Home / รักโบราณ / จิ่วหรง / บทสิบเจ็ด

Share

บทสิบเจ็ด

last update Last Updated: 2025-09-17 18:52:22

บทสิบเจ็ด

ตัวหมาก

สวรรค์เมตตาให้โอกาสเขาแล้ว จะทำพลาดมิได้อีก

ไท่หย่งเสียนลืมตาตื่นจากห้วงความคิด น้ำชาหลงจิ่งเย็นชืดหมดแล้ว เขานั่งอยู่ภายในกระโจมแม่ทัพจนถึงเย็น ก่อนขยับลุกจากเก้าอี้ไม้สนก้าวขาเดินออกไปด้านนอก ดวงอาทิตย์ใกล้ลาลับจากผืนฟ้า ขบวนรถม้าของเจินจิ่วหรงคงเคลื่อนตัวไปไกลพอสมควร

กุนซือที่ดูแลตงเหลียนฮวารีบเดินเข้ามาใกล้ ยามเห็นท่านรองแม่ทัพยืนอยู่ไม่ไกล เขาก้มหัวลงเล็กน้อยทำความเคารพไท่หย่งเสียนอย่างนอบน้อม “ท่านหมอกล่าวว่าบาดแผลของแม่นางตงมิได้สาหัสอะไร เหมือนว่านางจะหลอกลวงพวกเราเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง” แน่นอนว่าไม่พ้นการเข้าใกล้ท่านรองแม่ทัพ

ไท่หย่งเสียนเหยียดรอยยิ้มเย็นชา พลางกล่าวด้วยความใจเย็น “เช่นนั้นก็เลื่อนการไต่สวนมาเป็นวันพรุ่งนี้เถอะ ไม่จำเป็นต้องรอช้าอีกแล้ว”

เขาอาจไม่รู้ว่าในชีวิตก่อน ตงเหลียนฮวาจบชีวิตลงแบบไหน แต่ย่อมไม่พ้นคมดาบขององค์ชายสิบสามที่ไล่สังหารทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการตายของพี่สาว

นั่นเป็นครั้งแรกที่ไท่หย่งเสียนนึกชมชอบองค์ชายสิบสามขึ้นมาจากใจจริง อย่างน้อยอีกฝ่ายก็สามารถใช้อำนาจล้างแค้นคนมากมาย แตกต่างจากเขาที่ถูกเจินเซียหยางฮ่องเต้ควบคุม

หลังตบแต่งกับเจินจิ่วหรง ทั้งตระกูลไท่ก็ถูกมองอย่างหวาดระแวง และโดนเจินเซียหยางฮ่องเต้ควบคุมทุกฝีก้าว ถึงอย่างนั้นมันก็คุ้มค่า ในเมื่อเขาได้ครอบครองนาง—องค์หญิงเก้า…เจินจิ่วหรง ภรรยาของเขา

“ท่านแม่ทัพรู้ว่าท่านต้องเลื่อนการไต่ส่วน เลยเตรียมการทุกอย่างเอาไว้แล้ว วันพรุ่งนี้ท่านรองแม่ทัพจะเป็นประธานในพิธีไต่สวนอย่างถูกต้อง“

ไท่หย่งเสียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไยท่านพ่อถึงไม่เป็นประธานในการไต่สวน ?”

กุนซือผู้นั้นแย้มยิ้มบางเบา เอ่ยอย่างระมัดระวัง “แม่นางตงไม่ถือเป็นคนสำคัญระดับนั้น อีกอย่างการไต่สวนก็มีเพื่อให้แม่นางตงอยู่ในการควบคุมอย่างถูกต้อง ซ้ำท่านแม่ทัพยังมีงานด่วนที่ฮ่องเต้พึ่งรับสั่งลงมา”

เขาหลุบตาต่ำลง จริงอยู่ว่าท่านพ่อพอจะรู้อยู่บ้างว่าตงเหลียนฮวาเกี่ยวพันกับแคว้นฝูเยว่ แต่ก็ยังไม่ได้ยืนยันเรื่องชาติกำเนิดของนางอย่างชัดเจน อีกอย่างพวกเขายังไม่รู้เลยว่าจะปิดบังองค์จักรพรรดิไปได้ถึงเมื่อไหร่

ทุกอย่างต้องแนบเนียน ไม่อย่างนั้นการแต่งงานของเขากับเจินจิ่วหรงจะกลายเป็นเพียงการเดินหมากหนึ่งตาของเจินเซียหยางฮ่องเต้โดยสมบูรณ์

เขาจะผิดพลาดเหมือนในอดีตมิได้อีกแล้ว

เจินจิ่วหรงน่ะ มีเพียงคนเดียวในใต้หล้า !

องค์ชายสิบสามไม่เคยพบสตรีที่เรียบง่ายเท่าคุณหนูรองแห่งจวนแม่ทัพบูรพามาก่อน แม้นมารดาของนางจะเคยเป็นฮูหยินตราตั้ง ทว่า ‘ซ่งเยี่ยหวั่น’ กลับไม่ถือตัวสักนิดเดียว ไร้เค้าโครงของคุณหนูแห่งจวนแม่ทัพบูรพา ซ้ำยังไม่ตอบรับคำเชิญงานเลี้ยงดื่มชาที่เขาให้ตระกูลป๋ายจัดขึ้นอีก สุดท้ายเจินจิ่วเยี่ยนเลยต้องพาตนเองมาถึงจวนแม่ทัพ เพียงเพื่อสตรีนางหนึ่ง

สายตาของเจินจิ่วหรงเฉียบแหลมเสมอ สหายแต่ละคนของพี่สาวเขาล้วนผิดแปลก มีไท่หย่งเสียนที่ดูจะปรกติสุดแล้ว

“องค์หญิงเก้าบอกให้ท่านมางั้นหรือ”ซ่งเยี่ยหวั่นกล่าวเสียงราบเรียบ ขณะรินน้ำชาต้าหงเผาลงในถ้วยกระเบื้องของตนเอง เมินเฉยถ้วยชาอันว่างเปล่าขององค์ชายสิบสามโดยสมบูรณ์

“นางเพียงแนะนำคุณหนูรองให้เปิ่นหวางรู้จัก”

คำตอบนั้นทำซ่งเยี่ยหวั่นเบิกตากว้างเล็กน้อย ก่อนขยับรอยยิ้มบางเบา “องค์หญิงเก้ายังเหมือนเดิม แม้นแต่งเข้าจวนแม่ทัพไปแล้ว แต่ความตั้งใจที่ไม่อยากให้องค์ชายต้องเป็นโอรสสวรรค์ยังเด่นชัด”

เจินจิ่วเยี่ยนขมวดคิ้ว ซ่งเยี่ยหวั่นเป็นสตรีคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกถึงความยุ่งยากอันน่ารำคาญใจ จนแปรเปลี่ยนความนิ่งสงบเป็นร้อนรุ่มขึ้นมาจริง ๆ

“เห็นแก่ที่องค์ชายสิบสามเดินทางมาถึงจวนแม่ทัพ หม่อมฉันจะรินน้ำชาให้ท่านสักจอก…”ซ่งเยี่ยหวั่นยังคงยิ้ม และขยับรอยยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย “หลังกินเสร็จก็เชิญท่านกลับไปได้แล้ว”

ดวงหน้าหล่อเหลาของเจินจิ่วเยี่ยนแข็งค้าง ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าออกปากไล่เขาตรง ๆ ซ่งเยี่ยหวั่นเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ

“หม่อมฉันไม่ปรารถนาจะแต่งงานกับขุนนาง ยิ่งเป็นองค์ชายสิบสามยิ่งไม่ต้องพูดถึง หม่อมฉันมิอาจเป็นสนมเอกหรือฮองเฮาเคียงกายบุรุษโลภมากได้หรอกนะ น่าปวดหัวจะตายไป”

“…”

“ถ้าอยากได้กำลังทหารมากนัก ก็ตบแต่งบิดาหม่อมฉันไปเลยเถอะ”

ซ่งเยี่ยหวั่นหาญกล้าเกินไปแล้ว

เจินจิ่วเยี่ยนเมินเฉยน้ำชาที่นางรินให้ แล้วออกคำสั่งอย่างเผด็จการทันที “พรุ่งนี้เปิ่นหวางจะพาเจ้าไปขี่ม้า เตรียมตัวให้ว่างด้วยแล้วกัน”

ซ่งเยี่ยหวั่นหลุดหัวเราะออกมาทันทีหลังจบประโยค หากรอยยิ้มกลับเลือนหายไปแล้ว “ท่านต้องการกำลังทหาร ทำใจเถอะ หม่อมฉันไม่มีอำนาจอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างล้วนอยู่ในมือบิดา และคนผู้นั้นก็มิได้โปรดปรานอะไรหม่อมฉัน องค์ชายมาถามหาทองผิดคนแล้ว”

“เปิ่นหวางมิได้ถามว่าเจ้าถูกโปรดปรานหรือไม่ เปิ่นหวางต้องการแค่ความพร้อมที่จะไปขี่ม้าพรุ่งนี้”

ซ่งเยี่ยหวั่นหยุดชะงัก ยิ่งเห็นแววตาร้อนรุ่มเหมือนอกจะแตกตายขององค์ชายสิบสามก็ยิ่งสำราญใจ ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองเผยรอยยิ้มจากใจจริงออกมาเป็นครั้งแรกในรอบปี

เจินจิ่วเยี่ยนยังเหมือนกับตอนเด็ก ๆ เลยนะ

เช้าวันรุ่งขึ้น การไต่สวนใกล้มาถึงเต็มที ตงเหลียนฮวายังคงเชื่อว่าไท่หย่งเสียนจะมาหานางก่อนเริ่มการไต่สวนภายในกองทัพต้าเจิน หากไม่ว่าจะเหลียวแลเท่าไหร่ ก็ไม่พบแม้แต่เงาของคนที่มองหา กระทั่งกุนซือของเขาก็ไม่โผล่หัวมาอีกแล้ว

ตงเหลียนฮวามองโซ่ตรวนที่ล่ามขาของตนเองไว้ ความมั่นที่ว่าไท่หย่งเสียนยังเหลือความรักให้นางอยู่ค่อย ๆ ลดลง ไม่เพียงไท่หย่งเสียนจะเชิญหมอมาตรวจเพื่อเปิดโปงอาการป่วยของนาง เช้าวันนี้เขายังเป็นประธานในการไต่สวนด้วยตนเอง

แล้วอย่างไร ? ตงเหลียนฮวาไม่เชื่อหรอกว่าไท่หย่งเสียนจะไม่ลุ่มหลงนางอีก

ก่อนจะถูกพาตัวไปรับการไต่สวน นางจงใจขยับอาภรณ์ให้ต่ำลงเล็กน้อย พอให้มองเห็นเนินอกขาวเนียนน่าขย้ำ และหัวไหล่อันบอบบาง แม้นอยู่ในชุดของนักโทษ แต่เมื่อทำเช่นนี้ กลับกลายเป็นว่ามันช่างเย้ายวนน่ามอง จนพลทหารที่เข้ามาเบิกตากว้าง ดวงหน้าแดงระเรื่อ

ตงเหลียนฮวากะพริบตาค่อย ๆ ตีหน้าใสซื่อน่าสงสาร พร้อมเอ่ยเสียงแผ่วเบา “หย่งเสียนให้พาข้าไปแล้วสินะ…”

พลทหารผู้นั้นรีบพยักหน้า น้ำเสียงของตงเหลียนหวานน่าฟังนัก คล้ายตกอยู่ภวังค์ไปชั่วขณะ “เชิญแม่นางตงตามข้ามาเถิด”

ถึงอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ ตงเหลียนฮวาเคยเป็นอดีตคนรักของท่านรองแม่ทัพ ตอนนี้ท่านรองแม่ทัพกับองค์หญิงเก้าแยกกันอยู่ อนาคตแม่นางตงย่อมกลายเป็นอนุภรรยาอีกคนหนึ่ง

เมื่อเดินมาถึงกระโจมที่จะทำการไต่สวน ตงเหลียนฮวาถูกพาเข้าไปด้านใน ร่างบอบบางถูกกดให้นั่งลงบนผืนพรมหนานุ่ม นางแหงนหน้ามองก็จะเห็นไท่หย่งเสียนนั่งนิ่งเป็นองค์ประธาน ด้านซ้ายและขวามีเพียงเหล่ากุนซือคนสนิท แสดงให้เห็นว่าการไต่ส่วนนี้ เป็นเรื่องภายในและความลับสูงสุดของกองทัพต้าเจิน

“จงบอกความจริงให้ครบถ้วน ว่าเจ้ามาจากไหน” หนึ่งในกุนซือของไท่หย่งเสียนที่ตงเหลียนฮวาไม่คุ้นหน้ากล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบอันน่าอึดอัด

ตงเหลียนฮวาจับจ้องมองไท่หย่งเสียน พลางตอบเสียงนุ่มนวล “ความจริงข้าเป็นบุตรสาวของเศรษฐีแถบชายแดน ครอบครัวทำอาชีพค้าขาย ก่อนจะถูกโจรปล้น พ่อแม่พี่น้องล้วนตายตกไปตามกัน มีเพียงข้าที่รอดมาได้ เลยถูกพลทหารนายหนึ่งรับเป็นบุตรบุญธรรม อาศัยความสามารถเล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วยงานในกองทัพ”

คำตอบของตงเหลียนฮวาเหมือนจะครอบคลุมทุกอย่าง แต่นางกลับหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงสงครามที่เพ่ยหยาง ซึ่งถูกนางใช้ประโยชน์สร้างเรื่องว่าตนเองถูกยิงตาย เพื่อหลบหนีกลับแคว้นฝูเยว่ หลังจากนั้นไม่นานกองทัพต้าเจินก็พ่ายแพ้สงครามในเพ่ยหยางราบคาบ

ยามเห็นว่าไท่หย่งเสียงเอาแต่เคาะนิ้วไร้คำพูดคำจา ตงเหลียนฮวารู้สึกว่าชายตรงนั้นมิใช่ไท่หย่งเสียนที่นางเคยรู้จักอีกแล้ว ชายหนุ่มซึ่งอบอุ่นราวกับแสงตะวันรอนเลือนหายไปจนหมดสิ้น

ชั่วขณะตงเหลียนฮวารู้สึกหม่นหมองและยินดีในคราวเดียวกัน ดูเหมือนว่าการตายของนางเมื่อหลายปีก่อนจะทำให้ไท่หย่งเสียนปวดร้าวจนแปรเปลี่ยนเป็นคนเย็นชา มีเพียงเหตุผลนี่เท่านั้น เพราะคนอย่างองค์หญิงเก้าไหนเลยจะมีน้ำหนักในใจเขาขนาดนั้น

“ไม่ทราบว่าหลังจากสงครามที่เพ่ยหยาง แม่นางตงหายไปไหน หากไม่ถึงแก่ความตาย ไยไม่มาร้องขอความช่วยเหลือเช่นตอนนี้ เหตุใดต้องปล่อยไปนานนัก”คราวนี้เป็นกุนซืออีกคนถามขึ้น โดยมีไท่หย่งเสียนคอยพยักหน้าอนุญาต

ตงเหลียนฮวาเก็บไม้เก็บมือ ค่อย ๆ ระบายรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของทุกคนอ่อนนุ่ม เว้นเพียงไท่หย่งเสียนที่ยังเฉยชา “ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ซ้ำยังสูญเสียความทรงจำ เลยต้องรักษาตัวอยู่นาน เมื่อความทรงจำฟื้นคืนจึงอยากกลับเข้ามาในกองทัพ ช่วยเหลือชาติบ้านเมือง”

ไท่หย่งเสียนเบื่อหน่ายคำหลอกลวงนี่เต็มที เอาแต่นึกสงสัยว่าไยชาติก่อนถึงมองตัวตนจริง ๆ ของตงเหลียนฮวาไม่ออกกัน อย่างไรการไต่สวนนี่ก็เป็นเพียงการทำตามกฎอย่างถูกต้อง ตอนเปิดเผยตัวจริงของตงเหลียนฮวากับเจินเซียหยางฮ่องเต้จะได้ไม่มีปัญหาตามมา

“ข้าอยากอยู่ช่วยงานหย่งเสียน จะเป็นข้ารับใข้หรือผู้ติดตามก็ล้วนยินดี”ตงเหลียนฮวาจงใจเรียกชายหนุ่มอย่างสนิทสนมต่อหน้าคนมากมาย ทำเอาไท่หย่งเสียนขมวดคิ้วไม่พอใจ แล้วเริ่มเปิดปากเป็นครั้งแรก

“นามของข้านอกพ่อแม่ ก็มีแต่องค์หญิงเก้ากับลูกเท่านั้นที่เรียกได้”

สีหน้าของตงเหลียนฮวาแปรเปลี่ยนเป็นดำมืด เหล่ากุนซือต่างหุบปากหลบซ่อนสีหน้าตลกขบขัน เป็นผลให้ตงเหลียนฮวาอับอายเป็นอย่างยิ่ง มีแต่ผู้หญิงหน้าไม่อายเท่านั้นที่เรียกสามีของผู้อื่นด้วยความสนิทสนมออกนอกหน้า

“อีกอย่างจะข้ารับใช้หรือผู้ติดตามข้าล้วนมีหมดแล้ว หากอยากติดตามข้า ขอถามประโยคหนึ่งว่าเจ้าดีกว่าคนที่ข้ามีอยู่ตรงไหน ?”

ประโยคนี้นับว่าตอบกลับไปอย่างร้ายกาจ คนภายนอกยังเห็นชัดเจนว่าท่านรองแม่ทัพประจิมไม่เหลือความหลงใหลในตัวตงเหลียนฮวาอีกแล้ว

ตงเหลียนฮวากำมือแน่นอย่างอดกลั้น หยดน้ำตาค่อย ๆ ไหลอาบลงมา หัวใจบอบช้ำและร้าวราน พร้อมตอบเสียงหนักแน่น “ท่านรองแม่ทัพมีบุญคุณช่วยชีวิตข้า ข้าย่อมมีความภักดีหนักแน่นเหนือใคร !”

“…”

“ข้าจะเป็นมือเป็นเท้าให้ท่าน เป็นบันไดให้ท่านเหยียบย้ำขึ้นไปเหนือผู้ใด”

คำตอบของตงเหลียนฮวาหนักแน่น จนทำให้กุนซือบางคนเผลอคิดไปว่านี่คือรักแท้ หากไท่หย่งเสียนกลับเหยียดยิ้ม กล่าวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงว่างเปล่า

“งั้นหรือ เช่นนั้นค่อยมีประโยชน์” พอให้เลี้ยงดู จนรีดไถ่เอาประโยชน์สูงสุดออกมาหน่อย

สีหน้าของตงเหลียนฮวาดีขึ้นมาก รีบผลิรอยยิ้มสดใสทันที “อือ !”

จากนี้อีกสี่ถึงห้าปี สงครามในแดนบูรพาจะลุกเป็นไฟโหมกระหน่ำ ถึงตอนนั้นตงเหลียนฮวาจะเป็นประโยชน์ เพื่อให้องค์ชายสิบสามเหยียบนางขึ้นไป มีชัยเหนือสมรภูมิ !

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จิ่วหรง   บทสุดท้าย

    บทสุดท้าย ท้องฟ้าและผืนหญ้า ปฏิหาริย์มีจริง และเต็มเปี่ยมด้วยหยดน้ำตาขององค์รัขทายาท หลังองค์หญิงเก้าที่สลบไปเป็นปีลืมตาตื่น พร้อมกับฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ดวงตาเรียวดั่งหงส์อันเลือนลอยกวาดมองรอบกาย ดวงหน้าซีดเซียวไร้รอยยิ้ม แตกต่างจากตอนสลบไปโดยสิ้นเชิง เสมือนว่าเจินจิ่วหรงไม่ต้องการตื่นขึ้นมาอีกแล้ว ลำคอของนางแห้งเหือด จนต้องดื่มน้ำไปหลายถ้วย ขณะถูกองค์รัชทายาทและพระชายาเอกนามซ่งเยี่ยหวั่นพยุงตัวขึ้น เจินจิ่วหรงมองพวกเขา ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อบ เจินจิ่วเยี่ยนที่ตอนนี้ครองตำแหน่งองค์รัชทายาทมาสองปีเผยรอยยิ้มกว้าง หยดน้ำตาไหลอาบลงมาไม่ยอมหยุด เขาโอบกอดพี่สาวของตนเองแน่น ขณะเจินจิ่วหรงเหมือนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว “หย่งเสียน…ละ”นางถามหาเขาเป็นประโยคแรก ทำให้เจินจิ่วเยี่ยนและซ่งเยี่ยหวั่นหยุดชะงักไปตามกัน พวกเขาหลบสายตาของเจินจิ่วหรง แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น “เขาตายไปนานแล้ว” “…” “ล่าสุดที่ข้าไปเยี่ยมหลุมศพของเขา มีดอกหญ้าขึ้นปกคลุม ทุกอย่างเขียวขจี” นางค่อย ๆ พยักหน้าอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหน ปลายนิ้วมือกำลังสั่นระริก ร่างกายสั่นสะท้านราวนกตัวน้อยห

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบแปด

    บทยี่สิบแปด การไม่ครอบครอง การเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจเริ่มขึ้นแล้ว หลังเจินจิ่วหรงกลับจากวังหลวง เช้าวันต่อมาเรื่องราวการทุจริตของตระกูลป๋ายก็ถูกเปิดเผย เจินเซียหยางฮ่องเต้เผยแพร่เรื่องนี้ให้ประชาชนรับรู้ ตระกูลป๋ายกลายเป็นนักโทษของสังคม ก่อนการไต่สวนครั้งสุดท้ายจะมาถึงเสียอีก คนจากวังหลวงเชิญเจินจิ่วหรงไปเป็นพยานในการไต่สวน เดิมนางคิดจะปฏิเสธ แต่กลับอยากเห็นสีหน้าผู้เฒ่าของตระกูลป๋ายขึ้นมา เลยแต่งกายสีฉูดฉาดเรือนผมประดับปิ่นทองคำเก้าเล่มไปดูพวกเขาด้วยตาตน เสียงความวุ่นวายรบกวนความสงบ ท้องพระโรงเหมือนสนามรบ นางเลือกจะไม่พูดอะไรออกมามากนัก แค่พยักหน้าและตอบในสิ่งที่สมควร ทำเอาพวกตระกูลป๋ายชี้หน้าด่าจนโดนตบกันเป็นแถบ เจินจิ่วหรงแค่นยิ้มเย็นชา ประโยคสุดท้ายที่นางเอ่ยเลื่อนลอยยิ่งนัก ก่อนนางจะหมดสติไปท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนมากมาย หมอหลวงบอกว่านางอยู่ได้อีกไม่นาน เจินจิ่วหรงนั่งนิ่ง เหม่อมองภาพสะท้อนของตนเองบนกระจกทองเหลือง ท่ามกลางเหล่านางกำนัลที่เกล้าผมให้อยู่ ทั้งหมดเป็นเพราะการไม่ได้พักผ่อนหลังคลอดลูก รวมถึงการถูกวางยาตลอดระยะเวลาที่กลับมายังจวนแม่ทัพ ไม่ต้องคาดเ

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบเจ็ด

    บทยี่สิบเจ็ด นี่คงเป็นเรื่อง ผิดบ้าง ถูกบ้าง “จริง ๆ แล้ว ระหว่างถูกขังในตำหนัก เสด็จพ่อมาหาข้าด้วย แววตาของเขาเลื่อนลอยและว่างเปล่า กระนั้นกลับสะท้อนความเหี้ยมโหดไม่น้อย” “อือ” เจินจิ่วหรงเปล่งเสียงครางตอบรับน้องชายที่นอนอยู่บนตักของนาง พลางยกมือลูบหัวเขาเบา ๆ เปลือกตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ “เขาบอกว่าเสด็จแม่—ป๋ายอวี้หลันจะมีความสุขกว่า หากกลับสู่อ้อมอกของตระกูลป๋าย แทนการถูกฝังในสุสานหลวง” “…” “แล้วหลังจากนั้นเขาก็ร้องไห้ออกมาละ” “อ่า” “ต่อให้พวกเราไม่เลือกชิงบัลลังก์ แต่ความกดดันจากตระกูลป๋าย และข้ายังเกิดมาเป็นบุรุษ อย่างไรก็หลีกหนีความโลภคนมากมายไม่พ้น แม้นแต่เสด็จแม่ก็ตาม” “…” “มีบางครั้งข้านึกอิจฉาท่านพี่ไม่น้อย ท่านไม่ต้องแก่งแย่งชิงบัลลังก์ ไม่ต้องเป็นที่คาดหวังของใคร ๆ แต่พอท่านพี่ต้องแต่งงาน ข้าก็ความเข้าใจความกดดันอันแตกต่างระหว่างชายหญิง ทว่ากลับอดริษยาท่านพี่มิได้เลย” เจินจิ่วหรงลืมตาขึ้นมองเขา ภาพตรงหน้าเลือนรางยากจะแยกออก นางขยับรอยยิ้มบางเบาอันเศร้าหมอง พร้อมเอ่ย “นี่ไม่เหมือนคำพูดของผู้ต้องการช่วงชิงเลยนะ หรือว่าตอนนี้เจ้าไม่ต้องการบัลลังก์แล้ว

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบหก

    บทยี่สิบหก ข้าอยากให้เขาเลือกครอบครัวมากกว่า ความรู้สึกที่เจินจิ่วหรงมีต่อตงเหลียนฮวา ในอดีตนอกจากความอิจฉาริษยาก็ไม่มีสิ่งใด ทว่าตอนนี้มันกลับไม่มีความริษยาอันรุนแรงเช่นนั้นอีกเลย หัวใจของนางร้าวรานและนิ่งสงบ หลังผ่านเรื่องราวมากมาย ตงเหลียนฮวาเป็นเพียงจุดบอดเล็ก ๆ ในชีวิตเท่านั้น ตอนพบหน้ากันอีกหนในค่ายทหาร นางขยับรอยยิ้มกว้างอันสดใส บดบังความมืดหม่นของอีกฝ่ายจนหมดสิ้น ตงเหลียนฮวาถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนหนา ดวงหน้าซีดเซียวและอิดโรย ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองนางสลับกับไท่หย่งเสียน เจินจิ่วหรงทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้เขากวาง ในกระโจมแห่งนี้ นอกจากแม่ทัพประจิม ไท่หย่งเสียนและนางก็ไม่มีใครอื่น “ไม่เจอกันนานเลยนะ ตงเหลียนฮวา”นางเอ่ยเสียงราบเรียบ รอยยิ้มไม่เลือนหายจากดวงหน้าสักนิด ขณะตงเหลียนฮวากวาดมองทุกอย่างด้วยความหวาดระแวง เตรียมขอความช่วยเหลือจากไท่หย่งเสียน “หย่งเสียน…ช่วยข้าด้วย” ไท่หย่งเสียนยืนนิ่งเพื่อรอรับคำสั่งจากองค์หญิงเก้าแต่เพียงผู้เดียว ทำให้ตงเหลียนฮวาตระหนักถึงความจริงว่าเขาเก็บนางไว้เพื่อกลายเป็นนักโทษหรือเหยื่อของเจินจิ่วหรงในสักวัน และวันนี้ก็มาถึง ตงเหลียนฮวาเปล่

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบห้า

    บทยี่สิบห้า เจินจิ่วหรงที่บ้าคลั่ง เจินจิ่วหรงนอนแช่ตัวอยู่ในถังน้ำใสสะอาด เส้นผมดำขลับยาวสลวยเลื่อนลงปรกดวงหน้างดงาม หลบซ่อนแววตาสั่นไหวของนางอย่างแนบเนียน ไม่มีข้ารับใช้คนในอยู่ในเรือนนอน จวนตระกูลไท่ถูกทหารล้อมเอาไว้ แม้นว่าการปราบจลาจลจะจบลงแล้ว ดูเหมือนว่าเจินเซียหยางฮ่องเต้จะหวาดระแวงตระกูลไท่อย่างสมบูรณ์แบบ แม้นแม่ทัพประจิมจะเป็นดั่งสุนัขถวายหัวอยู่แทบเท้าก็ตามที ทั้งหมดเป็นเพราะเจินจิ่วหรงคือสะใภ้หนึ่งเดียวของตระกูลไท่ ซ้ำตอนนี้ยังให้กำเนิดบุตรชายแก่พวกเขา ต่อให้ปกปิดที่อยู่ของไท่หย่งเล่อ แต่ก็มิอาจปิดบังตัวตนการมีอยู่ของเขา เจินเซียหยางฮ่องเต้เป็นคนขี้ระแวงและโลภมาก ไม่นานย่อมจับลูกชายของนางเป็นตัวประกัน ทุก ๆ อย่างเหลือเวลาไม่มากแล้ว แต่เจินจิ่วเยี่ยนอายุย่างสิบสี่ปีเท่านั้น ไม่มากพอจะขึ้นครองบัลลังก์โดยไร้ผู้สำเร็จราชการแทน สุดท้ายเขาจะกลายหุ่นเชิดอีกตัวสำหรับตระกูลป๋าย “นี่ หย่งเสียน”นางเอ่ยปากเรียกเขาที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นไร้ลวดลาย ไท่หย่งเสียนชำเลืองมองภรรยา “อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ ข้าเตรียมอาภรณ์ให้เจ้าแล้ว” น้ำเสียงของไท่หย่งเสียนอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ร

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบสี่

    บทยี่สิบสี่ ลาก่อนพระสนมเสียนเฟย เจินจิ่วหรงถูกกักตัวอยู่ภายในตำหนักของตนเอง ขณะไท่หย่งเสียนถูกแต่งตั้งเป็นหนึ่งในแม่ทัพเฉพาะกิจกวาดล้างตระกูลเสวียน ภายในวังเกิดการนองเลือดจำนวนมาก เสวียนผินถูกสังหาร แตกต่างจากองค์ชายไม่สมประกอบที่ถูกพวกกบฏนำตัวออกนอกวัง หว่านกุ้ยเฟยและโอรสของนางอย่างองค์ชายเจ็ดถูกนำตัวไปยังห้องลับอันปลอดภัย ส่วนองค์ชายสิบสามถูกกักตัวเช่นเดียวกันกับนาง ตระกูลป๋ายยังไร้การเคลื่อน พวกเขาไม่ได้มีกำลังทหารอะไร มีแต่พวกขุนนางร่วมตัวกันป่วน แน่นอนว่าถูกเจินเซียหยางฮ่องเต้กีดกันให้อยู่กันเป็นส่วน ๆ เจินเซียหยางฮ่องเต้มิอาจกำจัดตระกูลป๋าย พวกเขามีอิทธิพลมากเกินไป แค่กักบริเวณองค์ชายสิบสาม เสมือนว่าความผิดทั้งหมดเป็นของเจินจิ่วเยี่ยน ก็ทำตระกูลป๋ายไม่พอใจมากแล้ว ไม่มีทางที่โอรสสวรรค์จะกล้าลงมืออะไรอีก เจินจิ่วหรงเหยียดตัวนอนบนตั่งหินอ่อน รอเวลาที่ทุกอย่างจบลงด้วยกองเลือดมากมาย การพลัดพรากและสูญเสีย ทุกอย่างเริ่มต้นจากความเห็นแก่ตัวของเจินเซียหยางฮ่องเต้ นางกับเจินจิ่วเยี่ยนตระหนักดีว่าร่างกายของเสด็จแม่ทรุดโทรมขนาดนี้เพราะใคร ตลอดมาถึงนึกชิงชังเจินเซียหยางฮ่องเต

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status