บ้านเมษารักษ์มีสมาชิกทั้งหมดห้าคน นั่นคืออรรถพร วริษา พราวนภา วินณภัทร และ วรเชษฐ์
เพราะการแต่งงานใหม่ของบิดากับอดีตคนรักของท่านอย่างวริษา ทำให้พราวนภาที่เป็นลูกสาวคนเดียวมาตลอด มีน้องชายเพิ่มขึ้นมาถึงสองคน คนแรกคือวินณภัทร ลูกติดสามีเก่าของแม่เลี้ยง และวรเชษฐ์ ลูกที่เกิดจากพ่อของเธอ แม้วินณภัทรจะไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่เธอก็ดูแลไม่ต่างกับน้องชายอีกคนอย่างวรเชษฐ์ จนกระทั่งเธอโตขึ้น ความรู้สึกรักและเอ็นดูแปรเปลี่ยนไปมาก คงไม่ผิดนักถ้าเธอจะรักน้องชายอย่างวินณภัทร ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง แต่เธอเป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่ง(?) ไม่เคยแสดงออกอะไรที่เกินกว่าที่เคยทำ(?) โชคดีที่ตอนนี้วินณภัทรเรียนอยู่มหาลัย การพบกันเลยน้อยลง เพราะเขาอยู่หอซะส่วนใหญ่ มีกลับมานอนบ้านบ้าง ช่วงเสาร์- อาทิตย์ หรือไม่ก็ตอนที่พ่อกับแม่ต้องบินไปทำงานต่างประเทศ แต่โอกาศให้เจอกันแทบจะไม่มี เพราะเธอเองก็ต้องทำงาน กลับบ้านไม่ค่อยตรงเวลาอยู่แล้ว พราวนภาเป็นผู้หญิงร่างสูงเพรียว หุ่นไม่ต่างจากนางแบบนัก เพราะสูงถึง 173 เซนติเมตร เสื้อผ้าที่สวมใส่ทันสมัยเพราะทำงานในวงการ เธอทำงานเป็นสไตล์ลิสส่วนตัวให้กับดาราหลายคน วันนี้มีปาร์ตี้หลังเลิกงาน สภาพตอนที่กลับมาถึงบ้านจึงไม่เหมือนเดิม ผมสีน้ำตาลยาวสวยดัดเป็นลอนดูยุ่งเหยิง เพราะเจ้าตัวดึงทึ่งหัวตัวเองขณะเดินเข้าบ้าน กึ่งเดิน กึ่งคลานเข้าบ้านไปอย่างยากลำบาก เพราะความเมาที่เพิ่มมากขึ้น ปึ่ง! คนเมาทรุดตัวลงกับพื้นหน้าประตูทางเข้าบ้าน เมื่อฝืนทนต่อฤทธิ์แอลกอฮอล์ในร่างกายไม่ไหว ไม่รู้ขับรถกลับมาบ้านได้ยังไง ตอนที่ขับรถอยู่ยังไม่รู้สึกเมาขนาดนี้เลย แต่ทำไมลงรถได้ โลกใบนี้กลับไม่เหมือนเดิม มันหมุนคว้างจนเธอปวดหัวตุบๆ แข้งขาอ่อนแรง และตัดสินใจนอนแม่งตรงนี้แหละ! เสียงดังหน้าบ้าน ดังพอจะทำให้คนที่นั่งดูบอลอยู่ รีบวิ่งออกมาดู ใบหน้าหล่อเหลาของวินณภัทรดูตกใจมาก เมื่อเห็นพี่สาวนอนราบอยู่บนพื้น รีบเข้าไปพยุงเธอขึ้นจากพื้น แต่เพราะหุ่นใกล้เคียงกันและพี่พราวนั้นเมาหนัก เขาจึงไม่สามารถอุ้มพี่สาวขึ้นจากพื้นได้ “ริว มาช่วยกูแบกพี่พราวหน่อยสิ” วินณภัทรตะโกนเรียกตัวช่วย นั่นก็คือเพื่อนสนิทของตัวเอง ที่วันนี้เขาขอให้มันมานอนด้วย คนที่คุยโทรศัพท์จีบสาวอยู่รีบวางสาย เพื่อเดินมาช่วยเพื่อนทันที มองคนที่ฟุบอยู่บนพื้นก่อนจะส่ายหน้า เมาเหมือนหมาเลยเว้ย! “กูอุ้มเอง” ร่างสูงกว่า 187 เซนติเมตร ย่อตัวลงช้อนร่างคนเมาขึ้นจากพื้น เบ้หน้านิดๆ เมื่อคนที่คิดว่าตัวเบา กลับตัวหนักมากกว่าที่คิดไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อุ้มเธอขึ้นแนบอกได้อย่างสบายๆ ก่อนจะรีบเดินไปในทิศทางที่รู้ดีที่สุด ว่าห้องของเธออยู่ที่ไหน วินณภัทรปล่อยให้เพื่อนสนิทอุ้มพี่สาวนอกสายเลือดไปส่งที่ห้อง เพราะเขาไว้ใจเพื่อนตัวเองมาก ปกติคิริวกับพี่พราวไม่ค่อยลงรอยกัน เจอหน้ากันทีไร จิกกัดกันตลอด คงไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นหรอกมั้ง แม้จะรู้มาตลอดว่าเพื่อนตัวเอง แอบชอบพี่พราวอยู่ แต่ก็วางใจตรงที่พี่พราวไม่เคยมองริวเป็นผู้ชายเลย ร่างสูงก้าวเท้าไปที่เตียง วางคนในอ้อมกอดลงอย่างเบามือ จดจ้องใบหน้าสวยนิ่งๆ เมาแล้วช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มันน่าตีนัก เบอร์เขากับไอ้วินก็มี ไม่ยอมโทรตามให้ไปรับ ขับรถกลับมาเองด้วยสภาพนี้ มันอันตรายมากทั้งต่อตัวเองและต่อคนอื่นที่ใช้รถใช้ถนน โตแล้วคิดไม่ได้ ต้องโดนลงโทษ! ริมฝีปากหนากดจูบลงไปเบาๆบนริมฝีปากอวบอิ่ม อย่างที่เคย ‘แอบทำ’ บ่อยๆ เขาแอบชอบพราวนภามานานหลายปีแล้ว น่าจะตั้งแต่ตอนอยู่มอสาม พี่สาวต่างสายเลือดของเพื่อนไม่เคยรู้ตัวเลยสักนิด อาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยจีบเธอด้วยมั้ง เธอเลยไม่รู้ตัว ซ้ำยังหาว่าเขาเป็นเกย์อีก มันน่าน้อยใจที่สุด ทั้งที่เขาออกจะแมน หน้าตาก็ใช่ว่าขี้เหร่ ตอนนี้เป็นถึงนายแบบ แต่ก็คงเท่านั้นแหละมั้ง เพราะเธอไม่เคยชายตามองเลย “อื้อ” เพราะเมาหรือเปล่า เสียงครางหวานถึงฟังเร้าอารมณ์สุดๆ ใบหน้าคมก้มลงไปใกล้อีกครั้ง กำลังจะแอบหอมหน้าผากคนอายุมากกว่า ต้องชะงักการกระทำค้างไว้ เมื่อดวงตากลมโตลืมขึ้น มองเขานิ่งๆ ด้วยแววตาหวานฉ่ำน่าหลงใหล ชิบหาย! “วิน?” คนเมาถามเสียงอู้อี้ เพ่งมองคนตรงหน้าตาเขม็ง เมื่อใบหน้าของน้องชายต่างสายเลือด ดูหล่อเหลาขึ้น สองมือยกขึ้นลูบไล้อย่างลืมตัว ดึงสองแก้มแรงๆ เมื่อมั่นใจแล้วว่า คนตรงหน้าไม่ใช่วิน แต่เป็นคิริว! “ทำไมต้องคิดถึงแต่มัน!” น้ำเสียงทุ้มมีแววกรุ่นโกรธ เมื่อโดนคนที่ตัวเองชอบเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้ชายที่เธอรัก พราวนภาชอบน้องชายตัวเอง ทำไมเขาจะดูไม่ออก เขาเห็นอยู่ตลอด ว่ายัยพี่พราวชอบหน้าแดงเวลาคุยกับไอ้วิน แม้จะพูดคุยปกติ แต่ท่าทีมันออกเว้ย ยิ่งตอนที่รู้ว่ามันมีแฟน ยัยพี่พราวยิ่งหงอย ดูออกง่ายจะตาย จนไอ้วินมันอึดอัดใจที่ต้องอยู่ด้วยกันตามลำพัง เพราะแบบนั้นมันจึงชวนเขามานอนด้วยทุกครั้ง ที่ต้องกลับมาอยู่เป็นเพื่อนพี่สาว ในช่วงที่พ่อกับแม่มันไม่อยู่บ้าน “เปล่าสักหน่อย” ริมฝีปากรูปกระจับเบ้ขึ้น เพราะคำพูดคนที่ยืนอยู่ข้างเตียง เสียงกับใบหน้านี้ต้องเป็นคิริวแน่ๆ แต่ทำไมถึงใจเต้นแปลกๆ กับผู้ชายที่เธอคิดมาตลอดว่าเป็นคู่เกย์ของวิน “เหอะ!” “ริว! เมื่อกี้ริวแอบจูบพี่ใช่ไหม” พราวนภาถามเสร็จก็หน้าแดง สัมผัสอุ่นร้อนยังติดอยู่ที่ริมฝีปากเธออยู่เลย บ่อยครั้งที่เธอแอบหลับและรู้สึกแบบนี้ อย่าบอกนะว่าไอ้เด็กนี่แอบทำแบบนี้กับเธอมาตลอด ไอ้เด็กเวร! “ถ้าใช่แล้วจะทำไม” คนที่สูงมากกว่าโน้มตัวลงไปใกล้ ให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน จ้องหน้าคนเมาตาเขม็ง ทำไม? ถ้ารู้ว่าเขาแอบจูบแล้วจะทำอะไรเขา? “ห่วยแตก” พราวนภารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เธอไม่ใช่จะไม่เคยมีแฟนเลย เคยจูบแล้วด้วย แต่ยังไม่เคยทอดกายให้ใครเชยชม จะว่าถูกสลัดรักตั้งแต่จูบเสร็จก็ว่าได้ ผู้ชายที่เธอคบด้วย ขอเลิกกับเธอทันทีที่จูบเสร็จ เพียงเพราะเธอจูบเก่งเกินไป มันดูเหมือนผู้หญิงที่ผ่านผู้ชายมาเยอะ เขาว่ามางั้นอะ! และสิ่งที่คิริวทำนั้นห่วยแตกที่สุดเท่าที่เคยจูบมา“พี่ไม่ได้ตั้งใจ” “ตั้งใจหรือเปล่า ตอนนี้ไม่รู้ด้วยแล้ว” มือหนาดึงใบหน้าสวยให้หันกลับมานิดหน่อยเพื่อรับจูบจากเขา ตอนนี้เธอจะรู้สึกยังไงก็ช่าง เขาไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้อีกแล้ว ลิ้นร้อนขยับตามใจตัวเอง ดูดดึงลิ้นเล็กที่ขยับตามอย่างช่ำชอง พี่พราวจูบเก่ง และตอบสนองได้ดี ดีจนเขาไม่อยากหยุด มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขแล้วตอนนี้ ความวาบวาบแล่นทั่วกายจนเสียวซ่าน เคล้นคลึงหน้าอกอวบทั้งสองข้างเบาบ้าง หนักบ้าง จนได้ยินเสียงครางหวานดังต่อเนื่อง ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องใส่อะไรแล้ว จึงปล่อยให้ผ้าเช็ดตัวหลุดออกไปจากเอวอย่างไม่สนใจใยดี ซ้ำยังใช้เท้าเขี่ยมันออกไปไกลๆ ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วด้วยซ้ำ “อื้อ ระ ริว อ่า” พราวนภาครางเสียงแผ่ว ขยับตัวตามใจคนตัวโต ตอนนี้เธอถูกพลิกให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา รอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้า ทำให้เธอรู้ชะตากรรมของตัวเอง “ไม่ต้องห้ามนะ! ริวไม่หยุด” อุ้มคนเขินอายขึ้นนั่งในตู้เสื้อผ้าที่เปิดอ้าอยู่ ความแข็งแรงของมันทำให้เขามั่นใจ ว่าต่อให้ทำอะไรลงไปมันก็จะไม่พัง ดึงรั้งเสื้อที่ห่อหุ้มร่างกายคนบนนั้นออกไป รวมถึงกางเกงที่ใส่ด้วย “ตรงนี้เหรอ?” “อืม ตรงน
“เราเป็นแฟนกัน หรือริวเป็นแฟนยัยเด็กนี่” ตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบกริบ มีเพียงเสียงเพลงที่ยังคงดังกระหึ่ม เพื่อนๆของคิริว ต่างมองด้วยความสงสัยปนตกใจ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าอ้อมดาวนั้นเป็นแฟนไอ้วิน พูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าไอ้วินแม่งโดนแฟนแทงข้างหลัง “เราเป็นแฟนกันด้วยเหรอ?” คิริวเองก็เมาไม่น้อย ถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเสียงดัง เมื่อกี้พูดอะไรกับเขาไว้ ทำไมถึงกล้ามาถามเขาด้วยคำถามแบบนี้ “เหอะ! งั้นพี่คงเข้าใจผิดไปเอง ว่าที่ผ่านมาเราเป็นแฟนกัน” พราวนภาหมุนตัวออกเดิน อับอายชิบหายที่ตัวเองคิดไปไกลคนเดียว เธอแค่อยากถอยไปตั้งหลัก ไม่ได้บอกว่าเลิก แต่ไม่กล้าบอกให้เขารอ แค่ให้โอกาสเขาเท่านั้น เผื่อเขาเบื่อผู้หญิงอายุมากที่ดีแต่เล่นตัวแบบเธอไง พราวนภาเดินกึ่งวิ่งออกมาหน้าร้าน มองหารถแท็กซี่ แต่ไม่มีว่างสักคัน ช่วงนี้คนทยอยเข้าทยอยออก รถเลยไม่ค่อยว่าง ในจังหวะที่จะเดินออกไปนอกร้านอีกสักหน่อยเพื่อเรียกรถ ข้อมือก็ถูกดึงไปจับไว้แน่น ซ้ำยังถูกลากไปหลังร้านอย่างไร้ความปรานี “ปล่อยเลยนะ!” “เงียบ!” คิริวปรามเสียงดุ ยังคงดึงมือคนข้างๆเดินไปที่รถ เล่นตลกอะไรกับความรู้สึกเขาหนักหนา เห็นเขาไม่เรียกร
“วินไม่กล้ารับอะไรจากพี่พราวหรอก” เขารู้สึกว่าเธอเป็นพี่มาตลอด แต่นี่คือครั้งแรกที่เรียกเธอว่าพี่ ละอายใจเหลือเกินที่แม่ของตัวเองทำแบบนี้กับพี่พราวมาตลอด เลยไม่กล้าเรียกเธอว่าพี่สักครั้ง เพราะกลัวเธอโกรธ เธอเกลียดเขา เหมือนที่เกลียดแม่ของเขา แต่เธอแสดงออกมาตลอดว่าไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยสักครั้ง “พี่ให้ก็รับไปเถอะ บัตรเติมน้ำมันอยู่ในรถ ใช้ได้ตลอดเดี๋ยวพี่จัดการเรื่องเงินเอง วินมีหน้าที่เพียงแค่รับไป และช่วยพี่ในส่วนที่พี่ไม่สามารถทำได้” พราวนภาตบไหล่น้องชายเบาๆ เหม่อมองขึ้นไปบนฟ้า เธอไม่ได้ตั้งใจมากินเหล้า เลยไม่มีความรู้สึกว่าอยากเข้าไปข้างใน ที่มาตามคำชวนเพราะห่วงวินนี่แหละ รู้ดีว่าวริษาต้องฟ้องอะไรวินแน่ๆ ตั้งใจจะทำให้เธอดูแย่ในสายตาทุกคน งานถนัดเขาล่ะ “จะเข้าไปยัง!” “ยัง มานี่หน่อย!” พราวนภาหันกลับไปยิ้มให้พลางกระดิกนิ้วชี้เรียก บุคคลที่ถามคำถามเมื่อครู่ด้วยน้ำเสียงห้วนจัด คงแอบตามมา เพราะคิดว่าเธอกับวินอาจจะทำอะไรแปลกๆสินะ เธอไม่ใช่คนแบบนั้นไหม ไม่งั้นบอกวินไปตั้งนานแล้วว่าชอบ คิริวเดินหน้ามุ่ยเข้าไปใกล้ เพื่อนตบบ่าให้กำลังใจเบาๆ ก่อนจะเดินหนีไปให้คนทั้งสองได้ใ
“ถ้าบอกว่าหวังล่ะ” ตอนนี้เขากับเธอเดินมาถึงรถพอดี จึงใช้แขนข้างที่ว่างวางลงบนตัวรถด้านที่พี่พราวต้องขึ้นไปนั่ง กักขังเธอไว้กลายๆ พลางจ้องมองด้วยสายตาจริงจัง เขาหวังมาตลอดแหละ หวังมาตลอดเลย! “รอก่อนได้ไหมล่ะ รอให้พี่ชัดเจนกว่านี้ก่อน พี่จะให้ทุกอย่างที่ริวต้องการ” มือเรียวสวยยกขึ้นดันอกกว้างไว้ ไม่ให้เขาเข้ามาใกล้มากกว่านี้ ตอนนี้ยังอยู่ในลานจอดรถของห้างอยู่เลย คนเดินผ่านไปมาประปราย เธอกลัวมากว่าจะมีข่าวลือไม่ดีออกมา ทำให้น้องมันเสียหาย คิริวยังเรียนรู้ เป็นวัยที่ไม่ควรมีเรื่องให้เสื่อมเสีย เธอคิดแบบนั้น “ก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร แบบที่เป็นตอนนี้ก็ดีแล้ว” มือเรียวยาวลากไล้กรอบหน้าหวาน จับเส้นผมสีน้ำตาลระกรอบหน้าออกไปทัดไว้หลังใบหู แค่ได้อยู่ใกล้ ได้แบ่งปันอะไรบางอย่างกับเธอ เขาก็มีความสุขมากแล้ว ไม่ได้รีบร้อนอะไร ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร “ไปกันเถอะ เดี๋ยววินรอ” พราวนภายิ้มกว้าง มองนาฬิกาข้อมือพร้อมกับเปิดประตูรถ ตอนนี้จะสามทุ่มแล้ว ควรออกไปเจอน้องชายได้แล้ว เดี๋ยวน้องคิดถึง @xxx club 21:20 น. ร้านที่วินณภัทรนัดคิริวมาดื่ม คือร้านที่อยู่ห่างจากมหาลัยไม่มาก แ
ปึ่ง! พราวนภาถูกยัดเข้าไปนั่งในรถ เสียงประตูที่ถูกปิดลง ดังมากจนเธอตกใจ มองใบหน้าคนที่ตั้งใจวนรถออกจากที่จอดนิ่งๆ ไม่ยอมพูดยอมไม่จา น้องมันเป็นเหี้ยอะไรอีกวะ! “โกรธพี่เรื่องที่พี่ทำให้นักข่าวถ่ายรูปเราเหรอ?” “เปล่า” “แล้วโกรธอะไรอะ!” “หึง” “พี่ทำอะไรให้หึงตอนไหน?” พราวนภาถามด้วยใบหน้าขึ้นสี เธอมั่นใจว่าไม่ได้สัมผัสผู้ชายคนไหนเลย แค่อยู่ใกล้ แต่ไม่ได้ใกล้ชิดจนทำให้คนข้างๆหึงได้ เมื่อกี้เธอคิดว่าตัวเองวางตัวดีนะ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกเหรอ? “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” “ผู้ชายคนไหนวะ!” “คนที่ยืนข้างๆ!” “พี่ก้อง??” “เออนั่นแหละ!” คิริวเบ้ปาก นี่คิดเองไม่ได้และไม่รู้เลยสินะ ว่าคนๆนั้นนะ มันน่ากลัวแค่ไหน ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่แต่งเป็นหญิงเต็มตัว แต่คิริวรู้สึกว่าเขายังคงซุกซ่อนความเป็นชายไว้อยู่ ไม่รู้ดิ แค่รู้สึกว่าเป็นแบบนั้น ผ่านสายตาที่มองมายังพี่พราว รู้สึกว่าเขาคนนั้นเอ็นดูเธอ และเอ็นดูมาก จนอาจจะเรียกได้ว่ารัก! เหมือนที่เขารักเธอ “อุบ! ฮะฮ่า ฮ่าๆ ดูออกขนาดนั้นเลย” พาวนภาหัวเราะจนน้ำตาเล็ด คิริวเก่งนะที่ดูออก เธอรู้ว่าพี่ก้องมีรสนิยมยังไง เพราะค่อนข้
การรอคอยของคนทั้งสองสิ้นสุดลง หลังจากนั่งดูแฟชั่นโชว์จากกระเป๋าแบรนด์ดังร่วมชั่วโมง ตอนนี้เจ้าของแบรนด์เดินออกมาพบปะแขกในงาน และยืนรับดอกไม้ที่คนนำมาร่วมแสดงความยินดีอยู่บนเวที พราวนภาไม่รอช้า หอบช่อลิลลี่ที่วางอยู่บนตักไปทันที แหวกผู้คนมากมายไปหน้าเวทีด้วยความยากลำบาก และเผลอชนเข้ากับไหล่คุณหญิงท่านหนึ่งที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวหน้าสุด “ขอโทษค่ะ” พราวนภายกมือขึ้นไหว้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าคนที่นั่งอยู่ชัดเจนก็รีบหันหน้าหนี วันนี้มันวันอะไรเนี่ย ทำไมเธอถึงได้เจอคนที่ไม่อยากเจอด้วย! พราวนภาหลบไปอย่างรวดเร็ว ให้กลมกลืนกับคนที่มาร่วมแสดงความยินดีหน้าเวที เป็นการหลบเลี่ยงการพบเจอที่ไม่ควร ได้ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ เพราะสายตาของหญิงสูงวัยยังคงจับจ้องแผ่นหลังของเธอ มือท่านสกิดผู้ชายที่ร่วมทุกข์กันมายาวนานที่นั่งอยู่ข้างๆ ชี้มือให้สามีดูเด็กผู้หญิงที่ยืนรอต่อแถวร่วมแสดงความยินดีกับหลานชายที่รักของท่าน อย่าง เกียรติกรุณ โหรมิภัทร “คุณว่าใช่ยัยหนูไหม?” “ไม่น่าใช่นะคุณ ยัยหนูนั่นตัวเล็กออก” ท่านไพรรัตน์มองตามสายตาภรรยาไป ก่อนจะสายหน้า เมื่อเห็นผู้หญิงตัวสูงกำลังเบียดเสียด