ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ปราชญ์หมกมุ่นกับการทำงานในสวน คุมงาน สั่งงาน ตรวจความเรียบร้อยด้วยตัวเอง แม้ใจจะคิดถึงคนในห้องอยู่ก็ตาม เขากำลังสับสนในความต้องการของตัวเอง ให้ตายสิ แล้วพอนึกๆ ถึงเรื่องที่ทำลงไป ความโกรธก็ดุเดือดเลือดพล่านขึ้นมาอีกจนได้ และแน่นอนว่ากำลังจะพาลเห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด
“นายคะ ขอพี่คุยกับนายหน่อยได้ไหม” กมลเดินมาหาพร้อมเอ่ยถามขึ้น“ยังไม่มีอารมณ์จะคุยด้วย” ปราชญ์ตอบเสียงเรียบ “ขอห้านาทีนะคะ” “ร้อยวันพันปีไม่เคยทู่ซี้ วันนี้เป็นอะไรพี่มล” เขาหันไปหาเธอพร้อมกับชักสีหน้าหาเรื่อง“ก็คนที่ห้องนายน่ะ” “ทำไมเรื่องผู้หญิงของผมมันก็มีมาตลอดอ่ะ มีปัญหาอะไรอีก” “ก็คุณขวัญไม่เหมือนกันคนอื่น” “หึๆ ไม่ได้วิเศษวิโสมาจากไหน” “ใช่ค่ะ แล้วที่พี่บอกว่าไม่เหมือนคนอื่นก็เพราะ คนอื่นนายไม่เหยียบย้ำจิตใจเขาแบบนี้ ไม่ข่มเหงรังแก” “ผมไม่ได้ขืนใจก็แล้วกันน่ะ เขาสมยอม รู้บ้างไหมเจอพิษไข้รุมเร้าตั้งแต่เย็นวานนี้ ยาวมาจนตลอดทั้งคืน มาเช้าวันนี้ค่อยยังชั่วขึ้น ของขวัญปวดหัวน้อยลง ตัวเย็นแล้วพร้อมกับร่างกายที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ร้อนและเหนียวตัวพอสมควร กระทั่งเธอลืมตาขึ้นจึงเห็นว่าอยู่ในอ้อมกอดของเขา ถ้าจะขยับออกแล้วเขาจะตื่นหรือเปล่านะ ตอนนี้ไม่อยากให้เขาตื่น อยากเงยหน้ามองให้ชัดๆ เป็นครั้งแรก เขาตัดผมโกนหนวด สะอาดสะอ้าน ปากกระจับ จมูกโด่ง คิ้วหนาเข้ม แผงอกแน่น กล้ามแขนเป็นมัดใหญ่หล่อเกินจะมาเป็นนายใหญ่ของที่นี่ หล่อเกินที่เธอจะเอื้อมถึงและคู่ควร คิดแล้วก็น้ำตาไหลอีกครั้งพลางซบหน้ากับอกกว้าง ทว่าเธอกลับเหลือบเห็นแผลบนอก เป็นรอยเย็บซึ่งแผลยังดูใหม่อยู่ เหมือนเพิ่งจะหาย ใช่มันเป็นรอยที่เธอทำ เธอเอามีดแทงเขาดีที่มันไม่ลึก แต่เลือดที่เห็นยังคงติดตาอยู่“ขวัญขอโทษ” ของขวัญลอยๆ เบาๆ พลางเอามือลูบแผลนั่น ในจังหวะเดียวกันนั้นปราชญ์ขยับตัว คลายอ้อนกอดเหมือนเมื่อยแต่ไม่ได้ตื่น ทำให้เธอได้เป็นอิสระและดันตัวออกทันที ยิ่งทำให้เห็นชัดตรงต้นแขนที่เป็นรอยมีด เขาเย็บกี่เข็มกันเนี่ย เธอคิดพลางเอามือแตะแล้วลูบเบาๆ“อืม”
เขาคิดถามตัวเอง ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหาเสื้อกร้ามกับกางเกงขาสั้น เพื่อกลับมาแต่งตัวให้กับเธอ ชุดชั้นในไม่ต้องใส่ โนบราแบบนี้แหละ เขาทำได้เช่นนี้ก็ถือว่าบุญโขแล้วเพราะไม่เคยใส่เสื้อผ้าให้ใคร เก่งแต่ถอด เสร็จแล้วเขาก็กลับออกไปด้านนอก โดยมีกมลเตรียมอาหารเอาไว้ให้คนป่วยแล้วเรียบร้อย อีกทั้งหยูกยาอีกต่างหาก“เป็นยังไงบ้างคะนายพี่ว่าจะออกมาเอายา ก็เลยทำอาหารให้ซะเลย”“เข้าไปเห็นเป็นลมอยู่ในห้องน้ำ พี่มลไม่ต้องดูแลอะไรแล้ว” เขาบอกเสียงหม่นพร้อมกับสั่งการ“งั้นพี่จะไม่รบกวนแล้ว แต่ขออย่าง นายอย่าไปไหนอีกเลยนะคะ สงสารคนตัวเล็กตัวน้อย”“นี่ไม่มีใครสงสารผมใช่ไหม” เขาถามเสียงเรียบ แต่ไม่รับปากกมลแต่อย่างใด จากนั้นเขาก็เดินไปหาชรัน ซึ่งนั่งรออยู่ตรงโซฟารับแขก ลูกน้องบางส่วนต้องทยอยออกไปรวมถึงกมลด้วย เหลือไว้แต่ชรันคนสนิทเท่านั้น ทว่าปราชญ์ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับเดินออกนอกบ้านหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ พ่นควันออกไปอย่างเครียดๆ“อย่างที่พี่มลบอก อย่าไปไหนอีกเลยนะครับ หนึ่งอาทิตย์น่าจะเพียงพอให
ซึ่งก็เข้าใจได้แหละเป็นปกติของคนทำงาน และเช่นเดียวกัน ด้วยความเป็นลูกคุณหนู ร่างกายมันเกินจะทนกับความเหน็ดเหนื่อย ที่มันคงสะสมมานับอาทิตย์ เพราะตรากตรำทำงานหนักมาก ทำให้ของขวัญหน้ามืดเมื่อลุกขึ้นยืน ทุกอย่างหมุนติ้ว มืดและมีดาวระยิบระยับเต็มไปหมดเธอเป็นลมล้มลงไปนอนกับพื้นหญ้า“ว๊ายตายแล้ว นายรัน ยัยหนูขวัญเป็นลม” คนงานคนหนึ่งตะโกนขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปดู ชรันเห็นดังนั้นจึงวิ่งเข้าไปหาและประคองเอาไว้เช่นกัน“คุณขวัญ! ให้ตายสิ ทำงานต่อนะเดี๋ยวพาขึ้นไปข้างบนก่อน”“ค่ะค่ะ” ทุกคนรับคำ จากนั้นชรันจึงอุ้มของขวัญกลับไปที่บ้านเพื่อปฐมพยาบาล พัดวี เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าและเนื้อตัวให้ ก่อนจะเอายาดมมาจ่อจมูก“ตายจริง! คุณขวัญ!” กมลเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง“คงเหนื่อยน่ะ ฝากดูแลได้ไหม คนงานขนองุ่นอยู่จะลงไปคุมต่อ”“ค่ะค่ะ คุณรันไปเถอะ ว่าแต่...”“ว่าแต่อะไร”“ช่างเถอะค่ะ”“ถ้าฟื้นแล้วหาอะไรให้ดื่มด้วยล่ะ จะได้สดชื่น”&nb
“ยังไม่เห็นเหมือนกัน เอ็งถามทำไมเหรอ ไม่เห็นอ่ะดีแล้ว เราจะได้ทำงานสะดวก ไม่งั้นสั่นประสาทกันหมดน๊า นายยิ่งดุอยู่ด้วย” “หนูก็แค่... แปลกๆ ค่ะ คนสนิทก็ไม่เห็นสักคน” “ตั้งใจทำงานเถอะอีหนู เผื่อนายมาจะได้เห็นว่าขยัน จะได้ไม่ดุ” “ค่ะ” ของขวัญรับคำสั้นๆ ก้มหน้าทำงานต่อ ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยงๆ เธอเหนื่อยแต่เริ่มชินกับความร้อน ทุกคนทนได้เธอก็ต้องทนได้ จนกว่าจะได้รับอิสระ จนว่าปราชญ์จะได้ในสิ่งที่ต้องการ เธอไม่ควรมีปากเสียงกับคนที่สามารถฆ่าเธอและครอบครัวให้ตายทั้งเป็นได้ด้วยความจน ซึ่งแน่นอนว่าเวลานี้ปราชญ์กำลังทำ ของขวัญทำงานอย่างขยันขันแข็ง เริ่มเก็บองุ่นเป็นแล้ว และไม่สร้างความเสียหาย ทำในฐานะลูกจ้างไม่ใช่เมียหรือนางบำเรอ แต่เธอไม่เห็นปราชญ์ทั้งวัน ขณะที่เธอกลับอยู่ในสายตาของปราชญ์ตลอดเวลา เพียงแค่เขาไม่ออกไปให้เห็นเท่านั้น ในเมื่อเธอเกลียด โกรธ อยากฆ่าให้ตาย ก็งดเจอกันก่อน ส่วนเรื่องเอาเธอมาเรียกค่าไถ่กับเพชรน่ะเขารอได้ รอมาหลายปี รออีกนิดจะเป็นไร เขาจะให้เธอนั่นแหละนำเครื่องเพชรมา ทว่าตอนนี้คงจะสบายใจมากกระมังที่ไม่เห็นหน้าเขา พอช่วงเย็นเ
ระหว่างทำชรันก็สังเกตสีหน้าของเจ้านายที่ไม่แสดงท่าทีอาการอะไรเลย ติดจะหมองเศร้าด้วยซ้ำ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่โกรธ ชรันคิดพลางเย็บแผลที่ต้นแขนเสร็จ ก็มาที่หน้าอกมันลึกประมาณหนึ่งนิ้วแต่เป็นแค่ผิวหนังชั้นนอก เอายาชาทาๆ แล้วเย็บเสร็จก็มาทำแผลที่มือเป็นอันดับสุดท้าย ทว่าชรันก็อดถามไม่ได้“แล้วที่มือล่ะครับ ทำไมมีแผลที่มือด้วย”“แย่งมีดเขาน่ะ” ปราชญ์ตอบเสียงเบา ผิดปกติจากที่เคยเป็นเหลือเกิน“เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมครับตอนนี้”“คิดว่าฉันจะบันดาลโทสะฆ่าเธอหรือไง”“ก็ไม่แน่นะครับ มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง”“เธอคงอยากจะฆ่าฉันมั้ง ขู่ฆ่าไม่ใช่เหรอ” “ไม่คิดว่าจะทำจริงๆ แต่น่าแปลกที่นายพลาดท่า”“ฉันแค่อยากเห็นหน้าเขาตอนลงมือทำ รู้สึกยังไง ฉันรู้ว่าเขาโกรธมาก แต่แค่ไหนจึงจะพอใจเขา”“แล้วเป็นยังไงครับ” ชรันถามพลางทำแผลที่มือให้ กระทั่งเอาผ้าก็อตพันเอาไว้หลายรอบ ขณะเดียวกันปราชญ์ก็ไม่ได้ตอบคำถามนี้ เขานั่
กระทั่งกลางดึก ของขวัญรวบรวมกำลังค่อยๆ ลุกขึ้นเพื่อไม่ให้ปราชญ์รู้สึกตัว แล้วลุกจากเตียงไปแต่งตัว ก่อนจะเดินกลับมาที่เตียง แล้วหยิบบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้ใต้หมอนออกมาช้าๆ ความโกรธความเสียใจในความโหดร้ายของเขา ทำให้เธอบันดาลโทสะ ด้วยการถือมีดพกในท่าเตรียมจะกดลง ชั่ววินาทีเธอตัดสินใจกดมีดลงไปบนหน้าอก ทว่าเขาลืมตาขึ้นแล้วเบี่ยงตัวไปทางขวามือ มีดปักลงไปบนต้นแขนแทนฉึก! มีดปักต้นแขนโดยที่เขาไม่ส่งเสียงออกมาเลยแม้แต่แอะเดียว เขากัดฟันแน่นมองหน้าเธอที่กล้าหยิบมีดมาทำร้ายเขาได้ พอเห็นว่าไม่ตอบโต้เธอกลับดึงมีดออก หมายจะปักไปที่กลางอก แต่เขาเอื้อมมือขวามาจับที่ตัวมีดแทนเพื่อไม่ให้เธอปักลงเธอไม่ได้อยากให้เขาตายแต่อยากสนองความร้ายกาจของเขา เธอพยายามกดมีดแต่เขาต้านเอาไว้ เขาจะสู้ก็ได้แต่อยากเห็นสีหน้าคนใจร้าย เขาจับมีดแน่นจนบาดมือ พร้อมกับเลือดไหลตามปลายมีดหยดลงมาใส่หน้าอก เท่านั้นแหละเธอก็ได้สติแต่ยังไม่ทันหยุดกดมีด จังหวะเดียวกันเขาก็ปล่อยมือจนปลายมีดกดลงไปบนเนื้อหน้าอกฉึก! ปลายมีดจมลงไปในผิวเนื้อประมาณหนึ่งนิ้ว เธอเห็นมีดปักหน้าอกเขาพร้อมกับหยดเลือดไหลเต็มไปหมด ตอนน