Войтиเสียงล้อรถม้าบดกับกรวดดังครืดคราดอย่างเชื่องช้าในยามที่แสงอรุณกำลังแตะขอบฟ้า ซูเหยา นั่งอยู่ภายในรถม้าที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายที่สุดเท่าที่ฐานะบุตรีของเจ้ากรมซูจะทำได้ มีเพียงผ้าคลุมสีเทาเข้มที่ทำให้นางดูกลืนไปกับผู้คน
นางไม่ได้ใช้ขบวนรถม้าที่หรูหราอลังการตามธรรมเนียมของสตรีชั้นสูง มีเพียงรถม้าขนสัมภาระที่จำเป็นสำหรับการทำธุรกิจสองคัน และคนคุ้มกันวัยกลางคน จางซื่อ กับสาวใช้คนสนิท ชิงหลิง เท่านั้น
นางเอนกายพิงเบาะ มองผ่านช่องหน้าต่างบานเล็กไปยังประตูเมืองหลวงที่กำลังถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ ภาพของประตูวังและกำแพงสูงใหญ่ที่นางเคยเฝ้ามองด้วยความหลงใหลในอดีต ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเป็นครั้งสุดท้าย
ไม่มีความอาลัยอาวรณ์ ไม่มีหยดน้ำตา หรือแม้แต่ความเสียดายใด ๆ
‘อำนาจและความรักที่เคยโอบอุ้มข้าไว้ในกรงทอง... สุดท้ายก็ทำลายข้าจนสิ้น ฉะนั้นชีวิตใหม่นี้ ข้าขอสร้างกรงทองด้วยน้ำมือของตนเองเท่านั้น’
เมื่อรถม้าเคลื่อนออกจากเขตเมืองหลวงมาได้ระยะหนึ่ง ซูเหยาก็กางแผนที่การค้าและสมุดบันทึก
ปลายทางของนางคือ เมืองตงไห่ เมืองท่าชายแดนที่อยู่ไกลออกไปสามวันเต็ม เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้แหล่งผลิตรังไหมคุณภาพดี แต่การขนส่งไปยังเมืองหลวงนั้นยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง
"ตงไห่… จุดแข็งคือวัตถุดิบ จุดอ่อนคือการขนส่งที่ล่าช้าและเทคนิคการย้อมสีที่ล้าหลัง"
นางวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว แทนที่จะพยายามขนส่งสินค้าเข้าเมืองหลวงแล้วไปต่อสู้กับคู่แข่งที่แข็งแกร่ง นางควรใช้เมืองตงไห่เป็นศูนย์กลางการผลิตและกระจายสินค้าไปยังแคว้นข้างเคียงที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า นี่คือกลยุทธ์ 'การตีโอบ' ทางเศรษฐกิจที่คู่แข่งในเมืองหลวงไม่มีทางคาดคิด
ซูเหยาหันไปหา ชิงหลิง สาวใช้ที่ยังคงสอดส่ายสายตามองทิวทัศน์ด้วยความตื่นเต้น
"ชิงหลิง เจ้าจงจำไว้ว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การท่องเที่ยว ไม่ใช่การพักผ่อน แต่คือการไปกอบกู้กิจการของตระกูล ต่อจากนี้ไป เจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าคุณหนูในยามที่มีคนอื่นอยู่ใกล้ แต่จงเรียกข้าว่า 'นายหญิง' ที่เคร่งครัดด้านการค้าเท่านั้น"
ชิงหลิงน้อมรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว "เจ้าค่ะ นายหญิง!" แม้จะยังรู้สึกแปลก ๆ กับคำเรียกใหม่ แต่นางก็เข้าใจความตั้งใจอันแน่วแน่ของนายหญิง
ซูเหยาเปิดม่านหน้าต่างเล็กน้อยเพื่อให้พูดคุยกับจางซื่อได้ถนัดขึ้น
"จางซื่อ ท่านเป็นผู้คุ้มกันที่มีประสบการณ์ ข้าเชื่อใจท่าน ทว่า... ข้ามีกฎเหล็กที่ท่านต้องปฏิบัติตาม"
จางซื่อหยุดม้าโค้งศีรษะลง
"โปรดสั่งมาได้เลยขอรับ นายหญิง"
"กฎข้อแรก ห้ามพูดถึงองค์ชายหานเย่ว์ หรือความสัมพันธ์ในอดีตของข้ากับผู้ใดในระหว่างการเดินทาง ถ้ามีคนถาม จงตอบว่าข้าเป็นเพียงบุตรีที่ถูกส่งมาดูแลกิจการที่ซบเซาของตระกูล"
"เรากำลังไปสร้างฐานะด้วยความสามารถ ไม่ใช่ด้วยบารมีของราชวงศ์ หากผู้ใดล่วงละเมิดกฎนี้... ข้าจะถือว่าเป็นการทรยศต่อการค้าของตระกูล"
จางซื่อประสานมือคารวะด้วยความเคารพ
"บ่าวเข้าใจแล้วขอรับ นายหญิงซู การค้าก็คือกฎเหล็ก บ่าวจะถือปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด"
รถม้าเดินทางมาถึงด่านตรวจชายแดนเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ด่านตรวจนั้นเป็นนายทหารที่ดูเข้มงวดและมีสีหน้าหยิ่งผยอง
"หยุดรถ ทุกคนก้าวลงมา ช่วงนี้มีสตรีสูงศักดิ์หนีตามชายหนุ่มไปหลายราย ต้องตรวจตราอย่างเข้มงวด" นายทหารกล่าวเสียงดัง
จางซื่อกำลังจะก้าวลงจากรถม้าเพื่อแสดงอำนาจของตระกูลซู ทว่าซูเหยาได้ยื่นมือออกมาจับแขนของเขาไว้ นางสวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้าเกือบทั้งหมด เหลือไว้เพียงดวงตาที่สงบและเยือกเย็นคู่นั้น
"รอสักครู่" นางกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะเปิดม่านรถม้าและยื่นเอกสารการเดินทางและใบอนุญาตค้าขายที่บิดาจัดเตรียมให้ต่อหน้านายทหาร
"ท่านทหาร นี่คือใบอนุญาตเดินทางและเอกสารที่ระบุว่าข้าเดินทางไปเพื่อตรวจสอบกิจการผ้าไหมของตระกูลที่ซบเซา" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
"ข้าขอแนะนำให้ท่านรีบตรวจสอบเอกสารเหล่านั้นให้เรียบร้อย เพราะ สินค้าในรถม้าด้านหลังมีมูลค่าสูงและเป็นสินค้าตามฤดูกาล หากเกิดความล่าช้าจนทำให้การค้าของตระกูลซูต้องเสียหาย ท่านจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความสูญเสียนั้นทั้งหมด"
นายทหารผู้นั้นชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำข่มขู่ที่ฉลาดและแฝงไว้ด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจ แม้จะไม่มีการอ้างถึงองค์ชาย แต่ 'การค้า' และ 'ความเสียหายทางธุรกิจ' คือเรื่องใหญ่สำหรับราชสำนักเสมอ
เขาตรวจสอบเอกสารอย่างรวดเร็ว และเห็นตราประทับของเจ้ากรมซูที่เป็นที่รู้จักดี การตรวจสอบใบหน้าของสตรีใต้ผ้าคลุมที่ดูเยือกเย็นและสงบก็ทำให้เขารู้สึกได้ว่านางไม่เหมือนสตรีที่หนีตามชายหนุ่มไป
"อะแฮ่ม... ผ่านได้! ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพขอรับ นายหญิงซู" นายทหารรีบกล่าวอย่างเร่งรีบและผายมือให้รถม้าผ่านไป
ซูเหยาพยักหน้ารับอย่างสงบ นางไม่มีคำขอบคุณใด ๆ ให้เสียเวลา นั่นเพราะนี่คือการทำธุรกิจ ไม่ใช่การเล่นเกมความรัก
รถม้าเคลื่อนตัวออกจากด่านตรวจไปอย่างรวดเร็ว
ซูเหยาพิงเบาะอย่างผ่อนคลาย รู้สึกถึงความสุขที่ได้จากการควบคุมสถานการณ์ด้วยสติปัญญาของตนเอง อิสระ ที่นางได้รับในวันนี้ แข็งแกร่งกว่าความรักที่นางเคยโง่เขลาในอดีตอย่างหาใดเปรียบ
"ผ้าไหมชุดนี้มีความบางเบาและระบายอากาศได้ดีเยี่ยม จึงสวมใส่สบายใน หน้าร้อน ของเมืองตงไห่ แต่ในขณะเดียวกัน เนื้อผ้าที่ถูกถักทออย่างแน่นหนา ก็สามารถกักเก็บความอบอุ่นของร่างกายไว้ได้ จึงให้ความอบอุ่นที่พอเหมาะใน หน้าหนาว ที่กำลังจะมาถึง" ซูเหยาอธิบายนางกำหนดราคาขายของผ้าไหมสองฤดู ให้สูงกว่าผ้าไหมทั่วไปในตลาดตงไห่ถึงห้าในสิบส่วน แต่ยืนยันด้วยการรับประกันคุณภาพ ซูเหยาไม่ได้สนใจการขายจำนวนมากในราคาถูก แต่มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์พรีเมี่ยมที่เชื่อถือได้"ท่านอาจจ่ายแพงกว่า แต่ท่านจะได้ผ้าไหมที่ใช้งานได้ตลอดทั้งปี และไม่ต้องเปลี่ยนใหม่เพราะสีซีดจาง ซึ่งเป็นการประหยัดในระยะยาว"พ่อค้าท้องถิ่นและลูกค้าต่างทึ่งในคุณภาพและวิสัยทัศน์ของซูเหยา ลูกค้าจำนวนมากเข้ามารุมล้อมขอดูสินค้าและสัมผัสเนื้อผ้า สีสันที่สดใสและเนื้อผ้าที่นุ่มนวลแต่ทนทานทำให้พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้ คำสั่งซื้อไหลเข้ามารวดเร็วจนเกินกำลังผลิตเล็กน้อย ฉื่อเยว่ กลายเป็นที่กล่าวขวัญถึงในตลาดตงไห่ภายในวันเดียวองค์ชายหานเย่ว์แอบมาดูการเปิดตัวสินค้าจากมุมหนึ่งของร้าน โดยมีจ้าวเหอ สายลับที่ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นผู้ติดตาม ยืนอยู่ข้าง ๆ‘นางทำได้อี
เสียงมีดปอกผลไม้กระทบกับเขียงไม้ องค์ชายหานเย่ว์ ยังคงทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยไร้ค่า ประจำครัวโรงเตี๊ยมซูอย่างต่อเนื่อง งานประจำของเขาคือ นั่งปอกผลท้อ และ ล้างภาชนะ ที่ใช้แล้ว ภายใต้การดูแลของแม่ครัวที่มองเขาด้วยความสงสารระคนขบขัน"พ่อค้าหาน ท่านปอกเปลือกหนาเกินไปแล้ว เนื้อผลไม้จะหายไปหมดนะเจ้าคะ" แม่ครัวเตือนองค์ชายพยายามปรับตัวให้เข้ากับงานครัวที่ต่ำต้อยที่สุดอย่างขมขื่น เขาทำตามคำสั่งของ ซูเหยา ที่อนุญาตให้เขาทำเพียงงานจิปาถะเหล่านี้ เพื่อกันไม่ให้เขามีโอกาสมายุ่งเกี่ยวกับ ธุรกิจหลัก ของนาง‘ดี ข้ามาที่นี่เพื่อลดศักดิ์ศรีของตนเองอยู่แล้ว ขอเพียงได้อยู่ใกล้ ๆ นาง ข้าก็จะยอมปอกผลไม้ไปจนกว่ามือจะพอง’ในขณะที่องค์ชายใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในครัว ซูเหยากำลังใช้เวลาทั้งหมดในโรงย้อมสีเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ นางใช้ความรู้ด้านเคมีพื้นฐานที่ได้รับมาจากความทรงจำในอดีต ในการทดลองผสมผสานแร่ธาตุและพืชท้องถิ่นของเมืองตงไห่เข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้เม็ดสีที่แปลกใหม่และทนทานกว่าเดิม นางต้องการ สีสันเฉพาะตัว ที่คู่แข่งไม่มีวันลอกเลียนแบบได้"เจียอิง ลองเพิ่มผงทองแดงที่สกัดจากเหมืองใกล้ทะเลลงไปในน้ำย้อมคร
คำถามของซูเหยาทำเอาองค์ชายถึงกับพูดไม่ออก นางไม่ถูกหลอกด้วยคำพูดสวยหรู แต่กลับใช้หลักการทางธุรกิจที่รัดกุมในการตรวจสอบ แรงจูงใจ ที่อยู่เบื้องหลังการให้ความช่วยเหลือองค์ชายพยายามสร้างเหตุผลที่ฟังดูดีที่สุด "ข้า... ข้าเพียงสนใจใน วิสัยทัศน์ทางธุรกิจ ที่โดดเด่นของท่านซู และต้องการให้กิจการของท่านประสบความสำเร็จ เพื่อที่ข้าจะได้ร่วมลงทุนในอนาคต ข้าต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นก่อนที่จะมีการร่วมทุนจริง"ซูเหยาฟังคำแก้ตัวของเขาอย่างสงบ นางรู้ดีว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ใช่ความจริงทั้งหมด แต่ก็พยักหน้าอย่างสุภาพ"ข้าเข้าใจในความตั้งใจที่ดีของท่าน แต่ข้ายังคงต้องใคร่ครวญถึงความเสี่ยงของการรับความช่วยเหลือที่ไม่มีเงื่อนไขที่ชัดเจนเสียก่อน"ซูเหยาใช้เวลาใคร่ครวญข้อเสนอ นางรู้ดีว่าหากนางตอบตกลงรับข้อเสนอนั้น กิจการของ ฉื่อเยว่ จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แต่ราคาที่ต้องจ่ายคือ การสูญเสียอิสระซูเหยาเงยหน้าขึ้นและมององค์ชายด้วยดวงตาที่ปราศจากความรู้สึกรักใคร่ แต่เต็มไปด้วยความเคารพในฐานะนักธุรกิจ"ท่านพ่อค้าหาน ข้าต้องขอขอบคุณท่านจากใจจริงในความปรารถนาดีของท่าน แต่ข้าขอปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมดนี
รุ่งอรุณของวันใหม่เริ่มต้นขึ้นด้วยการหารือทางธุรกิจอันเข้มข้น ซูเหยา และ องค์ชายหานเย่ว์ นั่งเผชิญหน้ากันที่โต๊ะทำงานในห้องโถงโรงเตี๊ยมที่ยังคงเงียบสงบ การให้คำปรึกษา องค์ชายใช้เวลาตลอดเช้าในการวิเคราะห์เอกสารและให้คำปรึกษาเรื่องกฎหมายการค้าและภาษี"นายหญิงซู จุดที่ท่านต้องระวังคือการจัดเก็บภาษีผ่านช่องทางทะเล พ่อค้าที่ทำการค้ากับแคว้นทางใต้ มักใช้การแจ้งมูลค่าสินค้าต่ำกว่าความเป็นจริง หากท่านต้องการความมั่นคง ท่านต้องใช้หนังสือสัญญาที่รัดกุมและต้องมีการประทับตราจากศาลท้องถิ่นอย่างเป็นทางการเท่านั้น"คำแนะนำของเขาเป็นประโยชน์และแม่นยำอย่างที่สุด ซูเหยาซาบซึ้งใจในความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่พ่อค้าแซ่หานผู้นี้มี นางจดบันทึกทุกคำอย่างตั้งใจ"ขอบคุณท่านพ่อค้าหานอย่างยิ่ง คำแนะนำของท่านสามารถช่วยฉื่อเยว่ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านภาษีไปได้มหาศาลจริง ๆ"แม้จะกล่าวคำขอบคุณอย่างจริงใจ แต่ซูเหยาก็ยังคงปฏิบัติต่อเขาอย่างเป็นมืออาชีพและห่างเหิน นางไม่ได้แสดงความรู้สึกส่วนตัวใด ๆ ออกมา นางมองเขาในฐานะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เท่านั้นองค์ชายมองซูเหยาที่กำลังจดบันทึกด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างปิดไม่
เขาเริ่มเห็น 'เสน่ห์' ที่มาจากอำนาจและความสามารถของนาง เป็นเสน่ห์ที่แข็งแกร่งและดึงดูดใจอย่างร้ายกาจ มันแตกต่างจากความงามที่อ่อนหวานอย่างสิ้นเชิงหลังจากจัดการกับพ่อค้าเฉินได้แล้ว ซูเหยาเดินกลับไปที่เรือนรับรองของโรงงานทันที นางนัดหมายประชุมกับ ท่านหลิว พ่อค้าส่งรายใหญ่ที่ได้สั่งซื้อผ้าไหมของฉื่อเยว่ไปในปริมาณมหาศาล เพื่อหารือเรื่องการขยายตลาดไปยังแคว้นทางใต้องค์ชายหานเย่ว์ ในนามพ่อค้าแซ่หาน ไม่ยอมพลาดโอกาสนี้ จึงพยายามหาช่องทางเข้าถึงและแสดงความสามารถ เขารีบตามเข้าไปในห้องประชุมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จางซื่อจะทันขวางไว้"เรียนนายหญิงซู ในฐานะพ่อค้าที่สนใจลงทุนในธุรกิจผ้าไหม ข้าขออนุญาตเข้าร่วมรับฟังการประชุมเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมงานได้หรือไม่" องค์ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและเป็นมืออาชีพที่สุดซูเหยาปรายตามองเขาเล็กน้อย นางรู้ว่าพ่อค้าแซ่หานผู้นี้ไม่ได้มาเพื่อลงทุน แต่มาเพื่อตามติดนาง นางไม่ได้ปฏิเสธอย่างโจ่งแจ้ง "เชิญท่านพ่อค้าแซ่หาน" นางจัดให้เขานั่งที่มุมห้องในฐานะผู้สังเกตการณ์เท่านั้นซูเหยาเริ่มนำเสนอแผนการขยายตลาดอย่างเป็นระบบ นางกางแผนที่ขนาดใหญ่ออกมา และชี้ไปยั
"พ่อค้าแซ่หาน ทางเรามีห้องพักที่สะอาดและปลอดภัยที่สุดรอท่านอยู่เจ้าค่ะ กรุณาชำระค่าห้องพักเป็นรายสัปดาห์ ท่านจะได้รับกุญแจสำหรับล็อคห้องพักและตู้นิรภัยส่วนตัวทันที" ชิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรตามที่ถูกฝึกฝนมา"อืม ข้าเป็นพ่อค้าที่เดินทางมาไกล ข้าหวังว่าการมาเยือนตงไห่ครั้งนี้จะได้พบปะกับพ่อค้าท้องถิ่นที่น่าสนใจ" เขาพยายามพูดให้ดูเหมือนพ่อค้าทั่วไปชิงหลิงเพียงโค้งคำนับ "แน่นอนเจ้าค่ะ ที่โรงเตี๊ยมซูแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของพ่อค้าจากหลายแคว้น หวังว่าท่านจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์นะเจ้าคะ" นางไม่แสดงความสนใจในตัวเขาเกินความจำเป็นองค์ชายเดินตามชิงหลิงไปยังห้องพัก เขาสำรวจทุกตารางนิ้วด้วยสายตาที่เฉียบคม ห้องพักที่ไม่หรูหรานั้นเต็มไปด้วยความใส่ใจในรายละเอียด เตียงนอนสะอาดสะอ้าน ผ้าห่มอบอุ่น ไม่มีกลิ่นอับชื้น และมีตู้เก็บของที่มีกุญแจโลหะแข็งแรงติดอยู่จริงเขาต้องยอมรับอย่างเงียบ ๆ ว่า โรงเตี๊ยมซู แห่งนี้ มีระบบจัดการที่เฉลียวฉลาดอย่างน่าตกตะลึงองค์ชายหานเย่ว์ไม่ได้พักผ่อน แต่รีบลงมายังห้องโถงหลักอย่างรวดเร็ว เขาสั่งชาสมุนไพรมาจิบ แล้วเลือกโต๊ะที่อยู่ใกล้กับโต๊ะทำงานของซูเหยามากที







