Share

บทหก

last update Last Updated: 2025-09-17 18:47:38

บทหก

หย่งเสียน ใต้หล้านี้เป็นของเสด็จพ่อต่างหาก

การโรยราในฤดูใบไม้ร่วงเป็นเรื่องน่าเศร้าใจ

เจินจิ่วหรงคิดเช่นนั้น แล้วตัดสินใจข้ามผ่านฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว เพื่อรั้งรอฤดูใบไม้ผลิ นัยน์ตาเรียวดั่งหงส์มองควันขาวขุ่นที่พวยพุ่งจากถ้วยชา เรียวนิ้วมือสอดเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนหนาซึบซับกับความอบอุ่น ริมฝีปากแต้มสีชาดเหยียดเป็นรอยยิ้ม เปลือกตาปรือปิดลงอย่างเชื่องช้า

“รั่วซิน”

“เจ้าคะ” รั่วซินตอบรับเสียงใส ดวงตาดำขลับจดจ้องผู้เป็นนาย “มีอะไรหรือเจ้าคะ”

“เสด็จพ่อมีพระธิดามากมาย ดังนั้นข้าจึงอยู่ท่ามกลางผู้คน แย่งชิงความโปรดปราน” นางเอ่ยอย่างเลื่อนลอย “องค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานหาใครเสมอเหมือนจะต้องเป็นที่สนใจ ส่วนองค์หญิงที่ไม่ได้รับความโปรดปรานจะเป็นที่น่าเอ็นดูและเวทนาจากเหล่าข้ารับใช้ ขณะที่องค์หญิงซึ่งได้รับความโปรดปรานครึ่ง ๆ กลาง ๆ อย่างข้าจะถูกลืม”

รั่วซินเงียบ ตระหนักถึงเรื่องพวกนี้ดีกว่าใคร เพราะอีกฝ่ายติดตามรับใช้นางตั้งแต่ยังมิออกเรือน

“กระนั้นเสด็จแม่กลับตรัสว่า ข้าโชคดีที่อย่างน้อยก็ได้รับความโปรดปราน อาจเพราะตอนนั้นข้ายังเด็กจึงฉีกยิ้มอย่างโง่งม” เจินจิ่วหรงขยับตัว เรียวขาเหยียดกว้าง “ทว่าแท้จริงแล้วมันกลับมิใช่…มิใช่เลยแม้แต่น้อย”

“ท่านแม่ทัพกลับมาไยดีท่านแล้ว ทุกอย่างกำลังดีขึ้นนะเจ้าคะ” รั่วซินฉีกยิ้มกว้าง “หากฮูหยินพยายามอีกหน่อย แม้นฮูหยินรองก็คงไร้ความหมาย”

นางเปิดเปลือกตาครึ่ง แลเห็นรอยยิ้มประดับอยู่ทั่วดวงหน้าของรั่วซิน “ข้ากำลังรั้งรอฤดูใบไม้ผลิ”

สำหรับเทพเซียน เพียงพริบตาเดียวโลกนี้คงผันเปลี่ยนไปมากมาย แต่กับมนุษย์เช่นนางแล้ว การรอคอยนั้นยาวนานเสมอ แต่ใช่ว่าจะมามิถึงเสียทีเดียว ผ่านไปอีกหลายเดือน หยาดหิมะหลอมละลาย มวลบุปไม้ภายในจวนเบ่งบานในที่สุด สัญญาณของฤดูใบไม้ผลิที่มาถึงแล้ว

เมื่อเห็นว่านางดีขึ้น ไท่หย่งเสียนจึงมิตามติดนางอีกต่อไป แล้วกลับไปอยู่กับบุตรชายตัวน้อยของเขา เจินจิ่วหรงยืนนิ่ง ท่ามกลางเสียงหัวเราะใสกังวานของไท่ตงเจิน โดยมีสายตาจากไท่หย่งเสียนจดจ้องอยู่ตลอด เห็นได้ชัดว่าเขากำลังพยายามเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างนางกับเด็กน้อย แต่นั่นดูจะมิเป็นผลสำเร็จ

ประการแรกคงเป็นเพราะตงเหลียนฮวาที่สั่งสอนเด็กคนนี้มา ดูจากดวงตาที่ทอประกายวาวโรจน์ของเขาก็เดาได้มิยากนักหรอก

ประการที่สองนางมิได้เอ็นดูเด็ก หรือมากเมตตาดั่งพระพุทธองค์

และสุดท้ายมันก็มิได้ก่อประโยชน์อันใดมากกว่าที่เป็นอยู่

“หย่งเสียน ท่านควรจะดูสีหน้าของตงเหลียนฮวา ก่อนนำเขามาหาข้า” เจินจิ่วหรงกล่าวเสียงเรียบ ปรายตามองตงเหลียนฮวาที่ทำหน้าตาราวกับนางเป็นฆาตกรที่หมายหัวบุตรชายของตน ไท่หย่งเสียนถอนหายใจยาวเหยียด เดินเข้าไปโอบอุ้มเด็กชายเอาไว้

“ข้าพูดกับนางก่อนหน้านี้แล้ว”

นางเลิกคิ้วสูง “กระนั้นหรือ”

ตงเหลียนฮวารีบหลุบตาต่ำลง หาทางรอดให้แก่ตนเอง แล้วใช้ไท่ตงเจินเป็นเครื่องมือ “ตงเจิน…”

เจินจิ่วหรงกลอกตา เรียวขางามขยับก้าวออกไปอย่างมิไยดี น้อยครั้งที่พวกเขาจะรวมตัวกัน ยิ่งกับการพบหน้าไท่ตงเจิน นับแต่นั้นนางก็ไม่เคยเฉียดใกล้อีกฝ่าย หากมิใช่เพราะว่าวันนี้เป็นวันเกิดของไท่ฮูหยิน ระยะหลังนางมักจะเมินเฉย ทว่าปีนี้เป็นครั้งสุดท้าย…

กระนั้นการร่วมฉลองก็ยังเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย ตงเหลียนฮวากลายเป็นผู้ผูกขาดการสนทนาไปโดยสิ้นเชิง มิรู้ว่าตั้งแต่ เมื่อไหร่ที่ไท่ฮูหยินเริ่มยินดีและสนิทสนมกับอีกฝ่าย อาจตั้งแต่ที่ไท่ตงเจินลืมตาตื่นขึ้นมาบนโลก นางมองรอยยิ้มกว้างของพวกเขา แล้วฉีกยิ้มให้แก่ตนเองอย่างโง่งม ครั้นหันไปดูไท่หย่งเสียนจึงได้พบว่าเขามองนางอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกลับไปสนใจไท่ตงเจิน

ครั้นเงยหน้าขึ้นจึงได้เห็นสายตาเรียบเฉยของอดีตแม่ทัพประจิม “องค์หญิงเก้า”

พวกเขาต่างเรียกนางด้วยนามเช่นนั้น

จอกสุราถูกยกจรดริมฝีปากแล้วกลืนลงไป “เจินจิ่วหรงต่างหากเล่า”

บุรุษสูงวัยโคลงหัวลงครั้งหนึ่ง “งั้นหรือกระหม่อม”

นางมิตอบ เพียงคีบเนื้อเป็ดเข้าไปในปาก ทว่ากลับมิอาจรับรู้ถึงรสชาติของมันได้ มีแค่ความจืดชืด…

ใช่ จืดชืดนั่นแหละ

แท้จริงแล้วการตระเตรียมตนเองมิจำเป็นต้องใช้เวลานานถึงเพียงนี้ ทว่าการหายไปนั่นเป็นเรื่องใหญ่ และนางก็ใช้เวลาคิดทบทวนมาถึงสามปีเต็ม ยามเมื่องานฉลองดำเนินมาถึงค่อนคืน เจินจิ่วหรงขอตัวกลับมายังเรือนของตน ปลายเท้าเหยียบย้ำลงบนกลีบดอกท้อซึ่งโปรยปรายลงมา ดวงจันทร์กลมโตเด่นสง่ากลางท้องนภา

ได้ยินเสียงฝีเท้าของรั่วซินเดินตามอยู่มิห่าง

“คืนนี้เจ้ามิต้องปรนนิบัติข้า” นางยกมือทัดเส้นผมกับใบหู “เช้ามาก็มิต้องล้างหน้าให้ข้า”

“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”

“เพราะเจ้าต้องไปทำอย่างอื่นให้ข้า” เจ้าของร่างอรชรขยับตัวออกไป ชายอาภรณ์ยาวประพื้นดิน “ไปตามองค์ชายสิบสาม เขารู้ดียิ่งกว่าใครว่าควรใช้ประโยชน์จากข้าอย่างไร เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด”

รั่วซินมิใช่สาวใช้ผู้โง่เขลา บางทีอาจทำเป็นเหมือนมิรับรู้อะไร แต่มันช่างตลกร้ายที่อีกฝ่ายกลับเข้าใจนางได้ดีที่สุด “ตอนข้ามสะพานไน่เหอ ท่านอาจต้องการเพื่อนร่วมทาง ไว้บ่าวจัดการหน้าที่ของตนให้เรียบร้อย…”

นางชำเลืองมองรั่วซิน ก่อนผลักประตูไม้เข้าไปในเรือน “ตามใจเจ้า แต่ข้าเตรียมเงินหลายตำลึงทองกับลู่ทางในอนาคตให้เจ้าแล้ว”

สิ่งแรกที่สัมผัสได้ยาวก้าวเข้าในเรือน คือความมืดสลัว นางวาดมือไปกลางอากาศ พลางจุดตะเกียงไฟ ให้พอเห็นสิ่งของต่าง ๆ ภายในห้อง ผ้าแพรขาววางอยู่บนเตียง เก้าอี้ตัวเล็กอยู่ตรงผนัง แล้วจดหมายถูกวางไว้ตรงที่สังเกตได้ง่าย ปลายนิ้วมือไล่ไปตามกระดาษคัดลายมือที่ค้างไว้ตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน แท่งน้ำหมึกยังมิถูกฝน พู่กันตกอยู่ใต้โต๊ะ

เจินจิ่วหรงทิ้งตัวนั่งลงหน้ากระจกทองเหลือง ค่อย ๆ ปลดเครื่องประดับตามตัวออก เรือนผมปล่อยสยายลงมาคลอเคลียแผ่นหลัง ฝ่ามือวางทาบบนดวงหน้า “หย่งเสียน ข้ามองเห็นทางออกของสถานการณ์รอบตัวเสมอ แต่ข้ากลับมิเคยมองเห็นทางออกของตนเอง”

ตามด้วยอาภรณ์ตัวนอกที่ถูกถอดออก ผ้าแพรขาวพาดบนคานไม้ เก้าอี้ตัวเล็กถูกเลื่อนออกมา ก่อนเหยียบลงไปบนนั้น แลเห็นสิ่งต่าง ๆ ภายในห้องจากด้านบน ตอนที่มือจับผืนผ้า ตอนนั้นนางนึกถึงความหวาดกลัวอันน่าสมเพชของตนเอง ในช่วงวัยเยาว์

ตำหนักกว้างใหญ่นั้นเคยถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับการโรยรา มันเป็นเรื่องน่าหวาดกลัวเมื่อต้องยืนอยู่บนเก้าอี้ โดยมีผ้าแพรพาดไว้ที่ลำคอ เวลานั้นองค์หญิงเก้าร้องไห้ ปลายนิ้วมือสั่นระริก เสียงสะอื้นดังทั่วตำหนัก ราวหนึ่งชั่วยามที่ยืนอยู่แบบนั้น ก่อนยอมสยบให้กับความหวาดกลัว

ทว่ามันจะมิเป็นเช่นนั้นอีก

“แท้จริงแล้วข้าชอบกริชมากกว่า” นางเอ่ย พาดผ้าขาวกับลำคอ “แต่เพราะข้าเป็นองค์หญิง เหล่านางในมักเลือกผ้าแพร เพราะมันแค่หลับตาลง ราวภาพฝันที่ค่อย ๆ จมดิ่ง”

มันมิได้ทรมานอย่างที่ใครคิดเอาไว้นัก

หลับตาลง แล้วก็ก้าวออกไปกลางอากาศ ปล่อยให้เส้นผมและอาภรณ์ลู่ตกลงมา

น่าตกใจที่นางกลับมิได้คิดถึงเสด็จแม่หรือใคร เพียงความว่างเปล่าและรอยยิ้มซึ่งขยับกว้างขึ้นเรื่อย ๆ พรุ่งนี้จะต้องมีข่าวขององค์หญิงเก้าแพร่ออกไปทั่วเมือง พวกเขาอาจเสียใจเล็กน้อย แล้วก็หมกหมุ่นอยู่กับบัลลังก์ทอง เวลานั้นเสด็จพ่ออาจให้องค์ชายสิบสามเป็นคนจัดการงานของนาง จากนั้นก็ฝังนางลงใต้ผืนดินเหมือนคนอื่น ๆ

มิมีอะไรผิดแปลกออกไป ก็แค่การโรยรา เสด็จแม่จะต้องมิเสียใจ ส่วนไท่หย่งเสียน เขาอาจมีลูกอีกคนกับตงเหลียนฮวา มันคงดีหากเขาจะยังระลึกถึงนางอยู่บ้าง แม้นจะบอกว่าตระเตรียมเอาไว้แล้ว ทว่ามันคือจิตใจของมนุษย์ สิ่งที่คาดเดาได้ยากที่สุด และนางมิเคยชนะมันได้เลยสักครั้งเดียว

ท้องฟ้าและผืนหญ้าเป็นของเจ้า

ประโยคนั้น แท้จริงนางมิเคยเข้าใจมันเลยแม้แต่น้อย มันอาจเป็นถ้อยคำล่อลวงองค์หญิงผู้น่าสงสาร หลอกล่อให้ออกมาจากรงทอง ดิ้นรนและบาดเจ็บ จากนั้นก็ค่อย ๆ ตาย

หย่งเสียน ใต้หล้านี้เป็นของเสด็จพ่อต่างหาก

ลาก่อนองค์หญิงเก้า เจินจิ่วหรง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จิ่วหรง   บทสุดท้าย

    บทสุดท้าย ท้องฟ้าและผืนหญ้า ปฏิหาริย์มีจริง และเต็มเปี่ยมด้วยหยดน้ำตาขององค์รัขทายาท หลังองค์หญิงเก้าที่สลบไปเป็นปีลืมตาตื่น พร้อมกับฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ดวงตาเรียวดั่งหงส์อันเลือนลอยกวาดมองรอบกาย ดวงหน้าซีดเซียวไร้รอยยิ้ม แตกต่างจากตอนสลบไปโดยสิ้นเชิง เสมือนว่าเจินจิ่วหรงไม่ต้องการตื่นขึ้นมาอีกแล้ว ลำคอของนางแห้งเหือด จนต้องดื่มน้ำไปหลายถ้วย ขณะถูกองค์รัชทายาทและพระชายาเอกนามซ่งเยี่ยหวั่นพยุงตัวขึ้น เจินจิ่วหรงมองพวกเขา ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อบ เจินจิ่วเยี่ยนที่ตอนนี้ครองตำแหน่งองค์รัชทายาทมาสองปีเผยรอยยิ้มกว้าง หยดน้ำตาไหลอาบลงมาไม่ยอมหยุด เขาโอบกอดพี่สาวของตนเองแน่น ขณะเจินจิ่วหรงเหมือนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว “หย่งเสียน…ละ”นางถามหาเขาเป็นประโยคแรก ทำให้เจินจิ่วเยี่ยนและซ่งเยี่ยหวั่นหยุดชะงักไปตามกัน พวกเขาหลบสายตาของเจินจิ่วหรง แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น “เขาตายไปนานแล้ว” “…” “ล่าสุดที่ข้าไปเยี่ยมหลุมศพของเขา มีดอกหญ้าขึ้นปกคลุม ทุกอย่างเขียวขจี” นางค่อย ๆ พยักหน้าอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหน ปลายนิ้วมือกำลังสั่นระริก ร่างกายสั่นสะท้านราวนกตัวน้อยห

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบแปด

    บทยี่สิบแปด การไม่ครอบครอง การเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจเริ่มขึ้นแล้ว หลังเจินจิ่วหรงกลับจากวังหลวง เช้าวันต่อมาเรื่องราวการทุจริตของตระกูลป๋ายก็ถูกเปิดเผย เจินเซียหยางฮ่องเต้เผยแพร่เรื่องนี้ให้ประชาชนรับรู้ ตระกูลป๋ายกลายเป็นนักโทษของสังคม ก่อนการไต่สวนครั้งสุดท้ายจะมาถึงเสียอีก คนจากวังหลวงเชิญเจินจิ่วหรงไปเป็นพยานในการไต่สวน เดิมนางคิดจะปฏิเสธ แต่กลับอยากเห็นสีหน้าผู้เฒ่าของตระกูลป๋ายขึ้นมา เลยแต่งกายสีฉูดฉาดเรือนผมประดับปิ่นทองคำเก้าเล่มไปดูพวกเขาด้วยตาตน เสียงความวุ่นวายรบกวนความสงบ ท้องพระโรงเหมือนสนามรบ นางเลือกจะไม่พูดอะไรออกมามากนัก แค่พยักหน้าและตอบในสิ่งที่สมควร ทำเอาพวกตระกูลป๋ายชี้หน้าด่าจนโดนตบกันเป็นแถบ เจินจิ่วหรงแค่นยิ้มเย็นชา ประโยคสุดท้ายที่นางเอ่ยเลื่อนลอยยิ่งนัก ก่อนนางจะหมดสติไปท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนมากมาย หมอหลวงบอกว่านางอยู่ได้อีกไม่นาน เจินจิ่วหรงนั่งนิ่ง เหม่อมองภาพสะท้อนของตนเองบนกระจกทองเหลือง ท่ามกลางเหล่านางกำนัลที่เกล้าผมให้อยู่ ทั้งหมดเป็นเพราะการไม่ได้พักผ่อนหลังคลอดลูก รวมถึงการถูกวางยาตลอดระยะเวลาที่กลับมายังจวนแม่ทัพ ไม่ต้องคาดเ

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบเจ็ด

    บทยี่สิบเจ็ด นี่คงเป็นเรื่อง ผิดบ้าง ถูกบ้าง “จริง ๆ แล้ว ระหว่างถูกขังในตำหนัก เสด็จพ่อมาหาข้าด้วย แววตาของเขาเลื่อนลอยและว่างเปล่า กระนั้นกลับสะท้อนความเหี้ยมโหดไม่น้อย” “อือ” เจินจิ่วหรงเปล่งเสียงครางตอบรับน้องชายที่นอนอยู่บนตักของนาง พลางยกมือลูบหัวเขาเบา ๆ เปลือกตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ “เขาบอกว่าเสด็จแม่—ป๋ายอวี้หลันจะมีความสุขกว่า หากกลับสู่อ้อมอกของตระกูลป๋าย แทนการถูกฝังในสุสานหลวง” “…” “แล้วหลังจากนั้นเขาก็ร้องไห้ออกมาละ” “อ่า” “ต่อให้พวกเราไม่เลือกชิงบัลลังก์ แต่ความกดดันจากตระกูลป๋าย และข้ายังเกิดมาเป็นบุรุษ อย่างไรก็หลีกหนีความโลภคนมากมายไม่พ้น แม้นแต่เสด็จแม่ก็ตาม” “…” “มีบางครั้งข้านึกอิจฉาท่านพี่ไม่น้อย ท่านไม่ต้องแก่งแย่งชิงบัลลังก์ ไม่ต้องเป็นที่คาดหวังของใคร ๆ แต่พอท่านพี่ต้องแต่งงาน ข้าก็ความเข้าใจความกดดันอันแตกต่างระหว่างชายหญิง ทว่ากลับอดริษยาท่านพี่มิได้เลย” เจินจิ่วหรงลืมตาขึ้นมองเขา ภาพตรงหน้าเลือนรางยากจะแยกออก นางขยับรอยยิ้มบางเบาอันเศร้าหมอง พร้อมเอ่ย “นี่ไม่เหมือนคำพูดของผู้ต้องการช่วงชิงเลยนะ หรือว่าตอนนี้เจ้าไม่ต้องการบัลลังก์แล้ว

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบหก

    บทยี่สิบหก ข้าอยากให้เขาเลือกครอบครัวมากกว่า ความรู้สึกที่เจินจิ่วหรงมีต่อตงเหลียนฮวา ในอดีตนอกจากความอิจฉาริษยาก็ไม่มีสิ่งใด ทว่าตอนนี้มันกลับไม่มีความริษยาอันรุนแรงเช่นนั้นอีกเลย หัวใจของนางร้าวรานและนิ่งสงบ หลังผ่านเรื่องราวมากมาย ตงเหลียนฮวาเป็นเพียงจุดบอดเล็ก ๆ ในชีวิตเท่านั้น ตอนพบหน้ากันอีกหนในค่ายทหาร นางขยับรอยยิ้มกว้างอันสดใส บดบังความมืดหม่นของอีกฝ่ายจนหมดสิ้น ตงเหลียนฮวาถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนหนา ดวงหน้าซีดเซียวและอิดโรย ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองนางสลับกับไท่หย่งเสียน เจินจิ่วหรงทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้เขากวาง ในกระโจมแห่งนี้ นอกจากแม่ทัพประจิม ไท่หย่งเสียนและนางก็ไม่มีใครอื่น “ไม่เจอกันนานเลยนะ ตงเหลียนฮวา”นางเอ่ยเสียงราบเรียบ รอยยิ้มไม่เลือนหายจากดวงหน้าสักนิด ขณะตงเหลียนฮวากวาดมองทุกอย่างด้วยความหวาดระแวง เตรียมขอความช่วยเหลือจากไท่หย่งเสียน “หย่งเสียน…ช่วยข้าด้วย” ไท่หย่งเสียนยืนนิ่งเพื่อรอรับคำสั่งจากองค์หญิงเก้าแต่เพียงผู้เดียว ทำให้ตงเหลียนฮวาตระหนักถึงความจริงว่าเขาเก็บนางไว้เพื่อกลายเป็นนักโทษหรือเหยื่อของเจินจิ่วหรงในสักวัน และวันนี้ก็มาถึง ตงเหลียนฮวาเปล่

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบห้า

    บทยี่สิบห้า เจินจิ่วหรงที่บ้าคลั่ง เจินจิ่วหรงนอนแช่ตัวอยู่ในถังน้ำใสสะอาด เส้นผมดำขลับยาวสลวยเลื่อนลงปรกดวงหน้างดงาม หลบซ่อนแววตาสั่นไหวของนางอย่างแนบเนียน ไม่มีข้ารับใช้คนในอยู่ในเรือนนอน จวนตระกูลไท่ถูกทหารล้อมเอาไว้ แม้นว่าการปราบจลาจลจะจบลงแล้ว ดูเหมือนว่าเจินเซียหยางฮ่องเต้จะหวาดระแวงตระกูลไท่อย่างสมบูรณ์แบบ แม้นแม่ทัพประจิมจะเป็นดั่งสุนัขถวายหัวอยู่แทบเท้าก็ตามที ทั้งหมดเป็นเพราะเจินจิ่วหรงคือสะใภ้หนึ่งเดียวของตระกูลไท่ ซ้ำตอนนี้ยังให้กำเนิดบุตรชายแก่พวกเขา ต่อให้ปกปิดที่อยู่ของไท่หย่งเล่อ แต่ก็มิอาจปิดบังตัวตนการมีอยู่ของเขา เจินเซียหยางฮ่องเต้เป็นคนขี้ระแวงและโลภมาก ไม่นานย่อมจับลูกชายของนางเป็นตัวประกัน ทุก ๆ อย่างเหลือเวลาไม่มากแล้ว แต่เจินจิ่วเยี่ยนอายุย่างสิบสี่ปีเท่านั้น ไม่มากพอจะขึ้นครองบัลลังก์โดยไร้ผู้สำเร็จราชการแทน สุดท้ายเขาจะกลายหุ่นเชิดอีกตัวสำหรับตระกูลป๋าย “นี่ หย่งเสียน”นางเอ่ยปากเรียกเขาที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นไร้ลวดลาย ไท่หย่งเสียนชำเลืองมองภรรยา “อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ ข้าเตรียมอาภรณ์ให้เจ้าแล้ว” น้ำเสียงของไท่หย่งเสียนอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ร

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบสี่

    บทยี่สิบสี่ ลาก่อนพระสนมเสียนเฟย เจินจิ่วหรงถูกกักตัวอยู่ภายในตำหนักของตนเอง ขณะไท่หย่งเสียนถูกแต่งตั้งเป็นหนึ่งในแม่ทัพเฉพาะกิจกวาดล้างตระกูลเสวียน ภายในวังเกิดการนองเลือดจำนวนมาก เสวียนผินถูกสังหาร แตกต่างจากองค์ชายไม่สมประกอบที่ถูกพวกกบฏนำตัวออกนอกวัง หว่านกุ้ยเฟยและโอรสของนางอย่างองค์ชายเจ็ดถูกนำตัวไปยังห้องลับอันปลอดภัย ส่วนองค์ชายสิบสามถูกกักตัวเช่นเดียวกันกับนาง ตระกูลป๋ายยังไร้การเคลื่อน พวกเขาไม่ได้มีกำลังทหารอะไร มีแต่พวกขุนนางร่วมตัวกันป่วน แน่นอนว่าถูกเจินเซียหยางฮ่องเต้กีดกันให้อยู่กันเป็นส่วน ๆ เจินเซียหยางฮ่องเต้มิอาจกำจัดตระกูลป๋าย พวกเขามีอิทธิพลมากเกินไป แค่กักบริเวณองค์ชายสิบสาม เสมือนว่าความผิดทั้งหมดเป็นของเจินจิ่วเยี่ยน ก็ทำตระกูลป๋ายไม่พอใจมากแล้ว ไม่มีทางที่โอรสสวรรค์จะกล้าลงมืออะไรอีก เจินจิ่วหรงเหยียดตัวนอนบนตั่งหินอ่อน รอเวลาที่ทุกอย่างจบลงด้วยกองเลือดมากมาย การพลัดพรากและสูญเสีย ทุกอย่างเริ่มต้นจากความเห็นแก่ตัวของเจินเซียหยางฮ่องเต้ นางกับเจินจิ่วเยี่ยนตระหนักดีว่าร่างกายของเสด็จแม่ทรุดโทรมขนาดนี้เพราะใคร ตลอดมาถึงนึกชิงชังเจินเซียหยางฮ่องเต

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status