ชีวิตคู่ของพิมดาวและอินหลงดำเนินไปอย่างขมขื่น เธอพยายามทำดีกับเขาทุกวัน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความไม่แยแสและไม่ใส่ใจในสิ่งใด ๆ ที่เธอทำไปเช่นเคย
ซึ่งนั่นคงทำให้เธอเริ่มชิน แต่ถึงอย่างนั้นลึก ๆ ในใจก็อยากถูกยอมรับจากเขาเหมือนกัน อย่างน้อยก็ในฐานะเพื่อนร่วมโลกก็ได้ แม้ว่าเขาจะมองว่าเธออยากแต่งงานกับเขาใจจะขาดก็เถอะ
แต่ชีวิตเธอในตอนนี้นั้นก็ไม่ได้แย่เลย...เธอถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนที่แสนใจดีมีเมตตาต่อเธอไม่ว่าจะเป็นครอบครัวจาง หรือแม้กระทั่งพี่แม่บ้านและบอดีการ์ดทุกคนนั้นให้เกียรติเธอเสมอจนบางครั้งหญิงสาวก็แอบเกรงใจพวกเขา
จะมีใจร้ายก็แค่คน ๆ เดียวนั่นแหละ...แต่จะทำยังไงได้ ก็คุณชายเขา 'ดื้อมาก' และ 'หัวรั้นมาก' นี่นา
"จะตีสามแล้วคุณพิมยังไม่นอนเหรอคะ" แม่บ้านจิงที่งัวเงียมาหาน้ำดื่มพบกับนายหญิงที่กำลังนั่งอยู่โซฟาห้องโถงพอดี
"รอเฮียอินน่ะค่ะ ตีสามแล้วยังไม่กลับบ้านเลย" เอาจริงก็แอบเป็นห่วงเขานั่นแหละ เพราะเวลาเขาไปดูแลกาสิโนนั้นจะกลับบ้านอย่างช้าสุดก็ตีหนึ่ง แต่ตอนนี้มันตีสามเข้าไปแล้ว โทรไปก็ไม่รับ...แต่ความจริงก็คือเขาแทบไม่เคยรับสายเธออยู่แล้ว ถ้าโชคดีที่เขารับสายจริง ๆ พ่อคุณก็วีนยับจนแทบวางสายไม่ทัน
"พิมคิดว่าจะลองไปดูที่กาสิโนหน่อยค่ะ...ได้ไหมคะ" พิมดาวหันไปคุยกับแม่บ้านจิง
"น่าจะได้นะคะ พี่คนขับรถและพี่การ์ดรอบดึกน่าจะพาไปได้ค่ะ" เธอพูดถึงการจัดเวรยามดูแลคฤหาสน์หลังงามแห่งนี้อย่างเข้มงวด ทั้งเช้าและค่ำตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ที่พักแห่งนี้จะรายล้อมไปด้วยหนุ่มชุดดำเต็มไปหมด สมกับเป็นบ้านของมาเฟีย
"โอเคจ้ะ งั้นพี่จิงไปกับพิมนะ"
"ได้เลยค่ะคุณพิม"
หลังจากนั้นพิมดาวและจิงก็พากันเดินออกมายังลานจอดรถที่มีรถซูเปอร์คาร์ และรถหรูมากมายจอดเรียงกันเด่นสง่า
"ช่วยพาฉันไปกาสิโนทีนะคะ" การ์ดชุดดำและคนขับรถก้มหน้ารับคำสั่งนายหญิงของบ้าน หญิงสาวเข้าไปนั่งในรถ Rolls-Royce ที่ถูกออกแบบมาสำหรับบุคคล VIP เพราะสามารถกันกระสุนได้และความปลอดภัยสูงในระดับหนึ่ง
ก่อนที่ขบวนรถสีดำจำนวนสามคันจะเคลื่อนออกจากคฤหาสน์ตระกูลจาง ซึ่งคันของเธออยู่ตรงกลางถูกนำหน้าด้วยบอดีการ์ดคันที่หนึ่ง และตบท้ายด้วยคันที่มีทั้งการ์ดและแม่บ้านคันที่สาม
ในตอนที่มาอยู่ที่นี่แรก ๆ เธอก็ไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ที่เวลาจะออกไปไหนมาไหนมักจะต้องเป็นเรื่องใหญ่และแห่กันไปหลายคน แต่เธอก็รู้ว่าเพราะความปลอดภัยเป็นหลักจึงทำให้ต้องมีการ์ดประกบตลอด เพราะไม่รู้ว่าคนจากพวกตระกูลลีจะมาเล่นงานเธอเมื่อไหร่...
Prime casino
เพียงไม่นานรถคันหรูก็เดินทางมาถึงกาสิโนขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่ทำงานของอินหลง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาเห็น และก็ต้องตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก เพราะตึกน่าจะสูงไม่ต่ำกว่าสิบสองชั้น พอเดินเข้ามาก็พบกับเครื่องเล่นแสงสีเสียงมากมาย ทั้ง Slot ตู้หยอดเหรียญต่าง ๆ เดินไปเรื่อย ๆ ก็จะพบโซนสำหรับเล่นไพ่ รูเล็ต และอื่น ๆ มากมายละลานตาเต็มไปหมด
บอดีการ์ดเดินนำนายหญิงพิมดาวไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ถึงชั้นในสุดซึ่งเป็นที่ทำงานของจาง อินหลงโดยเฉพาะ เพียงครู่เธอก็เดินผ่านผู้คนมากมายที่กำลังสนุกสนานกับการพนัน แม้จะเป็นเวลาตีสามแล้วแต่เหล่านักเสี่ยงโชคก็ยังแน่นกาสิโน ทำให้ตอกย้ำความสำเร็จของธุรกิจนี้จริง ๆ
ทันทีที่เดินเข้าไปถึงส่วนในสุดของกาสิโน หญิงสาวก็เห็นกลุ่มคนชุดดำกำลังกระทืบชายคนหนึ่งอยู่บนพื้น เธอตกใจมากจึงรีบเดินเข้าไปดู...และพบว่าผู้สั่งการที่นั่งอยู่ตรงกลางคือสามีของเธอนั่นเอง
พอเขาเห็นหน้าเธอปุ๊บ คิ้วหนาก็ขมวดเข้าหากันทันที
"มาที่นี่ทำไม!" เขาตวาดใส่เธอทันทีอย่างไม่เกรงใจว่าลูกน้องจะได้ยิน
"พิมเห็นเฮียยังไม่กลับ...นึกว่าเป็นอะไรเลยออกมาดูค่ะ"
"ไร้สาระ! เลิกทำเหมือนฉันเป็นเด็กสักที ฉันจะกลับบ้านกี่โมงมันก็เรื่องของฉัน" การที่พิมดาวมาตามกลับบ้านมันไม่ทำให้เขาหัวเสียเท่าเห็นเธออยู่ในเดรสความยาวเท่าเข่าสีขาวที่ดูบางจนแทบจะแนบไปกับรูปร่างสะโอดสะอง
ช่างไม่เหมาะสมและขัดหูขัดตาจริง ๆ แบบนี้มันน่าดุให้น้ำตาไหลเสียให้เข็ด!
"พิมเข้าใจค่ะ แต่พิมแค่เป็นห่วง..."
"เห็นว่าฉันยังอยู่ดีก็กลับไปได้แล้วสิ ออกมาดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้มันอันตราย แถมแต่งตัวไม่ดูกาลเทศะอีก น่ารำคาญ!"
"ไม่ค่ะ...พิมจะรอกลับพร้อมเฮีย" แม้จะถูกด่าว่าน่ารำคาญ แต่เธอก็ยังยืนกรานจะรอกลับพร้อมสามี
"ฉันบอกให้กลับไปก่อน"
"พิมอยากกลับพร้อมเฮียค่ะ"
"ดื้อด้านจริง! อยากรอนักก็ลงมานั่งตรงนี้เลย" ไม่พูดเปล่าแต่ชายหนุ่มยังฉุดข้อมือเล็กให้ลงไปนั่งข้าง ๆ เขาบนโซฟาตัวใหญ่
"นั่งลงแล้วก็ดูซะ...พวกมึง จัดการมันต่อ" อินหลงพยักหน้าสั่งการลูกน้องให้กระทืบชายวัยกลางคนต่อ พิมดาวที่เห็นความรุนแรงต่อหน้าก็ทำได้แต่กำชุดประโปรงจนยับยู่ยี่ด้วยความตกใจและหวาดกลัวขั้นสุดจนต้องพยายามเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
"ผะ-ผมขอโทษครับท่าน ผมจะหาเงินมาใช้หนี้ให้ได้ครับ ไว้ชีวิตผมเถอะ!" ชายหนุ่มที่นอนจมรอยแผลตะโกนขอชีวิตจากอินหลง มาเฟียหนุ่มจึงยกมือให้การ์ดหยุดการกระทำและจับลูกหนี้ที่ถูกกระทืบมานั่งคุกเข่าต่อหน้าร่างสูง
"ขอชีวิตเหรอ...กูให้มึงมากี่ครั้งแล้ว ก็ไม่เห็นมึงจะจำ จนแล้วยังเสือกไม่เจียม เล่นพนันจนลูกเมียต้องไปอยู่ห้องเช่าแคบ ๆ" มาเฟียหนุ่มเอ่ยความน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม พิมดาวได้แต่มองเสี้ยวหน้าหล่อเหลานั้นเงียบ ๆ ถึงเธอจะโดนเขาพูดจาไม่ดีใส่อยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้ดูโหดขนาดนี้
"จำเอาไว้ว่านี่คือบทเรียนของการไม่รู้จักพอ" พูดจบเขาก็ฉุดข้อมือของพิมดาวให้ลุกขึ้นและเดินออกมาจากบริเวณนั้นทันทีโดยมีเสียงกรีดร้องของชายคนนั้นดังตามหลังมา หญิงสาวรู้สึกกลัวและกังวลเกี่ยวกับชายคนนั้นเป็นอย่างมากจึงตัดสินใจเอ่ยถามอินหลงที่ยับคงเกาะกุมข้อมือน้อยพลางพาเธอเดินไปเรื่อย ๆ
"เฮียคะ...เขาจะเป็นยังไงต่อเหรอคะ"
"ก็โดนกระทืบสิถามโง่ ๆ "
"ไม่ใช่ค่ะ พิมหมายถึง..."
"จะฆ่ามันไหมอย่างนั้นสินะ"
"...ค่ะ"
"ก็แค่สั่งสอนให้รู้จักจำ ไม่กะเอาถึงตายหรอก แต่พิการไหมก็ไม่แน่" เขาเอ่ยอย่างเย็นชา ถึงแม้จะเป็นลูกชายคนเล็กและอายุเพียงยี่สิบปลาย แต่บารมีและความน่าเกรงขามของเขานั้นไม่ได้แพ้พ่อหรือพี่ ๆ ของเขาเลย
"..." เมื่อได้ยินคำตอบคนตัวเล็กก็เลือกที่จะเงียบแทนการถามซอกแซกเพิ่ม เพราะกลัวจะทำให้ร่างใหญ่ที่เกาะกุมข้อมือของเธออยู่หงุดหงิดมากขึ้น จนกระทั่งเดินมาสักพักก็มาถึงหน้าทางเข้ากาสิโนที่มีรถจอดรออยู่แล้ว
เขาเปิดประตูและผลักให้เธอเข้าไปนั่งข้างในพร้อมตามเข้ามานั่งข้าง ๆ
"ทีหลังอย่าแต่งตัวแบบนี้ไปไหนมาไหนอีก"
"..."
"มันไม่สมควร"
"ค่ะ..."
"แล้วอีกอย่าง อย่าออกไปข้างนอกคนเดียว เธอก็รู้ว่าศัตรูมันอยู่รอบประเทศ อยากเป็นศพตั้งแต่ยังสาวหรือไง" ก็จริงอย่างที่เขาว่า ถึงเธอจะเปิดตัวเป็นสะใภ้ของตระกูลจางแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยตลอดเวลา
"จะไปไหนมาไหนต้องมีฉันไปด้วยเท่านั้น" พิมดาวได้แต่พยักหน้าหงึกหงักตามคำพูดของสามีที่ดูเหมือนมีความห่วงใยแอบแฝงอย่างไรอย่างนั้น ถึงจะเกลียดขี้หน้ากันแค่ไหนแต่เขาก็อาจจะแอบเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอในสไตล์ของเขาอยู่ล่ะมั้งนะ
"คุณพ่อลองอุ้มเลยค่ะ" เมื่อผ่านขั้นตอนการคลอดลูกจนมาพักอยู่ในห้อง VVIP แล้ว พยาบาลก็นำลูกน้อยของเขาและเธอมาให้คุณพ่อมาเฟียลองอุ้มแม้จะมือสั่นน้ำตาซึมไปบ้าง แต่ท่าทางของเขานั้นแสนจะแข็งแรงและดูมืออาชีพสมกับไปเข้าคอร์สติวการเลี้ยงลูกมาอย่างเข้มข้นตลอดหลายเดือนจริง ๆ ตอนนี้ทุกคนต่างอมยิ้มให้กับภาพที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้เห็น...บุคคลที่เคยเอาแต่ใจและฝีปากเจ็บ ๆ จนทุกคนร้องไห้เพราะเขามามากกำลังอยู่ในโหมดคุณพ่อที่เห่อลูกเห่อเมียที่หนึ่งเขาอุ้มลูกน้อยอ้วนกลมโยกไปมาเบา ๆ อย่างเอ็นดู และจึงวางเหมยอิงไว้ที่เตียงเด็กแรกเกิดข้าง ๆ ภรรยา"น่ารักจังเลยหลานอาม่า โตมาสวยเหมือนหม่าม้าหนูแน่ ๆ " เกศมณีเดินเข้าไปมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของหลานสาวด้วยความรักตอนนี้ครอบครัวจางอยู่กันพร้อมหน้าเพื่อตอนรับหลานสาวคนแรกของตระกูล...พวกเขาทั้งเอ็นดูและหมั่นแวะเวียนมาพูดคุยกับเจ้าตัวน้อยที่นอนหลับพริ้มอย่างรักใคร่ นั่นทำให้พิมดาวตื้นตันใจเป็นอย่างมากที่ทุกคนรักและเอ็นดูลูกสาวของเธอแม้เธอจะเติบโตมาด้วยการเป็นลูกสาวที่พ่อไม่ค่อยจะรักสักเท่าไหร่ แต่เธอก็มั่นใจได้ว่าเหมยอิงจะไม่ได้รับประสบการณ์แบบเธอแน่นอน เพราะดวงใจ
"เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน!""..." หญิงสาวหยิบที่ตรวจครรภ์มาจากสามี ขีดทั้งสองนั้นชัดเจนจนมือไม้ของเธอสั่น แม้ว่าใจลึก ๆ จะพอรู้ว่าตัวเองน่าจะท้อง แต่เมื่อผลตรวจออกมาตอกย้ำความเป็นจริงแบบนี้ก็ทำให้พิมดาวดีใจจนน้ำตารื้นได้ ถึงจะดีใจแค่ไหนแต่หญิงสาวก็รู้สึกกลัวและไม่มั่นใจ"พิมไม่ดีใจเหรอ" อินหลงรีบเดินมาโอบภรรยาด้วยความเป็นห่วง"ดีใจค่ะ แต่ก็กลัว...""กลัวอะไรครับ""พิมไม่มั่นใจ พิมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ดีไหม" หญิงสาวพูดตรง ๆ ถึงความกังวลในอนาคต"โถที่รัก พิมต้องเป็นหม่าม้าที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว น่ารัก ใจดี ทำกับข้าวก็เก่ง มีอะไรที่ต้องกังวลครับ" ชายหนุ่มยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูภรรยาตัวน้อย เขาเข้าใจที่เธออาจมีความกลัวและกังวล เพราะว่ากันตามตรงเธอก็อายุเพียงยี่สิบต้น ๆ เอง แถมยังผ่านเรื่องราวมามากมาย และสามีก็ยังใจร้ายกับเธอมาตั้งนาน"ฮือ...พิมดีใจ" คนตัวเล็กโผเข้ากอดสามีที่เพิ่งจะดีกันได้ไม่กี่ชั่วโมงด้วยความรักใคร่ ไม่อาจปฏิเสธเลยว่าทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา เธอมักจะรู้สึกปลอดภัยราวกับถูกโอบกอดด้วยภูเขาแสนอบอุ่นอยู่เสมอ"ฮ่า ๆ โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะครับ" อินหลงหัวเราะกับท่าทีเหมือนเด็กน้อยข
แสงพระจันทร์ยามค่ำคืนสาดส่องเข้ามาในห้องนอนที่เพิ่งเป็นสถานที่เปิดศึกรักไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนทำให้หญิงสาวตื่นขึ้นมา ภาพแรกที่เธอมองเห็นคือใบหน้าหล่อราวกับรูปปั้นสลักที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขหลังจากจบบทรักแสนเร่าร้อนบนเตียง เขาก็อุ้มเธอเข้าไปอาบน้ำและสูบพลังเธอไปอีกหลายครั้งจนหญิงสาวต้องบอกให้เขาพอก่อน เพราะเธอเขาสั่นจนแทบยืนไม่ไหวแล้ว แม้คนตัวสูงจะแอบบ่นอุบอิบเพราะยังกินไม่หนำใจ แต่ก็ยอมใส่อาบน้ำใส่ชุดและมานอนให้เรียบร้อยตามคำสั่งภรรยาหญิงสาวกวาดสายตาไปมองนาฬิกาและพบว่าตอนนี้เวลาที่เธอสะดุ้งตื่นมานั้นประมาณตีสองเอง อีกนานกว่าจะเช้า หญิงสาวเลยพยายามหลับตาเพื่อจะนอนอยู่ในอ้อมกอดของสามีต่อแต่อาการปั่นป่วนก็เข้าเล่นงานเธอเวียนหัวมาก รู้สึกคลื่นไส้หนักจนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำและนั่นทำให้สามีของเธอตื่นขึ้นมาทันที"พิม เป็นอะไรครับ!""อ้วก..." พิมดาวอาเจียนออกมาเต็มอ่างล้างหน้าโดยมีอินหลงเดินเข้ามาลูบหลังภรรยาที่กำลังอาเจียนอย่างหนัก น้ำตาใส ๆ เอ่อคลอเพราะความทรมานในการออกแรงอาเจียนใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเธอก็ปลดปล่อยของเสียออกมาจนหมด พิมดาวรีบล้างปากและกำลังจะทำความสะอาดซากอ้วกของต
"อ่า...เสียว" อินหลงสูดปากร้องครางเมื่อถูกการสุขสมของภรรยาบีบรัดตัวตนของเขาจนแทบจะเสียการควบคุม ชายหนุ่มดันเรียวขาขาวให้ขึ้นไปชิดกับทรวงอกนุ่ม จนตอนนี้สะโพกของเธอลอยเด่นขึ้นเหนือเตียงนอน พาให้ร่างกายนุ่มนิ่มรองรับการตะบี้ตะบันกระแทกของเขาอย่างลึกขึ้นไปอีกมือหนากดขาภรรยาจนแนบแน่นติดไปกับเต้าตูมและตะบี้ตะบันตอกกระแทกท่อนเอ็นใส่โพรงเนื้ออุ่นอย่างหนักหน่วงเสียงเนื้อกระทบเนื้อผสานกับเสียงครางของเขาและเธอดังก้องไปทั่วทั้งห้อง เขาไม่แคร์ว่าใครจะได้ยิน เพราะการได้เอากับเมียแบบดุเดือดแบบนี้แหละที่เขาโหยหามานานแสนนาน และเขาไม่จำเป็นต้องปกปิดความเสน่หาที่มีต่อร่างกายเธออีกต่อไปแล้วต่อจากนี้และตลอดไป เขาจะแสดงออกในทุก ๆ วันว่ารักและหลงใหลในตัวเธอมากแค่ไหน อินหลงอยากให้ภรรยาภูมิใจว่ามีสามีที่รักและเทิดทูนอย่างสุดหัวใจ"อ่า...เมียจ๋า รักนะครับ""รัก รักที่สุด" ระหว่างที่กำลังโจนจ้วงเข้าใส่ร่างบางอยู่นั้น เขาก็บอกความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมากับภรรยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะตอนนี้เขารักเธอจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว..."อ๊า...พิมก็รักเฮียค่ะ" แม้จะถูกสามีบดเบียดมาไม่ได้พัก แต่คำว่ารักของเขานั้นชัดเจนในหัวใจ เ
"บ้า! ไปปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยค่ะ" พิมดาวฟาดไปที่ไหล่แกร่งแรง ๆ อย่างเขินอาย จะให้แม่บ้านมาได้ยินตอนเธอกำลังทำอะไรต่อมิอะไรกับสามีได้ยังไง เธอก็เขินเป็นนะ"ก็ได้ครับ" เขาทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย แต่ยังคงไม่ยอมปล่อยเรือนร่างพิมดาวให้เท้าติดพื้น เขายังคงอุ้มเธอเกี่ยวเอวไว้อย่างนั้น และเวลาที่ก้าวเดินส่วนตรงนั้นก็จะเสียดสีกันอย่างน่าหวาดเสียวฟุ่บ...เมื่อปิดประตูเสร็จเรียบร้อย คนตัวสูงก็พาร่างเล็กลงมานอนบนเตียงและรีบทาบทับกายแกร่งลงมาคร่อมตัวเธอไว้ เขาประกบริมฝีปากลงมาและเริ่มจุมพิตอันดุดันอีกครั้งริมฝีปากของทั้งคู่ต่างบดขยี้กันและกัน ลิ้นร้อนแลกเปลี่ยนเป็นพัวพันเกี่ยวกระหวัดจนเสียงดังชัดเจน...เขาจูบเธอหนักแน่นราวกับต้องการกลืนกินลมหายใจที่โหยหามานานแสนนาน"อื้อ..." พิมดาวร้องครางอู้อี้ในลำคอเมื่อฝ่ามือร้อนของสามีปัดป่ายไปตามเนื้อตัวนุ่มนิ่มและจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ของเธอให้หมดไป อินหลงผละริมฝีปากออกและหันไปจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองจนตอนนี้ทั้งสองเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงประจักษ์แก่สายตาของกันและกันริมฝีปากร้อนของเขาไล่จูบที่แก้มใสทั้งสองข้างและเลื่อนไล้ลงมาซุกไซ้กับซอกคอขาวเนียนที่มีกลิ่น
"เฮีย...อย่าร้องไห้ค่ะ" พิมดาวทั้งตกใจและสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่จริงใจของเขาจนน้ำตาไหลตามกัน ยิ่งเขาสะอื้นดังขึ้นเท่าไหร่ หัวใจของพิมดาวก็เหมือนจะขาดออกเป็นเสี่ยง ๆ "เฮียรักพิม..." คำบอกรักเจือเสียงหอบหายใจทำเอาหยาดธาราไหลรินออกมาเป็นสาย"เฮียจะไม่ยอมหย่ากับพิมเด็ดขาด ไม่…เฮียทำไม่ได้จริง ๆ เฮียขอร้องนะ ขอโอกาสให้ผู้ชายแย่ ๆ ที่รู้ตัวช้าได้ไหมครับ""เฮียรักพิม…เฮียขาดพิมไม่ได้ ฮึก" เขายังคงสะอื้นไห้อย่างต่อเนื่อง หยดน้ำตาของเขาหลั่งไหลออกมาจนเปรอเปื้อนบริเวณเอวเธอไปหมดเขากำลังเสียใจอยู่จริง ๆ … ไม่ใช่อาการผีออกผีเข้า แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยอมทุกอย่าง หมดสิ้นอีโก้ทุกทางตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว…และเธอยอมรับทั้งหัวใจอย่างซื่อสัตย์เลยว่า...โคตรรักเขาเลย รักจนจะบ้าตายอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจนะที่เลือกจะมอบใบหย่าให้สามีพิมดาวเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าเขาเลย แต่เธอคิดว่ามันอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคน...ในวันแรกที่เธอคุยกับพ่อแม่ของเขาว่าจะหย่า พวกท่านก็ช็อกพอสมควรที่เธอตัดสินใจแบบนั้นแต่ที่เธอเลือกจะหย่า นั่นก็เพราะยึดมั่นในสัญญาที่เคยเซ็นไว้กับเขา คือเรื่องจบเมื่อไหร่