Masuk“นางทำอะไรให้คุณลำบากใจคะ ถ้าเป็นเรื่องแต่งงาน นางขอโทษ แต่นางจำเป็นที่ต้องแต่งงานกับคุณ นางต้องเอา...” ไม่ทันที่ถ้อยคำจะถูกถ่ายทอดออกมาหมด เสียงห้วนอันเย้ยหยันก็เอ่ยขัดขึ้นมา
“จำเป็นหรือว่าหิวเงินกันแน่ ผู้หญิงที่แต่งงานได้เพื่อเงินอย่างเธอ มันน่าขยะแขยงที่สุด จำใส่กะโหลกเอาไว้นะ ผู้หญิงสกปรกอย่างเธอ ฉันไม่มีวันแตะต้อง” พูดจบเขาก็สะบัดมือออก ราวกับว่าเจ้าหล่อนเป็นสิ่งของที่น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง
ช้องนางต้องทำใจเย็นข่มความโกรธเอาไว้ รู้ดีว่าหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ก็คงคิดแบบนี้เช่นกัน จะมีผู้หญิงที่ไหนยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก นอกจากจะเห็นแก่เงิน รู้ดีว่าเขาคงคิดว่าเธอนั้นเห็นแก่เงิน
ใช่! เธอเห็นแก่เงิน ก็ในเมื่อเงินจำนวนนี้มันช่วยต่อชีวิตครอบครัวของเธอได้ หล่อนรู้ดีว่าตัวเองนั้นผิด แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้เกียรติกันบ้าง ไม่ใช่ทำราวกับหล่อนเป็นสิ่งของไร้ค่าแบบนี้
“โกรธหรอ แต่ช่วยไม่ได้นะ เพราะที่ฉันพูดมามันคือความจริง”
“นางมีความจำเป็นที่ต้องแต่งานกับคุณ แล้วนางก็ไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น”
“แบบนั้นน่ะแบบไหน อีตัวนะหรือ” เสียงเข้มกระซิบถามเสียงหยัน แล้วแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังกรุ่นโกรธ
“นางไม่เคยเป็นอย่างที่คุณกล่าวหา” ในใจกำลังขุ่นข้องไม่พอใจ สองมือไม้กำเข้าหากันแน่น
“คิดว่าฉันจะเชื่อหรอ แล้วก็ไม่ต้องมาอธิบายอะไรทั้งนั้น เพราะฉันไม่แคร์ แค่เธออย่ามาสร้างเรื่องในไร่ฉันก็พอ ที่สำคัญอย่ามาทำอาชีพเก่าที่นี่ และโปรดอยู่ห่างๆ ฉันเอาไว้ เพราะฉันลำบากใจที่จะอยู่ใกล้ๆ เธอ” พูดจบก็ผละออกห่าง แล้วออกคำสั่ง
“ไปรอที่รถ”
ช้องนางรีบไปรอที่รถตามคำสั่ง เพราะขืนอยู่ต่อหล่อนอาจจะทนไม่ไหว ฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าคมสักครั้งสองครั้ง แล้วเรื่องราวมันจะเลวร้ายไปกว่านี้ ตอนนี้หล่อนเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงตั้งฉายาให้เขาว่าอสูรพันธุ์เถื่อน เพราะเขานั้นร้ายกาจและดิบเถื่อนแบบนี้นี่เอง
เมื่อเดินไปสั่งงานคนงานเสร็จ รามันก็ตีหน้าบึ้งกลับมาที่รถ เห็นหน้าของช้องนางทีไร พาลทำให้ต้องหงุดหงิดใจทุกครั้ง ก่อนที่เจ้ารถคันโตจะพุ่งทะยานตรงกลับไปยังบ้านหลังงาม ตลอดทางมีแต่ความเงียบ รามันไม่พูด ช้องนางไม่พูด มีแต่สายตาร้ายกาจเท่านั้นที่คอยส่งมาตอกย้ำว่ารังเกียจคนที่นั่งเคียงข้างมากเพียงไหน
ใบหน้าเล็กต้องเบือนหนี ไม่อาจจะทนมองสายคาคู่คมได้ พลางคิดว่าตนนั้นจะทนความร้ายกาจของเขาได้นานแค่ไหน ที่สำคัญหล่อนจะทำตามคำขอของโรสเรื่องมีหลานให้อุ้มได้หรือไม่ เพราะหน้าเธอเขายังไม่อยากจะมอง แล้วเรื่องลูกคงไม่ต้องไปคิด แล้วทำคอตกเพราะหนักใจ
ใบหน้าเล็กต้องเบือนหนี ไม่อาจจะทนมองสายคาคู่คมได้ พลางคิดว่าตนนั้นจะทนความร้ายกาจของเขาได้นานแค่ไหน ที่สำคัญหล่อนจะทำตามคำขอของโรสเรื่องมีหลานให้อุ้มได้หรือไม่ เพราะหน้าเธอเขายังไม่อยากจะมอง แล้วเรื่องลูกคงไม่ต้องไปคิด แล้วทำคอตกเพราะหนักใจ
บทที่ 2 ความร้ายกาจของอสูร
แสงสีเหลืองทองค่อยๆ สร้างความสว่างให้กับพื้นโลก เหล่าสัตว์หลายชนิดซึ่งออกหากินตอนกลางคืน ทยอยกันกลับสู่รังนอน ต่างจากมวลมนุษย์ที่เริ่มทำตามหน้าที่ของตน เปลือกตาบางค่อยๆ ลืมขึ้น ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นจากเตียงนอน แล้วรีบจัดแจงอาบน้ำ เพื่อเริ่มต้นวันใหม่
“เฮ้อ” ลมหายใจร้อนๆ ถูกพ่นออกจากจมูกโด่ง เมื่อคิดว่าถ้าก้าวพ้นประตูห้องออกไป เจ้าหล่อนจะต้องเจอกับใคร พลางทำคอตก เพราะหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา รามันหาเรื่องหล่อนได้ตลอด หล่อนนั้นทั้งต้องอดทนทั้งทำใจเย็น แต่บางครั้งก็อดไว้ไม่ไหว ตอบกลับไป แต่ก็ต้องเงียบโดยไว เพราะรู้ดีว่าขืนโต้ตอบมากไป ภัยจะมาเยือน ก่อนย่นจมูกอย่างหมั่นไส้ เพราะคนอะไรตีหน้าเหี้ยมได้ตลอดเวลา หล่อนไม่เคยเห็นเขายิ้มสักครั้ง
“คนบ้าอะไรทำแต่หน้าดุ ไม่เบื่อบ้างหรือไงนะ”
คิ้วบางขมวดเข้าหากันเพราะวันนี้กับไม่เห็นคนใจร้ายมานั่งตีหน้าขรึมอยู่ที่โต๊ะกินข้าวอย่างทุกวัน พลางสาดส่องมองหา แต่ก็ไม่พบ กระทั่งมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ช้องนางจึงหันไปให้ความสนใจกับต้นเสียงนั้น
“คุณรามันไม่อยู่หรอกจ้ะหนูนาง คุณเขาเข้าไปในเมือง”
“เขาเข้าไปในเมืองหรือคะ ป้าน้อย” เสียงหวานเอ่ยถาม พลางส่งยิ้มให้ป้าชรา ภรรยาคู่ชีวิตของลุงชอบ ที่คอยมาดูแลเรื่องงานบ้าน
“ค่ะ คุณเขาเข้าไปในเมือง คุณเขาสั่งให้ป้าบอกให้หนูนางไปที่ไร่กับตาชอบ ส่วนตอนเย็นเดี๋ยวคุณเขาจะไปรับ”
“อ้อ ค่ะ งั้นวันนี้ ป้าน้อยไม่ต้องทำกับข้าวให้นางหรอกนะคะ เดี๋ยววันนี้นางทำเอง งานบ้านก็ด้วย ป้าน้อยนั่งพักนะคะ” เธอหันไปแย่งไม้กวาดจากป้าน้อยมา
“ไม่ได้หรอกค่ะ ให้ป้าทำเถอะ หนูนางเป็นเจ้านายป้านะคะ จะให้มาทำงานแบบนี้ได้ไงคะ ป้าทำเอง” พูดจบก็เอื้อมมือไปแย่งไม้กวาดกลับมา แต่ทว่าช้องนางก็ไม่ยอม
“เป็นเจ้านายที่ไหนกันล่ะคะ นางก็แค่คนงานในไร่ที่พ่วงตำแหน่งเมียเข้าไปด้วยก็เท่านั้นเอง นางทำได้ ป้าน้อยนั่งพักเถอะ นางรู้นะว่าป้าไม่สบายอยู่ อย่าฝืนร่างกายเลยนะคะ”
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ หล่อนก็ได้รับรู้เรื่องราวมากมายของคนที่นี่ รวมถึงเรื่องสุขภาพของป้าน้อยซึ่งเจ็บออดๆ แอดๆ อยู่บ่อยครั้ง
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่ค่ะ ป้าไปนั่งพักนะคะ” พูดจบก็ลงมือจัดการกับงานบ้านที่เหลือ ฝ่ายป้าชราก็ต้องทำตามคำขอแต่โดยดี
เมื่อเคลียร์งานบ้านทุกอย่างเสร็จ ช้องนางก็ออกมารอลุงชอบ แล้วซ้อนรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าของลุงชราเข้าไปในฟาร์ม ใบหน้าสวยนั้นปรากฏรอยยิ้มตลอดทั้งวัน ก็วันนี้ไม่ต้องคอยมารองรับอารมณ์ของสามีใจร้าย ไม่ต้องเห็นใบหน้าคมจ้องมองอย่างจับผิด พอตะวันใกล้จะลับขอบฟ้า เจ้าหล่อนก็ออกมายืนรอหน้าฟาร์มอย่างเช่นเคย
“ลุงกลับไปก่อนเถอะจ้ะ นางรอคนเดียวได้” เธอหันมาบอกลุงชอบซึ่งมานั่งคอยเป็นเพื่อน
“หนูนางกลับกับลุงไหม เดี๋ยวลุงจะไปส่งที่บ้านเอง”
“ไม่ดีกว่าจ้ะลุง นางรอเขาดีกว่า เดี๋ยวเขามาไม่เจอจะโกรธนางอีก นางไม่อยากทำให้เขาโกรธ ลุงกลับไปดูป้าเถอะจ้ะ นางรอได้”
ฝ่ายลุงชอบนั้นก็บิดมอเตอร์ไซค์ตรงกลับบ้าน ไม่สามารถรอเป็นเพื่อนต่อได้ เพราะเป็นห่วงเมียรักที่เจ็บออดๆ แอๆ อยู่
ช้องนางนั่งรอจนเวลามันล่วงเลยไปนานแค่ไหนหล่อนก็ไม่รู้ รู้เพียงว่าตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิท หมู่ดาวมีให้เห็นเต็มท้องฟ้า แถมบรรยากาศเย็นจนเริ่มสั่น
“หรือว่าจะลืมมารับเรา…เฮ้อ”
“แกจะถามอะไรมากมายวะไอ้กิจ แค่รู้ว่ายัยนี่เป็นเมียที่ฉันไม่ต้องการก็พอแล้ว”“ไม่ถามก็ได้วะ งั้นฉันขอไปดูคนไข้รายอื่นก่อนนะ ส่วนแกน่ะเฝ้าเมียแกไป” พูดจบก็เดินออกมาจากห้อง ส่ายหน้ากับความเย็นชาและใจดำของเพื่อนรัก ขนาดเมียตัวเองแท้ๆ ยังใจดำได้ขนาดนี้ แล้วนึกถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้รามันเป็นเช่นนี้“ลินินเธอไม่น่าทำให้เพื่อนฉันกลายเป็นคนเย็นชาแบบนี้เลย เธอช่างเป็นคนใจดำเหลือเกิน กล้าทิ้งคนที่รักเธอสุดหัวใจไปได้ยังไง” เขาเอ่ยถึงหญิงสาวผู้ที่เคยเป็นคนรักของรามันอย่าง ลินิน ดำรงเวชลินิน ดำรงเวชคือ ดาวเด่นคณะบริหาร สาวไฮโซหน้าตาดี หนุ่มๆ ต่างหมายปอง รวมไปถึงรามัน ที่คอยตามจีบ ทั้งส่งดอกไม้ ทั้งแมสเสจไปหา และไม่นานก็สามารถควงแขนลินินมาเป็นแฟนจนได้ รามันทั้งรักทั้งบูชาเจ้าหล่อน ทุ่มเทให้ทุกอย่าง ขนาดกิจต้องคอยเตือนอยู่บ่อย ๆ กลัวว่าเพื่อนรักจะผิดหวัง เพราะได้ยินข่าวเสียๆ ของลินินมาไม่น้อยเช่นกันความรักที่คิดว่ามันกำลังจะไปได้สวย กลับต้องพังทลาย เมื่ออยู่ดีๆ ลินินก็ทิ้งรามันไป แถมหนำซ้ำยังมาหลอกให้ช้ำใจอีกรอบ โดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อย่ามัวแต่มองอยู่เลยมึง เดี๋ยวก็ตายห่าพอดี ถ้าอยากมองนัก เดี๋ยวกูจะให้มองหรือยกให้เลย แต่ตอนนี้รักษาให้กูก่อน” รีบส่งช้องนางให้กิจ เมื่อรับตัวคนไข้มา กิจก็รู้ได้เลยทันทีว่าอาการหนักพอดู เพราะตัวร้อนราวกับไฟ“ออกไปก่อน ฉันขอตรวจคนไข้โดยละเอียดก่อน”เขาหันมาบอก รามันพยักหน้าเข้าใจ แล้วเดินออกมานั่งรอหน้าห้องตรวจ จากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง กิจก็เดินออกมาพร้อมกับนางพยาบาลที่เข็นร่างเล็กซึ่งยังไมได้สติไปยังห้องพักฟื้น“เธอเป็นอะไรวะไอ้กิจ” รามันรีบเอ่ยถาม“ถามได้ ก็เป็นไข้น่ะสิ ว่าแต่เธอเป็นใครวะ ทำไมแกถึงอุ้มมา”เมื่อเห็นแววตาของกิจมองมาอย่างสงสัย และแววตานั้นก็มีประกายความสนใจในตัวของคนป่วย หัวใจแกร่งรู้สึกตงิด ๆ อย่างไม่พอใจ รีบเอ่ยขัดออกมาหยุดความคิดเพื่อนรัก เพราะยังไงเจ้าหล่อนก็ได้เจ้าชื่อว่าเมียเขา แต่ก็คงวางฟอร์มตอบเสียงแข็งทำเหมือนไม่สนใจ“เมียกูเอง”“เมียแก อย่ามาล้อเล่นน่า แกจะมีเมียได้ไง ฉันกับแกเป็นเพื่อนกันมาอายุเกือบจะสี่สิบอยู่แล้ว ฉันไม่เห็นแกจะสนใจผู้หญิงคน
“ถอดเสื้อออก”“…”คนได้ยินคำสั่งก็อ้าปากค้าง ไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังจะทำอะไร ทำไมต้องสั่งให้ถอดเสื้อออกอีกแล้วเมื่อเจ้าหล่อนยังคงนิ่ง คราวนี้รามันก็กระชากมันออกเสียเอง ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว หญิงสาวรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดกาย แต่ก็โดนมือหนากระชากมันออก และขว้างทิ้งไปรามันไม่ยอมบอกสักนิดว่าจะทำอะไร ได้แต่ตรึงร่างเล็กไว้กับเตียง พลันส่งสายตาคมมาสั่งให้นอนนิ่งๆคนตัวเล็กดีดดิ้นเต็มที่ ใครที่ไหนกันจะทนนอนนิ่งๆ ได้ในเมื่อร่างกายเกือบจะเปลือยเปล่า แถมเขายังขึ้นมาคร่อมร่างไว้แบบนี้อีก แต่ออกแรงดิ้นเท่าไร ก็ไม่ทำให้รามันขยับเขยื้อนได้สักนิด จนในที่สุดก็หมดแรงเสียเอง นอนนิ่งแล้วหลับตาแน่น ยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น หล่อนคิดว่าคนใจร้ายนั้นจะลงมือปลุกปล้ำตน แต่พอเวลาผ่านไปได้สักพักก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะรับรู้ก็ถึงแรงจากมือหนาซึ่งค่อยๆ ลูบไล้ไปที่รอยแผลช้ำ ดวงตาสวยลืมขึ้นมอง เจ้าหล่อนถึงกับทำสีหน้าอึ้ง ไม่อยากจะเชื่อ‘พระเจ้า ไม่น่าเชื่อ!! อสูรไร้หัวใจคนนี้ลงทุนทายาให้เธอเอง’“ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนั
“มาไม่นานก็ก่อเรื่องเลยนะ” เอ่ยเสียงเข้มต่อว่า ทั้งๆ ที่จริงแล้วมันเป็นความผิดของเขาทั้งหมด ถ้าชายหนุ่มไม่ลืมว่าต้องมารับ หญิงสาวก็คงไม่ต้องตัดสินใจเดินกลับมาเองแบบนี้คนที่ถูกต่อว่าก็ร้องไห้สะอื้นดังกว่าเดิม เม้มริมฝีปากแน่น ไม่คิดว่ารามันจะใจร้ายและเย็นชาได้ถึงขนาดนี้“จะร้องไห้ไปทำไม เธอทำตัวเองทั้งนั้น อยากออกมาจากฟาร์มทำไม ทำไมไม่รอ เดี๋ยวฉันก็ไปรับ” ทั้งที่ตัวเองผิด แต่ยังไม่ยอมรับ ยังคงตีหน้าตาย ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นช้องนางต้องเบือนหน้าหนี ไม่อยากจะเห็นหน้าคนใจร้าย ยิ่งเห็นก็ยิ่งเจ็บ แต่ไม่นานใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาก็ต้องรีบหันกลับมา ดวงตาเบิกกว้างกอบกุมเสื้อตัวนอกไว้ เพราะตอนนี้มือร้อนๆ ของรามันกำลังจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอออก“จะทำอะไรนาง อย่าทำอะไรนางนะ”ถามเสียงสั่น แววตาฉายชัดความหวาดกลัว พยายามปัดมือหนาออก แต่เพียงเริ่มปัด รามันก็ส่งสายตาดุดันมาให้ แถมยังตวาดใส่“อยู่เฉยๆ อย่ามาทำเป็นดีดดิ้น ทำเหมือนกับว่าฉันจะทำอะไรเธอ ฉันพิศวาสเธอไม่ลงหรอกช้องนาง”เมื่
“หรือว่าจะลืมมารับเรา…เฮ้อ”เธอพ่นลมหายใจผ่านจมูกสวยโด่ง เพราะคิดว่าสามีหน้ามึนฝีปากกล้า ต้องลืมมารับเป็นแน่ หรือไม่ก็จงใจไม่มารับ แต่เจ้าหล่อนก็ยังคงนั่งรอ เพราะคิดว่าเขาคงไม่ใจร้ายขนาดนั้น จนเจ้าหล่อนทนรอไม่ไหว ตัดสินใจจะเดินกลับมาที่บ้านเอง ช้องนางพยุงตัวลุกขึ้นแล้วเดินตรงกลับบ้าน เท้าบางรีบจ้ำอ้าว เพราะยิ่งเดินออกมาไกลจากฟาร์มเท่าไร ทางก็ยิ่งมืด ไร้ซึ่งแสงไฟ แถมมีแต่หมอกลง จนแทบมองไม่เห็นเส้นทางเมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง ช้องนางรับรู้ถึงความผิดปกติ ได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่กำลังเดินตาม ริมฝีปากบางเม้มแน่นก่อนจะทำใจกล้าหันกลับไปมอง ก็พบกลุ่มชายสามคน กำลังเดินตามมาด้วยอาการเมามาย เจ้าหล่อนรีบเร่งฝีเท้าทันที รับรู้ได้ถึงภัยที่จะเกิดขึ้น ซึ่งกลุ่มชายพวกนั้นก็รีบวิ่งมาขวางหน้าเอาไว้“คุยกันก่อนสิครับนางฟ้า ตกมาจากสรรค์ชั้นไหนหรือครับ” เสียงเมามายเอ่ยถาม พลางมองสำรวจไปทั่วร่างนวล แล้วคว้าข้อมือเล็กพร้อมกับดึงให้เข้ามาใกล้“ฮ่าฮ่า กูว่าสวรรค์คงประทานนางฟ้ามาให้เรา” ชายอีกคนพูดเสริม“ประทานมาให้เราปู้ยี่ปู้ย
“นางทำอะไรให้คุณลำบากใจคะ ถ้าเป็นเรื่องแต่งงาน นางขอโทษ แต่นางจำเป็นที่ต้องแต่งงานกับคุณ นางต้องเอา...” ไม่ทันที่ถ้อยคำจะถูกถ่ายทอดออกมาหมด เสียงห้วนอันเย้ยหยันก็เอ่ยขัดขึ้นมา“จำเป็นหรือว่าหิวเงินกันแน่ ผู้หญิงที่แต่งงานได้เพื่อเงินอย่างเธอ มันน่าขยะแขยงที่สุด จำใส่กะโหลกเอาไว้นะ ผู้หญิงสกปรกอย่างเธอ ฉันไม่มีวันแตะต้อง” พูดจบเขาก็สะบัดมือออก ราวกับว่าเจ้าหล่อนเป็นสิ่งของที่น่ารังเกียจ น่าขยะแขยงช้องนางต้องทำใจเย็นข่มความโกรธเอาไว้ รู้ดีว่าหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ก็คงคิดแบบนี้เช่นกัน จะมีผู้หญิงที่ไหนยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก นอกจากจะเห็นแก่เงิน รู้ดีว่าเขาคงคิดว่าเธอนั้นเห็นแก่เงินใช่! เธอเห็นแก่เงิน ก็ในเมื่อเงินจำนวนนี้มันช่วยต่อชีวิตครอบครัวของเธอได้ หล่อนรู้ดีว่าตัวเองนั้นผิด แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้เกียรติกันบ้าง ไม่ใช่ทำราวกับหล่อนเป็นสิ่งของไร้ค่าแบบนี้“โกรธหรอ แต่ช่วยไม่ได้นะ เพราะที่ฉันพูดมามันคือความจริง”“นางมีความจำเป็นที่ต้องแต่งานกับคุณ แล้วนางก็ไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น”







