“ให้เกียรติครุยที่ใส่หน่อยดีป้ะ?! ไม่งั้นก็ถอดแล้วเอากันใต้บันไดไปเลยไป!!!”
พอจับสองคนนั้นแยกออกจากกัน ฉันก็เดินผ่ากลางออกมาอย่างหัวเสีย แล้วผู้หญิงที่โดนฉันขัดโมเม้นต์ฟินๆ นั่นก็คว้าแขนฉันกระชากถอยกลับไป ก่อนจะเดินมาเผชิญหน้ากับฉันและจ้องมาเหมือนจะเอาเรื่อง หมับ! “นี่แก!” “ทำไม?!” ฉันถามออกไปอย่างอารมณ์เสียไม่ต่างกัน แล้วหันไปจ้องหน้าเฮียโยแบบโคตรหงุดหงิด เฮียเลยเดินเข้ามาจับแขนผู้หญิงคนนี้ออกและส่งเสียงเข้มออกมา “ลิลลี่!” “ก็มัน...” “ไปรอข้างนอก!” ยังไม่ทันที่ผู้หญิงคนนี้จะพูดอะไร เฮียโยก็พูดออกมาเสียงเรียบ จากที่ผู้หญิงคนนี้ทำท่าจะหัวร้อนใส่ฉันเลยกลายเป็นหงอยใส่เฮียไปซะงั้น หึ! นี่แหละนะมารยาหญิง “ก็ได้ค่ะ” พูดจบยัยนี่ก็เดินหนีไป แต่ก็ไม่วายจะมองตาขวางใส่ฉันจนสุดสายตา นี่แค่จูบนะ ถ้าเกิดได้กันใต้บันไดแล้วฉันไปขัดขึ้นมา ไม่โดนกระชากหัวไปโขกราวบันไดแบบนับตามจำนวนขั้นเลยรึไง หน้าไม่อาย! ฉันมองยัยลิลลี่อะไรนั่นเดินพ้นไปจนสุดทางเดิน แล้วพอหันกลับมาก็เจอกับเฮียโยที่กำลังมองมาที่ฉันอย่างใช้ความคิด “มองไม?!” เห็นเฮียมองมาแบบนั้นฉันเลยตะคอกออกไป กล้าทำได้ไงวะ เห็นหน้าเฮียแล้วอยากจับทุ่มลงพื้น คนบ้าไรแค่หน้าตาธรรมดาก็น่าใช้กำลังด้วยซะจริง! “เราแม่งดุฉิบหาย T.T” เฮียโยพูดออกมาแล้วทำหน้าสลดลงเล็กๆ ส่งมาให้ฉัน แต่ถามว่าฉันเชื่อแอคติ้งนี้ของเฮียมั้ย? ขอตอบแบบไม่ต้องคิด ...ไม่เลย! “ไม่ต้องสร้างภาพได้มั้ย” พูดจบฉันก็ก้าวขาจะเดินหนี แต่เฮียโยก็เอื้อมมือมาคว้าแขนฉันไว้อีก หมับ! “จะไปไหน?” เขาเลิกคิ้วเล็กๆ ถามออกมา ฉันเลยตอบกลับไปแบบเซ็งๆ ไม่รู้จะอยู่ทำไม.. “ไปหาเฮียพาย หาเฮียบีท” ได้ยินแบบนั้นเฮียก็ทำหน้าเซ็งๆ แล้วถามกลับมาใหม่ “ไปหาพวกมันทำไม” ..เอ้า เฮียโยสติดีป่าวอ่ะ -_-?! “Congrats ไง” พอได้ฟังเฮียก็ทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ ฉันเลยก้าวขาจะเดินต่อแล้วเฮียก็เข้ามาขวางไว้ อะไรอีกล่ะ?! พรึ่บบบ! “งั้น Congrats เฮียก่อนดิ เฮียก็จบนี่ไง” พูดจบเขาก็ชี้ไปที่ชุดครุยที่โคตรจะเลอะรองพื้นของยัยลิลลี่อะไรนั่นของตัวเอง ก่อนจะทำท่าปัดๆ มันลวกๆ จนยิ่งเลอะเข้าไปใหญ่ เหอะ! บอกละไงให้ทำเองยิ่งเละ ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! “ไร้สาระ! ก็ไปพร้อมกันดิ” ฉันพูดไปแล้วเอื้อมมือไปปัดชุดครุยเลอะๆ ของเขาไป แล้วเฮียโยก็มองมาแถมยังทำหน้างอใส่ “ไม่ เราเจอเฮียก่อน ต้องบอกเฮียก่อนดิ” เออนะ..เอาเข้าไป เฮียโยจ้องหน้าฉันนิ่งเหมือนกดดันให้ฉันตามใจ สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจพูดมันออกไปตามใจเขาจนได้นั่นแหละ “อืม Congrats นะเฮีย พอใจละนะ..ป่ะ” พอพูดจบประโยคฉันก็เดินหนี แต่เฮียก็เอื้อมแขนมาคล้องคอฉันไว้ ก่อนจะลากกลับไปหาเขาอีกทีอยู่ดี แล้วจังหวะที่ฉันหมุนตัวกลับไปหยุดตรงหน้าเขามันเลยเหมือนเฮียกำลังกอดฉันไว้ ซึ่งเราใกล้กันมากจนใจฉันมันดันสั่นขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัวเลยไง... “ตั้งใจหน่อยดิ เฮียจบทั้งทีเลยนะเว้ย” แขนข้างหนึ่งของเฮียกำลังคล้องคอฉันไว้ ส่วนอีกข้างก็ถูกส่งมายีผมฉันเบาๆ อย่างได้ใจ พร้อมกับเสียงบ่นอุบอิบของเขาที่ฉันจับใจความแทบไม่ได้เพราะไอ้การกระทำของเฮียมันดันทำฉันหูอื้อไปแบบฉับพลัน “ตั้งใจ..แบบเฮียเมื่อกี๊?” ฉันหลุดปากพูดออกไปอย่างใจคิด ทั้งที่ปกติฉันไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา เฮียโยมีผู้หญิงมากมาย การเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันมันทำให้ฉันเห็นภาพพวกนั้นจนชิน ไม่ว่าเฮียจะทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใคร ที่ผ่านมาแม้จะพยายามจะไม่สนใจ แต่วันนี้..ตอนนี้. ทำไมลึกๆ ฉันโคตรกระวนกระวายจนควบคุมตัวเองไม่ได้เลย “อันนั้นไม่นับดิ โดนรุกแบบไม่ตั้งตัวอย่างงี้ ก็ต้องมีเคลิ้มบ้าง >////<” เฮียพูดออกมาแบบไม่ใส่ใจแถมยังแอบทำหน้าฟินอย่างไม่สำนึก แต่ฉันที่เป็นคนฟัง พอได้ยินมันก็กลับเดือดเนื้อร้อนใจจนโพล่งออกไปอย่างไม่ทันระวัง “เฮียแม่งใจง่าย!” พอคิดได้ว่าปากมันดันเผลอพูดไปแบบนั้น ฉันก็หันหน้าหนี แล้วเฮียก็เลื่อนมือมาบีบแก้มฉันจนหน้าบู้บี้ไปในทันที “เรานี่มันปากร้าย” “งื้อออ อ่อย! (ปล่อย) ” ฉันพูดพร้อมกับสะบัดหน้าเบาๆ หลบมือเขาออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล ทำไมมันหน่วงๆ ทุกทีเลยวะ เวลาเฮียทำเหมือนไม่มีอะไร เหมือนไม่สะทกสะท้าน ไม่สำนึก ..ไม่สนใจ “เอาใหม่ Congrats เฮียใหม่ดิ๊.. เร็ว” เฮียโยยอมปล่อยมือจากแก้มฉัน แล้วเลื่อนมาบีบจมูกเบาๆ แทนก่อนจะออกคำสั่ง ฉันเลยถอนหายใจแบบเซ็งๆ แล้วก็พูดออกไปช้าๆ อย่างเอือมๆ “ยินดีด้วย ประสบความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งแล้ว...” “โรส พูดเพราะๆ” แล้วเฮียก็ส่งเสียงดุออกมาเบาๆ อีก ฉันเลยเบะปากตอบกลับไปสั้นๆ จนเฮียขำออกมาในท่าทางแบบนั้น “...ค่ะ!” “หึ.. ครับ ขอบคุณนะ ^_^” เฮียโยส่งยิ้มหวานกลับมาแบบร่าเริงเกินเรื่องจนฉันหมั่นไส้ เลยพูดต่อแล้วเหล่ตามองเขาแบบเหน็บๆ กลับไป “อย่าดื้อให้มันมากนัก แล้วก็อย่าพลาดทำใครท้องก่อนเรียนจบล่ะ ยิ่งแรดๆ อยู่!” ป๊อก! พูดจบฉันก็ใช้นิ้วเล็กๆ ของตัวเองดีดหน้าผากเฮียไปที แล้วรีบผละออกจากวงแขนของเฮีย ส่วนเฮียก็ทำหน้ามุ่ยร้องโอดโอยออกมา แล้วเลื่อนมือหนาไปลูบหน้าผากตัวเองเบาๆ หลายที “โอ๊ย เฮียเจ็บนะเว้ย!” “สมน้ำหน้า!” ยิ่งเห็นท่าทางเจ็บจริงของเฮีย ฉันยิ่งสะใจ แต่โอดโอยได้ไม่เท่าไหร่หูตาเขาก็แพรวพราวขึ้นมาอีกละ “ไหนมากอดทีดิ๊ ^_^” “.....” พอเฮียพูดมาแบบนั้นฉันก็ชะงักไปและจ้องหน้าเขานิ่ง แล้วเฮียก็มองมาด้วยท่าทางเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไร ก่อนจะยกแขนขึ้นทำท่าจะดึงตัวฉันเข้าไป แต่ฉันมุดหนีวงแขนนั้นจนเขาโวยวายและเดินตามมาเหมือนตั้งใจจะกอดให้ได้ ซึ่งมันอันตรายต่อใจฉันมากไปก็เลยต้องหนีแบบนี้นี่ไง “อะไร กอดหน่อยไม่ได้ไง เร็วๆ” “ไม่ดะ...” พรึ่บบบ! ฉันยังพูดไม่ทันจบ เฮียโยก็อาศัยจังหวะที่ฉันแปลกใจในท่าทางของเขา พุ่งเข้ามากอดฉันเอาไว้แน่นมาก แถมยังไม่ยอมขยับไปไหน ทำให้ตอนนี้เราได้แต่ยืนนิ่งๆ แบบนี้ เพราะถ้าเขาไม่ขยับฉันก็ขยับไม่ได้เลย เพราะเฮียตัวใหญ่เบ้อเร่อเลยน่ะสิ! “อื้อ อึดอัด -////-” ฉันบ่นออกไปทั้งที่หน้าเริ่มออกร้อนขึ้นมา แต่จะให้เฮียเห็นอาการที่เป็นตอนนี้มันก็ไม่ได้ไง ก็ฉันน่ะ..ไม่เคยบอกให้ใครรู้เลยด้วยซ้ำ ไอ้ความรู้สึกที่มีตอนนี้อ่ะ! “รีบตามไปล่ะไอ้แสบของเฮีย” เฮียโยพูดออกมาแล้วเลื่อนมือมายีผมฉันเบาๆ อีกครั้ง ทำไมถึงชอบทำแบบนี้นักนะ มันดูเหมือนเขากำลังเอ็นดูฉัน ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการเลยสักนิด! “ไม่ไป ไม่อยากเจอ” ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ในใจฉันทั้งยิ้มและกรี๊ดออกไปในคำพูดของเขาซ้ำๆ บางที..คนเราก็ต้องปากแข็งบ้าง ถ้ามันจะรักษาความลับบางอย่างที่มีเอาไว้ไม่ให้มันถูกเปิดเผยออกไปให้ใครรู้ “เฮียต้องคิดถึงเราแน่เลยว่ะ” เฮียโยยังคงพูด..คำพูดธรรมดาของเขา ที่ในทางกลับกันมันชวนให้ฉันดิ้นตายในใจซ้ำๆอยู่แบบนั้น แล้วก็เหมือนเดิมคือฉัน… “คิดถึงบ้าไร ไร้สาระ -////-” “ดูแลตัวเองด้วย ห่วง..” ยิ่งนานไปคำพูดพวกนั้นกับอ้อมกอดนี้ยิ่งชวนให้ฉันเผลอไผลไปกับมันจนเกือบจะลืมตัว ฉันเลยเลือกตัดบทไปแล้วพยายามจะผละออกแต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยอยู่ดี “จะดราม่าทำไมเนี่ย” พรึ่บ! พรึ่บบบ! “ไม่ได้ดราม่าเว้ย ห่วงจริง..” เฮียโยดึงฉันเข้าไปกอดอีกครั้ง และครั้งนี้มันแน่นมากกว่าเดิมหลายเท่าจนฉันเริ่มใจเต้นแรง แต่ยังต้องกลบเกลื่อนไอ้ความหวั่นไหวพวกนั้นด้วยคำพูดที่มันเหมือนจะไม่มีอะไร แต่กว่าพูดออกไปต้องตั้งสติแล้วตั้งสติอีก “ห่วงมากขนาดนั้นเลย -////-?” “เออดิ แยกกันแล้วจะเถียงกับใครวะ” เฮียโยบ่นอุบอิบออกมาอย่างเอาแต่ใจ เขาจะรู้มั้ยว่าคำพูดธรรมดาพวกนั้นมันกระทบความรู้สึกฉันเข้าจังๆ จนเกือบจะพูดบางอย่างออกไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง “งั้นซ้ำชั้นอีกปีเอามั้ย?” อีกคำถามที่ฉันต้องกลั้นใจพูดออกไปเพื่อให้สถานการณ์ยังเป็นปกติ แล้วเฮียก็ตอบมาแบบกวนๆ ตามสไตล์ของเขา “เออน่าสน” “บ้ารึไง ปล่อยได้ยังอึดอัด” ฉันบ่นๆ ออกไป แล้วส่งเสียงท้วงเล็กๆ เฮียเองก็ส่ายหัวออกมา “ยัง.. เป็นผู้หญิงอ่ะระวังตัวด้วย” เอาจริงๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ฉันได้ฟังคำพูดพวกนี้ ทั้งเฮียโยและเฮียคนอื่นก็พูดอะไรแบบนี้จนฟังซะเบื่อ “ระวังตัวจากใคร ผู้ชายเหี้ยๆ แบบเฮี...” “เฮ้ยแรงไป! ที่พูดนี่เข้าใจมั้ย?” ไม่รอให้ฉันพูดจบเฮียโยก็พูดสวนออกมา แถมยังเปลี่ยนเรื่องไปซะงั้น ถึงทุกเฮียจะพูดเหมือนห่วงพวกฉัน แต่ไอ้ความอันตรายจากผู้ชายที่ว่า.. มันก็เข้าตัวพวกเขาทั้งนั้นอะนะ ซึ่งฉันชินละ “อื้ม รู้แล้ว -////-” ฉันตอบเฮียโยกลับไป แล้วเฮียก็เงียบไปแป๊บหนึ่งแต่ก็ยังกอดฉันไว้ไม่ยอมปล่อยสักที ฉันเองก็ใช้โอกาสนี้ซึมซับไอ้ความรู้สึกที่มีจากสัมผัสของเขาเงียบๆ ท่ามกลางคำพูดมากมายที่ยังหาจังหวะพูดมันออกไปไม่ได้ “ตัวนิ่มฉิบหาย เฮียปล่อยเรารอดไปได้ไงวะ -_-” “ให้ตาย! นี่น้องถูกมั้ย จะเคลมกันเองให้ได้?” พอได้ยินคำพูดที่โคตรจะกวนปนหื่นไม่รู้กาลเทศะของเฮีย ฉันเลยพูดออกไปแบบเอือมๆ หึ.. ใช่.. ‘น้อง’ ไง ฉันน่ะมันควรเป็นแค่นี้ก็พอแล้วไง เป็นน้อง เป็นเพื่อน เป็นคนที่ไม่ว่าจะพูดอะไร..ก็ไปไม่พ้นตัวสักที “ฮ่ะๆ” เฮียโยหลุดขำออกมาในคำพูดที่ฉันโต้ตอบออกไป แล้วเขาก็เงียบไปอีก เงียบ..จนเราได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันเลยด้วยซ้ำ “ปล่อยเหอะเฮีย เลิกแกล้งสักที! >////<” สุดท้ายฉันก็เป็นฝ่ายทักท้วงออกไปอีกครั้ง แต่เหมือนว่าเขาก็ยังไม่ยอม และส่งเสียงยียวนเหมือนตั้งใจจะแกล้งกันอยู่แบบนั้นกลับมา “ไม่เลิกเว้ย ยืนเฉยๆ ไป เดี๋ยวกอดเอง” เฮียโยพูดออกมาแบบทีเล่นทีจริงจนฉันแยกแยะไม่ได้ว่าเขากำลังคิดอะไร เลยแกล้งพูดออกไปแต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ “รำคาญว่ะเฮีย >////<” “แล้วไง..ก็ช่างดิ” หึ.. นี่คงเป็นอีกครั้งที่ฉันหลุดยิ้มกับความรั้นของร่างสูงที่กอดฉันไว้นิ่งๆ เหมือนเด็กเอาแต่ใจ ร่างสูงของเฮีย.. ที่แม้จะกวนกันแค่ไหนก็คอยปกป้องฉันจากใครต่อใครเสมอ :) “โทษนะฮะไอ้คู่จิ้น” พรึ่บบบ! ระหว่างที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆ เฮียพายก็เดินเข้ามา ทำให้ฉันกับเฮียโยผละออกจากกันทันทีด้วยความตกใจ “ไอ้ห่า ตกใจหมด!” เฮียโยหันไปหาเฮียพายแล้วพูดออกไปด้วยสีหน้าดุๆ เฮียพายเองก็มองมานิ่งๆ ก่อนจะชี้ออกไปข้างนอกที่พอพวกฉันชะเง้อไปมองก็เห็นว่าบรรดาสาวๆ ของเฮียโยกำลังเขม่นกันให้วุ่นวาย แล้วเฮียพายก็ทำหน้าเอือมๆ ออกมา “ไปเคลียร์ดิ๊ วุ่นวายสัส” พอเห็นแบบนั้นเฮียโยถึงกับถอนหายใจ แล้วบ่นออกมาแบบเซ็งๆ ซึ่งฉันก็รับฟังมันนิ่งๆ เพราะอย่างที่บอก..มันชิน “มากันทำไมเยอะแยะวะ” พูดจบเฮียโยก็เดินแยกออกไป แล้วพอเฮียโยเดินพ้นไปปุ๊บ เฮียพายก็หันมาหาฉันปั๊บ “…ไรเฮีย?” ฉันถามออกไปอย่างรู้ทัน เพราะแค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าเฮียน่าจะอยากพูดอะไร ถึงวันๆนึงเขาจะพูดน้อยมาก แต่การรู้จักกันมาสักพักมันทำให้ฉันเริ่มเข้าใจเฮียพายผ่านแววตา ไม่ใช่สีหน้านิ่งเฉยแบบนั้น “ร้อนไง? หน้าแดง” เฮียพายพูดออกมาสั้นๆ แต่แววตาโคตรกวน ซึ่งนี่แหละคือบุคลิกที่โคตรจะน่าหมั่นไส้ของเขา ฉันเลยตอบกลับไปแบบไม่สนใจแล้วก้าวขาจะเดินหนี “ยุ่ง -////-” “หึ.. จะบอกมันเมื่อไหร่?” กึก! ฉันเดินผ่านหน้าเฮียพายมาแค่สองก้าวเท่านั้น แล้วก็ต้องชะงักฝีเท้าไปเพราะได้ยินคำถามที่ไม่เข้าใจความหมาย เลยถามกลับไป “บอกอะไร” พรึ่บบบ! แล้วเฮียพายก็คว้าสมุดบันทึกเล่มจิ๋วขนาดเท่าฝ่ามือที่ฉันใช้เวลาตามหาอยู่นานเป็นอาทิตย์ออกมา ก่อนจะยื่นมันคืนมาให้ฉันที่ก็รีบคว้ามันทันทีอย่างไม่รีรออะไร “เฮียไปเอามาจากไหน O_O?!” ฉันพูดออกไปหน้าตาตื่นและรีบเปิดดูเนื้อหาในนั้นว่ามันยังอยู่ครบมั้ย เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีหน้าไหนหลุดรอดออกไป “ลิซยืม Text ไปแล้วหยิบติดมา” เฮียพายตอบกลับมาสั้นๆ แต่จากคำพูดก่อนหน้านั้นแปลว่าเขาต้องอ่านเนื้อหาข้างในนี้แล้วแน่ๆ.. นั่นแปลว่าความลับของฉันมันไม่ได้รู้แค่ฉันคนเดียวอีกต่อไปแล้ว “รับปากได้มั้ยว่าเฮียจะไม่...” “ไม่บอก มันจะรู้มั้ย?” ไม่รอให้ฉันพูดจบ เฮียพายพูดออกมาอย่างรู้ทันและมองมาที่ฉันอย่างเตือนสติ ฉันเลยถอนหายใจออกและก้มหน้ามองข้อความมากมายในสมุดบันทึกอย่างไม่รู้จะพูดอะไร “.....” “คิดให้ดี.. ไม่มีเวลาแล้วไม่ใช่รึไง” ฉันพยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่เฮียพายกำลังจะสื่อ เพราะเฮียโยจะกลับไทยพรุ่งนี้ ฉันเลยเหลือเวลาแค่คืนนี้... พูด...สิ่งที่ก็ไม่รู้ว่ามัน...ควรจะพูดมั้ย นี่ฉัน..ควรพูดออกไปให้เขารับรู้มั้ย?หลายวันต่อมา...“อ้าววว ซาหวัดดีฮับคุณแม่ ฮ่ะๆ ~”เฮียบีทเดินควงไม้กลองเข้ามาในห้องซ้อมดนตรีที่มีฉันกับเฮียโยนั่งอยู่ แล้วเขาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวนั่งด้วยท่าทางสบายๆฟุ้บ!“ไรเฮียอย่ามาแซว อยากตายด้วยไม้กลองรึไง -////-”พรึ่บบบ!ฉันเอื้อมมือไปคว้าไม้กลองจากมือเขาแล้วทำท่าจะฟาดเข้าให้ นี่ยังน้อยนะ ตอนฉันโทรไปบอกเฮียขำหนักกว่านี้หลายเท่าเลยเหอะ“เป็นไง เห็นไอ้นั่นแล้วเขินเลยป้ะ น่าอิจฉาจังเว้ย >////”พูดจบเฮียบีทก็แกล้งเอามือปิดหน้าปิดตาทำท่าทางกวนๆ ออกมาแถมยังทำตาปริบๆ มองไปหาเฮียโยที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ว่าแต่..ไอ้นั่นที่ว่านี่อะไร? เห็นแล้วทำไมต้องเขินด้วย?ครืดดด!“เชี่ยยย คณะคหกรรมค้นพบดาวดวงใหม่ งานดีสัส! เด็กในชมรมบอกมา”ยังไม่ทันที่ฉันจะถามอะไรเฮียบีท อยู่ๆ เฮียเลย์ก็พรวดพราดเปิดประตูห้องซ้อมดนตรีเข้ามา แถมยังคว้ามือถือตัวเองมาวางบนโต๊ะลงตรงหน้าพวกฉัน ในหน้าจอนั้นมีรูปผู้หญิงคนหนึ่งที่ขนาดแค่มองผ่านๆ ก็ยังถือว่าละสายตาได้ยากเหมือนกัน แล้วเฮียโยก็เอ่ยปากพูดอะไรงึมงำที่ฟังแล้วฉันถึงกับหันไปทำตาขวางใส่เขาทันที“จุ๊ๆๆ เห็นแบบนี้แล้วอยากจะฆ่าเมียเหลือเกิน”“เฮ้ย!”“อุ่ย..
วันต่อมา...@ DARK SHADOW CASTLE“ทำไมทำหน้างั้น?”เฮียโยหันมาถามฉันที่นั่งนิ่งๆ อย่างใช้ความคิด เพราะวันนี้เป็นวันพิพากษาเฮียคิระที่สร้างเรื่องไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน อีกอย่าง..ฉันเพิ่งจะถามที่มาที่ไปของการทำสงครามขนาดย่อมครั้งนี้จากปากเฮียโยตอนมาที่นี่ ก็ได้ความว่าเฮียคิระกับเฮียเตไม่ค่อยจะถูกกันมาตั้งนานแล้วแค่เพิ่งจะมาฉะกันจริงจังก็คราวนี้“เฮียว่าเฮียคิระ...”“เฮียอีกละ -.- ทำไมต้องไปนับญาติกับมัน”ฉันยังไม่ทันพูดอะไร เฮียโยก็ออกอาการไม่พอใจขึ้นมาซะก่อน ที่จริงก่อนหน้านี้เฮียโยก็ออกอาการหงุดหงิดมากที่ฉันเอาแต่ถามถึงเฮียคิระไม่หยุด“อะไร เฮียต้องขอบคุณเค้ารึเปล่า เฮียคิระเป็นคนพาโรสไปหาหมอถึงรู้ว่าท้อง” ฉันพูดออกไปแล้วเฮียโยก็หันมามองด้วยสีหน้าแปลกใจ“มันรู้ก่อนใคร?”“ใช่ รู้พร้อมโรส แล้วรู้ก่อนพ่อของลูกเลยไง ชัดมั้ย?!”ฉันส่งเสียงประชดประชันและทำหน้าตากวนประสาทแบบที่เขาชอบทำออกไป แล้วเฮียก็ขยับเข้ามาใกล้พรึ่บ! หวืดดด“ถอยไปไกลๆ ไม่ต้องมาง้อ”เฮียโยเอื้อมแขนมาทำท่าจะโอบ แต่ฉันขยับตัวหนีแล้วยักคิ้วท้าทายแต่เขาก็ยิ่งทำหน้าตาได้ใจ“ป่าวง้อสักหน่อย แค่จะบอกว่าอย่างอแง เดี๋ยวจะโดนชุดใหญ
“อื้อ~”ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเฮียโยที่รัดแน่นแต่กลับอบอุ่นมากจนหลุดยิ้มบางๆ ออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แขนข้างหนึ่งของเขายื่นมาให้ฉันหนุนแล้วยังใช้มันกอดร่างฉันเอาไว้ ส่วนอีกข้างวางพาดผ่านหน้าท้องของฉันเหมือนกำลังกอดลูกของเรายังไงอย่างงั้นใช่..ลูกของเรา :)ตลอดค่ำคืนที่ยาวนานเฮียโยเอาแต่พูดคำนั้นจนฉันเคลิบเคลิ้มกับรสสัมผัสที่เขาเติมเต็มมาให้อย่างอ่อนโยนและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นอีกมุมหนึ่งที่ฉันไม่คิดว่าเขาจะมีตั้งแต่รู้จักกันมาถัดออกไปอีกหน่อยมีสมุดบันทึกที่เขาจะให้ฉันตั้งแต่เมื่อคืนวางอยู่ ฉันเลยเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดู แล้วก็โดนดึงความสนใจเอาไว้ด้วยข้อความสีชมพูมากมาย ตัดสีกับข้อความสีน้ำเงินที่ฉันเคยเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนJan 11,2017You have no idea how hard it is to pretend all the time.(คุณไม่รู้หรอกว่ามันยากขนาดไหนที่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกตลอดเวลา)♥ Don’t underestimate me, I notice more than you realize.(อย่าประเมินผมต่ำไป ผมสังเกตเห็นมันมากกว่าที่คุณเข้าใจ)Feb 28, 2017I need love from you but I know that it’ s hard.(ฉันต้องการความรักจากคุณ แต่ฉันรู้ว่ามันยาก)♥
“เมื่อกี๊ของแม่นะ ส่วนอันนี้อ่ะ..ของลูก”แคว่กกกกกก!O_O!พูดจบเฮียโยก็กระชากชุดนอนฉันจนขาดหลุดติดมือเขาไป โชคดีที่ฉันยังมีชั้นในปกคลุมร่างกายบางส่วนเอาไว้ แต่อากาศที่เย็นจัดภายในห้องก็ทำให้ฉันแอบสะท้านจนขนลุก“ไม่ขอนะ...”เฮียโน้มตัวมากระซิบข้างหูฉันด้วยแววตายียวนและตั้งใจกวนประสาท ฉันเลยยกมือขึ้นดันตัวเขาออกแล้วกำลังจะเอ่ยปาก แต่เฮียก็ชิงพูดขัดขึ้นมาซะก่อน“จุ๊ๆ พ่อลูกจะคุยกันฮะ แม่รอฟังเฉยๆ ครับห้ามดื้อ”“...อื้อออ”พูดจบเฮียก็กดจูบลงมาแบบหนักหน่วงกว่าเดิมหลายเท่า และเร่งจังหวะกระตุ้นให้ฉันเคลิบเคลิ้มตามเขา แถมยังเลื่อนมือมาสัมผัสเรือนร่างของฉันอย่างแผ่วเบา ลูบไล้มันไปมาอยู่อย่างนั้นจนฉันดิ้นพล่าน“อื้อออ~”ฉันขยับตัวไปมาตามสัมผัสของเฮียโยอย่างเก็บอาการไม่อยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลาเขาเลื่อนมือไปโดนตรงไหนมันก็ทนไม่ได้ ร่างกายฉันมันไวต่อความรู้สึกไปหมด“ชู่ววว เฮียแค่จูบลูก จับ..ลูก”เฮียโยถอนจูบและพูดออกมาเบาๆ แบบเน้นคำอยู่ข้างหูฉันจนฉันรู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งตัวอีกครั้ง“ปล่อยโร...อื้อออ”ฉันเอ่ยปากพูดออกไปได้ไม่กี่คำเท่านั้น เฮียก็เลื่อนจมูกโด่งๆ ของเขาลงมาซุกไซร้ตรงซอกคอของฉัน
@ VAYO’ S CONDOแกร๊ก แอ๊ดดด“เมื่อไหร่จะพากลับห้อง”ฉันบ่นๆ ออกไปพอเฮียโยพาฉันวนกลับมาที่คอนโดเขาอีกครั้งหลังออกจากบ้านเขา ใจคอจะไม่ให้ฉันกลับห้องตัวเองเลยมั้ง น่าเบื่อจะแย่ -.-“ห้องไหนอ่ะ? ห้องลิซหรือห้องนิล”ฟุ้บ!พูดจบเฮียโยทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแบบชิลๆ แล้วเลิกคิ้วถามฉันที่ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามเขาออกมา...หืม? นี่เขารู้ด้วยหรอว่าฉันย้ายไปอยู่ห้องเจ๊นิลแล้วอ่ะ“งง.. เมียทั้งคนถูกมั้ย เราทำไรเฮียรู้หมดแหละ”เฮียโยพูดออกมาอย่างรู้ทัน พร้อมกับมองมาที่ฉันด้วยท่าทางกวนประสาทแบบนั้นไม่หยุด ก่อนที่ฉันจะตอบกลับไป“อะไร ใครเมีย คิดไปเอง!”“หึ..ก็ไม่รู้สิฮะ ถามเด็กในท้องมั้ยล่ะ โหลๆ พ่อชื่อไรอ่ะ? พ่อหล่อแบบนี้รึป่ะ? ฮ่ะๆ”เฮียโยพูดไปชี้นิ้วเข้าหาตัวเองไป แล้วเขาก็หลุดขำออกมาอย่างผู้ชนะ แถมยังยักคิ้วท้าทายฉันที่พอได้ฟังแล้วอยากจะคว้าแจกันเขวี้ยงใส่ให้รู้แล้วรู้รอด“รำคาญ! คืนนี้นอนข้างนอกไปเลยไป” พูดจบฉันก็เดินหนี แต่เฮียโยก็ยังส่งเสียงตามหลังมาแบบยียวนมากกก ให้ตาย!“ครับ เชิญตามสบาย ให้เฮียเซ็นยกมรดกให้ลูกเลยมั้ย ปากกาอยู่ไหนน้า~ หาแป๊บ”ชิ.. ประสาท!ครึ่งชั่วโมงต่อมา...ครืดดด!“เข้ามาทำไ
“...ว่าไงนะ?”ครืดดด!พูดจบฉันก็ลุกพรวดจากโต๊ะทันทีที่ได้ยินรุ่นพี่เฟรย่าพูดแบบนั้น แต่เฮียโยก็เอื้อมแขนมาคว้าเอวฉันพร้อมกับออกแรงดึงกลับไปนั่งตักเขา แถมยังใช้แขนแกร่งล็อคตัวฉันเอาไว้พรึ่บ!“อย่ามาจับ!” ปากฉันพูดกับเฮียโยแต่ตากลับจ้องไปทางรุ่นพี่เฟรย่าที่กำลังมองมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ“ใจเย็นนะฮะเลดี้ เดี๋ยวเฮีย...”“...อธิบายเอง”รุ่นพี่เลโอพยายามแก้สถานการณ์ แต่รุ่นพี่เฟรย่าก็พูดขัดขึ้นมา ก่อนจะจ้องมาที่ฉันไม่วางตาแล้วพูดต่อ“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”“ก็รีบอธิบายมาดิ!” ฉันตะคอกสวนกลับไปอย่างหงุดหงิด จนโดนเฮียโยดุออกมาเสียงเข้ม“โรเซ่”“โอ๊ะ เชื่อละว่าโหดจริง” รุ่นพี่เลโอมองมาที่ฉันขำๆ ก่อนที่เขาจะยกแขนข้างหนึ่งขึ้นไปโอบรุ่นพี่เฟรย่าไว้แบบชิลๆ“มีเรื่องนิดหน่อยฮะเลดี้ ไอ้โยมันแค่เข้าไปช่วย”รุ่นพี่เลโอพูดอ้อมๆ ออกมาด้วยท่าทางเป็นมิตร แต่ยิ่งฟังฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจ แล้วยังไม่ทันจะถามอะไร รุ่นพี่เฟรย่าก็กวาดสายตามองคนในร้านนิ่งๆ ก่อนจะเหลือบมองรุ่นพี่เลโอแล้วพูดสวนขึ้นมา“โดนข่มขืนน่ะ”ขวับ!“ว่าไงนะ?!”O_O!ยอมรับว่าได้ฟังคำพูดนั้นฉันเองก็ตกใจ แต่ครั้งนี้เสียงที่ดังขึ้นมามันไม่ใช่ของฉันไ