ไป่เจินเจินไม่รู้ว่าตนเองกำลังเป็นเป้าสายตาคนกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งยังกำลังถูกอาจารย์เจ้าระเบียบหมายหัวอีกต่างหาก นางวิ่งลัดเลาะไปทั่วเขา วางกับดักเอาไว้ หากได้สัตว์ป่าสักตัวนางจะได้ไม่ต้องเสียเงินมาซื้อเนื้อหมูหรือซื้อไก่ สายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างสีขาวๆแวบๆ
"หืมนี่มันของดีนี่นา อีกสามวันจะเป็นวันเกิดของท่านย่าพี่ข่ายเหยียนเอาไปให้เขาดีกว่า อย่างน้อยเขาก็ใจกว้าง"
ไป๋เจินเจินวางกับดัก คนที่ตามมาดูก็งงว่านางทำอะไรเพื่อจะกลับไปรายงาน ไป๋เจินเจินวางกับดักทั่วภูเขา ที่นางเดินผ่าน ไม่นานก็มีแต่กับดักเต็มไปหมด บุรุษที่เฝ้าสังเกตการณ์ไม่รู้ว่านนางกำลังทำอะไรเห็นนางก้มๆเงย หลังจากวางกับดักแล้วก็ใจเย็นนอนบนกิ่งไม้รอให้เหยื่อมาติดกับ
สวบ!!เสียงกับดักทำงานแต่ไป๋เจินเจินไม่ลงมาดู ไม่นานก็ได้ยินอีก สวบ!! สวบ!! สวบ!! สวบ!! สวบ!!มู่ถิงน้ำตาคลอนี่มันกับดักบ้าอะไร นังเด็กน้อยนี่ฝีมือไม่ธรรมดาเลย หากเขาจัดการนางคุณชายเอาเรื่องเขาแน่ๆ ดูท่าทางจะสนใจปีศาจน้อยตัวนี้เสียด้วย มูาถิงเดินเขยกๆกลับไปรายงาน ไป๋เจินเจินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
"เหอะ นึกว่าจะแน่ไอ้คนไม่เอาไหนเอ้ย"
จากนั้นก็วางกับดักต่อไป ไม่นานเจ้าตัวดีก็โผล่มา ไป่เจินเจินดักได้หนึ่งตัว กำลังจะจับอีกตัวปรากฏว่าตัวในตะกร้าก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เพียงพอนขาวอีกตัวก็รีบมาที่ตะกร้าพร้อมกับทำท่าจะกัดนางเช่นกัน ไป๋เจินเจิ่นเอาร่มฟางให้มันงับแทนจากนั้นก็เปิดตะกร้าดู ให้ตายสิพระเจ้ามันกำลังคลอดลูก ไป่เจินเจินเอาชุดนักเรียนของสำนักศึกษาวางให้มัน แม่เพียงพอนคลอดออกมาสามตัวเป็นสีขาวทั้งหมด
"แคว้นต้าเหลียงนับถือว่าเพียงพอนเป็นสัตว์มงคล ถ้าเช่นนั้นขายพวกเจ้าข้าก็รวยแล้ว"
แม่เพียงพอนกะพริบตามองมายังนาง ส่วนเจ้าตัวผู้ที่น่าจะเป็นพ่อของมันก็อาศัยความไวกระโดดลงไปในตะกร้า ก่อนจะดมเลียๆลูกๆทั้งสามตัว ไป่เจินเจินถอนหายใจ
"ไปอยู่กับข้าๆสัญญาว่าจะเลี้ยงดูตกลงไหม ตอนแรกจะให้เจ้ากับฮูหยินเฒ่าตระกูลสวี ไม่เป็นไรเดี๋ยวข้าวาดรูปสักใบไปให้นางก็ได้มาเถอะกลับบ้านกัน"
ไป๋เจินเจินเดินลงเขาพร้อมตะกร้าสะพายหลัง นางไม่รู้เลยว่าด้านหลังมีคนมองตามอยู่ ส่วนที่บ้านก็มีคนมารอเช่นกัน
"คุณชายแม่นางน้อยดูท่าคงรู้แต่แรกว่ามู่ถิงสะกดรอยตามนาง เพียงพอนเป็นสัตว์มงคลของแคว้น นายพรานเก่งๆยังล่าไม่ได้แต่นางกลับล่าได้"
"อืม...ช่างเป็นเด็กน้อยที่คาดเดายากจริงๆ เป็นอย่างไรบ้างเล่ามู่ถิง โชคเลือดมาเชียว"
"กับดักนางร้ายกาจมากนัก หากไม่แข็งแกร่งพอเป็นคนธรรมดาอาจเจาะลึกถึงกระดูกเลยขอรับ"
"ไปกันเถอะ ข้าอยากไปสำนักศึกษาสักหน่อยมีเรื่องจะคุยกับอาเฉิง"
ทั้งหมดพากันไปด้านที่ตั้งของสำนักศึกษา คนละด้านกับที่ดรุณีน้องเดินจากไป ไป๋เจินเจินมาถึงที่บ้านก็พยายามย่องเข้าบ้านให้เงียบที่สุด เพราะว่าตอนนี้นางสวมชุดบุรุษมิใช่ชุดของสำนักศึกษาเช่นเมื่อเช้าก่อนออกจากบ้าน จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าห้อง บิดาเคยเป็นองครักษ์มาก่อนเขารับรู้ตั้งแต่นางมาถึงแล้ว เพียงแต่คนที่นั่งอยู่ด้วยส่ายหน้าให้เขาไม่ต้องทัก
ไป๋เจินเจินรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที นางนำลูกเพียงพอนกับแม่ของมันไว้ในตะกร้า และปิดฝาอย่างเดิม ก่อนจะไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า แม้ว่าเงินที่สามคนนั้นให้มาเมื่อวานจะไม่มากแต่ซื้อชุดใหม่ได้สองชุดเดี๋ยววันนี้ไปซื้อให้บิดาด้วยดีกว่า ไป๋เจินเจินถักเปียสองข้างหลวมแซมด้วยดอกไม้ป่าสีเหลืองสลับชมพูขาวตามร่องของรอยที่เปีย ตัดกับชุดสีฟ้าที่นางสวมใส่ ทันทีที่นางเดินออกมาจากในห้องคนที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบถึงกลับชะงักค้าง มือยังคงถือถ้วยชาไว้มิได้ยกดื่มแต่อย่างใด
("ไม่ยักรู้เจ้างามเพียงนี้แม่เด็กน้อย")
จ้าวหย่งเฉิงเก็บสีหน้าและอาการตกอยู่ในภวังค์กลับมาพร้อมกับที่ไป่เจินเจินเห็นเขานั่งอยู่กับบิดานางจึงเดินมาหา ไม่รู้ว่าตาเฒ่านี่มาถึงนานแค่ไหนแล้วฟ้องอะไรกับท่านพ่อไปบ้าง ไป๋เจินเจินเดินเข้าไปหาทั้งคู่ก่อนจะเอ่ยคำและเอ่ยทักทาย
"ศิษย์คารวะอาจารย์จ้าวเจ้าค่ะ...ท่านพ่อลูกกลับมาแล้ว"
"อืม..ไปเรียนวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง"
"เอ่อ...ก็ดีเจ้าค่ะท่านพ่อลูกขอตัวไปตลาดสักหน่อยนะเจ้าคะพอดีลูกอยากซื้อของใช้สตรีเจ้าค่ะ"
"อาเจินอ่า..พ่อมีบุตรสาวแค่คนเดียวก็หวังว่าลูกจะมีความรู้ไม่ถูกใครดูหมิ่นดูแคลนลูกเข้าใจหรือไม่"
ไป๋เจินเจินเดินมาข้างหน้าก่อนจะคุกเข่าลง มือสองข้างวางที่หัวเข่าบิดาแนบใบหน้างามลงไปก่อนจะเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
"ท่านพ่อ..ลูกขออภัยเจ้าค่ะ แต่ลูกไม่อยากเรียนแล้วลูกอยากหาเงินมารักษาขาของท่านมากกว่า"
"อาเจิน..พ่อแก่แล้วจะอยู่อีกกี่ปีก็ไม่รู้ หากอาจารย์จ้าวไม่มาพ่อก็ไม่รู้เลยว่าที่ผ่านมาเจ้าไม่ได้เรียน เพราะพวกเขาไม่ยอมสอนตอนนี้อาจารย์จ้าวรับปากแล้วว่าจะให้เจ้าเป็นลูกศิษย์ส่วนตัวของท่าน อีกอย่างไม่มีบ้านเดิมสนับสนุนอย่างน้อยเจ้าก็มีความรู้"
"ใครอยากแต่งงานกัน บุรุษเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจที่สุดบนโลกใบนี้"
พรวด!!จ้าวหย่งเฉิงที่ได้ยินคำพูดของนางถึงกับสำลักน้ำชา เด็กคนนี้ไปเอาวาจาร้ายกาจเหล่านี้มาจากที่ไหนกัน โลกนี้สตรีมิพึ่งพาบุรุษจะอยู่ได้หรือ ไป๋จิ้งลูบหัวบุตรสาวก่อนจะเอ่ยกับคนที่นั่งตรงข้าม
"ขออภัยอาจารย์จ้าว นางยังเด็กอาจพูดจาไร้ความคิดไปบ้างท่านอย่าถือสาเลยนะขอรับ"
"พี่ไป๋จิ้งอย่ากังวลข้ามิถือสาเด็กที่ยังไม่โตเช่นนางหรอก วันนี้มีโอกาสได้พบท่านนับว่ามาไม่เสียเที่ยว ท่านความรู้กว้างขวางวันหลังมีเวลาข้าจะมาสนทนาด้วยอีก ส่วนอาเจินไม่ว่าบทกวีหรือคัมภีร์ต่างๆข้าจะตั้งใจสอนจนกว่านางจะได้อักษรทุกตัวแน่นอน"
"ขอบคุณท่านราชครูแล้ว"
"ท่านเรียกข้าหย่งเฉิงก็พอ"
"ท่านพ่อข้าไม่มีชุดไปเรียนแล้วคงไปเรียนไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ เงินที่มีต้องเอาไว้ซื้อเสบียง"
ไป๋เจินเจินหาข้ออ้างไปเรื่อยแต่คนตัวโตกับรู้ทันนางก่อนที่เขาจะเอ่ย
"ตามข้าไปสำนักเดี๋ยวจะให้คนเอาชุดให้เจ้าใหม่ แล้วค่อยให้คนกลับมาส่ง"
"ไปเถอะ..ใกล้จะปลายยามเซินแล้วเดี๋ยวจะมืดเสียก่อน ทางกลับบ้านไกลนัก"
"เจ้าค่ะ ท่านพ่อข้าขอแวะตลาดสักแป๊บแล้วจะซื้อขนมมาฝากนะเจ้าคะ"
"อาเจินพ่อจะไม่ถามว่าลูกไปเอาเงินตำลึงมาจากที่ใด ในเมื่อลูกบอกว่าคัดอักษรทั้งที่อาจารย์บอกว่าลูกเรียนไม่ได้สักตัว แต่หวังว่ามันจะมีที่มาสะอาดโปร่งใส"
"ท่านพ่อ ลูกขึ้นเขาหาสมุนไพรบ่อยๆก็ไปขายมาบ้าง แต่ว่ายังไม่พอค่ารักษาของท่าน"
"อย่ากังวลเรื่องพ่อนักเลย"
"พี่ไป้จิ้งข้าขอตัวก่อน ไป๋เจินเจินไปกันได้แล้ว"
นี่หรือคนที่ไม่ชอบสตรี นี่คือคนที่ไม่ไยดีผู้หญิงจริงๆหรือ สามสิบเจ็ดแล้วเขายังไม่เคยหลับนอนกับสตรีคนไหน จนมีข่าวลือว่าเป็นพวกตัดแขนเสื้อ ไป๋เจินเจินขยับเอี้ยวตัวไปหาเขาก่อนจะยิ้มให้แล้วตอบตกลง"เจ้าค่ะ แต่ห้ามอาจารย์แช่น้ำนานเกินไปนะเจ้าคะ อีกอย่าพวกเรายังไม่แต่งกันสักหน่อยคำว่าผัวเมียท่านเรียกบ่อยเกินไปแล้ว"หึ หึ หึ จ้าวหย่งเฉิงหัวเราะในลำคอจากนั้นก็อุ้มนางออกทางหลังเรือน พาดีดขึ้นยอดไม้ไปยังเขตต้องห้ามสำหรับเขาเท่านั้น เมื่อมาถึงก็วางร่างบางลง ไป่เจินเจินนั่งบนโขดหินรอเขาแช่น้ำ แต่คนตัวโตกลับไม่ยอม"ลงแช่น้ำกับอาด้วยเด็กดี""ห๊ะ ห๊า ไม่ดีกระมังเจ้าคะ ข้ามิได้เอาเสื้อผ้ามา ท่านอาตามสบายเถอะเจ้าคะ""ก็ไม่ต้องใส่ถอดเถอะ ยังมีอะไรที่ไม่เคยเห็นอีก อาเจินตั้งแต่เห็นเจ้าเดินขึ้นมาจากบ่อน้ำพุคราวนั้น อาก็ลืมภาพเย้ายวนเจ้าไม่ได้สักวัน"ไป่เจินเจินมองหน้าเขาทันที หรือว่าวันนั้นเขาเห็นงั้นหรือ ใบหน้าหวานแดงซ่านก่อนจะเอ่ยโมโหกลบเกลื่อนความเขินอาย"คนบ้า ท่านเป็นถึงราชครูแห่งแคว้น เป็นอาจารย์สำนักศึกษาเหตุใดไม่สำรวม ช่างหน้าหนายิ่งนักแอบดูข้าหรือคนหน้าไม่อาย"จ้าวหย่งเ
เมืองหลวงหยางตงชิงที่ยามนี้กำลังกราดเกรี้ยวใส่คนของตน เขาต้องการสังหารพระชายาและองค์ชายน้อยเหตุใดทั้งคู่จึงไม่ตาย ดีที่เขารอบคอบตอนที่วางเพลิงไม่มีคนพบเห็นเพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่สำนักศึกษาพาลูกศิษย์มาไหว้พระและศึกษาพระธรรมจึงทำให้คนพลุกพล่านเหมาะแก่การลงมือ"แต่ละคนไม่ได้เรื่องทั้งนั้น""องค์ชาย ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะลูกศิษย์สำนักศึกษาที่ชื่อไป๋เจินเจินคนนั้นเข้าไปพาทั้งสองออกมาก็คงจะสำเร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ""ไป๋เจินเจินงั้นหรือ""ทูลองค์ชาย ไป๋เจินเจินคือบุตรสาวหัวหน้าองครักษ์หลวงไป๋จิ้งหยวน เขาเพิ่งกลับมารับตำแหน่งเมื่อไม่นานนี้พ่ะย่ะค่ะ"หยางตงชิงปาจอกชางงพื้นจนแตกกระจาย ไป๋จิ้งหยวนเป็นเจ้าอีกแล้ว สองปีก่อนถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าข้าสังหารหยางมู่เฉินสำเร็จไปแล้ว ไอ้สารเลว"องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ท่านตาของพระองค์กำลังหาทางให้องค์ชายสิบสองผูกสัมพันธ์กับคณะทูตที่จะมาถึงเดือนหน้าพ่ะย่ะค่ะ""ท่านตาของข้างช่างทุ่มเทเสียจริงๆ หยางหลิงเทียนหรือจะนั่งบัลลังก์ ฝันเฟื่อง"หยางตงชิงเสแสร้งว่าตนเองไม่ฝักใฝ่ในอำนาจ ตำแหน่งรัชทายาทไม่ใชสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด ทำตัวราวกับองค์ชายเกียจคร้านเรื่องกา
วันรุ่งขึ้น แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านม่านหน้าต่างผืนบางเข้ามาภายในห้อง กลิ่นยาสมุนไพรอ่อนๆ ยังลอยตลบอยู่ในอากาศ ไป๋เจินเจินก้มลงจัดห่อสัมภาระใบเล็กอย่างคล่องแคล่ว แต่สายตายังไม่วางจากบุรุษที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงจ้าวหย่งเฉิงยังคงมีสีหน้าอิดโรย แม้ไข้จะลดลงแล้ว แต่แผลที่ไฟลวกกลางหลังซึ่งถูกคานไม้ที่ไหม้ไฟหล่นทับยังไม่หายดี เพียงขยับตัวนิดเดียวก็ยังต้องเม้มปากกลั้นความเจ็บ เมื่อวานเขาฝืนมาหานางเพราะเกรงว่านางจะเสียเปรียบผู้อื่น ไป๋เจินเจินมองไปที่คนตัวโตที่ยังไม่ตื่น เมื่อคืนเขามีไข้ช่วงดึก แต่ยามนี้ไข้ลดลงมากแล้ว ไม่นานชายหนุ่มก็ตื่นขึ้นมา ของมองมาตามเสียงกุกกักที่ได้ยินเมื่อเห็นภรรยาที่ยังไม่แต่งของเขากำลังเก็บข้าวของก็เอ่ยขึ้น"ฮูหยิน... แผลของอามิไม่ได้หนักหนา เจ้าอย่ากังวลนักเลย" เสียงของจ้าวหย่งเฉิงยังคงทุ้มนุ่ม แผ่วเบาแต่มั่นคงพอจะปลอบใจหญิงสาวที่กำลังเก็บของ ไป๋เจินเจินมองอาจารย์กึ่งคู่หมั้นก่อนจะเอ่ย"ท่านอา เรายังไม่ได้เขาพิธีกันสักหน่อย คำเรียกนี้ท่านกล่าวเร็วเกินไปหรือไม่ อีกอย่างพ่อจะไม่อยู่ พวกเราผัวเมียไปอยู่เรือนไผ่ของท่านอย่างน้อยก็ปลอดภัย ท่านบาดเจ็
หยางมู่เฉินกับหยางเทียนกลับไปแล้ว ไป๋จิ้งหยวนคอยดูแลความสงบของวังหลวงจึงต้องกลับไป ก่อนหน้าเขาไม่ปรากฏตัวเพราะไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น แต่ยามนี้องค์ชายห้าผู้สันโดษก็เปิดหน้าออกมาแล้ว ถ้าหากมิใช่เพราะบุตรสาวเขาเอาตัวไปเสี่ยงเพื่อช่วยชีวิตบุตรชายและพระชายาองค์รัชทายาท และทั้งสองพระองค์เกิดเป็นอะไรขึ้นมารัชทายาทจะต้องจมอยู่กับความเศร้าโศก เช่นนั้นก็อาจเข้าทางพวกเขา คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งก็เหลือเพียงองค์ชายห้ากับองค์ชายสี่และองค์ชายหก ได้ยินว่าเมื่อเจ็ดวันนก่อนองค์ชายสิบสองทรงพลัดตกจากหลังม้าที่ทรงขี่ประจำ ดูเหมือนว่าการตกจากหลังม้าครั้งนี้น่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุเสียแล้ว ขนาดสายเลือดเดียวกันยังลงมือ หยางตงชิงนั้นล้ำลึกเสียจริงๆ จ้าวหย่งเฉิงไม่อยากให้ไป๋เจินเจินต้องมาพัวพันเขามองหน้าว่าที่พ่อตา ไป๋จิงหยวนรู้ดีจึงพยักหน้าก่อนจะเอ่ย"อาเจิน ลูกดูแลท่านราชครูให้ดี พ่อต้องกลับวังหลวงก่อน ต้องดูแลความสงบในวัง ทางนี้ก็ฝากลูกแล้ว""ท่านพ่ออย่าห่วงเลยเจ้าค่ะ ข้าสั่งรถม้าแล้วพวกเราจะกลับบ้านท่านอาที่ป่าไผ่วันรุ่งขึ้น ที่นั่นมีน้ำพุร้อนสามารถช่วยรักษาแผลได้เจ้าค่ะ"ไป๋จิ้งหยวนพยั
จ้าวหย่งเฉิงเดินมาหาร่างบางที่กำลังมองไปยังคุณหนูสกุลหนานและสกุลหยุนด้วยสายตาอำมหิต นางโกรธเกลียดเด็กสาวสองคนนี้เพียงใดกันนะ เขารู้มาว่าวันที่เจอกับนางครั้งแรกตอนที่ถูกบังคับให้แช่น้ำในสระเด็กสองคนนี้มีส่วนร่วมด้วยเท่านั้น แต่จากสายตาของนางเหมือนกับว่าหนานซวงซวงกับหยุนเสี่ยวหว่านนั้นไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ ร่างสูงเดินไปหานางมือหนาโอบรอบเอวรั้งนางเข้ามาหาไม่สนใจสายตาของอาจารย์และลูกศิษย์รวมถึงคนที่ยืนอยู่ก่อนจะเอ่ยถามไถ่"ฮูหยิน มีเรื่องอันใดหรือ"ไป๋เจินเจินที่เห็นหน้าเขาก็ร้องไห้ออกมาก่อนจะกอดเขาแน่นไม่สนใจสายตาของใคร"ท่านอา..ท่านมาทำไมท่านยังบาดเจ็บอยู่เลยฮือๆๆ""อาไม่เป็นไร เด็กดีไม่ร้องนะอาอยู่ตรงนี้แล้ว"ฮูหยินหรือ งั้นข่าวลือที่ว่าราชครูจ้าจะแต่งงานกับไป๋เจินเจินก็เป็นยเรื่องจริงน่ะสิ สายตาทุกคู่มองมายังทั้งสองคนพร้อมกับอ้าปากค้าง จ้าวหย่งเฉิงค่อยๆประคองร่างบางที่กำลังร้องไห้เอาไว้ เขาได้รับบาดเจ็บที่หลัง เมื่อสามวันก่อนเกิดไปไหม้อารามที่พระชายารัชทายาททรงไปพักผ่อนกับองค์ชาย นางเข้าช่วยสุดท้ายกลับติดอยู่ในนั้น จ้าวหย่งเฉิงเข้าไปพานางกับองค์ชายออกมาก่อนที่จะถูกคา
ทันทีที่ไป๋เจินเจินเอ่ยจบ หนานเฉาเหว่ยก็หน้าซีด นางเด็กนี้รู้อะไรมาหรือ เขาจึงเอ่ยกลับไปไม่ยอมรับ"เงินทองจวนข้ามีมากพอ อาหารเหล่านั้นไม่ได้แพงมากมาย เจ้าจะไปรู้อะไร"ไป๋จิ้งหยวนมองหน้าหนานเฉาเหว่ยทันที ดูเหมือนบุตรสาวของตนจะรู้อะไรมา ไม่นานชายที่สวมชุดสีม่วงใช้พัดปิดบังใบหน้าที่เพิ่งเดินมาถึงก็เอ่ยขึ้นมา"เงินเดือนเจ้ากรมหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง มีเมียรองสองคน อนุสี่คน ไปร่ำรวยมาจากไหนกัน"หนานเฉวเหว่ยหันไปทางเสียงที่เอ่ยมาก่อนจะชี้หน้า"เจ้า ไอ้บัณฑิตกระจอก เรื่องของบ้านข้าเจ้าจะไปรู้อะไร"ไป่เจินเจินปรบมือให้กับหนานเฉาเหว่ยก่อนที่นางจะเอ่ย" เมียรองก็มีสินเดิม อนุก็มีสินเดิม อาหารมื้อละสองร้อยตำลึง ใต้เท้าหนานเจ้าแต่งภรรยากับอนุมาเลี้ยงดูตนเองเช่นนั้นหรือ"ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆเสียงหัวเราะดังลั่นสำนักศึกษา หนานเฉาเหว่ยโบกมือเพื่อให้คนของตนสั่งสอนไป๋เจินเจิน แต่ไป๋จิ้งหยวนกดเขาลงกับพื้นนก่อนจะเอ่ย"อยากแตะต้องบุตรสาวข้า ไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน"หนานเฉาเหว่ยพยายาที่จะลุกไม่นานองครักษ์หลวงก็มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ วั่นกงกงถือม้วนผ้าสีทองมาด้วยก่อนจะเอื้อนเอ่