ตอนนี้เธอก็แต่งงานกับจาง อินหลงมาได้สามเดือนแล้ว ความคุกรุ่นที่เคยลุกเป็นไฟในช่วงแรก ๆ ยังไม่ดับลงทั้งหมดแต่ก็ถือว่ารุนแรงน้อยลงนิดหน่อย พิมดาวยังต้องรับมือกับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของคุณชายเขาอยู่ทุกวัน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น ถึงส่วนมากจะร้ายและร้อนตลอดก็เถอะ แต่พิมดาวก็ใจสู้
เธอเองก็เริ่มชินกับบรรยากาศร้อน ๆ หนาว ๆ ในคฤหาสน์แห่งนี้แล้ว เขาและเธอยังคงใช้ชีวิตแยกกันเช่นเคย ทำอาหารเช้าให้ก็ไม่ทานเช่นเดิม แต่ก็มีเสี้ยววินาทีที่เธอสัมผัสได้ว่าเขากำลังเปลี่ยนไปทีละน้อย เช่น มีครั้งหนึ่งที่เลิกจากกาสิโนดึก เขาก็ส่งข้อความมาบอกเธอว่า 'กลับดึก' สั้น ๆ ได้ใจความ แต่ก็ทำให้หญิงสาวคลายความกังวลลงไปได้
แต่วันนี้เขากับเธอคงจะเลี่ยงการเจอหน้ากันไม่ได้ เพราะตระกูลจางจะทำการเปิดตัวบริษัทเรือขนส่งสินค้า ZJ Shipping ซึ่ง Z ย่อมาจาก Zhang และ J คือตัวอักษรนำหน้าของนามสกุลจึงศิริพานิชนั่นเอง
ในตอนแรกที่หญิงสาวได้ยินว่าหลี่หมิงจะไม่ลบชื่อเก่าที่พ่อเธอตั้งไว้คือ J Shipping เธอก็รู้สึกว่าพวกเขาให้เกียรติเธอและพ่อมาก ๆ ดูได้จากการดูแลบริษัทเป็นอย่างดี และแถมยังให้เธอเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ เพราะหลี่หมิงจะบอกเสมอว่าถึงแม้เขาจะซื้อบริษัทมาดูแลไว้แต่พิมดาวก็ถือว่าเป็นลูกสาวของชาญที่ควรได้รับความเท่าเทียมในธุรกิจ
และวันนี้เธอก็ต้องเตรียมตัวให้ดูดีที่สุดเพื่อเป็นเกียรติแก่งานเปิดตัว...
"คุณพิมสวยมากเลยค่ะ" บรรดาแม่บ้านที่มาช่วยเธอแต่งตัวต่างออกปากชมกันไม่ขาดสาย
"ขอบใจจ้ะ" หญิงสาวยิ้มให้ผู้คนที่มักจะใจดีกับเธอเสมอน้อย ๆ อันที่จริงเธอก็แอบเขินนิด ๆ เพราะแต่ละชุดที่เกศมณีส่งมาให้เลือกนั้นมีแต่ราคาแพง ๆ เพราะเธอบอกว่าจะออกงานทั้งทีก็ต้องดูดีให้สมกับเป็นสะใภ้ตระกูลจางหน่อย
วันนี้พิมดาวเลยเลือกใส่ชุดเดรสสีแดงเปิดไหล่มีแขนที่เนื้อผ้าพอดีตัวเห็นสัดส่วนโค้งเว้าชัดเจน แต่ไม่โป๊ความยาวคลุมเข่า กับรองเท้าส้นสูง และเกล้าผมขึ้นโชว์ใบหน้าและลำคอ ให้ความรู้สึกสง่างามสมกับเป็นสะใภ้ตระกูลจาง
แน่นอนว่ามันไม่ใช่ในละครที่เธอเดินออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วพระเอกจะมานั่งรอพร้อมร้องว้าวในทันทีที่นางเอกปรากฏกาย
เรื่องจริงคือเธอต้องแต่งตัวมานั่งรอเขา ซึ่งก็รอมานานกว่ายี่สิบนาทีแล้วแต่ก็บ่นไม่ได้ เพราะขืนให้คุณชายเป็นฝ่ายรอมีหวังได้บ้านระเบิดอีก สถานการณ์ยิ่งกำลังพอไปได้อยู่ เธอจะไม่ยอมเสี่ยงเด็ดขาด
"ทำไมมานั่งอยู่นี่ ไปขึ้นรถสิเดี๋ยวก็ไปไม่ทัน" พิมดาวหันไปมองตามเสียงทุ้มที่ดูไม่สบอารมณ์เหมือนเคย เขาเดินลงมาจากชั้นสองพร้อมทั้งติดกระดุมที่แขนเสื้อไปด้วย แต่บอกเลยว่า...หล่อบรรลัย
ผมสีดำถูกที่เซตเป็นอย่างดี กับชุดสูทปลดกระดุมที่อกสไตล์ Bad boy ช่างดูดีราวกับนายแบบ แต่เธอมองได้เพียงครู่เดียวก็ต้องรีบลุกจากที่นั่ง เพราะสายตาดุ ๆ กำลังตำหนิว่าเธอกำลังจะทำให้เขาสาย
"ไปแล้วค่า..." คนตัวเล็กรีบก้าวเท้าด้วยความรวดเร็วตามสามีออกไปยังบริเวณหน้าบ้านที่มีรถจอดรออยู่แล้ว พอเข้าไปนั่งในรถด้วยกันเสร็จ เขาก็ไม่พูดอะไรเช่นเคย จนไม่นานขบวนรถแห่งตระกูลจางก็เคลื่อนมาถึงโรงแรมสถานที่จัดงาน
แม้จะเดินทางมาพร้อมกัน แต่พอลงไปถึงในงานเขาก็เดินปลีกตัวออกไปคุยกับคนโน้นคนนี้ที ทิ้งให้เธอยืนเหงาอยู่คนเดียว จะว่าน้อยใจไหมมันก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะการใช้ชีวิตด้วยกันมาสามเดือนก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากการอยู่คนเดียวอยู่แล้ว
หญิงสาวได้แต่ยืนมองผู้เป็นสามีที่ยืนคุยกับกลุ่มผู้ชายที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของเขาโดยไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย พิมดาวเพียงถอนหายใจเบา ๆ และหยิบแก้วแชมเปญขึ้นมาจิบให้ดูเหมือนไม่มีอะไร
ทันใดนั้นเองก็มีหนึ่งในแขกของงานนี้พุ่งตรงเข้ามาหาเธอ ใบหน้าดูท่าจะเมาได้ที่ทั้ง ๆ ที่งานเพิ่งเริ่มได้ชั่วโมงกว่า
"สวัสดีครับคุณผู้หญิง" เขาไม่เพียงแค่เอ่ยทักทาย แต่ยังจับมือเธอขึ้นไปจูบทักทายที่หลังมือแบบสากล ซึ่งนั่นทำให้เธอรู้สึกอึดอัด เพราะเขาเป็นใครก็ไม่รู้
"คุณพ่อลองอุ้มเลยค่ะ" เมื่อผ่านขั้นตอนการคลอดลูกจนมาพักอยู่ในห้อง VVIP แล้ว พยาบาลก็นำลูกน้อยของเขาและเธอมาให้คุณพ่อมาเฟียลองอุ้มแม้จะมือสั่นน้ำตาซึมไปบ้าง แต่ท่าทางของเขานั้นแสนจะแข็งแรงและดูมืออาชีพสมกับไปเข้าคอร์สติวการเลี้ยงลูกมาอย่างเข้มข้นตลอดหลายเดือนจริง ๆ ตอนนี้ทุกคนต่างอมยิ้มให้กับภาพที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้เห็น...บุคคลที่เคยเอาแต่ใจและฝีปากเจ็บ ๆ จนทุกคนร้องไห้เพราะเขามามากกำลังอยู่ในโหมดคุณพ่อที่เห่อลูกเห่อเมียที่หนึ่งเขาอุ้มลูกน้อยอ้วนกลมโยกไปมาเบา ๆ อย่างเอ็นดู และจึงวางเหมยอิงไว้ที่เตียงเด็กแรกเกิดข้าง ๆ ภรรยา"น่ารักจังเลยหลานอาม่า โตมาสวยเหมือนหม่าม้าหนูแน่ ๆ " เกศมณีเดินเข้าไปมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของหลานสาวด้วยความรักตอนนี้ครอบครัวจางอยู่กันพร้อมหน้าเพื่อตอนรับหลานสาวคนแรกของตระกูล...พวกเขาทั้งเอ็นดูและหมั่นแวะเวียนมาพูดคุยกับเจ้าตัวน้อยที่นอนหลับพริ้มอย่างรักใคร่ นั่นทำให้พิมดาวตื้นตันใจเป็นอย่างมากที่ทุกคนรักและเอ็นดูลูกสาวของเธอแม้เธอจะเติบโตมาด้วยการเป็นลูกสาวที่พ่อไม่ค่อยจะรักสักเท่าไหร่ แต่เธอก็มั่นใจได้ว่าเหมยอิงจะไม่ได้รับประสบการณ์แบบเธอแน่นอน เพราะดวงใจ
"เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน!""..." หญิงสาวหยิบที่ตรวจครรภ์มาจากสามี ขีดทั้งสองนั้นชัดเจนจนมือไม้ของเธอสั่น แม้ว่าใจลึก ๆ จะพอรู้ว่าตัวเองน่าจะท้อง แต่เมื่อผลตรวจออกมาตอกย้ำความเป็นจริงแบบนี้ก็ทำให้พิมดาวดีใจจนน้ำตารื้นได้ ถึงจะดีใจแค่ไหนแต่หญิงสาวก็รู้สึกกลัวและไม่มั่นใจ"พิมไม่ดีใจเหรอ" อินหลงรีบเดินมาโอบภรรยาด้วยความเป็นห่วง"ดีใจค่ะ แต่ก็กลัว...""กลัวอะไรครับ""พิมไม่มั่นใจ พิมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ดีไหม" หญิงสาวพูดตรง ๆ ถึงความกังวลในอนาคต"โถที่รัก พิมต้องเป็นหม่าม้าที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว น่ารัก ใจดี ทำกับข้าวก็เก่ง มีอะไรที่ต้องกังวลครับ" ชายหนุ่มยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูภรรยาตัวน้อย เขาเข้าใจที่เธออาจมีความกลัวและกังวล เพราะว่ากันตามตรงเธอก็อายุเพียงยี่สิบต้น ๆ เอง แถมยังผ่านเรื่องราวมามากมาย และสามีก็ยังใจร้ายกับเธอมาตั้งนาน"ฮือ...พิมดีใจ" คนตัวเล็กโผเข้ากอดสามีที่เพิ่งจะดีกันได้ไม่กี่ชั่วโมงด้วยความรักใคร่ ไม่อาจปฏิเสธเลยว่าทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา เธอมักจะรู้สึกปลอดภัยราวกับถูกโอบกอดด้วยภูเขาแสนอบอุ่นอยู่เสมอ"ฮ่า ๆ โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะครับ" อินหลงหัวเราะกับท่าทีเหมือนเด็กน้อยข
แสงพระจันทร์ยามค่ำคืนสาดส่องเข้ามาในห้องนอนที่เพิ่งเป็นสถานที่เปิดศึกรักไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนทำให้หญิงสาวตื่นขึ้นมา ภาพแรกที่เธอมองเห็นคือใบหน้าหล่อราวกับรูปปั้นสลักที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขหลังจากจบบทรักแสนเร่าร้อนบนเตียง เขาก็อุ้มเธอเข้าไปอาบน้ำและสูบพลังเธอไปอีกหลายครั้งจนหญิงสาวต้องบอกให้เขาพอก่อน เพราะเธอเขาสั่นจนแทบยืนไม่ไหวแล้ว แม้คนตัวสูงจะแอบบ่นอุบอิบเพราะยังกินไม่หนำใจ แต่ก็ยอมใส่อาบน้ำใส่ชุดและมานอนให้เรียบร้อยตามคำสั่งภรรยาหญิงสาวกวาดสายตาไปมองนาฬิกาและพบว่าตอนนี้เวลาที่เธอสะดุ้งตื่นมานั้นประมาณตีสองเอง อีกนานกว่าจะเช้า หญิงสาวเลยพยายามหลับตาเพื่อจะนอนอยู่ในอ้อมกอดของสามีต่อแต่อาการปั่นป่วนก็เข้าเล่นงานเธอเวียนหัวมาก รู้สึกคลื่นไส้หนักจนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำและนั่นทำให้สามีของเธอตื่นขึ้นมาทันที"พิม เป็นอะไรครับ!""อ้วก..." พิมดาวอาเจียนออกมาเต็มอ่างล้างหน้าโดยมีอินหลงเดินเข้ามาลูบหลังภรรยาที่กำลังอาเจียนอย่างหนัก น้ำตาใส ๆ เอ่อคลอเพราะความทรมานในการออกแรงอาเจียนใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเธอก็ปลดปล่อยของเสียออกมาจนหมด พิมดาวรีบล้างปากและกำลังจะทำความสะอาดซากอ้วกของต
"อ่า...เสียว" อินหลงสูดปากร้องครางเมื่อถูกการสุขสมของภรรยาบีบรัดตัวตนของเขาจนแทบจะเสียการควบคุม ชายหนุ่มดันเรียวขาขาวให้ขึ้นไปชิดกับทรวงอกนุ่ม จนตอนนี้สะโพกของเธอลอยเด่นขึ้นเหนือเตียงนอน พาให้ร่างกายนุ่มนิ่มรองรับการตะบี้ตะบันกระแทกของเขาอย่างลึกขึ้นไปอีกมือหนากดขาภรรยาจนแนบแน่นติดไปกับเต้าตูมและตะบี้ตะบันตอกกระแทกท่อนเอ็นใส่โพรงเนื้ออุ่นอย่างหนักหน่วงเสียงเนื้อกระทบเนื้อผสานกับเสียงครางของเขาและเธอดังก้องไปทั่วทั้งห้อง เขาไม่แคร์ว่าใครจะได้ยิน เพราะการได้เอากับเมียแบบดุเดือดแบบนี้แหละที่เขาโหยหามานานแสนนาน และเขาไม่จำเป็นต้องปกปิดความเสน่หาที่มีต่อร่างกายเธออีกต่อไปแล้วต่อจากนี้และตลอดไป เขาจะแสดงออกในทุก ๆ วันว่ารักและหลงใหลในตัวเธอมากแค่ไหน อินหลงอยากให้ภรรยาภูมิใจว่ามีสามีที่รักและเทิดทูนอย่างสุดหัวใจ"อ่า...เมียจ๋า รักนะครับ""รัก รักที่สุด" ระหว่างที่กำลังโจนจ้วงเข้าใส่ร่างบางอยู่นั้น เขาก็บอกความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมากับภรรยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะตอนนี้เขารักเธอจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว..."อ๊า...พิมก็รักเฮียค่ะ" แม้จะถูกสามีบดเบียดมาไม่ได้พัก แต่คำว่ารักของเขานั้นชัดเจนในหัวใจ เ
"บ้า! ไปปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยค่ะ" พิมดาวฟาดไปที่ไหล่แกร่งแรง ๆ อย่างเขินอาย จะให้แม่บ้านมาได้ยินตอนเธอกำลังทำอะไรต่อมิอะไรกับสามีได้ยังไง เธอก็เขินเป็นนะ"ก็ได้ครับ" เขาทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย แต่ยังคงไม่ยอมปล่อยเรือนร่างพิมดาวให้เท้าติดพื้น เขายังคงอุ้มเธอเกี่ยวเอวไว้อย่างนั้น และเวลาที่ก้าวเดินส่วนตรงนั้นก็จะเสียดสีกันอย่างน่าหวาดเสียวฟุ่บ...เมื่อปิดประตูเสร็จเรียบร้อย คนตัวสูงก็พาร่างเล็กลงมานอนบนเตียงและรีบทาบทับกายแกร่งลงมาคร่อมตัวเธอไว้ เขาประกบริมฝีปากลงมาและเริ่มจุมพิตอันดุดันอีกครั้งริมฝีปากของทั้งคู่ต่างบดขยี้กันและกัน ลิ้นร้อนแลกเปลี่ยนเป็นพัวพันเกี่ยวกระหวัดจนเสียงดังชัดเจน...เขาจูบเธอหนักแน่นราวกับต้องการกลืนกินลมหายใจที่โหยหามานานแสนนาน"อื้อ..." พิมดาวร้องครางอู้อี้ในลำคอเมื่อฝ่ามือร้อนของสามีปัดป่ายไปตามเนื้อตัวนุ่มนิ่มและจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ของเธอให้หมดไป อินหลงผละริมฝีปากออกและหันไปจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองจนตอนนี้ทั้งสองเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงประจักษ์แก่สายตาของกันและกันริมฝีปากร้อนของเขาไล่จูบที่แก้มใสทั้งสองข้างและเลื่อนไล้ลงมาซุกไซ้กับซอกคอขาวเนียนที่มีกลิ่น
"เฮีย...อย่าร้องไห้ค่ะ" พิมดาวทั้งตกใจและสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่จริงใจของเขาจนน้ำตาไหลตามกัน ยิ่งเขาสะอื้นดังขึ้นเท่าไหร่ หัวใจของพิมดาวก็เหมือนจะขาดออกเป็นเสี่ยง ๆ "เฮียรักพิม..." คำบอกรักเจือเสียงหอบหายใจทำเอาหยาดธาราไหลรินออกมาเป็นสาย"เฮียจะไม่ยอมหย่ากับพิมเด็ดขาด ไม่…เฮียทำไม่ได้จริง ๆ เฮียขอร้องนะ ขอโอกาสให้ผู้ชายแย่ ๆ ที่รู้ตัวช้าได้ไหมครับ""เฮียรักพิม…เฮียขาดพิมไม่ได้ ฮึก" เขายังคงสะอื้นไห้อย่างต่อเนื่อง หยดน้ำตาของเขาหลั่งไหลออกมาจนเปรอเปื้อนบริเวณเอวเธอไปหมดเขากำลังเสียใจอยู่จริง ๆ … ไม่ใช่อาการผีออกผีเข้า แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยอมทุกอย่าง หมดสิ้นอีโก้ทุกทางตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว…และเธอยอมรับทั้งหัวใจอย่างซื่อสัตย์เลยว่า...โคตรรักเขาเลย รักจนจะบ้าตายอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจนะที่เลือกจะมอบใบหย่าให้สามีพิมดาวเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าเขาเลย แต่เธอคิดว่ามันอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคน...ในวันแรกที่เธอคุยกับพ่อแม่ของเขาว่าจะหย่า พวกท่านก็ช็อกพอสมควรที่เธอตัดสินใจแบบนั้นแต่ที่เธอเลือกจะหย่า นั่นก็เพราะยึดมั่นในสัญญาที่เคยเซ็นไว้กับเขา คือเรื่องจบเมื่อไหร่