Home / รักโบราณ / จิ่วหรง / บทสิบเอ็ด

Share

บทสิบเอ็ด

last update Last Updated: 2025-09-17 18:49:44

บทสิบเอ็ด

แผนการกระเบื้องแตก

เมื่อรุ่งอรุณมาเยือน ไท่หย่งเสียนเข้าวังไปพบเจินเซียหยางฮ่องเต้พร้อมแม่ทัพประจิม ด้วยสุขภาพร่างกายแข็งแรงกว่าคนปรกติ ซ้ำยังได้กินน้ำแกงอย่างดี ทำให้เขาไม่ล้มป่วยเหมือนที่ใคร ๆ คาดการณ์เอาไว้ ทว่าสถานการณ์ในเรือนมิได้สงบสักนิด ไท่ฮูหยินค่อนข้างเป็นกังวล เมื่อรับรู้ว่าเจินจิ่วหรงทำอะไรลงเมื่อคืน หากยามเห็นความเด็ดขาดขององค์หญิงเก้า ก็มิกล้าจะตำหนิ

เจินจิ่วหรงค่อนข้างอ่อนเพลียจากการร้องไห้อย่างหนัก นางรีบไปอาบน้ำอุ่นทันที หลังไท่หย่งเสียนจากไป มองดูหน้าท้องแบนราบของตนเองด้วยความกังวลพอสมควร จริงอยู่ว่านี่เป็นสมรสพระราชทาน แต่เกิดขึ้นเพราะความเหมาะสมในสายตาของเสด็จพ่อ มิใช่ความยินดีแต่อย่างใด

ไท่หย่งเสียนไม่ยอมเปิดเผยตนเองว่าย้อนเวลากลับมา เจินจิ่วหรงก็ไม่อยากบอกเขาเช่นกัน เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นการผูกมัดมากกว่าเดิม

นางเสียเด็กในท้องไปเพราะอุบัติเหตุก็จริง แต่สาเหตุที่ไม่อาจตั้งครรภ์อีกเลยนั้น อาจมาจากการวางยาพิษ และคนที่มีอำนาจสั่งการเรื่องใหญ่หลวงนี่ ก็มีเพียงเจินเซียหยางฮ่องเต้ — เสด็จพ่อของนาง

ครั้งหนึ่งเจินจิ่วหรงเคยพยายามช่วงชิงความโปรดปรานจากเสด็จพ่อกับองค์หญิงรอง ก่อนพบว่าทุกอย่างนั้นว่างเปล่า เสด็จแม่ของนางมาจากตระกูลอัครเสนาบดี แม้นไม่ได้ควบคุมกองทัพ แต่ก็มีอิทธิพลเหนือราชสำนัก จนรอนราญอำนาจของเสด็จพ่อเต็มที

หากเจินจิ่วหรงยังเป็นองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานลำดับต้น ๆ อีก เกรงว่าคงสั่นคลอนไปถึงบัลลังก์มังกรทอง

ยากจะแน่ใจเลยว่าเสด็จพ่อรู้เรื่องเด็กในท้องของนางหรือยัง เจินจิ่วหรงอาจปิดปากหมอหลวงจากทุกคน แต่ไม่มีทางปิดปากหมอหลวงจากองค์จักรพรรดิ

เด็กคนนี้จะรอดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการไปเยือนเมืองทางใต้ ห่างไกลจากราชสำนักแล้ว

“องค์หญิงเพคะ ฝ่าบาทมีรับสั่งเรียกพระองค์เข้าเฝ้าตอนนี้เพคะ”เสียงของรั่วซินทำนางหลุดลอยจากความคิด ดวงตาเรียวดั่งหงส์เบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยตามปรกติ

“เสด็จพ่อตรัสหรือไม่ว่ามีเรื่องด่วนอันใด ?”

“ไม่เลยเพคะ” รั่วซินตอบ แสดงสีหน้าเป็นกังวล “หรือจะเป็นเพราะเรื่องเมื่อวาน…”

เจินจิ่วหรงเหยียดรอยยิ้ม มือวางทาบบนหน้าท้องแบนราบ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกฉากกั้นลายนกกระจาบ

“ไปเตรียมอาภรณ์สำหรับเข้าวังมาให้ข้า”

ด้วยกำลังของนางคนเดียวจะปกป้องเด็กคนนี้ได้ไหมนะ ?

เจินจิ่วหรงสวมอาภรณ์สีม่วงปักลายดอกเบญจมาศ เรือนผมปล่อยสยายประดับด้วยปิ่นขนนกกระเต็น นางนั่งอยู่บนรถม้าอย่างสงบ เลือกฝังกลบอารมณ์ทั้งหมดด้วยความเรียบเฉย ก่อนถูกรั่วซินพยุงลงจากรถม้า ประตูวังหลวงตอกหมุดทองคำเปิดออก เส้นทางลาดยาวเบื้องหน้าทั้งอ้างว้างและเดียวดาย กลิ่นอายของวังหลวงอันกว้างใหญ่ที่นางเกลียดชัง

”ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ พระสนมเสียนเฟยอยากพบพระองค์ หลังเข้าเฝ้าฝ่าบาทเรียบร้อยแล้ว”หนึ่งในนางกำนัลของพระสนมเสียนเฟยที่รออยู่หน้าประตูวังหลวงกล่าวขึ้น เจินจิ่วหรงเพียงปรายตามองนางหนหนึ่ง

“วันนี้เปิ่นกงรู้สึกไม่ค่อยสบาย ไว้วันหลังจะเข้าวังมาพบเสด็จแม่”

“แต่ว่า—”

“อย่าขวางทางเปิ่นกง”

ทันทีเมื่อเจินจิ่วหรงเอ่ยประโยคนั้น รั่วซินก็รีบนำตัวนางกำนัลคนนั้นออกไปให้พ้นทาง จนเจินจิ่วหรงสามารถก้าวเดินต่อไปอย่างสุขุมและมั่นคง

ตำหนักหยางซินของเสด็จพ่ออยู่ลึกลงไปพอสมควร แต่ก็ถูกหกตำหนักแห่งวังหลังเรียงราย เจินจิ่วหรงเลือกเดินไปถึงตำหนักหยางซินแทนการนั่งเกี้ยว นางยกขาข้ามผ่านประตูธรณีซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดก็ถึงหน้าตำหนักหยางซิน แลเห็นไท่หย่งเสียนอยู่นอกตำหนัก แผ่นหลังเหยียดตรงอย่างสง่างาม ไร้เงาแม่ทัพประจิม ก่อนเหมากงกง—มหาขันทีข้างกายโอรสสวรรค์จะเดินตรงมาหา

“เชิญองค์หญิงเก้าพ่ะย่ะค่ะ”

นางพยักหน้าครั้งหนึ่งแทนการตอบรับ ค่อย ๆ เดินผ่านร่างของไท่หย่งเสียนเข้าไปด้านใน ชั่วขณะดวงตาของพวกเขาสบเข้าหากัน เขายกยิ้มบางเบา แววตาหมองหม่น ราวกับวางกลลวงในแผนการบางอย่างเอาไว้

ภายในตำหนักหยางซินยังเหมือนกับครั้งสุดท้ายที่เจินจิ่วหรงเคยเข้าเฝ้า แตกต่างจากเจินเซียหยางฮ่องเต้ที่ดูเยาว์วัยกว่าเดิมมาก รอยเหี่ยวย่นบนดวงหน้ายังไม่ชัดเจนนัก หากดวงตาคู่คมกลับยังมั่นคงและฉายแววหุบเหวลึกฝังกลบเหล่าขุนนาง รวมถึงเชื้อพระวงศ์อันไม่อาจควบคุม

“ถวายพระพรเสด็จพ่อ ขอเสด็จพ่อทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี เพคะ”เจินจิ่วหรงย่อกายลง กล่าวเสียงนอบน้อมเป็นที่สุด ขณะเจินเซียหยางฮ่องเต้เพียงขยับรอยยิ้มจอมปลอม สะบัดมือหนึ่งหนให้นางลุกขึ้น

“เจิ้นได้ยินว่าเจ้าปฏิเสธการเข้าพบมารดาของเจ้าจริงหรือ”

คำถามนี้ไม่ว่าจะตอบความจริงหรือโกหกก็เป็นการหยั่งเชิงว่าเจินจิ่วหรงมีแผนการอันใดปกปิดเอาไว้หรือไม่

“กราบทูลเสด็จพ่อ ลูกแต่งงานออกไปแล้ว ซ้ำยังเป็นสะใภ้ของตระกูลแม่ทัพ หากเข้าวังมาพบเสด็จแม่บ่อย ๆ ย่อมไม่สมควร”

เจินเซียหยางฮ่องเต้ยกยิ้มบาง ไม่คาดว่าเจินจิ่วหรงจะตรงไปตรงมาเปิดเผย พลางเอ่ยเสียงราบเรียบ “เจิ้นเรียกเจ้ามาวันนี้ ก็เพราะได้ยินเรื่องของเจ้ากับราชบุตรเขยเมื่อคืน ซ้ำตอนเช้าไท่หย่งเสียนยังขอเข้าพบหลังว่าราชการเสร็จ”

“…”

“เจิ้นคุยกับเขาแล้ว เลยอยากคุยกับเจ้าด้วย อย่างไรเจ้าก็เป็นลูกสาวคนหนึ่งของเจิ้น จะมิให้เป็นห่วงชีวิตหลังแต่งงานเพียงไม่กี่เดือนได้อย่างไรกัน ?”เจินเซียหยางฮ่องเต้ยังคงยิ้ม จนนางแยกแยะไม่ออกแล้วว่าเป็นรอยยิ้มจอมปลอมหรือรอยยิ้มกว้างอันแท้จริง “ลุกขึ้นมานั่งใกล้ ๆ เจิ้นเถอะ”

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”

เจินจิ่วหรงค่อยทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเสด็จพ่อ เมื่อก่อนนางทั้งชอบและหวาดกลัวเสด็จพ่อจับใจ แต่ยามผ่านความตายมาหนหนึ่ง ความหวาดกลัวนั้นมลายหายไปจนเกือบหมดสิ้น

“ลูกต้องการหย่าร้างกับไท่หย่งเสียนเพคะ”

“หย่งเสียนพูดกับเจิ้นแล้วเรื่องนี้ เขาบอกว่าความสัมพันธ์ของเขากับเจ้ามีรอยร้าวมานาน แม้นเขาไม่ปรารถนาจะหย่าร้าง แต่ก็ไม่อาจฝืนใจเจ้า”

เหมือนว่าไท่หย่งเสียนจะแสร้งทำเป็นยินดีกับการหย่าร้าง เขาคิดใช้แผนการเศษกระเบื้องแตกชักนำเสด็จพ่อให้หลงผิด หากนางกับไท่หย่งเสียนมีเรื่องกันถึงขนาดหย่าร้าง เด็กในท้องไม่ว่าจะรอดหรือยังอยู่ก็ไม่มีความหมายอะไรมากนัก

เมื่อไม่มีอิทธิพลต่อตระกูลไท่ เจินเซียหยางฮ่องเต้ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ตนเองต้องแปดเปื้อน หรือมีเรื่องผิดใจกับแม่ทัพประจิม

หมากกระดานนี้ ถือว่าเดินได้เฉียบขาด

“เจิ้นจะไม่ถามว่าระหว่างพวกเจ้ามีเรื่องอะไรกัน ทว่าหนึ่งคนต้องการหย่า อีกคนแม้นไม่ยินดี แต่ก็ทำอะไรไม่ได้…”

เจินเซียหยางฮ่องเต้ส่ายหน้า พร้อมกล่าว “แต่มารดาของเจ้าต้องการแม่ทัพมิใช่หรือ ?”

“ลูกทราบเพียงว่าอนาคตน้องสิบสามสามารถตบแต่งพระชายาเอกดี ๆ สักคน มีฐานอำนาจเป็นคนของตนเอง มิจำเป็นต้องพึ่งพิงลูก”

คำตอบนี้ของจิ่วหรง นอกจากปกป้องพระสนมเสียนเฟยให้พ้นภัยตนเอง ยังเป็นการบอกให้เขาหาพระชายาดี ๆ แก่องค์ชายสิบสาม

ทั้งลูกสาวของเขาและไท่หย่งเสียนกำลังเล่นละครหลอกลวงเขาหรือไม่นะ ?

“เจ้าพึ่งแต่งงานกับเขาได้ไม่ถึงครึ่งปี ซ้ำยังเป็นสมรสพระราชทานจากเจิ้น หากต้องมาหย่าร้างด้วยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ จะให้เจิ้นกับจวนแม่ทัพประจิมเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ?”

“…”

“พวกเจ้าลองพยายามกันอีกสักหน่อย ซ้ำองค์ชายสิบสามก็ยังไม่ถึงวัยออกเรือน อย่าเร่งรัดกับเด็กอายุสิบสามนักเลย”

เจินจิ่วหรงโคลงหัวลงตอบรับเสด็จพ่ออย่างนุ่มนวล “เสด็จพ่อ ลูกขอแยกกันอยู่กับหย่งเสียนได้หรือไม่เพคะ”

“พวกเจ้าจะแยกเรือนกันอยู่ก็ไม่จำเป็นต้องบอกเจิ้นก็ได้ หรือว่าเจ้าคิดจะออกไปนอกเมืองหลวง ?”

“เพคะ”นางตอบเสียงอ่อนหวาน ดวงตาทอประกายอบอุ่น “ลูกอยากไปชมหัวเมืองทางใต้ที่เสด็จพ่อเคยกล่าวถึงตอนเด็ก ๆ ด้วยตนเอง ได้ข่าวว่าหลังฤดูหนาวผ่านพ้นดอกไม้ก็ผลิบานสะพรั่งทั้งหอมหวานและงดงาม !”

เจินเซียหยางฮ่องเต้หลุบตาต่ำลง ปลายนิ้วมือกรีดขอบถ้วยน้ำชา พยายามมองหาความจริงจากรอยยิ้มและแววตาของเจินจิ่วหรง แต่กลับมองไม่ออกสักนิดเดียว

“หลายวันก่อนข้าเรียกหมอหลวงมาพบ…”เจินเซียหยางฮ่องเต้กลายเป็นฝ่ายยกยิ้มบางเบาแทน “เขาบอกว่าเจ้ากำลังตั้งครรภ์ เป็นความจริงหรือ ?”

จะพูดความจริงหรือจะลวงหลอกก็มิต่างกันมากนัก อย่างไรแล้ว เจินเซียหยางฮ่องเต้—บิดาของนางก็ไม่เคยเชื่อใจนางอยู่แล้ว นับแต่ที่ถูกองค์หญิงรองใส่ร้ายว่าเจินจิ่วหรงเป็นคนผลักนางผลัดตกสระน้ำ เมื่อตอนวัยเยาว์

หากเลือกได้ก็อยากหนีไปให้ไกล พ้นจากวังหลวงเน่าเหม็นนี่เสียที

เจินจิ่วหรงยกขาข้ามคานประตูตำหนักออกไป โดยมีเหมากงกงเป็นคนมาส่งด้วยตนเอง นางถอดถอนหายใจยาวเหยียด เหม่อมองท้องฟ้ากว้างใหญ่ครึ้มเมฆลอยเด่นเหมือนทุกวัน พลางไท่หย่งเสียนเดินเข้ามาใกล้นาง แล้วทาบฝ่ามือลงบนท้องน้อยของภรรยาเบา ๆ

“เจ้าหิวหรือไม่”

นางส่ายหน้า ไม่ยอมพูดกับเขาสักครึ่งคำ ก่อนไท่หย่งเสียนจะพยุงเจินจิ่วหรงเดินออกจากตำหนักหยางซิน

“ข้าจะปกป้องเจ้ากับลูกเอง”ไท่หย่งเสียนเอ่ยเสียงเฉียบขาด โอบกอดเจินจิ่วหรงเอาไว้แน่น นางปิดตาลงอย่างสงบ หยุดเดินชั่วขณะ ปล่อยชายอาภรณ์ยาวลากพื้นหินปกคลุมหิมะ

“นี่ หย่งเสียน”

“ว่าอย่างไร”

“ไยต้องเอาแต่เห็นอกเห็นใจข้า”

ไท่หย่งเสียนหลับตาลง กอบกุมมือของเจินจิ่วหรงเอาไว้แน่นกว่าเดิม “มันคือความรักต่างหาก รักมากจนต้องยอมเป็นตัวหมากขององค์จักรพรรดิ เพื่อจะครอบครองเจ้าต่อไป“

“หากข้าบอกว่าไม่เชื่อล่ะ ?”

“ข้าก็ยังจะอยู่เคียงข้างเจ้าจวบจนวันสุดท้ายอยู่ดี”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จิ่วหรง   บทสุดท้าย

    บทสุดท้าย ท้องฟ้าและผืนหญ้า ปฏิหาริย์มีจริง และเต็มเปี่ยมด้วยหยดน้ำตาขององค์รัขทายาท หลังองค์หญิงเก้าที่สลบไปเป็นปีลืมตาตื่น พร้อมกับฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ดวงตาเรียวดั่งหงส์อันเลือนลอยกวาดมองรอบกาย ดวงหน้าซีดเซียวไร้รอยยิ้ม แตกต่างจากตอนสลบไปโดยสิ้นเชิง เสมือนว่าเจินจิ่วหรงไม่ต้องการตื่นขึ้นมาอีกแล้ว ลำคอของนางแห้งเหือด จนต้องดื่มน้ำไปหลายถ้วย ขณะถูกองค์รัชทายาทและพระชายาเอกนามซ่งเยี่ยหวั่นพยุงตัวขึ้น เจินจิ่วหรงมองพวกเขา ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อบ เจินจิ่วเยี่ยนที่ตอนนี้ครองตำแหน่งองค์รัชทายาทมาสองปีเผยรอยยิ้มกว้าง หยดน้ำตาไหลอาบลงมาไม่ยอมหยุด เขาโอบกอดพี่สาวของตนเองแน่น ขณะเจินจิ่วหรงเหมือนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว “หย่งเสียน…ละ”นางถามหาเขาเป็นประโยคแรก ทำให้เจินจิ่วเยี่ยนและซ่งเยี่ยหวั่นหยุดชะงักไปตามกัน พวกเขาหลบสายตาของเจินจิ่วหรง แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น “เขาตายไปนานแล้ว” “…” “ล่าสุดที่ข้าไปเยี่ยมหลุมศพของเขา มีดอกหญ้าขึ้นปกคลุม ทุกอย่างเขียวขจี” นางค่อย ๆ พยักหน้าอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหน ปลายนิ้วมือกำลังสั่นระริก ร่างกายสั่นสะท้านราวนกตัวน้อยห

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบแปด

    บทยี่สิบแปด การไม่ครอบครอง การเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจเริ่มขึ้นแล้ว หลังเจินจิ่วหรงกลับจากวังหลวง เช้าวันต่อมาเรื่องราวการทุจริตของตระกูลป๋ายก็ถูกเปิดเผย เจินเซียหยางฮ่องเต้เผยแพร่เรื่องนี้ให้ประชาชนรับรู้ ตระกูลป๋ายกลายเป็นนักโทษของสังคม ก่อนการไต่สวนครั้งสุดท้ายจะมาถึงเสียอีก คนจากวังหลวงเชิญเจินจิ่วหรงไปเป็นพยานในการไต่สวน เดิมนางคิดจะปฏิเสธ แต่กลับอยากเห็นสีหน้าผู้เฒ่าของตระกูลป๋ายขึ้นมา เลยแต่งกายสีฉูดฉาดเรือนผมประดับปิ่นทองคำเก้าเล่มไปดูพวกเขาด้วยตาตน เสียงความวุ่นวายรบกวนความสงบ ท้องพระโรงเหมือนสนามรบ นางเลือกจะไม่พูดอะไรออกมามากนัก แค่พยักหน้าและตอบในสิ่งที่สมควร ทำเอาพวกตระกูลป๋ายชี้หน้าด่าจนโดนตบกันเป็นแถบ เจินจิ่วหรงแค่นยิ้มเย็นชา ประโยคสุดท้ายที่นางเอ่ยเลื่อนลอยยิ่งนัก ก่อนนางจะหมดสติไปท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนมากมาย หมอหลวงบอกว่านางอยู่ได้อีกไม่นาน เจินจิ่วหรงนั่งนิ่ง เหม่อมองภาพสะท้อนของตนเองบนกระจกทองเหลือง ท่ามกลางเหล่านางกำนัลที่เกล้าผมให้อยู่ ทั้งหมดเป็นเพราะการไม่ได้พักผ่อนหลังคลอดลูก รวมถึงการถูกวางยาตลอดระยะเวลาที่กลับมายังจวนแม่ทัพ ไม่ต้องคาดเ

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบเจ็ด

    บทยี่สิบเจ็ด นี่คงเป็นเรื่อง ผิดบ้าง ถูกบ้าง “จริง ๆ แล้ว ระหว่างถูกขังในตำหนัก เสด็จพ่อมาหาข้าด้วย แววตาของเขาเลื่อนลอยและว่างเปล่า กระนั้นกลับสะท้อนความเหี้ยมโหดไม่น้อย” “อือ” เจินจิ่วหรงเปล่งเสียงครางตอบรับน้องชายที่นอนอยู่บนตักของนาง พลางยกมือลูบหัวเขาเบา ๆ เปลือกตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ “เขาบอกว่าเสด็จแม่—ป๋ายอวี้หลันจะมีความสุขกว่า หากกลับสู่อ้อมอกของตระกูลป๋าย แทนการถูกฝังในสุสานหลวง” “…” “แล้วหลังจากนั้นเขาก็ร้องไห้ออกมาละ” “อ่า” “ต่อให้พวกเราไม่เลือกชิงบัลลังก์ แต่ความกดดันจากตระกูลป๋าย และข้ายังเกิดมาเป็นบุรุษ อย่างไรก็หลีกหนีความโลภคนมากมายไม่พ้น แม้นแต่เสด็จแม่ก็ตาม” “…” “มีบางครั้งข้านึกอิจฉาท่านพี่ไม่น้อย ท่านไม่ต้องแก่งแย่งชิงบัลลังก์ ไม่ต้องเป็นที่คาดหวังของใคร ๆ แต่พอท่านพี่ต้องแต่งงาน ข้าก็ความเข้าใจความกดดันอันแตกต่างระหว่างชายหญิง ทว่ากลับอดริษยาท่านพี่มิได้เลย” เจินจิ่วหรงลืมตาขึ้นมองเขา ภาพตรงหน้าเลือนรางยากจะแยกออก นางขยับรอยยิ้มบางเบาอันเศร้าหมอง พร้อมเอ่ย “นี่ไม่เหมือนคำพูดของผู้ต้องการช่วงชิงเลยนะ หรือว่าตอนนี้เจ้าไม่ต้องการบัลลังก์แล้ว

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบหก

    บทยี่สิบหก ข้าอยากให้เขาเลือกครอบครัวมากกว่า ความรู้สึกที่เจินจิ่วหรงมีต่อตงเหลียนฮวา ในอดีตนอกจากความอิจฉาริษยาก็ไม่มีสิ่งใด ทว่าตอนนี้มันกลับไม่มีความริษยาอันรุนแรงเช่นนั้นอีกเลย หัวใจของนางร้าวรานและนิ่งสงบ หลังผ่านเรื่องราวมากมาย ตงเหลียนฮวาเป็นเพียงจุดบอดเล็ก ๆ ในชีวิตเท่านั้น ตอนพบหน้ากันอีกหนในค่ายทหาร นางขยับรอยยิ้มกว้างอันสดใส บดบังความมืดหม่นของอีกฝ่ายจนหมดสิ้น ตงเหลียนฮวาถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนหนา ดวงหน้าซีดเซียวและอิดโรย ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองนางสลับกับไท่หย่งเสียน เจินจิ่วหรงทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้เขากวาง ในกระโจมแห่งนี้ นอกจากแม่ทัพประจิม ไท่หย่งเสียนและนางก็ไม่มีใครอื่น “ไม่เจอกันนานเลยนะ ตงเหลียนฮวา”นางเอ่ยเสียงราบเรียบ รอยยิ้มไม่เลือนหายจากดวงหน้าสักนิด ขณะตงเหลียนฮวากวาดมองทุกอย่างด้วยความหวาดระแวง เตรียมขอความช่วยเหลือจากไท่หย่งเสียน “หย่งเสียน…ช่วยข้าด้วย” ไท่หย่งเสียนยืนนิ่งเพื่อรอรับคำสั่งจากองค์หญิงเก้าแต่เพียงผู้เดียว ทำให้ตงเหลียนฮวาตระหนักถึงความจริงว่าเขาเก็บนางไว้เพื่อกลายเป็นนักโทษหรือเหยื่อของเจินจิ่วหรงในสักวัน และวันนี้ก็มาถึง ตงเหลียนฮวาเปล่

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบห้า

    บทยี่สิบห้า เจินจิ่วหรงที่บ้าคลั่ง เจินจิ่วหรงนอนแช่ตัวอยู่ในถังน้ำใสสะอาด เส้นผมดำขลับยาวสลวยเลื่อนลงปรกดวงหน้างดงาม หลบซ่อนแววตาสั่นไหวของนางอย่างแนบเนียน ไม่มีข้ารับใช้คนในอยู่ในเรือนนอน จวนตระกูลไท่ถูกทหารล้อมเอาไว้ แม้นว่าการปราบจลาจลจะจบลงแล้ว ดูเหมือนว่าเจินเซียหยางฮ่องเต้จะหวาดระแวงตระกูลไท่อย่างสมบูรณ์แบบ แม้นแม่ทัพประจิมจะเป็นดั่งสุนัขถวายหัวอยู่แทบเท้าก็ตามที ทั้งหมดเป็นเพราะเจินจิ่วหรงคือสะใภ้หนึ่งเดียวของตระกูลไท่ ซ้ำตอนนี้ยังให้กำเนิดบุตรชายแก่พวกเขา ต่อให้ปกปิดที่อยู่ของไท่หย่งเล่อ แต่ก็มิอาจปิดบังตัวตนการมีอยู่ของเขา เจินเซียหยางฮ่องเต้เป็นคนขี้ระแวงและโลภมาก ไม่นานย่อมจับลูกชายของนางเป็นตัวประกัน ทุก ๆ อย่างเหลือเวลาไม่มากแล้ว แต่เจินจิ่วเยี่ยนอายุย่างสิบสี่ปีเท่านั้น ไม่มากพอจะขึ้นครองบัลลังก์โดยไร้ผู้สำเร็จราชการแทน สุดท้ายเขาจะกลายหุ่นเชิดอีกตัวสำหรับตระกูลป๋าย “นี่ หย่งเสียน”นางเอ่ยปากเรียกเขาที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นไร้ลวดลาย ไท่หย่งเสียนชำเลืองมองภรรยา “อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ ข้าเตรียมอาภรณ์ให้เจ้าแล้ว” น้ำเสียงของไท่หย่งเสียนอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ร

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบสี่

    บทยี่สิบสี่ ลาก่อนพระสนมเสียนเฟย เจินจิ่วหรงถูกกักตัวอยู่ภายในตำหนักของตนเอง ขณะไท่หย่งเสียนถูกแต่งตั้งเป็นหนึ่งในแม่ทัพเฉพาะกิจกวาดล้างตระกูลเสวียน ภายในวังเกิดการนองเลือดจำนวนมาก เสวียนผินถูกสังหาร แตกต่างจากองค์ชายไม่สมประกอบที่ถูกพวกกบฏนำตัวออกนอกวัง หว่านกุ้ยเฟยและโอรสของนางอย่างองค์ชายเจ็ดถูกนำตัวไปยังห้องลับอันปลอดภัย ส่วนองค์ชายสิบสามถูกกักตัวเช่นเดียวกันกับนาง ตระกูลป๋ายยังไร้การเคลื่อน พวกเขาไม่ได้มีกำลังทหารอะไร มีแต่พวกขุนนางร่วมตัวกันป่วน แน่นอนว่าถูกเจินเซียหยางฮ่องเต้กีดกันให้อยู่กันเป็นส่วน ๆ เจินเซียหยางฮ่องเต้มิอาจกำจัดตระกูลป๋าย พวกเขามีอิทธิพลมากเกินไป แค่กักบริเวณองค์ชายสิบสาม เสมือนว่าความผิดทั้งหมดเป็นของเจินจิ่วเยี่ยน ก็ทำตระกูลป๋ายไม่พอใจมากแล้ว ไม่มีทางที่โอรสสวรรค์จะกล้าลงมืออะไรอีก เจินจิ่วหรงเหยียดตัวนอนบนตั่งหินอ่อน รอเวลาที่ทุกอย่างจบลงด้วยกองเลือดมากมาย การพลัดพรากและสูญเสีย ทุกอย่างเริ่มต้นจากความเห็นแก่ตัวของเจินเซียหยางฮ่องเต้ นางกับเจินจิ่วเยี่ยนตระหนักดีว่าร่างกายของเสด็จแม่ทรุดโทรมขนาดนี้เพราะใคร ตลอดมาถึงนึกชิงชังเจินเซียหยางฮ่องเต

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status