Masukอะไรทำให้สามีของนางใจเย็นเหลือเกิน ยามสบมองแววตาคู่คมเปี่ยมประกายปรารถนา ส่องแสงสีชาดเยี่ยงปีศาจซึ่งซ่อนเร้นปิดบังร่างที่แท้จริงเอาไว้จากสายตาผู้คน เขาเฝ้ามองนางด้วยเจตนารมณ์แจ่มชัด ไม่ว่านางจะเดินไปเดินมาในจวน บ่าวรับใช้มาช่วยนางเกล้าผมแต่งตัว นางเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตนหรือนางจะทำอะไรก็ตาม
ไป๋เหม่ยหลานคาดว่าสามีอาจมีแผนการบางอย่าง จึงถือโอกาสเข้าไปในห้องทำงานซึ่งอยู่ถัดจากห้องนอน เผื่อว่านางอาจสืบทราบเบาะแส
ธรรมดาเฉียนฟานอ๋องค่อนข้างตามใจภรรยา นางจะเข้าไปห้องไหนอย่างไร นางเดินไปทั่วจวนนับตั้งแต่มาพำนักอาศัย เขาไม่เคยกล่าวว่าหรือแม้แต่จะจำกัดอาณาเขตของนาง แม้แต่กระดาษบนโต๊ะทำงาน นางไม่เคยแตะต้อง เพียงเหลือบตามองอย่างมีมารยาทเสียหน่อย เขาบอกนางด้วยซ้ำว่าจัดการงานเรื่องอะไร เขาให้เกียรตินางอย่างภรรยา ไม่ต่างจากว่านางได้ตบแต่งกับสามีบนเทวโลกซึ่งมีเพียงความเท่าเทียม
บนโต๊ะไม้สักแดงมีแท่นวางพู่กัน หมึกที่วาดลวดลายอักษรบนกระดาษอย่างงดงาม ปลายหางยาวตวัดขึ้นดังปักษาที่ผงาดกางปีกท่ามกลางท้องนภา
‘ลายพู่กันของท่านอาจารย์... ข้าคิดถึงมันนัก’
ใบหน้าขาวผ่องงามปรากฏรอยยิ้มอิ่มเอม นัยน์ตาคู่สวยยามนี้หากใครมาพบเข้า คงบอกได้ว่าเป็นดวงตาของภรรยาผู้มีความรักใคร่ในสามียิ่ง
“ท่านอาจารย์ยินเฟิงเขียนยันต์แห่งเมืองเทพได้ด้วยหรือไม่?”
“ย่อมต้องทำเป็นทุกอย่าง”
“ท่านสอนข้าด้วย สอนข้านะเจ้าคะ ท่านสอนข้าเพียงครั้งเดียวข้าจะไม่ถามท่านซ้ำซากให้ท่านนึกรำคาญใจ”
“จำได้ว่ายังไงข้าก็ต้องสอนเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะถามข้าสักกี่ครั้งกี่หน... ศิษย์ไป๋”
สัมผัสอ่อนโยนที่ลูบไล้เรือนผมของนางแผ่วเบา ยังคงติดตรึงในห้วงคะนึงหาอาลัย ร่างอรชรในชุดสีขาวสะอาด เกล้ามวยผมเป็นเปีย ปักด้วยปิ่นหยกสีนิล ก้มหน้าลงมองตัวอักษรซึ่งวาดด้วยปลายพู่กัน มีแผ่นหนึ่งนางไม่สามารถอ่านมันออก คาดว่าอาจเป็นภาษาในเมืองปีศาจ
ไป๋เหม่ยหลานพอนึกเรื่องการอ่านภาษาอื่นได้ว่านางควรทำอย่างไร ถึงนางไม่อาจแปลมันให้เข้าใจได้แต่อาจทำให้มันสำแดงฤทธิ์พลังของยันต์ปีศาจ นางจับพู่กันที่วางอยู่ สะบัดมันเบา ๆ เกิดอักขระสีทอง เมื่อวาดลงบนกระดาษ ลอยขึ้นกลางอากาศด้วยเวทสีหยางสีขาวสะอาด ขณะปลายนิ้วทั้งสองวาดผ่านดวงตาข้างซ้ายและขวาไป เพื่อพิจารณา...
แรงสั่นสะเทือนจากยันต์ปีศาจสะท้อนเข้ากับม่านอาคมคุ้มกันภัย อักษรเหล่านั้นราวกับว่าเป็นสัตว์ที่ดุร้ายทำให้นางเข้าใจความหมาย
การต่อต้าน ทำลาย...
ทำลายม่านอาคมหรือ?
ใบหน้าสดสวยขมวดมุ่นเมื่อรู้ความจริงทั้งหมดซึ่งเขาปิดบังนาง เงยหน้ามองผ่านหน้าต่างไม้สลักที่เปิดอ้ากว้าง ตระหนักได้ว่าสามีคงหนีออกไปไม่รู้กี่หน ค่อยกลับเข้าเรือนมานอนกอดนาง ทำเหมือนไม่มีอะไร
‘ปรมาจารย์ปีศาจท่านนี้ฝีมือร้ายกาจเสียจริง’
-----------
ผลข้างเคียงของการใช้โถดึงความทรงจำ เป็นสาเหตุให้เส้นใยขนาดเล็กกระจัดกระจายในหัว แม้กระทั่งปีศาจผู้ไม่เคยหลับใหลในนิทราอาจง่วงงุนอยู่ตลอด หลายวันมานี้สามีจึงตื่นนอนช้ากว่า และเมื่อเขาไม่พบภรรยาในอ้อมแขน ก็ออกไปธุระเสียก่อนค่อยกลับมาพบนาง
“ภรรยา... เจ้าอยู่นี่เอง”
ร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีนิลสนิท ปักทอด้วยลวดลายอสรพิษก้าวเข้าไปใกล้ ๆ ครู่หนึ่งกลับสังเกตเห็นความไม่พอใจ ก่อนที่ใบหน้างามจะกลับมานิ่งเฉย
“ท่านหายดีแล้วหรือเจ้าคะ?”
“อืม... เจ้าล่ะ ยังรู้สึกไม่สบายตัวหรือเปล่า?”
“ข้าสบายดี”
“สบายดี เพียงแต่แววตาบึ้งตึงของเจ้าเหมือนกำลังโกรธเคืองสามี”
ยินเฟิงอ่านความรู้สึกของนางได้แม่นยำ แม้นางเพียงเลื่อนมองไปทางหน้าต่าง ไม่สนใจเขา แลเห็นยันต์บนกระดาษวาดในฝ่ามือเล็กที่เปล่งแสงได้ ท่านอาจารย์เป็นผู้สอนวิชาปลดผนึกเวทมารให้กับนาง
“ท่านออกไปข้างนอกมาหรือเจ้าคะ?”
“ข้าไปพบลูกศิษย์ในเมือง พวกเขาต้องการความช่วยเหลือเล็กน้อย”
“สตรี?” เสียงหวานถาม สามียืนเอามือไพล่หลัง ก้มหน้ามองนาง เขาสวมอาภรณ์ของเมืองปีศาจซึ่งฉางฟู่ไปนำมาให้ ไป๋เหม่ยหลานอดใจไม่ไหวต้องทวนถาม “ผู้ที่ท่านไปพบหา เป็นปีศาจสตรีหรือเจ้าคะ?”
“เป็นสตรี” ในรอยยิ้มกรุ้มกริ่มไม่น่าไว้วางใจ ยินเฟิงเหมือนจะทดสอบนางที่มีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว ใบหน้าสดสวยบึ้งตึงหนัก
“นางงามหรือไม่?”
“ธรรมดาปีศาจย่อมงดงาม พวกนางรักสวยรักงามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะปีศาจจิ้งจอก แต่จะอย่างไรเสียเรื่องงามคงไม่เท่าเล่ห์เหลี่ยมมารยา”
ตอนพิเศษ : เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”“ข้าอาจลืมก็ได้”“ไม่ได้”ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย“ข้าจะลืมแน่...”หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดาบุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเ
หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ในภพภูมิปีศาจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีชาดงดงามพลันหายไปพร้อมกลุ่มไอหยินไป๋เหม่ยหลานตั้งใจไปนำของวิเศษมาให้สามี เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน นางใส่ใจกับการเป็นปีศาจและปรมาจารย์ปีศาจ สามีของนักเป็นอย่างมากทว่าระหว่างทางมีปีศาจจิ้งจอกฝีมือเก่งฉกาจเข้ามาขวางทาง ยื้อแย่งก้อนหินน่าอัศจรรย์ไป นางตบะไม่ถึงปีศาจตนนั้น ไม่ได้ของวิเศษจากถ้ำประหลาดที่ได้ยินมาว่ามันเพิ่มกำลังวังชา ทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนนานไปอีกนับหมื่นปี นางกลับเมืองเหยียนมือเปล่า พร้อมความเศร้าหมองจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างผู้อ่อนแอ ขณะปลายเท้าล่องลอยในเวหา หยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง“วันนี้ข้าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไปทำเรื่องสำคัญก็คว้าน้ำเหลว ข้าควรมีวันหยุดเสียบ้าง” เสียงหวานบ่นพึมพำ กรงเล็บสีนิลสะอาดกรีดกรายผ่านริมฝีปากสีชาด การผัดหน้างดงามของนางจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย นางหันไปกล่าวกับสามีที่เหยียบยืนบนพสุธาตามหลังนางมาไม่นาน“ปีศาจควรมีวันหยุดพักผ่อน”“ปีศาจไม่มีวันหยุด”“แล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปตลอดกาลเลยหรือ? แค่เฉพาะการบำรุงบำเรอใจสามีอสรพิษในภพภูมิปีศาจ ร่างของข้าแทบป่นเป็นเถ้าธุลี”“นับตั้งแต่เราส
“ย่อมได้ เมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เราจะไปเยี่ยมบิดาของเจ้าด้วยกัน เราสาม...” รับปากแล้วมือหนาพลันปลดเปลื้องอาภรณ์ กองหล่นบนพื้นไม้เป็นเงามัน เลื่อนสายตามองไปทั่วทุกอณูกายขาวผ่องงาม หน้าท้องแบนราบปรากฏกลุ่มอายสีดำวนเวียนอยู่เหนือสะดือสวยยินเฟิงเข้าใจภรรยาว่าคงไม่คุ้นชินกับร่างกายซึ่งค่อย ๆ กลายเป็นอสรพิษร้าย ที่มีความอิจฉาริษยาเช่นปีศาจสตรี นางใจร้อน ไม่โอนอ่อนตาม นางกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่น้อยขณะมือเรียวลูบบ่ากว้างของบุรุษร่างกำยำ สตรีในอาภรณ์งดงามสีนิลปักทอด้วยลวดลายอสรพิษ เผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนหวานของสามีจูบของนางกลับกลายเป็นเร่าร้อนเมื่อเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม หลังมื้ออาหารในทุกเช้าค่ำ นางคืบคลานเข้าหา หากสามีไม่เป็นฝ่ายเปิดศึกสู้รับกับนางบนฟูกนอนยับเยิน พร่ำบอกคำรักด้วยการสานราคะ จนกว่าจันทราสีชาดจะลับคล้อยไปในความมืดของเมืองเหยียนในภพภูมิปีศาจ ซึ่งไม่เคยพบแสงตะวันเมื่อสะโพกกลมกลึงยกขึ้น บุรุษร่างกำยำถูกผลักติดกับหัวเตียงไม้สนแดง นางใช้พลังเวททั้งหมดบังคับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ ลวดลายที่สลักอย่างงดงามเหล่านั้นกลายเป็นอสรพิษที่มีชีวิต เลื้อยไหลผ่านฟูกนอนและสองเรือนร่างที่สอดประสาน
“ท่านจะไม่สูญเสียข้าไป ส่วนข้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามท่าน ข้ามีความคิดว่า...” สองมือเรียวผลักอกสามีให้ออกห่างนาง นัยน์ตาสีชาดเบิดกว้างทอประกายชิงชัง “ทำลายใบหน้าหล่อเหลาของท่านเสีย น่าจะสิ้นเรื่องกระมัง”ไม่พูดเปล่า กรงเล็บสีนิลผงาดกางขึ้น ขณะดวงตาคู่สวยสีชาดสั่นไหวลังเล แม้ใจนางปรารถนาจะกรีดใบหน้าหล่อเหลาให้เสียโฉมนัก ด้วยความโง่เง่าของนาง ยังคิดว่าสมควรตัดเจ้ามังกรร้ายทิ้งไปให้หมดทั้งยวง เพราะคงมิใช่เพียงใบหน้าคมคาย บุรุษผู้นี้สามารถสรรค์สร้างความสำราญใจให้สตรีสามีเพียงจับข้อมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จูบกรงเล็กและเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากสีชาด“เก็บเขี้ยวเล็บของเจ้าไว้ขบกัดสามีจะดีกว่าไหมเล่า? ข้ายังมิได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าเลย ศิษย์ไป๋”แววตารุ่มร้อนทอประกาย จ้องมองแก้มแดงซ่านของภรรยา หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปไป๋เหม่ยหลานอดกลั้นจิตใจ มองผ่านหน้าตาบานกว้างสลักลายอสรพิษและปีศาจ สุดสารพัดจะจินตนาการ ท้องนภาปรากฏดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ไม่ต่างไปจากยามราตรีโลกมนุษย์ ทว่ากลางนภากว้างมีจันทราสีชาด ส่องสว่างงดงาม สะท้อนลงบนผืนน้ำสีนิลสะอาด------------บทสุดท้าย终章สามียินยอมพร้อมรับการจิกข่วนจากก
ในน้ำเสียงเศร้าหมองนั้น มือหนาเฝ้าลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ละเอียดไปทั่วทุกอณู ซึ่งถูกหยุดอายุขัยไว้เพียงสิบเก้าปี ถึงแม้ว่าอารมณ์ราคะกำหนัดจะรุมเร้าอย่างหนัก เขาขยับอ้อมแขนกระชับกอดนางให้รู้สึกอุ่นปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเฝ้าซุกไซ้หาความสำราญจากเรือนร่างนุ่มหอม ราวกับว่านางเป็นปั้นดิน แตกต่างที่นางยังคงเป็นนาง เป็นกลิ่นของนางยินเฟิงมีความเชื่อว่านางเพียงหลับใหลในนิทรา อันจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่พบเห็นว่านางพักผ่อนมากขึ้นเมื่อจำต้องต่อสู้กับพลังอาฆาตแค้นและราคะของปีศาจ นับตั้งแต่ปลูกถ่ายกระดูกเซียนให้นางบนโลกมนุษย์มาเจ็ดเดือนกว่า ครั้งสุดท้ายนั้นเป็นลูกแก้วอสรพิษนางควรลืมตาขึ้นในอีกไม่ช้า เขาจำต้องเฝ้ารอนางอย่างใจเย็น‘หากข้าเศร้าหมองใจ เจ้าคงเป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อใดเจ้าลืมตาตื่น ก็ควรจะเป็นวันที่ดีของเจ้า ไป่ไป๋...’สตรีในอ้อมแขนเป็นผู้เดียวในทั่วทุกพรหมโลกที่ทำให้บุรุษร่างกำยำโศกศัลย์อาลัย เขาจ้องมองใบหน้างดงามนิ่งสงบเช่นเดิม มือหนาสะบัดไปมาในอากาศ ปรากฏผ้าผืนใหญ่สีนิลสนิท ห่มคลุมเรือนกายอรชรมิดชิด ร่างกายของนางเย็นเฉียบราวเหมันต์ ผ่อนลมหายใจเข้าออกแผ่วเบา“อื้อ...”
เมื่อมองอีกครั้งหนึ่งงูเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีนิลสนิท ในห้วงฝันนางพบสตรีในอาภรณ์งดงามหัวเราะร่าเริง นางมีใบหน้างดงามอ่อนหวาน‘โอ้... ไป๋เหม่ยหลาน... ศิษย์ไป๋ของท่านเหลือเพียงโครงกระดูก’‘ท่านอาจารย์จะยอมลืมเลือนเรื่องราวระหว่างท่านและนางหรือ?’สตรีอสรพิษคลับคล้ายคลับคลาที่นางเคยพบจากโถดึงความทรงจำ แลเห็นอาจารย์ยินเฟิงในสภาพน่าอดสู ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางนักนางได้ยินทั้งสองยื่นข้อเสนอต่อรอง ซึ่งสำหรับอาจารย์ยินเฟิงขอเพียงจดจำนางไว้ในห้วงความทรงจำ หากเป็นไปได้ก็จะออกตามหานางสุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เข้าใจ...ไยท่านอาจารย์ไม่ลืมนางไปเสีย เมื่อมีวาสนาต่อกันย่อมได้กลับมาพบกันอีกในภพหน้า เขากลับยอมกลายเป็นอสรพิษ เพื่อเก็บความทรงจำระหว่างอาจารย์-ศิษย์ เพื่อให้ได้กลับมาครองคู่นางอย่างสามีภรรยา...---------------ยินเฟิงคงไม่อยู่รอพบหมอหลวงจากราชสำนัก เพียงรอท่านโหวผู้มาเยี่ยมเยียนบุตรสาว ก่อนที่จะหันหลังกำมือแน่นแล้วเดินจากไปฉางผิงโหวรู้แก่ใจดีว่าวันนี้จะมาถึงในสักวัน ไม่สามารถรั้งบุตรสาวซึ่งไม่ใช่บุคคลบนโลกมนุษย์เอาไว้ได้ นาง







