได้มองเขาวาดลวดลายการต่อสู้อยู่ทุกวัน จนเห็นใครต่อใครยกธงขาวยอมแพ้ให้กับความสามารถนั้น “ถึงคราวจวนตัวเราก็ต้องออกรบบ้าง” “อะไรเนี่ยเฮีย นี่กำลังปลุกใจกันว่างั้น?” เป็นฉันที่เลิกคิ้วถามไปบ้าง แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกเฮียแม็คใช้คำพูดทำนองนั้น “ถ้าว่างเมื่อไหร่ เชิญที่ห้องซ้อม” อีกละ! ถ้าให้นับกันตามจริง นี่น่าจะเป็นครั้งที่สี่หรือห้าแล้วล่ะ แต่ที่ผ่านมาเฮียจะชวนฉันเวลาที่ตัวเองซ้อมอยู่กับพี่เฟรย์ และเพื่อนเขา...คิระ “กลัวเฮียจะหนวกหูเปล่าๆ เดียตกใจง่าย แล้วก็กรี๊ดดังใช้ได้เลยนะ” “หึ...” พอจบบทสนทนาฉันก็ส่งมือถือตัวเองให้เฮียแม็ค เป็นเชิงบอกนัยๆให้เขาถ่ายรูปให้ เขาเองก็รับไป แต่แค่ฉันก้าวถอยหลังเอามือไปค้ำกับระเบียงไม้ เนื้อไม้ที่คงตากแดดตากลมมานานเกินไปก็เกิดเปราะและหักทันทีจนฉันเสียหลักเกือบหงายท้องลงไป แกร๊ก! “ว๊าย!” หมับ! “เฮีย O_O!” ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ฉันกำลังจะตกลงไปแล้ว ถ้าเฮียแม็คไม่พุ่งเข้ามาคว้าไว้ ทะ...ที่สำคัญ เขาถึงตัวฉันก่อนซะอีก ถึงก่อนที่ฉันจะเรียกด้วยซ้ำ “เฮียแม็ค...” เพราะหันมองตามเศษไม้ที่ร่วงลงจากระเบียงลงไปที่โขดหินและกระเด็นเกลื่อน ทำให้ฉันเผลอกำเสื้อเฮียแม็คที่กำลังโอบเอวล็อคฉันไว้กับตัวเขาแทนอย่างตกใจพอกัน “เป็นไรมั้ย?” “มะ...ไม่” ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะนะ แต่แค่แว๊บเดียวเหมือนความหวิวพวกนั้นดูดพลังฉันไปหมดเลย มือขาอ่อนลงจนฉันทิ้งตัวไปหาเฮียแม็ค แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร “เหมือนเราจะพลาดอะไรไป” ในระหว่างที่ประคองฉัน สายตาเฮียแม็คก็มองไปยังบางอย่างที่น่าจะสู้แรงลมทะเลไม่ไหวจนปลิวหล่นไปอยู่ที่พื้น มันคือป้าย 'งดใช้บริการ' และ 'ปิดปรับปรุง' พื้นที่ระเบียงบริเวณนี้ ก่อนที่เราจะต่างคนต่างสอดส่องสายตาไปรอบๆเพื่อความแน่ใจอีกที ถึงรู้ว่าตัวเองโชคดีกันขนาดไหนที่จุดที่ยืนกันอยู่ มันคือจุดที่แข็งแรงที่สุดแล้วบนระเบียงสูงนี้ “เฮียนั่นแหละ บอกว่าตรงนี้สวยกว่า” “ทีแบบนี้ล่ะจำแม่น แล้วตอนบอกว่าถ้าตกลงไปไม่ต้องเรียกใครล่ะ” เราเถียงกันเบาๆแต่ยังไม่กล้าขยับตัวมาก เลยกลายเป็นยืนกอดกันกลมอยู่ตอนนี้ ส่วนที่บอกว่าไม่ต้องเรียกใคร จะเป็นงั้นได้ไง ก็ฉันอยากเรียกเขานี่ แต่ชั่ววูบนึงก็ได้เห็นแล้ว ว่าใครบางคนมีสัญชาตญาณที่ดีมากๆ เหมือนตอนนั้นเลยจริงๆ 'ว๊ายยย!' หมับ! 'ก็บอกแล้วไง ให้ระวังสายเตาแก๊ส!' เสียงดุของเด็กผู้ชายในความทรงจำที่คว้าฉันได้ทัน ตอนเข้าไปวิ่งเล่นในครัวเพื่อแอบดูคุณป้ามาร์ธาทำกับข้าวน่ากินหลายอย่างดังขึ้น และใช่...เด็กคนนั้นคือเขา ที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้ 'แหะๆ โทษที' 'ยังจะมายิ้มอีก' / “ยังจะมายิ้มอีก” เสียงเฮียแม็คในพาร์ทปัจจุบัน ทับซ้อนด้วยประโยคเดียวกันกับที่เขาเคยพูดในวัยเด็กก่อนหน้านั้น ฉันเลยจ้องลึกเข้าไปในตา แล้วส่งเสียงล้อเลียนไปซะเลย “ก็ไหนว่าคว้าไม่ทัน” “หน้าซีดขนาดนี้ยังต่อปากต่อคำได้อีกนะ” ปากพูดกับฉัน แต่สายตาเฮียแม็คดูเหมือนกำลังหาทางพาฉันออกไปจากซากไม้เก่าๆที่อีกนิดจะกลายเป็นซากปรักพัง แต่ยิ่งขยับ เราก็ยิ่งใกล้ และมันใกล้มากซะจน... “มั่วแล้วเฮีย ความจริงเดียกำลังกลบเกลื่อนความหวิวอยู่อ่ะ” “เหรอ” หึ...ก็ใช่น่ะสิ แต่ไม่ใช่เพราะหวิวจากวิวข้างล่างแล้วนะ มันหวิวในใจ เวลาใกล้เขามากๆต่างหากล่ะ :) 'ออกไปเล่นข้างนอกดีกว่า เดินตามเรามาเลยนะ เอามือมาด้วย เราจะจับไว้เอง' 'แต่ว่า...' หมับ! 'เชื่อใจเราเถอะน่า' แล้วก็นะ...เพราะเชื่อใจเขา เวลาจวนตัวฉันถึงเรียกหาเขาไงล่ะ :)วันต่อมา“ไม่ค่อยเห่อกันเลยนะครับ”คิระแกล้งแซวอดีตผู้นำและท่านผู้หญิงที่ถึงแม้จะผ่านไปหลายปีก็ยังดูแข็งแรงอยู่ แถมวันนี้ทุกคนที่เกี่ยวข้องรวมถึงเมมเบอร์นับร้อยก็แต่งตัวสวยหล่อเป็นพิเศษ บรรยากาศโดยรอบของหอประชุมที่ถูกรีโนเวทใหม่ดูเป็นทางการและไม่มีที่นั่งส่วนไหนแบ่งฝั่งแบ่งฝ่ายอย่างเดิมเตโช โมเน่ต์ คิระ ลิซ่า เลโอ และเฟรย่า นั่งประจำในที่ของตัวเองโดยมีอดีตผู้นำและท่านผู้หญิงนั่งตรงกลาง ราวกับเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานถัดจากทั้ง 6 คนมีตำแหน่งที่ว่างอยู่ทั้ง 2 ที่ ซึ่งอยู่ในระนาบเดียวกันโดยไม่มีการแบ่งชนชั้นหรือลำดับความสำคัญกำลังรอการกลับมาของมาโครและฟาเดีย มีเพียงพื้นที่ที่ถูกจัดให้ระดับความสูงไม่มากเกินไปอย่างด้านซ้ายมือของเหล่าพ่อแม่ที่ถือครองตำแหน่งต่างๆเท่านั้น ที่ถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็กๆทั้ง 5 คนเรียงตามลำดับ ประกอบไปด้วยไคโร – ลูกชายของคิระกับลิซ่าโซลาร์ – ลูกสาวของเตโชกับโมเน่ต์มาร์คัส – ลูกชายของมาโครกับฟาเดียริคกิ – ลูกชายของเฟรย่ากับเลโอ และลิมา – ลูกสาวของคิระกับลิซ่าซึ่งตอนนี้ เด็กๆที่สนิทกันอย่างรวดเร็วต่างก็กำลังแย่งกันพูดคุยกับมาร์คัสที่ชะเง้อหน้
@ เซฟต์เฮ้าส์อดีตผู้นำ“เดีย!”เฟรย่าที่ได้สติและถูกนำตัวกลับมารักษาลุกพรวดด้วยความเป็นห่วงทันทีที่เห็นน้องเดินเข้ามาส่วนฟาเดีย เธอนิ่งเงียบและดูเฉยชา แม้แต่หน้าเฟรย่าตอนนี้ยังมองไม่ชัด ม่านน้ำตาของเธอบดบังทุกสิ่งจนถ้าไม่ได้มาโครเดินจูงมือเข้ามา เธอก็มองไม่เห็นทางด้วยซ้ำ“ร้องไห้ทำไม เจ็บตรงไหนบอกพี่ หมอ!”เสียงเฟรย่าตะโกนดังลั่น มาโคร เตโช คิระ รวมถึงเลโอที่แยกตัวออกไปช่วยดูเลล่าให้ก็ไม่มีใครปริปาก จนกระทั่งอดีตผู้นำ ท่านผู้หญิง โมเน่ต์ และลิซ่าเดินเข้ามา“ขอหนูไปอยู่ที่อื่นสักพักได้ไหมคะ”ฟาเดียเห็นหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่ เธอก็ตั้งคำถามอย่างเลื่อนลอย แต่ลึกๆก็คาดหวังให้พวกเขาที่มองมาอย่างนึกสงสารช่วยเห็นใจเธอบ้าง“หนูอยู่ที่นี่ไม่ไหวเลย…หนูรับ...อะไรพวกนี้ไม่ไหว...มัน…”เธอส่ายหน้าส่งสัญญาณต่อต้านสิ่งรอบตัวขึ้นมาฉับพลัน ก่อนอดีตผู้นำจะเดินเข้ามา พร้อมกันกับที่เธอพุ่งเข้าไปกอดและทรุดลงปล่อยโฮออกมาจนตัวสั่น“หนูเหนื่อย...หนู...”“ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร”นี่เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่ทุกคนได้เห็นอดีตผู้นำหน้าเครียดที่สุดจากที่รับมือกับเรื่องอะไรต่อมิอะไรมามากเฟรย่าที่ได้ฟังแม้จะรู้เ
"นี่สำหรับเมียกู!ต่อไป...ก็มึงสินะ""ขอเรากับคุยเฮซก่อน"พอเห็นมาโครเดินท่าทางเอาเรื่องกลับมา ฟาเดียก็ตัดสินใจเอาตัวเองเข้าไปขวาง เขาหยุดเดินมองเธอนิ่งๆ แต่ถึงแววตาดุร้ายคู่นั้นมันน่ากลัวกว่าทุกครั้งฟาเดียก็ยัง“ได้ไหม”"รักมันรึไง"เสียงห้วนและเยือกเย็นที่เขาไม่เคยใช้กับเธอตั้งคำถาม ยิ่งเห็นเธออึ้งจนอึกอักมาโครก็ยิ่งตะคอก"ถามว่ารักมันไหม?!"พรึ่บ!ฟาเดียตกใจ รีบเลื่อนมือไปทาบอกแกร่งเพื่อให้เขาใจเย็นลงก่อนตอบอย่างหนักแน่น"ไม่""ชัดไหม?!"แค่นั้นเองที่มาโครเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงเธอไปถามเฮย์โซที่มองเหตุการณ์นี้อยู่เช่นกัน"ปล่อยมัน"เขาสั่งลูกน้องให้แก้มัดเฮย์โซเช่นเดียวกับที่แก้มัดคาร์เตอร์ ก่อนจะพุ่งเข้าไปกระชากคอเฮย์โซมาเผชิญหน้าอย่างเหลืออดมานาน"มึงมีโอกาสตั้งมากมายที่จะปกป้อง! แต่มึงจ้องจะเอาคนของกูให้ได้!""คนของมึง ใครวะ กูไปยุ่งกับรักษาการตอนไหน"ผลัวะ!หมัดหนักๆของมาโครซัดเข้าหน้าเฮย์โซเต็มแรงไม่มียั้ง"ไม่ต้องมาเล่นลิ้น""งั้นกูเล่นเมียมึงได้ไหม”เฮย์โซไม่ลดละเลยที่จะต่อปากต่อคำเพราะไม่ชอบหน้ามาโครเหมือนกัน อีกอย่างเขารู้ตัวดีว่านาทีนี้ไม่มีอะไรจะเสีย"คำว่าเมียกูที่มึงพูด ก็
5 นาทีต่อมา“ไม่เจอเลย กำลังเสริมก็มาไม่ทัน 10 นาทีนี้แน่ ไหนจะตู้ที่ซ้อนกันไว้อีก”เลล่ารายงานไปพร้อมกับก้าวขาตามมาโครที่แยกกับทุกคนซึ่งตอนนี้ช่วยกันหาฟาเดียและเฟรย่าอย่างร้อนใจ“ท่านผู้หญิงกับอดีตผู้นำกำลังช่วยคิดอีกแรง แต่นายรู้ใช่ไหมยังไงมันก็เสี่ยงเพราะเวลากระชั้นชิดเกินไป”“มันเอาเข้าไปตอนไหน”กึก!มาโครหยุดเดินทันทีที่ฉุกคิดขึ้นได้ และกวาดสายตาอย่างใช้ความคิดท่ามกลางตู้คอนเทนเนอร์เป็นร้อยๆที่สูงท่วมหัวเขา พลางคิดว่าถึงคนของ Dark shadow ที่เอามาจะไม่มากพอสำหรับการเช็คทุกตู้ชั้นล่างทั้งหมดพร้อมกัน แต่อย่างน้อยตู้ชั้นล่างกว่า 60% ก็ถูกเช็คอย่างเร่งด่วนแล้วและไม่มีใครหาเจอ“เฟรย์สู้กับไอ้เวรนั่นอยู่ก่อนเราจะมาไม่เกิน 30 นาที ประเมินจากความสามารถของเฟรย์ ถึงสู้แรงไม่ไหวก็ใช่ว่าการสู้จะจบง่าย รอยแผลบนตัวไอ้ยักษ์มีไม่น้อย แปลว่าเฟรย์สู้เต็มกำลัง จากสถิติและทักษะที่ฝึกมา การสู้หนักระดับนี้เฟรย์ยื้อได้เกิน 20 นาที ซึ่งก็แทบจะเท่ากับเวลาที่เรามาถึงนี่”“หมายความว่า...”“มันบอกว่า 2 ตู้ แปลว่าแยกไว้คนละตู้ ถ้าต้องการถ่วงเวลาให้เราหาไม่เจอ มันคงไม่เอาไว้ตู้ใกล้กันแน่ และหรือถ้าจะเอาไว้ตู้ช
ไม่กี่นาทีต่อมาโครม!!!ประตูโกดังสะเทือนลั่น พร้อมกันกับร่างของไอ้ยักษ์ที่เคยทำร้ายเฟรย่ากระเด็นจากด้านนอกเข้ามาด้วยฝีมือมาโครที่เดินเข้ามานิ่งๆพลั่ก!“เมียกูอยู่ไหน!”หลังจากผลักเฮย์โซที่ลากคอเข้ามาเองกับมือ เลโอก็ตั้งคำถามเสียงห้วนอย่างไม่เกรงกลัวลูกน้องของคาร์เตอร์ที่ตอนนี้มีจำนวนเยอะกว่าในคลิปแบบทวีคูณ“มึง...”คาร์เตอร์คุ้นหน้ามาโครอยู่แล้ว แต่มันหยุดคิดนิดหน่อยพอเห็นเลโอที่มาด้วย ก่อนลูกน้องคนสนิทจะเข้ามากระซิบ“อ๋อ ไอ้พวก Nightshade แล้วที่เหลือล่ะวะ หรือพวกมึงกล้ามาแค่นี้”ใช่ คำถามนี้ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วเพราะท่ามกลางคนกว่า 20 คนตรงนี้ อีกฝั่งมีแค่มาโครและเลโอที่มาพร้อมเฮย์โซในสภาพอิดโรยเท่านั้นและแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ไอ้ยักษ์ แต่มาโครกับเลโอจัดการพวกหน้าประตูโกดังจนเกลี้ยงด้วยสองมือเปล่าเท่านั้น“ถามโง่ๆ ถ้ามาก็เห็นแล้วป่ะ ความลับเลยนะ ที่จริงเพื่อนกูไม่ให้ค่ามึงเลยว่ะ”เลโอตอบยียวนอย่างตั้งใจกวนประสาท ส่วนมาโครก็ยกยิ้มมุมปากจนคาร์เตอร์เสียเซลฟ์ที่ผู้มาเยือนไม่มีทีท่าจะหวั่นอะไรกองทัพของเขาด้วยซ้ำ“มั่นใจขนาดนี้แปลว่าสั่งคนล้อมพวกกูไว้แล้วสินะ”“อยากรู้ไม่ให้คนไปดูวะ”“เห็นด้
@ โกดังร้าง ท่าเรือ X“ดี! ก็ให้มันรู้ไปว่าพวก Dark shadow จะเปิดหน้าสู้กับกูตรงๆไหม ฮ่าๆๆๆ”เสียงคาร์เตอร์หัวเราะลั่นโกดังอย่างชอบใจ ก่อนจะมองสภาพหมดสติเพราะถูกทำให้สลบอย่างไม่ทันตั้งตัวของเฟรย่าและฟาเดียที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล“อีนี่ใช่ไหมที่สั่งระเบิดโกดังเก็บยากู!”ฝ่ามือหยาบกระด้างของคาร์เตอร์จิกผมเฟรย่าขึ้นมาจ้องแล้วสะบัดออกอย่างหัวเสีย ก่อนจะใช้อีกมือบีบแก้มฟาเดียขึ้นมาอย่างเคียดแค้น“ส่วนอีนี่ อีตัวดีที่เอาเงินกูไปงั้นสิ”เพี๊ยะ!พูดจบคาร์เตอร์ก็ใช้หลังมือตบเรียกสติฟาเดียจนสะดุ้งตื่น สิ่งแรกที่เธอทำ คือกวาดสายตามองหาเฟรย่าที่เจ็บหนักกว่า เพราะจำได้ว่ากระสุนสาดเข้ากระจกฝั่งนั้นเต็มๆ“พี่เฟรย์! พี่เฟรย์เป็นไรมากรึปะ...”“หุบปาก! เงินกูอยู่ไหน!”ไม่เว้นช่วงให้ฟาเดียพูดจบประโยคด้วยซ้ำ คาร์เตอร์ก็ตรงเข้ามาบีบคอเธออย่างคาดคั้น“เงินอะไร”“มึงอย่าทำเป็นไม่รู้”จริงอย่างที่คาร์เตอร์พูด ฟาเดียรู้ว่ามันคือเงินซื้อขายยาเสพติดระหว่างคาร์เตอร์กับสภา เงินที่เธอถูกพ่อบุญธรรมอย่างท่านเซนจิและเฮย์โซรวมหัวกันโอนเข้าบัญชีตัวเองที่ไม่ได้ใช้งาน และอดีตผู้นำเป็นคนได้ข้อมูลพวกนั้นมาทำให้เธอตาสว่