เข้าสู่ระบบ“อย่าไปสนเลยครับ ก็แค่ผู้หญิงหิวเงินคนหนึ่ง ยังไงก็ฝากดูด้วยนะครับ ผมขอไปดูที่ไร่ส้มก่อน” พูดจบ รามันก็เดินจากไป ปล่อยให้ลุงชอบงงงวยกับเรื่องทั้งหมด
เมื่อรถจี๊ปถูกขับออกไป ลุงชอบก็หันมาหาคนงานใหม่ที่มีดีกรีเป็นถึงภรรยาเจ้าของไร่ แววตาคมนั้นสงสัยและไม่เข้าใจในหลายๆ เรื่อง แต่ก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยนี้ไว้ ก่อนที่จะเดินไปคว้ารองเท้าบูตคู่โตแล้วยื่นส่งให้คนที่ล้มคะมำไปที่พื้น
“คุณ เอารองเท้าบูทของลุงไปใส่ก่อน จะได้ไม่ลื่นล้มแบบเมื่อกี้อีก”
“ขอบคุณจ้ะลุง แล้วไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณหรอกจ้ะ เรียกหนูว่านางเฉยๆ ก็พอ”
“งั้นเดี๋ยวลุงจะเรียกว่า หนูนางละกัน มาเดี๋ยวลุงจะบอกวิธีทำความสะอาดโรงเรือน ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่โรงเรือนพักโค แต่เราต้องทำความสะอาดให้สะอาด เพื่อที่จะได้ไม่มีเชื้อโรค และที่สำคัญ แม่พันธุ์โคของเราจะได้สุขภาพดี” ลุงชอบพร้อมกับอธิบายโน่นนี่ให้ฟัง
ช้องนางนั้นตั้งใจทำงาน ไม่ปริปากบ่นสักคำ จนลุงชอบยังทึ่ง ไม่คิดว่าเจ้าหล่อนจะมีความอดทนสูงขนาดนี้ ที่สำคัญไม่ได้เรื่องมากอย่างเช่นผู้หญิงคนก่อนๆ ที่เสนอตัวมาเป็นคุณนายฟาร์มอิศรเวช แต่ต่างเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อ ได้แต่คุยโวโอ้อวด พอเจองานหนักเข้าจริงๆ ก็หนีหายกันไปหมด
“เหนื่อยก็พักก่อนได้นะหนูนาง คุณรามันยังไม่มาหรอกครับ คงจะเข้ามารับหนูนางตอนเย็นๆ โน่น ปกติคุณรามันแกจะกลับออกจากไร่ก็เกือบหกโมงแล้วครับ” ลุงชมร้องบอกเมื่อเห็นว่าเหงื่อเม็ดโตผุดเต็มใบหน้านวล
“หนูยังไม่เหนื่อยเลยค่ะ ลุงไปนั่งพักก่อนเถอะค่ะ หนูทำต่อเองได้” เธอยิ้มตอบก่อนบอกกับลุงผู้ใจดี
“งั้นเดี๋ยวลุงไปดูโรงเรือนหลังอื่นๆ ก่อน แล้วเดี๋ยวลุงจะกลับมาช่วย” ลุงชราเดินเกาศีรษะอย่างงงๆ ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเจ้านายถึงให้เมียตัวเองมาทำงานแบบนี้ แถมทำไมถึงทำทีท่าที่ไม่พอใจแบบนั้น ซึ่งถ้าไม่พอใจ ไม่รักไม่ชอบในตัวของผู้หญิงคนนี้ แล้วจะแต่งงานด้วยทำไม แล้วที่ว่าเป็นผู้หญิงหิวเงินนั่นหมายความว่าอย่างไร ยิ่งคิดลุงชอบก็ยิ่งสงสัย
มือหนึ่งถือแปรงขัดพื้นด้ามโต ขัดๆ ถูๆ ส่วนอีกมือก็คอยตักน้ำราดสิ่งสกปรก ไม่นานมากนักงานที่คนใจร้ายสั่งไว้ก็เสร็จสิ้น สองเท้าก้าวออกจากโรงเรือน มาหย่อนก้นนั่งลงที่หน้าโรงเรือนเพื่อคลายเหนื่อย ช้องนางพ่นลมหายใจดังฟู่กับเรื่องที่เกิดขึ้นมากมายในวันนี้ และเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเหี้ยมดังขึ้น
“มัวมานั่งทำอะไรตรงนี้ จะมาอู้งานหรือไงฮะ ทำไมไม่ไปทำงาน”
“นางทำเสร็จแล้วค่ะ” เธอตอบเสียงเหนื่อยๆ
“แล้วทำไมไม่ไปช่วยคนงานคนอื่นฮะ”
“นางแค่มาพักเหนื่อยเท่านั้นค่ะ” ช้องนางลอบถอนหายใจอีกหน ทำไมเขาถึงชอบตะคอก ชอบดุหล่อนนัก แถมสายตาที่มองก็มีแต่ความเหยียดหยาม
“ถอนหายใจทำไม หนักใจมากหรือไง รู้ไว้ด้วย คนที่หนักใจต้องเป็นฉันไม่ใช่เธอ” ว่าพลางฉุดแขนขาวให้เจ้าหล่อนมาเผชิญหน้า
ช้องนางน้ำตาคลอเมื่อรามันทำเสมือนเธอเป็นสิ่งของ อยากจะฉุดจะกระชากตอนไหนก็ทำ ไม่คิดบ้างเลยหรือไงว่าเธอจะเจ็บ พลันทำใจกล้าเอ่ยอธิบายถึงความจำเป็น
“แกจะถามอะไรมากมายวะไอ้กิจ แค่รู้ว่ายัยนี่เป็นเมียที่ฉันไม่ต้องการก็พอแล้ว”“ไม่ถามก็ได้วะ งั้นฉันขอไปดูคนไข้รายอื่นก่อนนะ ส่วนแกน่ะเฝ้าเมียแกไป” พูดจบก็เดินออกมาจากห้อง ส่ายหน้ากับความเย็นชาและใจดำของเพื่อนรัก ขนาดเมียตัวเองแท้ๆ ยังใจดำได้ขนาดนี้ แล้วนึกถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้รามันเป็นเช่นนี้“ลินินเธอไม่น่าทำให้เพื่อนฉันกลายเป็นคนเย็นชาแบบนี้เลย เธอช่างเป็นคนใจดำเหลือเกิน กล้าทิ้งคนที่รักเธอสุดหัวใจไปได้ยังไง” เขาเอ่ยถึงหญิงสาวผู้ที่เคยเป็นคนรักของรามันอย่าง ลินิน ดำรงเวชลินิน ดำรงเวชคือ ดาวเด่นคณะบริหาร สาวไฮโซหน้าตาดี หนุ่มๆ ต่างหมายปอง รวมไปถึงรามัน ที่คอยตามจีบ ทั้งส่งดอกไม้ ทั้งแมสเสจไปหา และไม่นานก็สามารถควงแขนลินินมาเป็นแฟนจนได้ รามันทั้งรักทั้งบูชาเจ้าหล่อน ทุ่มเทให้ทุกอย่าง ขนาดกิจต้องคอยเตือนอยู่บ่อย ๆ กลัวว่าเพื่อนรักจะผิดหวัง เพราะได้ยินข่าวเสียๆ ของลินินมาไม่น้อยเช่นกันความรักที่คิดว่ามันกำลังจะไปได้สวย กลับต้องพังทลาย เมื่ออยู่ดีๆ ลินินก็ทิ้งรามันไป แถมหนำซ้ำยังมาหลอกให้ช้ำใจอีกรอบ โดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อย่ามัวแต่มองอยู่เลยมึง เดี๋ยวก็ตายห่าพอดี ถ้าอยากมองนัก เดี๋ยวกูจะให้มองหรือยกให้เลย แต่ตอนนี้รักษาให้กูก่อน” รีบส่งช้องนางให้กิจ เมื่อรับตัวคนไข้มา กิจก็รู้ได้เลยทันทีว่าอาการหนักพอดู เพราะตัวร้อนราวกับไฟ“ออกไปก่อน ฉันขอตรวจคนไข้โดยละเอียดก่อน”เขาหันมาบอก รามันพยักหน้าเข้าใจ แล้วเดินออกมานั่งรอหน้าห้องตรวจ จากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง กิจก็เดินออกมาพร้อมกับนางพยาบาลที่เข็นร่างเล็กซึ่งยังไมได้สติไปยังห้องพักฟื้น“เธอเป็นอะไรวะไอ้กิจ” รามันรีบเอ่ยถาม“ถามได้ ก็เป็นไข้น่ะสิ ว่าแต่เธอเป็นใครวะ ทำไมแกถึงอุ้มมา”เมื่อเห็นแววตาของกิจมองมาอย่างสงสัย และแววตานั้นก็มีประกายความสนใจในตัวของคนป่วย หัวใจแกร่งรู้สึกตงิด ๆ อย่างไม่พอใจ รีบเอ่ยขัดออกมาหยุดความคิดเพื่อนรัก เพราะยังไงเจ้าหล่อนก็ได้เจ้าชื่อว่าเมียเขา แต่ก็คงวางฟอร์มตอบเสียงแข็งทำเหมือนไม่สนใจ“เมียกูเอง”“เมียแก อย่ามาล้อเล่นน่า แกจะมีเมียได้ไง ฉันกับแกเป็นเพื่อนกันมาอายุเกือบจะสี่สิบอยู่แล้ว ฉันไม่เห็นแกจะสนใจผู้หญิงคน
“ถอดเสื้อออก”“…”คนได้ยินคำสั่งก็อ้าปากค้าง ไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังจะทำอะไร ทำไมต้องสั่งให้ถอดเสื้อออกอีกแล้วเมื่อเจ้าหล่อนยังคงนิ่ง คราวนี้รามันก็กระชากมันออกเสียเอง ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว หญิงสาวรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดกาย แต่ก็โดนมือหนากระชากมันออก และขว้างทิ้งไปรามันไม่ยอมบอกสักนิดว่าจะทำอะไร ได้แต่ตรึงร่างเล็กไว้กับเตียง พลันส่งสายตาคมมาสั่งให้นอนนิ่งๆคนตัวเล็กดีดดิ้นเต็มที่ ใครที่ไหนกันจะทนนอนนิ่งๆ ได้ในเมื่อร่างกายเกือบจะเปลือยเปล่า แถมเขายังขึ้นมาคร่อมร่างไว้แบบนี้อีก แต่ออกแรงดิ้นเท่าไร ก็ไม่ทำให้รามันขยับเขยื้อนได้สักนิด จนในที่สุดก็หมดแรงเสียเอง นอนนิ่งแล้วหลับตาแน่น ยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น หล่อนคิดว่าคนใจร้ายนั้นจะลงมือปลุกปล้ำตน แต่พอเวลาผ่านไปได้สักพักก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะรับรู้ก็ถึงแรงจากมือหนาซึ่งค่อยๆ ลูบไล้ไปที่รอยแผลช้ำ ดวงตาสวยลืมขึ้นมอง เจ้าหล่อนถึงกับทำสีหน้าอึ้ง ไม่อยากจะเชื่อ‘พระเจ้า ไม่น่าเชื่อ!! อสูรไร้หัวใจคนนี้ลงทุนทายาให้เธอเอง’“ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนั
“มาไม่นานก็ก่อเรื่องเลยนะ” เอ่ยเสียงเข้มต่อว่า ทั้งๆ ที่จริงแล้วมันเป็นความผิดของเขาทั้งหมด ถ้าชายหนุ่มไม่ลืมว่าต้องมารับ หญิงสาวก็คงไม่ต้องตัดสินใจเดินกลับมาเองแบบนี้คนที่ถูกต่อว่าก็ร้องไห้สะอื้นดังกว่าเดิม เม้มริมฝีปากแน่น ไม่คิดว่ารามันจะใจร้ายและเย็นชาได้ถึงขนาดนี้“จะร้องไห้ไปทำไม เธอทำตัวเองทั้งนั้น อยากออกมาจากฟาร์มทำไม ทำไมไม่รอ เดี๋ยวฉันก็ไปรับ” ทั้งที่ตัวเองผิด แต่ยังไม่ยอมรับ ยังคงตีหน้าตาย ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นช้องนางต้องเบือนหน้าหนี ไม่อยากจะเห็นหน้าคนใจร้าย ยิ่งเห็นก็ยิ่งเจ็บ แต่ไม่นานใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาก็ต้องรีบหันกลับมา ดวงตาเบิกกว้างกอบกุมเสื้อตัวนอกไว้ เพราะตอนนี้มือร้อนๆ ของรามันกำลังจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอออก“จะทำอะไรนาง อย่าทำอะไรนางนะ”ถามเสียงสั่น แววตาฉายชัดความหวาดกลัว พยายามปัดมือหนาออก แต่เพียงเริ่มปัด รามันก็ส่งสายตาดุดันมาให้ แถมยังตวาดใส่“อยู่เฉยๆ อย่ามาทำเป็นดีดดิ้น ทำเหมือนกับว่าฉันจะทำอะไรเธอ ฉันพิศวาสเธอไม่ลงหรอกช้องนาง”เมื่
“หรือว่าจะลืมมารับเรา…เฮ้อ”เธอพ่นลมหายใจผ่านจมูกสวยโด่ง เพราะคิดว่าสามีหน้ามึนฝีปากกล้า ต้องลืมมารับเป็นแน่ หรือไม่ก็จงใจไม่มารับ แต่เจ้าหล่อนก็ยังคงนั่งรอ เพราะคิดว่าเขาคงไม่ใจร้ายขนาดนั้น จนเจ้าหล่อนทนรอไม่ไหว ตัดสินใจจะเดินกลับมาที่บ้านเอง ช้องนางพยุงตัวลุกขึ้นแล้วเดินตรงกลับบ้าน เท้าบางรีบจ้ำอ้าว เพราะยิ่งเดินออกมาไกลจากฟาร์มเท่าไร ทางก็ยิ่งมืด ไร้ซึ่งแสงไฟ แถมมีแต่หมอกลง จนแทบมองไม่เห็นเส้นทางเมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง ช้องนางรับรู้ถึงความผิดปกติ ได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่กำลังเดินตาม ริมฝีปากบางเม้มแน่นก่อนจะทำใจกล้าหันกลับไปมอง ก็พบกลุ่มชายสามคน กำลังเดินตามมาด้วยอาการเมามาย เจ้าหล่อนรีบเร่งฝีเท้าทันที รับรู้ได้ถึงภัยที่จะเกิดขึ้น ซึ่งกลุ่มชายพวกนั้นก็รีบวิ่งมาขวางหน้าเอาไว้“คุยกันก่อนสิครับนางฟ้า ตกมาจากสรรค์ชั้นไหนหรือครับ” เสียงเมามายเอ่ยถาม พลางมองสำรวจไปทั่วร่างนวล แล้วคว้าข้อมือเล็กพร้อมกับดึงให้เข้ามาใกล้“ฮ่าฮ่า กูว่าสวรรค์คงประทานนางฟ้ามาให้เรา” ชายอีกคนพูดเสริม“ประทานมาให้เราปู้ยี่ปู้ย
“นางทำอะไรให้คุณลำบากใจคะ ถ้าเป็นเรื่องแต่งงาน นางขอโทษ แต่นางจำเป็นที่ต้องแต่งงานกับคุณ นางต้องเอา...” ไม่ทันที่ถ้อยคำจะถูกถ่ายทอดออกมาหมด เสียงห้วนอันเย้ยหยันก็เอ่ยขัดขึ้นมา“จำเป็นหรือว่าหิวเงินกันแน่ ผู้หญิงที่แต่งงานได้เพื่อเงินอย่างเธอ มันน่าขยะแขยงที่สุด จำใส่กะโหลกเอาไว้นะ ผู้หญิงสกปรกอย่างเธอ ฉันไม่มีวันแตะต้อง” พูดจบเขาก็สะบัดมือออก ราวกับว่าเจ้าหล่อนเป็นสิ่งของที่น่ารังเกียจ น่าขยะแขยงช้องนางต้องทำใจเย็นข่มความโกรธเอาไว้ รู้ดีว่าหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ก็คงคิดแบบนี้เช่นกัน จะมีผู้หญิงที่ไหนยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก นอกจากจะเห็นแก่เงิน รู้ดีว่าเขาคงคิดว่าเธอนั้นเห็นแก่เงินใช่! เธอเห็นแก่เงิน ก็ในเมื่อเงินจำนวนนี้มันช่วยต่อชีวิตครอบครัวของเธอได้ หล่อนรู้ดีว่าตัวเองนั้นผิด แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้เกียรติกันบ้าง ไม่ใช่ทำราวกับหล่อนเป็นสิ่งของไร้ค่าแบบนี้“โกรธหรอ แต่ช่วยไม่ได้นะ เพราะที่ฉันพูดมามันคือความจริง”“นางมีความจำเป็นที่ต้องแต่งานกับคุณ แล้วนางก็ไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น”







