Share

บทยี่สิบ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-17 18:53:40

บทยี่สิบ

สวรรค์เมตตา

เจินจิ่วหรงสวมอาภรณ์สีฟ้าครามไร้ลวดลาย เรือนผมเกล้าเป็นมวยประดับปิ่นหยก แม้นจะดูเรียบร้อย แต่รูปร่างหน้าตาอันโดดเด่นทำให้นางกลายเป็นที่สะดุดตาคนทั้งหมู่บ้าน

บ้านของผู้ใหญ่บ้านอยู่ตรงหัวมุมของถนนสายหลัก ตัวเรือนมิได้กว้างใหญ่อะไร แต่ถือว่ามีอยู่มีกินพอสมควรเมื่อเทียบกับชาวบ้านธรรมดา

หัวเมืองแดนใต้สุขสงบ ไร้สงครามมาระยะหนึ่ง ซ้ำยังไม่ค่อยมีโรคระบาด ทำให้ความเป็นอยู่ของชาวเมืองค่อนข้างดี ไม่ค่อยมีคนอดตายเฉกเช่นหัวเมืองอื่นที่กำลังทำสงครามกับแคว้นฝูเยว่

นางหยุดปลายเท้าลงหน้าประตูเรือนของผู้ใหญ่บ้าน แลเห็นกู้เจิงหนานนั่งอยู่ในนั้นล้อมรอบด้วยครอบครัวของผู้ใหญ่บ้าน อาการของเขากำลังดีขึ้นตามลำดับ หลังหนีความตายมาได้หนหนึ่ง

“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร”หนึ่งในคนของครอบครัวผู้ใหญ่บ้านตะโกนถามเสียงดัง หลังเห็นเจินจิ่วหรงยืนมองอยู่พักใหญ่

วันนี้นางมิได้สวมผ้าคลุมหรือถือพัดด้ามหยกปิดบังดวงหน้า ทำให้คนมากมายเห็นใบหน้าอันงดงามของนาง เจินจิ่วหรงระบายยิ้ม เผลอสบเข้ากับดวงตาของกู้เจิงหนานที่มองมา

“ข้ามาขอความช่วยเหลือจากท่านหมอกู้”เจินจิ่วหรงตอบกลับด้วยตนเอง ยกมือห้ามมิให้รั่วซินเอ่ยอะไรออกมา กู้เจิงหนานได้ยินคำตอบก็ขมวดคิ้ว ยามสังเกตเห็นรั่วซินก็นึกอีกฝ่ายเคยมาขอความช่วยเหลืออยู่หนหนึ่ง แต่คำพูดเต็มไปด้วยการใช้เงินฟาดหัว เขาเลยปฏิเสธนางไป

มีม้านั่งอยู่สองตัวหน้าเรือน เจินจิ่วหรงทิ้งตัวลงนั่ง พลางตบมือให้รั่วซินนั่งข้าง ๆ พร้อมเอ่ยเสียงราบเรียบ “ข้าจะรอท่านหมอกู้อยู่ตรงนี้อย่างสงบ ไม่รบกวนทุกคน”

และใช่ กว่ากู้เจิงหนานจะออกมาตะวันก็ใกล้ลับขอบฟ้าเต็มที

ช่างเย่อหยิ่งและถือดีเหลือเกิน

“ตื่นได้แล้ว”

เสียงเรียกไม่คุ้นหูทำให้เจินจิ่วหรงลืมตาขึ้นอย่างหวาดระแวง ก่อนแลเห็นกู้เจิงหนานยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกวาดสายตามองมาด้วยความสงสัย ขณะรั่วซินรีบเคลื่อนกายมาบดบังนาง

”ท่านจะช่วยรักษาข้าหรือไม่” เจินจิ่วหรงถามอย่างตรงไปตรงมา ทำเอากู้เจิงหนานขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่าเคยพบพวกนางที่โรงเตี๊ยม แต่คนระดับนางไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากหมอพเนจรเช่นเขา

เจินจิ่วหรงลูบหน้าท้องนู้นเด่นของตนเอง “ข้านอนไม่หลับมาหลายสิบวัน ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว”

กู้เจิงหนานหลุบตาต่ำลง หากสังเกตดี ๆ จะเห็นสีหน้าอิดโรยของหญิงสาวอย่างชัดเจน ก่อนเอ่ยถาม “สามีของแม่นางไปไหน ไยปล่อยแม่นางไว้เช่นนี้”

รั่วซินเริ่มไม่พอใจในการละลาบละล้วงของกู้เจิงหนาน นางสบมองเขาด้วยความเกรี้ยวโกรธ แต่เจินจิ่วหรงกลับใจเย็นอย่างน่าประหลาด

“ข้ากับเขาแยกกันอยู่น่ะ”

กู้เจิงหนานพยักหน้าไม่ถามอะไรต่อ “ไปที่เรือนของแม่นางเถอะ ข้าจะตรวจดูอาการให้ ข้างนอกนี่อากาศเริ่มเย็นแล้ว ไม่ดีกับแม่นางและเด็กในท้อง”

เจินจิ่วหรงพยักหน้า พลางแนะนำตัวด้วยเสียงราบเรียบ “ข้ามีนามว่าจิ่วหรง หลังจากนี้ท่านหมอกู้จะเรียกข้าว่าจิ่วหรงก็ได้”

ผู้หญิงคนนี้ มิใช่ประเภทที่อยากจับกู้เจิงหนานแต่งงานแน่นอน นางเพียงแค่รู้สึกอยากเชื่อมสัมพันธ์กับผู้คน แต่ยังแฝงความเย่อหยิ่งเอาไว้ ด้วยการไม่บอกนามสกุล

กู้เจิงหนานระบายยิ้มตอบ เริ่มอยากรู้แล้วจริง ๆ ว่าสตรีตรงหน้าเป็นใครมาจากไหน และเมื่อไปถึงจวนของนาง ก็ต้องตกตะลึงในความหรูหราและสิ้นเปลือง โดยเฉพาะต้นท้อมากมาย

ด้วยฐานะนาง การจะหาหมอฝีมือดีสักคนย่อมมิใช่เรื่องยากอะไร หากไม่อับจนหนทางจริง ๆ คนระดับนางไม่มีทางมาอ้อนวอนเขาแน่ ๆ

จิ่วหรง นางช่างน่าสนใจ

“ข้าใช้เครื่องหอมของท่านหมอกู้จนเกือบหมดแล้ว มันใช้ดีจริง ๆ”เจินจิ่วหรงกล่าวเสียงนุ่มนวล พลางหยิบยาบำรุงที่ไท่หย่งเสียนส่งมาให้มากองตรงด้านหน้า “นี่เป็นยาบำรุงที่ข้ากินเป็นประจำ”

เพียงสัมผัสด้วยมือและดมกลิ่น กู้เจิงหนานก็รู้เลยว่ายาพวกนี้เป็นของดีและหายาก ราคาของพวกมันแพงพอ ๆ กับราคาที่ดินหนึ่งผืน

“ยาพวกนี้เป็นของดีมาก ท่านกินต่อไปเรื่อย ๆ จะส่งผลดีเอง ส่วนอาการนอนไม่หลับ จากที่ข้าตรวจร่างกายเป็นผลมาจากการวิตกกังวล ข้าจะปรุงยาคลายเครียดให้ท่านจะได้นอนหลับ เด็กในท้องก็จะแข็งแรงยิ่งขึ้น“

เจินจิ่วหรงพยักหน้า พลางเอ่ยซ้ำอีกหนหนึ่ง “หากไม่อยากเรียกข้าว่าจิ่วหรง ก็เรียกแม่นางแทน ข้าไม่อยากคนอื่นต้องยุ่งยาก”

“อือ…”

ยามมองออกไปนอกเรือน กลีบดอกท้อร่วงหล่นไม่ยอมหยุด ดวงจันทร์กลมโตเด่นสง่ากลางท้องฟ้า เส้นผมดำขลับถูกสายลมพัดคลอเคลียดวงหน้างดงาม กู้เจิงหนานค่อย ๆ ตกตะลึงในความงามนั้น หัวใจพลันเต้นระรัว

เจินจิ่วหรงเลื่อนปลายนิ้วเกี่ยวเส้นผมทัดข้างหู “หัวเมืองแดนใต้ช่างสงบสุขเสียจริง”

จนเกือบลืมไปเลยว่านางคือองค์หญิงเก้า

กลางดึกคืนนั้น เจินจิ่วหรงนอนหลับสนิทในที่สุด มิรู้ตัวเลยว่ากู้เจิงหนานกลับออกจากจวนไป แต่กลับทิ้งหัวใจของเขาไว้ที่นาง

พระสนมเสียนเฟยถูกพลิกป้ายในคืนหนึ่ง

ป๋ายอวี้หลันค่อย ๆ เอาตัวลงไปแช่ในอ่างน้ำ มีนางกำนัลสองคนโปรยกลีบดอกท้อลงมา นางเอนตัวพิงด้านหลังอ่าง ดวงหน้างดงามไร้รอยยิ้ม ก่อนลุกขึ้นจากน้ำเพื่อแต่งกายให้เรียบร้อย

วันนี้นางสวมอาภรณ์สีขาวสะอาด ปักลายดอกโบตั๋น เรือนผมปล่อยสยายไร้ปิ่นประดับ แลเห็นดวงหน้าที่ระยะหลังเริ่มมีริ้วรอยเพราะความเครียด ป๋ายอวี้หลันทิ้งตัวนั่งบนตั่งหินอ่อน แลเห็นดวงจันทร์กลมโตลอยเด่น แต่พยายามเท่าไหร่ก็มิอาจไขว่คว้า

เพราะนางคือพระสนมเสียนเฟย สนมผู้ถูกกักขังภายในกำแพงวังหลวงสูงชัน และต้องมีชีวิตอยู่เพื่อตระกูลป๋าย

เจินเซียหยางฮ่องเต้ยกมือห้ามมิให้ขันทีประกาศขานการมาเยือนของตน ยามเห็นพระสนมเสียนเฟยกำลังเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมาย นานเท่าไหร่แล้ว ที่เขามิได้เห็นสีหน้าเลื่อนลอยของนาง

ท่าทางกำลังวิตกกับเรื่ององค์หญิงเก้าและองค์ชายสิบสามอีกตามเคย ไม่ก็เรื่องของพวกตระกูลป๋าย

ในหัวของป๋ายอวี้หลันมีแต่เรื่องพวกนี้มาเนิ่นนาน ห่างไกลจากคำว่าภรรยาของเขา

หม่อมฉันจะเป็นภรรยาที่ดี มีลูกชายลูกสาวให้แก่ท่าน เราจะรักใคร่กลมเกลียว

นั่นก็นานมากแล้ว ตั้งแต่นางยังเป็นเพียงพระชายารอง

“นางกินยาหรือยัง”เจินเซียหยางฮ่องเต้ถามนางกำนัลข้างกายของเสียนเฟย ก่อนได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าเบา ๆ

“ระยะหลังพระสนมไม่ค่อยกินยาเลยเพคะ พระสนมเป็นห่วงองค์หญิงเก้ากับองค์ชายสิบสามอย่างมาก”

สุดท้ายป๋ายอวี้หลันก็เลือกถวายชีวิตทั้งหมดแก่ตระกูลป๋าย หักหลังเขาอย่างเลือดเย็น…

“แล้วหมอหลวงที่มาตรวจบอกว่าอย่างไรบ้าง ?”

เหมือนการสนทนาจะดังขึ้นจนป๋ายอวี้หลันหันมามอง นางผลิรอยยิ้มอ่อนหวาน ขยับลุกขึ้นทำความเคารพโอรสสวรรค์ “ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”

เจินเซียหยางฮ่องเต้ยกยิ้มจอมปลอม พลางพยุงนางขึ้นอย่างอ่อนโยน ขณะนางกำนัลค่อย ๆ ถอยออกไปนอกตำหนักอย่างรู้หน้าที่ จนเหลือกันอยู่แค่สองคน ท่ามกลางความเงียบสงบ

“ทำไมถึงไม่ยอมกินยา”

ป๋ายอวี้หลันหลุบตาต่ำลง ปลายนิ้วมือเย็นเยียบสัมผัสลงบนดวงหน้างดงามไร้สีเลือด “คงเพราะหม่อมฉันเริ่มเหนื่อยกับการทะเยอทะยานเต็มที”

“…”

“ตอนท่านดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาท หม่อมฉันยินยอมดื่มยาพิษแทนท่าน จนร่างกายต้องเป็นเช่นนี้ สุดท้ายท่านกลับตอบแทนหม่อมฉันโดยการแต่งตั้งหว่านเหลียงตี้เป็นหว่านกุ้ยเฟย”นางกล่าวเสียงราบเรียบ พลางถอนหายใจ “บางสิ่งบางอย่างทุ่มเทมากไปก็เท่านั้น ตอนนี้ท่านก็คงคิดแต่งตั้งโอรสของหว่านกุ้ยเฟยเป็นองค์รัชทายาท”

“…”

“หม่อมฉันนอกจากสุขภาพร่างกายย่ำแย่ ก็ไม่เคยได้รับอะไรกลับมา ซ้ำยังมีวี่แววจะถูกกำจัดเสียด้วย”

รอยยิ้มของเจินเซียหยางฮ่องเต้เลื่อนหายไป เขากับป๋ายอวี้หลันเคยเป็นเพื่อนสมัยเด็กด้วยกัน เลยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา หากเป็นหว่านกุ้ยเฟยทำคงโดนลงโทษไปแล้ว

“ข้าก็มอบความโปรดปรานมากมายแก่เจ้าแล้ว เท่านี้ยังไม่พออีกหรือ ?”

ป๋ายอวี้หลันเปล่งเสียงหัวเราะร่วน พลางหยิบจอกสุราจรดริมฝีปาก “สงสัยหม่อมฉันจะโลภมากเกินไป แต่มันก็คือเรื่องปรกติ ในเมื่อหม่อมฉันเป็นเพียงสนมเสียนเฟย จำต้องแย่งชิงความโปรดปราน”

“ข้าไม่มีฮองเฮา ตำแหน่งของเจ้าก็เป็นรองเพียงหว่านกุ้ยเฟย สนมอื่นส่วนมากล้วนต่ำต้อยเกินกว่าจะมีตำหนักเป็นของตนเอง ไม่อาจนับว่าเป็นคู่แข่งของเจ้า”

ปลอกเล็บสีทองครูดลงบนชายอาภรณ์ขาวบริสุทธิ์ พร้อมเอ่ยเสียงเย็นชาและปวดร้าว “ท่านเคยสัญญากับหม่อมฉันว่าจะแต่งตั้งหม่อมฉันเป็นฮองเฮา หลังหม่อมฉันยินดีดื่มยาพิษแทน จนท่านมีชีวิตมาเป็นฮ่องเต้ สุดท้ายท่านกลับหลอกลวงหม่อมฉัน นอกจากไม่แต่งตั้ง ซ้ำยังให้หว่านกุ้ยเฟยเหยียบหัวหม่อมฉัน”

หลังกล่าวจบป๋ายอวี้หลันหอบหายใจถี่รัว ร่างกายค่อย ๆ ร่วงหล่นบนผืนพรม ท่ามกลางความตื่นตระหนกของเจินเซียหยางฮ่องเต้ เขารีบรับร่างนางเอาไว้ ก่อนเปล่งเสียงตะโกนออกไปนอกตำหนัก

“ไปตามหมอหลวงมา เดี๋ยวนี้ !”

ป๋ายอวี้หลันเหยียดยิ้ม เปลือกตาปิดลงอย่างสงบ “ชีวิตของข้า ช่างน่าเวทนาเสียจริง…”

หลงเชื่อคำลวงแสนร้ายกาจ สุดท้ายก็ตกอยู่ในอ้อมกอดอันเย็นชืดนี่

หนึ่งวันหลังจากนั้น พระสนมเสียนเฟยล้มป่วยหนัก

สามวันหลังจากนั้น เจินเซียหยางฮ่องเต้เข้าพระอารามหลวงสวดมนต์ขอพร

เจ็ดวันหลังจากนั้น สวรรค์เมตตาเจินเซียหยางฮ่องเต้ในที่สุด

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • จิ่วหรง   บทสุดท้าย

    บทสุดท้าย ท้องฟ้าและผืนหญ้า ปฏิหาริย์มีจริง และเต็มเปี่ยมด้วยหยดน้ำตาขององค์รัขทายาท หลังองค์หญิงเก้าที่สลบไปเป็นปีลืมตาตื่น พร้อมกับฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ดวงตาเรียวดั่งหงส์อันเลือนลอยกวาดมองรอบกาย ดวงหน้าซีดเซียวไร้รอยยิ้ม แตกต่างจากตอนสลบไปโดยสิ้นเชิง เสมือนว่าเจินจิ่วหรงไม่ต้องการตื่นขึ้นมาอีกแล้ว ลำคอของนางแห้งเหือด จนต้องดื่มน้ำไปหลายถ้วย ขณะถูกองค์รัชทายาทและพระชายาเอกนามซ่งเยี่ยหวั่นพยุงตัวขึ้น เจินจิ่วหรงมองพวกเขา ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อบ เจินจิ่วเยี่ยนที่ตอนนี้ครองตำแหน่งองค์รัชทายาทมาสองปีเผยรอยยิ้มกว้าง หยดน้ำตาไหลอาบลงมาไม่ยอมหยุด เขาโอบกอดพี่สาวของตนเองแน่น ขณะเจินจิ่วหรงเหมือนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว “หย่งเสียน…ละ”นางถามหาเขาเป็นประโยคแรก ทำให้เจินจิ่วเยี่ยนและซ่งเยี่ยหวั่นหยุดชะงักไปตามกัน พวกเขาหลบสายตาของเจินจิ่วหรง แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น “เขาตายไปนานแล้ว” “…” “ล่าสุดที่ข้าไปเยี่ยมหลุมศพของเขา มีดอกหญ้าขึ้นปกคลุม ทุกอย่างเขียวขจี” นางค่อย ๆ พยักหน้าอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหน ปลายนิ้วมือกำลังสั่นระริก ร่างกายสั่นสะท้านราวนกตัวน้อยห

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบแปด

    บทยี่สิบแปด การไม่ครอบครอง การเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจเริ่มขึ้นแล้ว หลังเจินจิ่วหรงกลับจากวังหลวง เช้าวันต่อมาเรื่องราวการทุจริตของตระกูลป๋ายก็ถูกเปิดเผย เจินเซียหยางฮ่องเต้เผยแพร่เรื่องนี้ให้ประชาชนรับรู้ ตระกูลป๋ายกลายเป็นนักโทษของสังคม ก่อนการไต่สวนครั้งสุดท้ายจะมาถึงเสียอีก คนจากวังหลวงเชิญเจินจิ่วหรงไปเป็นพยานในการไต่สวน เดิมนางคิดจะปฏิเสธ แต่กลับอยากเห็นสีหน้าผู้เฒ่าของตระกูลป๋ายขึ้นมา เลยแต่งกายสีฉูดฉาดเรือนผมประดับปิ่นทองคำเก้าเล่มไปดูพวกเขาด้วยตาตน เสียงความวุ่นวายรบกวนความสงบ ท้องพระโรงเหมือนสนามรบ นางเลือกจะไม่พูดอะไรออกมามากนัก แค่พยักหน้าและตอบในสิ่งที่สมควร ทำเอาพวกตระกูลป๋ายชี้หน้าด่าจนโดนตบกันเป็นแถบ เจินจิ่วหรงแค่นยิ้มเย็นชา ประโยคสุดท้ายที่นางเอ่ยเลื่อนลอยยิ่งนัก ก่อนนางจะหมดสติไปท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนมากมาย หมอหลวงบอกว่านางอยู่ได้อีกไม่นาน เจินจิ่วหรงนั่งนิ่ง เหม่อมองภาพสะท้อนของตนเองบนกระจกทองเหลือง ท่ามกลางเหล่านางกำนัลที่เกล้าผมให้อยู่ ทั้งหมดเป็นเพราะการไม่ได้พักผ่อนหลังคลอดลูก รวมถึงการถูกวางยาตลอดระยะเวลาที่กลับมายังจวนแม่ทัพ ไม่ต้องคาดเ

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบเจ็ด

    บทยี่สิบเจ็ด นี่คงเป็นเรื่อง ผิดบ้าง ถูกบ้าง “จริง ๆ แล้ว ระหว่างถูกขังในตำหนัก เสด็จพ่อมาหาข้าด้วย แววตาของเขาเลื่อนลอยและว่างเปล่า กระนั้นกลับสะท้อนความเหี้ยมโหดไม่น้อย” “อือ” เจินจิ่วหรงเปล่งเสียงครางตอบรับน้องชายที่นอนอยู่บนตักของนาง พลางยกมือลูบหัวเขาเบา ๆ เปลือกตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ “เขาบอกว่าเสด็จแม่—ป๋ายอวี้หลันจะมีความสุขกว่า หากกลับสู่อ้อมอกของตระกูลป๋าย แทนการถูกฝังในสุสานหลวง” “…” “แล้วหลังจากนั้นเขาก็ร้องไห้ออกมาละ” “อ่า” “ต่อให้พวกเราไม่เลือกชิงบัลลังก์ แต่ความกดดันจากตระกูลป๋าย และข้ายังเกิดมาเป็นบุรุษ อย่างไรก็หลีกหนีความโลภคนมากมายไม่พ้น แม้นแต่เสด็จแม่ก็ตาม” “…” “มีบางครั้งข้านึกอิจฉาท่านพี่ไม่น้อย ท่านไม่ต้องแก่งแย่งชิงบัลลังก์ ไม่ต้องเป็นที่คาดหวังของใคร ๆ แต่พอท่านพี่ต้องแต่งงาน ข้าก็ความเข้าใจความกดดันอันแตกต่างระหว่างชายหญิง ทว่ากลับอดริษยาท่านพี่มิได้เลย” เจินจิ่วหรงลืมตาขึ้นมองเขา ภาพตรงหน้าเลือนรางยากจะแยกออก นางขยับรอยยิ้มบางเบาอันเศร้าหมอง พร้อมเอ่ย “นี่ไม่เหมือนคำพูดของผู้ต้องการช่วงชิงเลยนะ หรือว่าตอนนี้เจ้าไม่ต้องการบัลลังก์แล้ว

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบหก

    บทยี่สิบหก ข้าอยากให้เขาเลือกครอบครัวมากกว่า ความรู้สึกที่เจินจิ่วหรงมีต่อตงเหลียนฮวา ในอดีตนอกจากความอิจฉาริษยาก็ไม่มีสิ่งใด ทว่าตอนนี้มันกลับไม่มีความริษยาอันรุนแรงเช่นนั้นอีกเลย หัวใจของนางร้าวรานและนิ่งสงบ หลังผ่านเรื่องราวมากมาย ตงเหลียนฮวาเป็นเพียงจุดบอดเล็ก ๆ ในชีวิตเท่านั้น ตอนพบหน้ากันอีกหนในค่ายทหาร นางขยับรอยยิ้มกว้างอันสดใส บดบังความมืดหม่นของอีกฝ่ายจนหมดสิ้น ตงเหลียนฮวาถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนหนา ดวงหน้าซีดเซียวและอิดโรย ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองนางสลับกับไท่หย่งเสียน เจินจิ่วหรงทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้เขากวาง ในกระโจมแห่งนี้ นอกจากแม่ทัพประจิม ไท่หย่งเสียนและนางก็ไม่มีใครอื่น “ไม่เจอกันนานเลยนะ ตงเหลียนฮวา”นางเอ่ยเสียงราบเรียบ รอยยิ้มไม่เลือนหายจากดวงหน้าสักนิด ขณะตงเหลียนฮวากวาดมองทุกอย่างด้วยความหวาดระแวง เตรียมขอความช่วยเหลือจากไท่หย่งเสียน “หย่งเสียน…ช่วยข้าด้วย” ไท่หย่งเสียนยืนนิ่งเพื่อรอรับคำสั่งจากองค์หญิงเก้าแต่เพียงผู้เดียว ทำให้ตงเหลียนฮวาตระหนักถึงความจริงว่าเขาเก็บนางไว้เพื่อกลายเป็นนักโทษหรือเหยื่อของเจินจิ่วหรงในสักวัน และวันนี้ก็มาถึง ตงเหลียนฮวาเปล่

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบห้า

    บทยี่สิบห้า เจินจิ่วหรงที่บ้าคลั่ง เจินจิ่วหรงนอนแช่ตัวอยู่ในถังน้ำใสสะอาด เส้นผมดำขลับยาวสลวยเลื่อนลงปรกดวงหน้างดงาม หลบซ่อนแววตาสั่นไหวของนางอย่างแนบเนียน ไม่มีข้ารับใช้คนในอยู่ในเรือนนอน จวนตระกูลไท่ถูกทหารล้อมเอาไว้ แม้นว่าการปราบจลาจลจะจบลงแล้ว ดูเหมือนว่าเจินเซียหยางฮ่องเต้จะหวาดระแวงตระกูลไท่อย่างสมบูรณ์แบบ แม้นแม่ทัพประจิมจะเป็นดั่งสุนัขถวายหัวอยู่แทบเท้าก็ตามที ทั้งหมดเป็นเพราะเจินจิ่วหรงคือสะใภ้หนึ่งเดียวของตระกูลไท่ ซ้ำตอนนี้ยังให้กำเนิดบุตรชายแก่พวกเขา ต่อให้ปกปิดที่อยู่ของไท่หย่งเล่อ แต่ก็มิอาจปิดบังตัวตนการมีอยู่ของเขา เจินเซียหยางฮ่องเต้เป็นคนขี้ระแวงและโลภมาก ไม่นานย่อมจับลูกชายของนางเป็นตัวประกัน ทุก ๆ อย่างเหลือเวลาไม่มากแล้ว แต่เจินจิ่วเยี่ยนอายุย่างสิบสี่ปีเท่านั้น ไม่มากพอจะขึ้นครองบัลลังก์โดยไร้ผู้สำเร็จราชการแทน สุดท้ายเขาจะกลายหุ่นเชิดอีกตัวสำหรับตระกูลป๋าย “นี่ หย่งเสียน”นางเอ่ยปากเรียกเขาที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นไร้ลวดลาย ไท่หย่งเสียนชำเลืองมองภรรยา “อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ ข้าเตรียมอาภรณ์ให้เจ้าแล้ว” น้ำเสียงของไท่หย่งเสียนอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ร

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบสี่

    บทยี่สิบสี่ ลาก่อนพระสนมเสียนเฟย เจินจิ่วหรงถูกกักตัวอยู่ภายในตำหนักของตนเอง ขณะไท่หย่งเสียนถูกแต่งตั้งเป็นหนึ่งในแม่ทัพเฉพาะกิจกวาดล้างตระกูลเสวียน ภายในวังเกิดการนองเลือดจำนวนมาก เสวียนผินถูกสังหาร แตกต่างจากองค์ชายไม่สมประกอบที่ถูกพวกกบฏนำตัวออกนอกวัง หว่านกุ้ยเฟยและโอรสของนางอย่างองค์ชายเจ็ดถูกนำตัวไปยังห้องลับอันปลอดภัย ส่วนองค์ชายสิบสามถูกกักตัวเช่นเดียวกันกับนาง ตระกูลป๋ายยังไร้การเคลื่อน พวกเขาไม่ได้มีกำลังทหารอะไร มีแต่พวกขุนนางร่วมตัวกันป่วน แน่นอนว่าถูกเจินเซียหยางฮ่องเต้กีดกันให้อยู่กันเป็นส่วน ๆ เจินเซียหยางฮ่องเต้มิอาจกำจัดตระกูลป๋าย พวกเขามีอิทธิพลมากเกินไป แค่กักบริเวณองค์ชายสิบสาม เสมือนว่าความผิดทั้งหมดเป็นของเจินจิ่วเยี่ยน ก็ทำตระกูลป๋ายไม่พอใจมากแล้ว ไม่มีทางที่โอรสสวรรค์จะกล้าลงมืออะไรอีก เจินจิ่วหรงเหยียดตัวนอนบนตั่งหินอ่อน รอเวลาที่ทุกอย่างจบลงด้วยกองเลือดมากมาย การพลัดพรากและสูญเสีย ทุกอย่างเริ่มต้นจากความเห็นแก่ตัวของเจินเซียหยางฮ่องเต้ นางกับเจินจิ่วเยี่ยนตระหนักดีว่าร่างกายของเสด็จแม่ทรุดโทรมขนาดนี้เพราะใคร ตลอดมาถึงนึกชิงชังเจินเซียหยางฮ่องเต

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status