Share

จิตนาการ

Author: Sanassetong
last update Last Updated: 2025-09-30 17:52:20

"ท่านอาจารย์เจ้าคะแล้วคัมภีร์ที่ท่านอาจารย์ให้ข้าศึกษานั้นมันมีทั้งหมดกี่เล่มหรือเจ้าคะ แล้วข้าต้องไปหาจากที่ใด"

เด็กน้อยถามขึ้นด้วยความสงสัย

"มันจะมีกี่เล่มหรือไปหาที่ใดนั้นท่านอาจารย์ไม่สามารถรับรู้ได้ หากเจ้ามีบุญวาสนาเกี่ยวกับมันเจ้าก่อจะได้สัมผัสกับมันเอง บางครั้งอาจจะเป็นคัมภีร์เล่มๆแบบนี้หรือเจ้าอาจจะสัมผัสด้วยตัวของเจ้าเอง แล้วเจ้าก็จะได้เห็นวิชามันมาในรูปแบบต่างๆเอง อาเป็นว่าตอนนี้เราเริ่มบทเรียนบทแรกเพื่อที่จะให้เจ้าได้เปิดเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ์เสียก่อนเถอะ"

ชายชรากล่าวขึ้น

"จะฝึกได้อย่างไรหรือเจ้าคะในเมื่อเขาให้ฝึกตอนกลางคืน ให้ไปนั่งสมาธิรับแสงดวงดาวเพื่อที่จะให้แสงแห่งพลังข้ามาในร่างกายให้มันมากๆ"

เด็กน้อยกล่าวขึ้น

"ใช่แล้วแหละเขาให้เจ้ามานั่งสมาธิเพื่อที่จะรับแสงจากดวงดาวแต่ตอนกลางวันนั้นเจ้าก็ยังต้องฝึกร่างกายเหมือนเดิมนั่นก็คือยืนขาข้างเดียวให้มั่นคงเสียก่อนไปเถอะ"

ชายชรากล่าวขึ้น เด็กน้อยก็ทำตาม ณ เวลานี้นางเริ่มที่จะยืนขาเดียวได้แบบไม่เซแล้วเล็กน้อยแต่ใช้เวลาไม่นานนางก็ต้องเปลี่ยนใช้ขาอีกข้างนึงสลับกันไปในหนึ่งวัน นางก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว แต่นี้ท่านอาจารย์ยังจะให้นั่งสมาธิเพื่อรับแสงจากดวงดาวอีก เมื่อกินข้าวเสร็จนางก็นั่งรอเวลากลางคืน

"คืนนี้เจ้าก็นั่งอยู่ข้างบนนี้แหละเดี๋ยวข้าจะเข้าไปนอนแล้วรอให้ท้องฟ้ามืดแล้วเจ้าก็นั่งก็สมาธิแล้วกัน"

ท่านอาจารย์กล่าวขึ้นและเข้าไปพักผ่อน ไม่ใช่ว่าเขาจะหลับได้เต็มที่ แต่เขาต้องแอบดูศิษย์อยู่แล้วเพราะเด็กๆนั้นเวลาอยู่ในที่มืดๆมักจะกลัว ยามราตรีนั้นเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมพัดแผ่วเบาและเสียงแมลงกลางคืนที่ขับกล่อมอยู่ห่างไกล เด็กน้อยมองซ้ายมองขวาไม่มีใครก็ขึ้นไปนั่งบนแท่นสูงที่ตั้งตระหง่านขึ้นฟ้า มีพื้นที่เล็กน้อยที่เหมาะสำหรับคนนั่งได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้นนางนั่งลง เมื่อหลับตาลง ทุกสิ่งรอบตัวค่อยเลือนหายไป ความมืดภายในกลายเป็นผืนผ้าใบอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ คล้ายกระแสน้ำที่โอบอุ้มสติให้นิ่งสงบ ความกลัวเวลานั่งสมาธิในความมืดเงียบ คล้ายเงาในใจที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมา เมื่อภายนอกสงัด สิ่งที่ซ่อนลึกในจิตก็ยิ่งชัดเจนขึ้น เสียงลมอาจกลายเป็นเสียงกระซิบแปลกประหลาด ความมืดที่ปิดตาไว้กลับทำให้ใจจินตนาการถึงเงาไร้รูป เสียงหัวใจเต้นชัดเจนเกินไปจนเหมือนเสียงกลองเร่งเร้า บางขณะความว่างเปล่ากลายเป็นเหวลึกที่น่าหวาดหวั่น ราวกับว่าหากปล่อยใจจมดิ่งลงไป จะไม่อาจหวนกลับคืนมา ความรู้สึกตัวเลือนลางดั่งเดินอยู่บนเส้นด้ายระหว่างโลกจริงกับโลกเงา ทว่าแท้จริงแล้ว ความกลัวเหล่านั้นไม่ใช่อสูรภายนอก แต่คือสิ่งที่จิตสร้างขึ้นมาเอง ยิ่งรับรู้ ยิ่งพยายามจะหลบหนี ก็ยิ่งถักทอให้มันมีรูปทรง คืนแรกเด็กน้อยรู้สึกว่าทำได้ไม่ดีนักเนื่องจากว่าเมื่อเขาหลับตามาทีแรกก็เกิดจินตนาการ เป็นรูปต่างๆภายในใจทำให้นางรู้สึกหวาดกลัว

"เป็นอย่างไรบ้างในคืนแรกนั้นเจ้าได้รับรู้ถึงพลังแห่งดวงดาวหรือยังล่ะ"

ชายชราถามขึ้น

"โถ่ท่านอาจารย์หากข้าได้รับพลังแห่งดวงดาวในครั้งแรกก็แปลกแล้วละ เมื่อคืนนะข้านั่งสมาธิไปข้าก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ เหมือนข้างหน้าจะเป็นรูปร่างแต่พิลึกเหมือนทางขวาทางซ้ายจะเป็นรูปร่างที่น่ากลัว ข้าพยายามดึงจิตใจให้มาสงบเหมือนเดิมก็กลับเห็นรูปร่างและกลัวขึ้นมาอีก"

เด็กน้อยพูดขึ้น

"555ไม่แปลกหรอกขนาดผู้ใหญ่นั่งสมาธิแรกๆยังเป็นเลย แล้วนับภาษาอะไรกับเจ้า ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการนั่งสมาธิคืออะไร"

ชายชรากล่าวขึ้น

"ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรล่ะท่านอาจารย์ในห้องข้างล่างนั้นมีตำราฝึกนั่งสมาธิข้าก็อ่านแล้ว"

เด็กน้อยพูดขึ้นและวันนี้ก็ทำเช่นเดิมอีก ตอนกลางวันฝึกฝนร่างกาย ตอนกลางคืนฝึกฝนภายใน เมื่อหลับตานั่งสมาธิคราใดจิตใจของเด็กน้อยก็จะรู้สึกว่าสร้างจินตนาการขึ้นมาแล้วหวาดกลัวแต่เขาเองก็ไม่ย่อท้อเวลาค่อยๆผ่านไปในแต่ละวันเด็กน้อยก็ยังฝึกฝนเช่นเดิม ตอนนี้นางฝึกร่างกายได้ดีแล้ว ในการยืนขาเดียวนางก็ไม่เซและได้ข้างละหนึ่งก้านธูปแล้ว เวลาเกือบหนึ่งปีที่นางได้ไหมอยู่บนเขานี้และฝึกฝนแบบเดิมซ้ำๆ ชายชราก็ให้คำปรึกษาและปลอบใจตลอด ในที่สุดในการนั่งสมาธิความหวาดกลัวและความว้าวุ่นที่เคยกวนใจค่อยๆ ละลายหาย ราวกับละอองหมอกที่ถูกแสงจันทร์กลืนกลาย หัวใจเริ่มเบา ดั่งไม่ต้องแบกภาระใดไว้ สติจมดิ่งเข้าสู่ความเงียบที่บริสุทธิ์ ความมืดไม่ใช่ความน่ากลัว หากแต่เป็นอ้อมแขนอันอ่อนโยนของราตรี ที่โอบกอดผู้ปฏิบัติให้กลับคืนสู่ความว่างเปล่า ในห้วงขณะนั้น โลกภายนอกมิได้หายไป แต่กลับถูกหลอมรวมเป็นเพียงเสียงลมหายใจ เสียงจังหวะหัวใจ และความสงบที่แผ่ซ่านไปทั่วกาย เปรียบประดุจสายน้ำอันนิ่งสนิทในค่ำคืน ที่แม้ไร้แสงดาว ก็ยังส่องประกายจากความสงบในตัวเอง เด็กน้อยสามารถเปลี่ยนความคิดขนาดนั่งสมาธิได้แล้วตอนนี้เขาพร้อมที่จะเปิดรับพลังงานจากแสงดวงดาวเขาไม่หวาดกลัวเงารูปร่างที่เขาจินตนาการขึ้นมาแล้ว

"ท่านอาจารย์เจ้าค่ะข้าฝึกฝนมาหนึ่งปีแล้ว และตอนนี้ข้ารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจิตใจที่เคยว้าวุ่นที่เคยก่อสร้างตัวสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวนั้น ข้าไม่พบเจอมันอีกแล้ว ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าใจของข้าเริ่มที่จะมีสติและเข้าสู่กับความเงียบที่บริสุทธิ์ได้แล้ว ไม่นานข้าก็คงรับพลังงานแสงจากดวงดาวได้ แต่ในคัมภีร์มันบอกว่าข้าต้องเลือกดวงดาวหากข้าเลือกผิด วิณญาณข้าก็ต้องหายสาบสูญ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรหรือเจ้าคะว่าเป็นดวงดาวดวงใดที่ไม่ผิด"

เด็กน้อยถามขึ้น

"เจ้าก็ต้องเลือกตามที่ใจเจ้าปรารถนานั่นแหละมีเจ้าเพียงผู้เดียวที่เห็นดวงดาวเหล่านั้นไม่มีใครที่จะเห็นกับเจ้าด้วย เจ้าก็จงเลือกมาหนึ่งดวงหากมันเป็นดวงที่นำพาเจ้าไปสู่การเกิดเส้นลมปราณก็ถือว่าเจ้าเลือกได้สำเร็จ ถึงเวลานั้นมันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า"

ชายชรากล่าวขึ้น เด็กน้อยหลินซือหยาฟังก็ยังไม่เข้าใจ เหมือนท่านอาจารย์จะสอนแต่นางไม่เข้าใจเอง หรือท่านอาจารย์พูดไม่ให้นางเข้าใจว่าต้องเลือกอันไหน เพราะเหมือนท่านอาจารย์จะให้นางเลือกเอง นางจึงกลัดกุ้มเกี่ยวกับการที่จะเลือกดวงดาวมาก จึงทำให้ตอนนี้นางนั่งสมาธิยังไม่ไปถึงจุดดวงดาวสักที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ผจญป่าฝึกใจ

    แสงอรุณแรกสาดลอดหมู่ไม้ ทาบเงาทาบพื้นดินเป็นริ้วทองอ่อนเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ดัง “ซู่ซู่” คล้ายเสียงกระซิบจากวิญญาณโบราณในหุบเขาหนทางเบื้องหน้าเต็มไปด้วยหมอกขาวบาง ลึกลับราวม่านแห่งสวรรค์ที่กั้นระหว่างคนกับพลังลมปราณ หลินซื้อหยาย่างเท้าเข้าขึ้นอีกครั้งหลังจากพักผ่อนไปได้เล็กน้อย มือกำดาบไม้แน่น ในหัวใจไม่มีสิ่งใด นอกจากคำอาจารย์ที่ว่า“หากเจ้ามิอาจฝึกจิตให้สงบในหมู่ความวิเวก เจ้าก็ไม่มีวันก้าวข้ามขอบเขตวรยุทธได้”ทุกย่างก้าว นางต้องเผชิญทั้งความเงียบ ความหิว และความกลัวบางคืน เสียงสัตว์คำรามดังก้องในหุบเขาบางยาม ลมเย็นพัดผ่านจนเหมือนมีเงาผู้คนเดินตามอยู่ข้างหลัง แต่เมื่อหลับตาและปล่อยใจเข้าสู่สมาธิ นางกลับสัมผัสได้ถึงจังหวะของลมหายใจที่ผสานกับเสียงป่า ใบไม้ไหว คือการเต้นของพลังชีวิตสายน้ำที่ไหล คือการหมุนเวียนแห่งลมปราณและในที่สุด นางก็เข้าใจว่า “วรยุทธ มิได้อยู่ในคัมภีร์ แต่อยู่ในหัวใจผู้ไม่ยอมแพ้”ในป่า จากเด็กสาวที่กลัวเสียงสัตว์กลายเป็นนักยุทธที่ยืนหยัดได้กลางพายุฝนมือขวาจับดาบนิ่งสงบ ดวงตาแน่วแน่พลังภายในพลุ่งพล่านเหมือนสายน้ำที่ไหลกลับสู่ต้นธาร ราตรีนั้น ฟ้าปิดเงียบไร้ดา

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ก้าวแรกสู่ความกล้า

    เช้าวันต่อมาสองคนอาจารย์กับลูกศิษย์เมื่อกินข้าวกันเสร็จ ก็เตรียมตัวที่จะออกไปเดินป่าปกติเด็กน้อยจะไม่ค่อยได้ออกไปเดินป่าสักเท่าไหร่เพราะว่าในป่านั้นมันอันตรายชายชราจึงไม่อยากให้นางได้ไป แต่วันนี้นางมีวรยุทธถึงขั้นหนึ่งแล้ว นางจึงจำเป็นที่จะต้องหาประสบการณ์บ้าง ชายชราเพียงส่งเด็กน้อยไว้ในป่าที่เขาสามารถควบคุมได้และกลับไปยังเรือนของตัวเอง ยามที่เด็กน้อยผู้นี้ประสบภัยในป่านี้เขาก็จะได้รับรู้เป็นผู้แรกและจะมาช่วยนางได้ทันแน่นอน เมื่อนางเดินเพียงลำพังนางก็ขวัญคิดเมื่อนั้นทุกข์ได้ออกจากบ้านครั้งแรกตอนนั้นนางรู้สึกกลัวได้แต่เดินอยู่ในป่าแต่ณเวลานี้นางรู้สึกว่านางไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้วเพราะท่านอาจารย์บอกว่านางต้องหาประสบการณ์ในป่าต้องสู้กับสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร อาจารย์จะมารับในอีกสามวัน นางจะได้เผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนางรู้สึกตื่นเต้นมากๆ นางไม่รู้เลยว่าอยู่เฉยๆตัวเองจะมีวรยุทธ์ลำดับหนึ่งขึ้นมาได้อย่างไร แต่เอาเข้าจริงๆนางก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เพราะในความที่นางฝันนั้นมันเหมือนจริงมากๆ นางทรมานมากๆแล้วเป็นเวลานานเสียด้วย แต่ถ้าหากให้นางฝึกยุทแล้วทรมานขนาดนี้ แล้วมีวรยุทธ์เพียง

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ปักปิ่น

    ชายชราลงเขาเพื่อไปหาเครื่องประดับสำหรับสตรีสำหรับเขาแล้วไม่เคยชินสำหรับการสรรค์หาสักเท่าไหร่ หมู่บ้านเล็กๆที่มีของขายมากมายส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ไปจับจ่ายซื้อของที่ได้มาจากเขา นายพรานชอบล่าสัตว์ป่าบางประเภทที่หายากมาขาย แร่ธาตุต่างๆที่เหมาะสมสำหรับฝึกวรยุทธ์ รวมไปถึงส่วนใดส่วนหนึ่งของสัตว์ เช่นงาสัตว์และเขาสัตว์ที่หายากอีกต่างหาก เขาเดินเที่ยวหาเครื่องประดับสตรีอยู่ตั้งนาน"อ้า ไป๋อีเฟิงเจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะหาอะไรอยู่หรือเปล่า แต่ที่เจ้าหานั้นเป็นของสตรีนี่เจ้าจะหาไปให้ผู้ใดกันหรือ"เสียงชายชราผู้หนึ่งดังขึ้น มาแต่ไกลชายชราผู้นี้จึงมองไปที่เขา"อ่า เจ้าหม่าเหิง เป็นยังไงล่ะวันนี้ถึงมาเดินตลาดได้นะ"ชายชรากล่าวขึ้นเมื่อเห็นสหายเก่าเดินมาแต่ไกล"เขาว่าช่วงนี้มีหางยูนิคอร์นขายข้าเลยมาเดินดูเสียหน่อยเผื่อจะได้สักเส้น ว่าจะเอาไปต่อกระดูกเจ้าล่ะมาหาอะไรเห็นด้อมๆมองๆกับของพวกสตรีเหล่านี้ "ชายชราอีกคนถามขึ้น"ช่วงนี้ลูกศิษย์ของข้าจะมีอายุครบสิบห้าหนาวแล้ว ข้าจึงต้องทำพิธีปักปิ่นให้นางน่ะ ข้าจึงมาหาปิ่น เพราะเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีปิ่น"ชายชรากล่าวขึ้น"เฮ้ เจ้ามีลูกศิษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก่อ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ตื่นแล้ว

    ภาพนี้หยุดนิ่งอยู่เนินนานเลือดที่ออกจากทวารทั้งเจ็ดนั้นไม่ได้แห้งเหือดไปเหมือนไหลอยู่ตลอดเวลา ชายชราไม่ดื่มไม่กินยืนเฝ้าเด็กสาวผู้นี้และคอยฟังเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาตลอด พอถึงเช้าวันที่แปดเหมือนสีหน้าของเด็กสาวผู้นั้นจะดีขึ้นและเลือดเริ่มหยุดไหลแล้ว ลมหายใจของนางเร็วและถี่ขึ้นเหงื่อนั้นท่วมใบหน้า บางครั้งมีเส้นเลือดปูดวิ่งไปวิ่งมาตามตัว ชายชรามองด้วยความเห็นใจเด็กคนนี้กำลังจะต่อสู้กับดวงดาวที่ตนเลือกแล้ว ทางด้านเด็กน้อยกำลังลังเลว่าจะเลือกดาวดวงใดแต่อยู่ๆเหมือนสติก็ดับวูบลงไปพอได้สติอีกครั้งเหมือนแขนขาของเขาถูกตึงไว้ผิวหนังของนางร้อนระอุราวกับถูกไฟลวก อุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่าปกติ เลือดในกายขับเคลื่อนรวดเร็วราวน้ำเดือด ดวงตาร้อนฉานเหมือนเปลวเพลิงเผา ลมปราณถูกเร่งเร้าเกินขีดจำกัด คล้ายเชื้อไฟที่ถูกเติมไม่หยุด ทำให้เส้นลมปราณบางส่วนเหมือนจะถูฉีกแตกได้ หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกจากอก เสียงเลือดสูบฉีดดังสะท้อนในโสตประสาท รู้สึกเหมือนร่างกายถูกเผาจากด้านใน เลือดค่อย ๆ แห้งเหือด เป็นความทุกข์ที่ทรมานยิ่งนัก เหมือนว่ามันจะไม่รู้จักจบสิ้น เด็กน้อยพยายามฝืนทนกับความรู้สึกนี้ มันเหมือนจะก

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   เลือกดวงดาว

    เหมือนว่าแรกๆนางจะไปได้ไวมากแต่เหมือนตอนนี้ว่านางเริ่มจะชะงักแล้วชายชราจึงมองออกถึงปัญหาของนางว่าตอนนี้นางยังไม่สามารถที่จะสัมผัสกับดวงดาวได้ ตอนนี้นางแค่สัมผัสกับใจของตัวเองเพื่อไม่ให้จินตนาการไปให้เกิดความกลัวตอนนี้ใจนางบริสุทธิ์ก็จริง แต่ยังไม่สามารถรับพลังของดวงดาวได้ อาจจะเป็นเพราะว่านางกังวลเรื่องที่จะเลือกดวงดาวก็มีส่วน"คืนนี้ในการนั่งสมาธิเจ้าเงยหน้าไปมองดูดวงดาวนับร้อยนับพันพวกนั้นให้เจ้าจดจำสิ่งที่มันกระพริบให้ดีราวๆครึ่งคืนให้เจ้าหลับตาลงสู่สมาธิเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะเลือกดาวผิดหรือถูกตอนนี้เจ้าเป็นกังวลอยู่จึงทำให้ตัวเจ้าเองนั้นไม่มีความก้าวหน้า เจ้าจงคิดเสียว่าชีวิตเจ้ามาถึงขนาดนี้ได้มันดีแค่ไหนแล้ว การเลือกดวงดาวนั้นมันก็เป็นจังหวะของชีวิต มันจะมีดาวดวงหนึ่งที่สีสวยที่เจ้ามองแล้วก็ชอบนั่นแหละมันคือจังหวะชีวิตของเจ้าหากเจ้าเลือกมันมาแล้วมันเป็นดาวมรณะเจ้าก็ต้องทำใจว่าเจ้าต้องยอมตรงนี้ก่อน หากเจ้าไม่คิดที่จะเปลี่ยนเจ้ายังคิดกลัว เจ้าเองก็ไม่มีวันที่จะก้าวหน้า"ชายชรากล่าวกับเด็กน้อยวัยเจ็ดหนาว เด็กน้อยทำหน้าตาราวกับฟ้าจะถล่ม มันเป็นความรู้สึกกลัวจริงๆ จิตใจของนางก็กล

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   จิตนาการ

    "ท่านอาจารย์เจ้าคะแล้วคัมภีร์ที่ท่านอาจารย์ให้ข้าศึกษานั้นมันมีทั้งหมดกี่เล่มหรือเจ้าคะ แล้วข้าต้องไปหาจากที่ใด"เด็กน้อยถามขึ้นด้วยความสงสัย"มันจะมีกี่เล่มหรือไปหาที่ใดนั้นท่านอาจารย์ไม่สามารถรับรู้ได้ หากเจ้ามีบุญวาสนาเกี่ยวกับมันเจ้าก่อจะได้สัมผัสกับมันเอง บางครั้งอาจจะเป็นคัมภีร์เล่มๆแบบนี้หรือเจ้าอาจจะสัมผัสด้วยตัวของเจ้าเอง แล้วเจ้าก็จะได้เห็นวิชามันมาในรูปแบบต่างๆเอง อาเป็นว่าตอนนี้เราเริ่มบทเรียนบทแรกเพื่อที่จะให้เจ้าได้เปิดเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ์เสียก่อนเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น"จะฝึกได้อย่างไรหรือเจ้าคะในเมื่อเขาให้ฝึกตอนกลางคืน ให้ไปนั่งสมาธิรับแสงดวงดาวเพื่อที่จะให้แสงแห่งพลังข้ามาในร่างกายให้มันมากๆ"เด็กน้อยกล่าวขึ้น"ใช่แล้วแหละเขาให้เจ้ามานั่งสมาธิเพื่อที่จะรับแสงจากดวงดาวแต่ตอนกลางวันนั้นเจ้าก็ยังต้องฝึกร่างกายเหมือนเดิมนั่นก็คือยืนขาข้างเดียวให้มั่นคงเสียก่อนไปเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น เด็กน้อยก็ทำตาม ณ เวลานี้นางเริ่มที่จะยืนขาเดียวได้แบบไม่เซแล้วเล็กน้อยแต่ใช้เวลาไม่นานนางก็ต้องเปลี่ยนใช้ขาอีกข้างนึงสลับกันไปในหนึ่งวัน นางก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว แต่นี้ท่านอาจารย์ยังจะให้นั่ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status