/ รักโบราณ / ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว / บทที่ 50 งานมงคลสกุลหลิน

공유

บทที่ 50 งานมงคลสกุลหลิน

작가: BigM00N
last update 최신 업데이트: 2025-05-23 21:24:42

งานมงคลระหว่างคุณหนูใหญ่จวนสกุลหลินและคุณชายรองจวนจิ้นอันโหวถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตและหรูหรา เฉินเจียวเจียว เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมีติดตามเฉียวซื่อ หวงซื่อและโม่ซื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงฝ่ายสตรีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ยามที่นายท่านหลินและฟางเจียอีผู้เป็นทั้งท่านลุงและป้าสะใภ้ฝั่งมารดาของนางได้เห็นว่านางและคนจวนกั๋วกงมาร่วมงานด้วย พวกเขาถึงกับออกมาต้อนรับพวกนางด้วยสีหน้ายินดี

“ขอบคุณเจ้ามากที่มาร่วมงานในวันนี้ หากชิงหว่านเห็นเจ้านางจะต้องรู้สึกยินดีมากเป็นแน่” เมื่อฟางเจียอีเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็พลันยิ้มออกมา

“ย่อมต้องมาสิเจ้าคะ ไม่ว่าอย่างไรพี่ชิงหว่านก็เป็นพี่สาวของข้าแล้วข้าจะไม่มาร่วมแสดงความยินดีกับนางได้อย่างไร” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้ทั้งท่านลุงและป้าสะใภ้ก็นางจ้องมองนางด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น

“เจ้าพาเจียวเจียวไปพบชิงหว่านที่เรือนของนางเถิด” เมื่อนายท่านหลินเอ่ยเช่นนี้ฟางเจียอีก็รีบหันไปเอ่ยกับเฉียวซื่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความให้เกียรติ

“ผิงกั๋วกงฮูหยิน ข้าขอยืมตัวเจียวเจียวสักครู่นะ ข้าอยากพานางไปหาพี่สาวของนาง” เมื่อฟางเจียอีเอ่ยเช่นนี้เฉียวซื่อก็พลันหันไปมองสีหน้าของลูกเลี้ยงครู่หนึ่งเมื่อไม่เห็นสิ่งผิดปกติบนสีหน้าของบุตรสาวนางจึงได้เอ่ยปากอนุญาตด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

“ไปเถิด ให้เจียวเหม่ยไปเป็นเพื่อนเจียวเจียวอีกคนได้หรือไม่ ไม่ว่าอย่างไรเจียวเหม่ยเองก็เคยไปมาหาสู่กับคุณหนูใหญ่ของท่านมาก่อน” เฉียวซื่อเอ่ยด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มพลางหันไปหาเฉินเจียวเหม่ยเพื่อส่งสัญญาณให้นางคอยช่วยดูแลเฉินเจียวเจียว

หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่แม่น้ำเหอนางก็ไม่กล้าไว้วางใจเรื่องความปลอดภัยของเฉินเจียวเจียวอีกเลย ถึงแม้ว่าเฉินเจียวเหม่ยจะไม่ใช่ผู้เยี่ยมยุทธ์แต่ก็สามารถปกป้องเฉินเจียวเจียวได้ ให้นางติดตามไปด้วยย่อมดีกว่าส่งผู้ติดตามตามไปคุ้มกันเพราะอาจจะกลายเป็นว่านางไม่ให้เกียรติจวนสกุลหลิน

“ย่อมได้ คุณหนูสามเจ้าเองก็จะติดตามพี่สาวทั้งสองมาด้วยหรือไม่ ที่เรือนของชิงหว่านน่าจะมีสหายของเจ้าอยู่ที่นั่นหลายคน” เฉินเจียวมี่หันไปจ้องมองมารดาของตนครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าหวงซื่อพยักหน้าอนุญาตนางจึงได้ติดตามเฉินเจียวเจียวและเฉินเจียวเหม่ยไปที่เรือนของหลินชิงหว่านด้วย

เรือนของหลินชิงหว่านยามนี้เต็มไปด้วยแขกสตรีรุ่นเยาว์หลายคน คนที่อยู่ด้านในของเรือนล้วนเป็นญาติสนิทและมิตรสหายที่หลินชิงหว่านชื่นชอบ พวกนางล้วนแต่งกายงดงามและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเห็นเฉินเจียวเจียว เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ก็ต่างพากันเดินไปหาสามสาวด้วยความกระตือรือร้น

“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมา” ญาติสาวจากสกุลหลินผู้หนึ่งเป็นคนเอ่ยปากถามด้วยสีหน้ายินดี

“ข้าย่อมต้องมาอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรพี่ชิงหว่านก็นับว่าเป็นพี่สาวของข้าคนหนึ่ง” คำพูดของเฉินเจียวเจียวทำให้ฟางเจียอีถึงกับยิ้มแย้มออกมาด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม ว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาทบอกว่านับถือบุตรสาวของนางเป็นพี่น้อง นี่นับว่าเป็นเกียรติอันสูงสุดของหลินชิงหว่านผู้เป็นบุตรสาวของนางแล้ว

“พวกเจ้าเข้าไปด้านในเถิด ป่านนี้ชิงหว่านคงจะใกล้แต่งตัวเสร็จแล้ว” ฟางเจียอีเอ่ยพลางชักชวนคุณหนูทั้งสามจวนผิงกั๋วกงเข้าในห้องของบุตรสาวด้วยกัน

เมื่อเข้าไปด้านในก็เห็นว่าในยามนี้หลินชิงหว่านแต่งกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวถูกจัดวางรอเอาไว้บนถาดแล้ว ใบหน้าของหลินชิงหว่านในยามนี้ถูกแต่งแต้มเสียจนงามล้ำ จนทำให้เฉินเจียวเจียวอดเอ่ยวาจาชื่นชมออกมาไม่ได้

“วันนี้พี่หญิงชิงหว่านช่างงามเสียจริง”

“เจียวเจียว คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมา” หลินชิงหว่านเอ่ยออกมาด้วยความดีใจ โดยไม่สนใจคนในห้องอีกคนหนึ่งที่หลังจากเห็นเฉินเจียวเจียวเดินเข้าห้องมาก็พยายามก้มหน้าลงเพื่อปิดบังแววตา แต่มีหรือที่เฉินเจียวเจียวจะมองไม่เห็นนาง เฉินเจียวเจียวเพียงแค่ยิ้มออกมาแล้วเอ่ยกับหลินชิงหว่านด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

“ย่อมต้องมาสิเจ้าคะ งานมงคลของพี่หญิงทั้งทีข้าจะไม่มาร่วมงานได้อย่างไร” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้หลินชิงหวานก็พลันยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มใจ นางเหลือบไปมองหลินชิงเหมยเพียงนิดหนึ่งแล้วจึงได้หันไปพูดคุยกับเฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่อย่างเป็นกันเอง พวกนางพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก็มีเสียงประทัดและเสียงร้องตะโกนมาจากทาด้านหน้าจวนว่าเจ้าบ่าวมาถึงแล้ว หลินชิงหว่านจึงได้ยืนนิ่งให้แม่สื่อช่วยเอาผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวคลุมลงบนศีรษะของนาง

เสียงขับขานกลอนเร่งเจ้าสาวดังขึ้นที่หน้าประตูเสียงหยอกล้อของบรรดาแขกเหรื่อทำให้เฉินเจียวเจียวได้แต่ยืนดูด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มีสหายของเจ้าบ่าวหลายคนออกหน้าช่วยเจ้าบ่าวอย่างเต็มที่เพื่อที่เขาจะได้เข้ามารับเจ้าสาวได้สะดวกมากขึ้น จวบจนได้ฤกษ์มงคลญาติทางฝั่งเจ้าสาวจึงได้ยอมปล่อยให้เจ้าบ่าวเข้ามารับเจ้าสาวได้ พิธีคารวะน้ำชาเพื่ออำลาพิธีการรับตัวเจ้าสาวดำเนินไปอย่างครึกครื้นและสนุกสนาน สีหน้ายิ้มแย้มของบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงานและบรรดาเครือญาติของเจ้าสาวทำให้บนใบหน้าของเฉินเจียวเจียวล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ทุกคนต่างประหลาดใจที่ท่านมาร่วมงานได้ แต่ข้ากลับไม่ประหลาดใจเลย ในเมื่อยามนี้ได้เป็นถึงว่าที่พระชายาองค์รัชทายาทแล้วจะยังมัวมาโกรธเคืองข้าที่ทำให้ท่านพลาดตำแหน่งว่าที่พระชายาของโซ่วอ๋องได้อย่างไร” น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปอีกทั้งท่าทีเจ็บแค้นอย่างไม่ปิดบังของหลินชิงเหมยทำให้เฉินเจียวเจียวต้องมองนางอีกครั้ง เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ต่างยืนกระหนาบเฉินเจียวเจียวคนละข้างด้วยความระมัดระวังด้วยไม่รู้ว่าหลินชิงเหมยผู้นี้กำลังคิดจะทำการใดอีก

“คิดไม่ถึงว่าไปฝึกฝนตนเองในวังได้เพียงไม่นานจะสามารถทำให้เจ้าละทิ้งพฤติกรรมเป็นแม่ดอกบัวขาวผู้ไร้พิษสงได้เสียแล้ว” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้หลินชิงเหมยก็พลันยิ้มเย็นยะเยือกออกมา พี่สาวน้องสาวจากสกุลหลินที่ยืนอยู่ไม่ไกลย่อมสามารถเห็นและได้ยินคำพูดของนางอย่างชัดเจน มีญาติผู้น้องจากสกุลหลินผู้หนึ่งเอ่ยกับหลินชิงเหมยด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง

“พี่หญิงชิงเหมยวันนี้เป็นงานมงคลของพี่หญิงชิงหว่านได้โปรดทำตัวดีๆ อย่าได้คิดจะยั่วยุและหาเรื่องพี่หญิงเจียวเจียวอย่างเด็ดขาด”

“ข้าย่อมไม่กล้าอยู่แล้ว ที่เอ่ยออกมาก็แค่อยากให้พวกเจ้าเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางเพียงเท่านั้น” คำพูดของหลินชิงเหมยทำให้เฉินเจียวเจียวหัวเราะออกมาเบาๆ

“ท่าทีเช่นนี้ของเจ้าต่างหากที่จะทำให้ผู้อื่นได้รับรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้า ข้าเฉินเจียวเจียวไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหนฐานะอะไรข้าก็คือข้า ตรงไปตรงมาต่อผู้คนรอบข้าง ดีมาข้าก็ดีกลับ แต่หากร้ายมาข้าก็ร้ายกลับได้เช่นกัน เจ้าเองน่าจะรู้ดีว่าถ้าหากข้าร้ายขึ้นมาผลลัพธ์มันเป็นอย่างไร” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้หลินชิงเหมยที่ยังติดใจเรื่องที่อี๋เหนียงผู้เป็นมารดาแท้ๆ ของตนถูกโบยจนตายอยู่อดจ้องมองเฉินเจียวเจียวด้วยสายตาอาฆาตไม่ได้

“ระวังจะได้เจอคนที่ร้ายกว่า วันหน้าได้เกาะเกี่ยวที่สูงสมใจหากตกลงมาอย่าได้นึกเสียใจก็แล้วกัน” หลินชิงเหมยเอ่ยพลางเดินจากไป

ญาติผู้น้องจากสกุลหลินคนอื่นๆ รีบมาเอ่ยวาจาขอโทษขอโพยนางในทันทีพลางบอกกับนางว่าพวกนางจะต้องเล่าเรื่องนี้ให้หลินฮูหยินผู้เป็นป้าสะใภ้ใหญ่ของนางช่วยจัดการกับหลินชิงเหมยให้นางอย่างแน่นอน ซึ่งเฉินเจียวเจียวก็ได้แต่กลั้นยิ้ม สาเหตุที่หลินชิงเหมยมายั่วยุนางก็เพราะต้องการผลลัพธ์เช่นนี่แหละ ไม่อย่างนั้นนางจะหาข้ออ้างอันใดไปเรียกร้องความสนใจจากโซ่วอ๋องได้เล่า

เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็คืองานมงคลของหลินชิงหว่าน เฉินเจียวเจียวเชื่อว่าฟางเจียอีผู้เป็นป้าสะใภ้ย่อมไม่มีทางตกหลุมพรางนี้แล้วทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ด้วยการสั่งลงโทษหลินชิงเหมยภายในงาน แต่กลับจะเก็บพฤติกรรมเมื่อครู่นี้ของหลินชิงเหมยไปเล่าที่ตำหนักของเต๋อเฟยต่างหาก ถึงยามนั้นก็คงจะจุดไฟสงครามระหว่างบุตรชายและมารดาขึ้นที่ตำหนักของเต๋อเฟยได้อีกแล้ว

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 72 บทส่งท้าย

    หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงเฉินฮองเฮาจึงได้ปลีกตัวกลับตำหนักอันหนิงไปก่อนเหลือเพียงหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ที่ทรงเรียกน้องชายเข้ามาตักเตือนเป็นการส่วนพระองค์โดยมีองค์ชายทั้งสองประทับอยู่ด้วย“จนถึงยามนี้แล้วเจ้าก็ยังคิดไม่ได้อีกหรือ น้องรองพระชายาของเจ้าผู้นี้แม้ว่าจะไม่ได้งดงาม รูปร่างก็ใหญ่โตแต่สิ่งที่นางมีเหนือผู้อื่นก็คือความจริงใจ แม้ว่าจะดุดันและไม่ช่างเอาอกเอาใจแต่เจ้าก็ไม่ต้องคอยระมัดระวังตัวและคอยคาดเดาอารมณ์ของนาง นางโกรธเจ้าก็รู้ นางโมโหเข้าก็แค่ถูกด่าหลังจากถูกโบยตีไม่กี่ทีนางก็กลับไปเป็นปกติแล้ว” หลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสพลางถอนพระปัสสาสะออกมา“ในขณะที่คนงามส่วนใหญ่กลับซับซ้อนมากกว่านั้นภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มของพวกนางมีความคิดมากมายซุกซ่อนอยู่ภายในใจ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางจะคาดเดาความคิดของนางได้แน่ น้องรองเจ้าโชคดีแล้วที่ได้โม่หลันเป็นพระชายา อย่าได้คิดหาเศษหาเลยแล้วทำให้ชีวิตของตนเองต้องตกต่ำอีกเลย” เมื่อหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสเช่นนี้โซ่วอ๋องที่คุกเข่าขอรับผิดอยู่ตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ“เสด็จพี่! แล้วพระองค์ทรงไม่เคยหวั่นไหวบ้างเลยหรือ มีคนงามมาอยู่ตรงห

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 71 บัวขาวอีกหนึ่งดอก

    เฉินฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเยียนทรงสิริโฉม เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ได้รับความรักและความให้เกียรติจากสวามีจนสตรีทั่วแคว้นต่างโจษจันกันไปจนทั่ว สตรีทุกนางล้วนริษยาในความพรั่งพร้อมและสมบูรณ์พูนสุขของพระนางนาง พระนางประสูติพระโอรสสองพระองค์พระธิดาหนึ่งพระองค์แม้ว่าจะทรงมีพระชันษามากแล้วความงามของพระนางก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานถึง“นี่ใช้คำว่ารักและให้เกียรติได้อย่างไรกัน ต้องใช้คำว่ารักและเคารพมากกว่า” หลี่เทียนหลงองค์รัชทายาทแคว้นต้าเยียนเอ่ยกับพระอนุชาด้วยสุรเสียงแผ่วเบา“รักหรือไม่ข้าไม่แน่ใจ แต่เคารพและเกรงกลัวข้าขอยืนยันว่าเป็นความจริง เสด็จพี่ทรงทอดพระเนตรดูขุนนางที่ไม่รู้จักตายนั่นสิ พยายามจะยัดเยียดบุตรสาวโฉมงามให้เสด็จพ่อ แถมยังโอ้อวดว่าทั้งร่างกายและจิตใจบุตรสาวของเขาล้วนงดงามพิสุทธิ์หาผู้ใดเทียม ช่างไม่ดูเสียบ้างว่ายามนี้สีพระพักตร์ของเสด็จพ่อซีดเซียวเสียยิ่งกว่าไก่ในโถน้ำแกงเสียอีก” หลี่เทียนเฮ่าผู้เป็นองค์ชายรองเอ่ยกับพระเชษฐาด้วยน้ำเสียงซุกซน โดยไม่สนพระทัยหลี่เทียนหรูพระขนิษฐาพระองค์เล็กที่ในยามนี้หลบไปนั่งอยู่กับบรรดาสตรีในจวนผิงกั๋วกงแล้ว ค่ำคืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองเทศกาลหยวนเซี

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 70 เพลิงโทสะ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีอภิเษกไปเพียงไม่กี่วัน เฉินเจียวเจียวก็ต้องสวมชุดไว้ทุกข์ให้แก่จ้าวไทเฮา แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เพลิงพิโรธของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ผู้เป็นราชบิดาของสามีก็ยังทำให้นางอดใจสั่นไม่ได้“เจ้าลูกเลว! หากเจ้าไม่ส่งคนไปบอกยามนี้พระนางก็คงจะยังทรงดำเนินชีวิตได้ตามปกติ” พระสุรเสียงที่ทรงตรัสออกมาทำให้เฉินเจียวเจียวที่คุกเข่าอยู่ทางด้านข้างขององค์รัชทายาทไม่กล้าเงยหน้าขึ้น“ลูกก็แค่คิดว่าไม่ควรจะหลอกลวงพระนางอีกต่อไป”“ยังไม่สำนึกอีก! หลี่ไท่หลงนางคือเสด็จย่าของเจ้านะ นางคือแม้แท้ๆ ของข้า และก็เป็นนางที่ผลักดันจนข้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จวบจนทุกวันนี้” ถ้อยคำนี้ของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงเต็มไปด้วยกระแสอารมณ์อันเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว เฉินเจียวเจียวที่ก้มหน้าอยู่อดเหลือบมองสวามีของตนเองที่ยามนี้เงยหน้าขึ้นไปทุ่มเถียงกับพระราชบิดาของตนเองไม่ได้“แต่ก็เป็นพระนางที่วางแผนปลิดชีพพระมารดาของลูก เป็นพระนางที่ยึดครองพระราชอำนาจของเสด็จพ่อไปตั้งนานหลายปี แล้วก็เป็นพระนางที่สนับสนุนสกุลจ้าวให้ทะเยอทะยานและก้าวล้างพระราชอำนาจของเสด็จพ่ออยู่หลายครั้ง ลูกเข้าใจในความรักความผูกพัน

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 69 พระชายาองค์รัชทายาท

    พิธีอภิเษกขององค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่จวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บุรุษของจวนผิงกั๋วกงเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกันอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ เฉินเจียวเจียวแต่งกายอย่างดงามสวมมงกุฎหงส์และผ้าคลุมหน้าที่ปักลวดลายอันวิจิตรนั่งเกี้ยวเข้าวังหลวงอย่างยิ่งใหญ่ การแต่งงานในชาตินี้นับว่าเป็นการแต่งงานที่ยิ่งใหญ่กว่าในชาติที่แล้ว คนที่รอรับนางลงจากเกี้ยวก็ไม่ใช่คนเดิม นางจึงไม่กล้าตั้งความหวังต่อชีวิตการแต่งงานเท่าใดนัก ไม่คาดหวังก็ย่อมจะไม่ผิดหวัง เรื่องนี้นางสามารถเรียนรู้มาจากชาติที่แล้ว ในชาตินี้ชีวิตของนางจึงถูกเติมเต็มไปด้วยความสุข“ฮู่ว ในที่สุดก็ได้พบหน้ากันโดยไม่ต้องปีนกำแพงเสียที” องค์รัชทายาทเอ่ยหลังจากที่ใช่คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว เขาจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาอันแวววาว แล้วจึงได้เอ่ยถ้อยคำชื่นชมออกมาอย่างที่ควรจะเป็น“เจ้างามมาก” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้นางอดยิ้มออกมาไม่ได้ฝ่าบาททรงประทานงานเลี้ยงฉลองให้แก่ผู้มาร่วมงานภายในวัง แต่เพราะเขามีฐานะเป็นถึงองค์รัชทายาทจึงไม่ต้องออกไปคารวะสุรามงคลให้แก่ผู้ใด ยามนี้ภายในห้องหอจึงมีเพียงเขาและนางเพียงเท่านั้น

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 68 ฝันร้ายของโซ่วอ๋อง

    พิธีปักปิ่นของคุณหนูใหญ่ของจวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท ย่อมมีเจ้าหน้าที่จากกรมพิธีการมาช่วยเหลือในการดำเนินพิธี เฉินเจียวเจียวนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าฮูหยินผู้เต็มไปด้วยโชคลาภทั้งหลายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พวกนางช่วยหวีผมให้พร้อมคำอวยพรอันเป็นมงคลปิ่นแรกที่ปักลงมาบนมวยผมคือปิ่นพระราชทานจากเฉียวกุ้ยเฟย ตามมาด้วยปิ่นของพระนางเต๋อเฟย และบรรดาพระสนมที่เฉินเจียวเจียวเคยพบ ฮูหยินผู้เฒ่าจวนผิงกั๋วกงและฮูหยินผู้เฒ่าจวนสกุลหยวนนำปิ่นมาปักลงบนมวยผมของเฉินเจียวเจียวด้วยตนเอง ต่อมาก็เป็นสตรีอาวุโสในจวนและสตรีอาวุโสที่มีความสัมพันธ์กันดีกับจวนผิงกั๋วกงเมื่อเสร็จสิ้นพิธีปักปิ่นเฉินเจียวเจียวก็ลูกขึ้นคารวะขอบคุณอย่างเต็มพิธีการสามครั้งแล้วจึงเข้าสู่งานเลี้ยง เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ที่ได้รับหน้าที่ถือพานใส่หวีและปิ่น ต่างรีบจับจูงนางกลับเรือนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มีคุณหนูจากหลายจวนที่มีความสัมพันธ์อันดีมาร่วมแสดงความยินดีด้วย แน่นอนว่าคนที่มาย่อมขาดหวังฮุ่ยหลิงและองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูไม่ได้เหตุการณ์ปราบกบฏสกุลเจ้าเกิดขึ้นเร็วกว่าในชาติที่แล้ว ในชาตินี้เซียว

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 67 พบหน้า

    เมื่อบ้านเมืองสงบสุขชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประชาก็กลับมาดำเนินไปตามปกติ เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นไปตามยถากรรมของโลก ในเมื่อหลินชิงเหมยไม่สามารถทนรับความบอบช้ำของร่างกายไม่ไหว นางจึงได้ตายจากไปในที่สุด ในตอนที่นางจะตายนางยังเคยอดสงสัยไม่ได้ว่า หากนางไม่ทะเยอทะยาน หากนางไม่คิดจะร่วมมือกับสกุลจ้าวชีวิตของนางจะต้องจบลงเช่นนี้ไหม น่าเสียดายที่ต่อให้นางสงสัยมากเพียงใดก็ไม่อาจจะทำอันใดได้แล้วแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่นางกลับรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า การตายเช่นนี้กลับดีมากแล้ว เพราะในความฝันของนาง นางเคยต้องเผชิญกับความตายที่น่ากลัวกว่านี้ ทั้งถูกทุบตี ทั้งถูกรุมย่ำยีแถมยังถูกทารุณกรรมจนไม่เหลือสภาพความเป็นคน อยากตายก็ไม่ได้ตาย ลืมตาขึ้นมาในแต่ละวันต้องร้องไห้ทุกครั้งที่พบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ การถูกโบยจนตายน่าจะเป็นการตายที่สวรรค์ปรานีสำหรับนางมากแล้ว นี่คือความคิดสุดท้ายในห้วงความนึกคิดของนาง ตอนที่โซ่วอ๋องมารับร่างที่ไร้ลมหายใจของนางจึงได้เห็นว่าแม้ในยามหลับบนใบหน้าของนางก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่หลินชิงเหมยตายแล้ว โซ่วอ๋องจะทุกข์ใจหรือไม่เฉินเจียวเจียวไม่ได้ให้ความสนใจอีกแล้ว เรื่องราวในกาลก่อนราวกับ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status