“มายด์ เพียงพอใจ แกรนด์เดย์ หน้าตาเธอเป็นแบบนี้ซินะ หึ”
มือหนาดึงรูปออกมาจากซองเอกสารที่ลูกน้องยื่นให้ก่อนหน้านี้ ซองนี้มาจากสายลับคนหนึ่งที่เขาส่งให้ไปแฝงตัวอยู่กับพวกตระกูลแกรนด์เดย์ ตระกูลชาติชั่วที่ฆ่าพ่อของเขา และลูกน้องคนนี้ก็ตายห่าไปแล้วหลงเหลือไว้เพียงซองเอกสารที่ถูกส่งเป็นจดหมายมาถึงเขาอย่างลับๆนี้
ก่อนจะวางรูปหญิงสาวสวยที่อยู่ในวัยสดใสอายุเพียงแค่ยี่สิบสองเท่านั้นลงกับโต๊ะทำงานไม้สักอย่างดี
หยิบเอามีดพกขนาดกำลังพอดีมือออกมาจากภายในเก๊ะของโต๊ะทำงานนั้นที่ด้ามมีดสลักชื่อตระกูลแกรนด์เดย์ออกมา
ปักมีดลงบนรูปภาพของหญิงสาวนั้นอย่างจงใจ ก่อนจะกรีดกรายปลายมีดไปทั่วจนรูปนั้นขาดไม่เหลือชิ้นดี
มีดที่เคยปักบนอกของพ่อเขาต้องได้ย้อนกลับไปปักอกคนของพวกมันเร็วๆนี้ เลือดจำต้องล้างด้วยเลือดเท่านั้นถึงจะสาสม
แล้วคนที่เขาหมายตาว่าจะให้เป็นเหยื่อของความแค้นสีเลือดนี้ก็คือเธอ เพราะมันคงทำให้พ่อของเธอทรมานจนแทบดิ้นตายเหมือนกับที่พ่อของเขาต้องพบเจอก่อนตาย
“เธอจะต้องชดใช้”
เซนต์จ้องมองรูปที่ขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดีนั้นอย่างไม่วางตา ไฟแห่งความแค้นกำลังลุกโชนภายในดวงตาแข็งกร้าวนั้นราวกับจะแผดเผารูปใบเล็กให้มอดไหม้ไปอีกทาง
“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับนาย”
มาลิคลูกน้องคนสนิทที่ถูกขนานนามว่าเป็นมือขวาของมาเฟียอย่างเซนต์เดินเข้ามารายงานการเตรียมความพร้อมในเจ้านายที่เร่งงานไปก่อนหน้านี้ได้รับรู้
หลังจากที่เขานั้นออกไปจัดเตรียมลูกน้องห้าสิบคนกับรถยี่สิบคันเรียบร้อยแล้ว
“ประกาศออกไป ถ้าใครทำพลาดคราวนี้กูจัดตัดหัวมันด้วยมือกูเอง”
เซนต์ประกาศกร้าวออกไปก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานเพื่อไปขึ้นรถที่ตั้งขบวนรอพร้อมอยู่แล้วนั้น
เมื่อเขานั้นต้องการให้การแก้แค้นครั้งนี้มันสำเร็จภายในครั้งเดียว เมื่อเขาไม่ชอบเสียเวลาทำอะไรซ้ำเป็นรอบที่สองหรือสาม
“ครับนาย”
มาลิคเดินนำหน้าเจ้านายออกไปก่อนเพื่อถ่ายทอดคำสั่งนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น ด้วยไม่บ่อยนักที่ศัตรูจะเดินทางอย่างเปิดเผยแบบนี้
“ออกรถได้แล้ว”
มาเฟียหนุ่มออกคำสั่งเสียงดังลั่นบริเวณหน้าคฤหาสน์ของตัวเองเมื่อเดินมาถึงรถ ก่อนจะก้าวขึ้นรถพร้อมกับมีดสั้นของตระกูลแกรนด์เดย์นั้น
การแก้แค้นที่เขาเฝ้ารอมานานนับจากที่แผนล้มไปเมื่อคราวก่อนกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้มันจะต้องสำเร็จ
มีดเล่มนี้ที่เขาพกติดตัวเอาไว้ตลอดตั้งแต่เสียพ่อไปจะต้องได้ปักลงบนอกของคนตระกูลแกรนด์เดย์
“ครับนาย”
“ในที่สุดก็สอบวันสุดท้ายเสร็จสักที โอ๊ย เหนื่อยจะแย่แล้ว”
เสียงหวานของเพียงพอใจเอ่ยกับพูดกับผู้เป็นพ่ออย่างสดใสในขณะที่กำลังหย่อนก้นนั่งลงบนเบาะนุ่มของรถคันหรูที่พ่อนั้นใช้มารับเธอกลับบ้าน
ด้วยวันนี้เป็นวันสอบเสร็จวันสุดท้ายทุกอย่างก็เลยดูมีความพิเศษไปหมด ทั้งที่ปกติแล้วพ่อไม่เคยมารับเธอกลับบ้านแบบนี้เลย มีแต่จะให้ลูกน้องมารับเธอเท่านั้น
เพราะเหตุที่ว่าจะไม่ให้เกิดจุดเด่นจนเกินไปกลัวคนจะรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวมาเฟียด้วยการมาของพ่อเธอแต่ละครั้งนั้นมีรถล้อมหน้าล้อมหลังเกือบสิบคัน
และเธอก็เข้าใจผู้เป็นพ่อเป็นอย่างดีไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย ขอแค่กลับไปเจอกันที่บ้านก็พอ
แต่ครั้งนี้ผู้เป็นพ่อทำให้เธอเป็นพิเศษ ด้วยเธอไม่ได้กลับมาเรียน ณ ที่แห่งนี้อีกแล้วเมื่อเธอกำลังเรียนจบ
“พ่อยินดีด้วยนะมายด์ คนเก่งของพ่อ”
อัลวินเอ่ยแสดงความยินดีกับลูกสาวเพียงคนเดียวที่เกิดจากภรรยาเพียงคนเดียวของเขาที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน ด้วยในวันนี้ถือเป็นวันรองแห่งการประสบความสำเร็จอีกขั้นของลูกสาวของเขา
พร้อมกับยื่นดอกไม้ช่อโตที่เขาไปเลือกซื้อมาเองส่งให้กับลูกสาวเพื่อเป็นของขวัญเล็กๆน้อยให้กับเธอด้วย
“ปริญญาใบนี้มายด์ยกให้คุณพ่อนะคะ ตอบแทนที่จ่ายค่าเทอมให้หนู”
หญิงสาวเอ่ยอย่างน่ารักกับผู้เป็นพ่อ สดใสไร้เดียงสาในแบบฉบับของเธอด้วยถูกอบรมบ่มนิสัยมาเป็นอย่างดีจากคุณยายที่เกลียดพ่อที่เป็นมาเฟียเป็นที่สุดแต่ก็รับหลานสาวเป็นที่สุดเหมือนกันก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน
“พ่อขอเป็นคนมาช่วยงานพ่อจะดีกว่า”
ด้วยความที่อยากให้ลูกสาวมาช่วยงานเต็มแก่แล้ว เพราะอยากสร้างฐานอำนาจให้แก่ลูกสาวเอาไว้มากๆ เพราะถ้าเขาไม่อยู่แล้วก็จะได้ไม่มีใครกล้ามารังแกเธอ ก็เลยอยากจะให้เธอมาช่วยเขาทำงานเร็วๆ ไม่อยากจะให้ช้าไปแม้แต่วันเดียวเลย
“โอ๊ย ยังอยากจะนอนสักสิบวันอยู่เลย จะให้หนูไปเริ่มทำงานแล้วเหรอคะ”
“แล้วใครบอกว่าอยากจะตอบแทนพ่อกันนะ”
“มายด์เองค่ะ แต่ว่าไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้”
“อยากกินของอร่อยพ่อก็กำลังจะพาไปเลี้ยง ยังจะโอ้เอ้อีกเหรอ”
“ขอพักสองวันนะคะ ได้ไหมอ่ะ คุณพ่อใจดีกับหนูเยอะๆไม่ได้เหรอคะ”
เสียงหวานเอ่ยอย่างออดอ้อนคนเป็นพ่อตามสไตล์ลูกสาวที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจตั้งแต่จำความได้
“ได้สิ แล้วพ่อจะรอนะ”
แล้วผู้เป็นพ่อก็ต้องยอมแพ้ลูกอ้อนนั้น จำต้องให้ลูกสาวมีวันหยุดพักเข้าจนได้
“คุณพ่อใจดีจังเลย หนูรักพ่อที่สุดเลยนะคะ”
ช่อดอกไม้ก็ถือเอาไว้อย่างดีในอ้อมกอดเล็กๆนั้นของเพียงพอใจ ส่วนผู้เป็นพ่อเธอก็พยายามเข้าไปกอดพร้อมกันด้วย ทำเอาทุลักทุเลจนน่าขำขันออกมา
ด้วยทั้งชอบช่อดอกไม้จนวางไม่ลงและก็ทั้งรักพ่อเป็นที่สุดจนอยากจะกอดเอาไว้แน่นๆเพื่อตอบแทนความใจดีของท่าน
“ปัง”
เสียงปืนดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวกลางท้องถนนที่กำลังมีรถวิ่งสวนไปมา ก่อนรถทุกคันจะหยุดวิ่งอย่างกะทันหันแล้วหันหน้ามาหารถของเพียงพอใจและพ่อของเธอ
ราวกับเป็นภาพที่ถูกวาดขึ้นอย่างตั้งใจจากใครสักคน ที่สามารถสั่งให้รถทั้งถนนในระยะสายตานั้นเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวและหมายตารถของเพียงพอใจเพียงคันเดียวเท่านั้น
“คุณ!”หลังจากที่ถูกพามาขังเอาไว้ในห้องหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ในทุกๆวันเพียงพอใจก็มักจะนั่งอยู่ตรงมุมห้องแคบๆเพื่อพยายามนึกให้ออกว่าเธอคือใคร และในวันนี้ก็เหมือนกัน เธอกำลังพยายามนึกอย่างนักจนไม่ได้สนสิ่งรอบตัว แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเขาที่เธอนั้นแสนคุ้นหน้ามายืนอยู่ตรงหน้าของเธอ“เออ กูเอง”มาเฟียหนุ่มที่กำลังได้ที่ตอบกลับออกไปด้วยความไม่สบอารมณ์ เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงที่จะมีอะไรด้วยมาพูดมากแบบนี้พวกเธอควรแค่นอนเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาก็พอ ไม่ควรมีปากมีเสียงให้เขาต้องรำคาญ“ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”หญิงสาวเอื้อนเอ่ยคำถามที่คาใจมาตลอดหลายวันด้วยความอยากรู้ เมื่อเธอนั้นไม่อาจนึกออกเองได้“หุบปากซะถ้าไม่อยากตายคามือกู”ร่างหนาจับกดร่างเล็กให้ลงไปนอนกับพื้นด้วยกำลังที่มีมากกว่า ขึ้นคร่อมร่างเล็กนั้นเอาไว้ในทันทีไม่ให้เธอขยับหนีไปไหนให้ต้องเสียเวลา“ทำไมฉันถึงเป็นนางบำเรอของคุณ”เธอเฝ้าตามเด็กสาวคนนั้นที่เข้ามาส่งข้าวส่งน้ำให้เธอมาหลายวันว่านางบำเรอคืออะไรจนได้คำตอบ เลยรีบถามเขาเมื่อมีโอกาสเพราะกลัวว่าเขาจะหายตัวไปอีก แล้วเธอก็จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองอีกเลย“ก็เพราะเธอมันร่านไ
“ที่นี่คือที่ไหนเหรอคะ”เพียงพอใจถูกพาตัวออกจากโรงพยาบาลในคืนนั้นเลยที่เธอนั้นฟื้นขึ้นมา ทั้งที่ร่างกายของเธอนั้นยังไม่หายดี เวลาเดินเหินยังรู้สึกเวียนหัวอยู่เลยและก็ยังเจ็บระบมอยู่ด้วย ส่วนแผลภายนอกไม่ต้องพูดถึงบนศีรษะของเธอยังมีผ้าพันแผลพันรอบอยู่เลยพอมาถึงยังบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่โดดเด่นท้ายซอยที่ด้านหน้าเป็นปากซอยติดกับถนนใหญ่ รอบๆบริเวณไม่มีบ้านหลังอื่นเลยแม้แต่หลังเดียว ยิ่งทำให้บ้านหลังนี้โดดเด่นเอามากๆเลย แถมด้วยการล้อมรั้วสูงใหญ่และหนาจนคนนอกเดินผ่านมาไม่มีทางมองเห็นด้านในบ้านแน่นอนเธอถึงกับมีคำถามในทันทีว่าที่นี่คือที่แห่งใด เมื่อเธอไม่คุ้นตาเลยตั้งแต่รถถูกเลี้ยวเข้ามาแล้ว ไม่เหมือนกับที่เธอคุ้นหน้าคนที่สั่งให้เธอมาที่นี่เลยแม้แต่นิดเดียว“บ้านไง มองไม่เห็นหรือไงวะ”โจตอบออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นักเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ตั้งคำถามโง่ๆมาตลอดทาง ถามทางบ้าง ถามชื่อเขาบ้างล่ะ แล้วนี่ยังมาถามอีกว่าบ้านคืออะไร“ฉันเคยอยู่ที่นี่มาก่อนเหรอคะ”เธอพยายามนึกจนคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน อาการปวดหัวเริ่มถามหาอีกครั้ง แต่ทว่าก็ยังนึกไม่ออก“ถามมากจริงวะ หุบปากสักที หรือต้องตบปิดปากห
“แผลข้างนอกหายจะหมดแล้ว เหลือแต่ที่หัว เมื่อไหร่จะฟื้นสักทีวะ”ลูคัสที่รับหน้าที่เฝ้ายามหน้าห้องพักฟื้นของลูกศัตรูของเจ้านายบ่นพึมพำออกมาเมื่อเขาต้องมานั่งตรงนี้ทุกวันแทบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยก็ว่า เป็นระยะเวลาเกินครึ่งเดือนมาแล้วความเบื่อหน่ายถามหาเขาจนแทบอยากจะกระอักมันออกมาทางปาก แต่ติดตรงที่กลัวเจ้านายจนหัวหด ก็ทำได้เพียงแค่พูดลอยลมออกมาเท่านั้นนี่ถ้าไม่ใช่งานที่เจ้านายสั่ง เขาก็คงยิ่งอีนั้นที่นอนสบายอยู่ในห้องพักฟื้นนั้นตายห่าไปแล้วแน่ๆ“มึงเบื่อจะเฝ้าแล้วหรือไง”โจหันไปถามเพื่อนด้วยคำพูดสั้นๆ พร้อมกับหน้าตาที่เบื่อหน่ายสุดกำลังเช่นกัน เพราะเขาก็นั่งอยู่ตรงนี้มานานเท่าๆกับไอ้ลูคัสมันนั่นแหละ“เออซิวะ ครึ่งเดือนแล้วนะโว้ย หลับสบายใจอยู่ได้”“กูเบื่อยิ่งกว่ามึงอีก กูยังไม่พูดเลย มึงจะเสือกพูดมากทำไมวะ หนวกหู”“เอาปืนยิงกรอกปากแม่งให้จบๆไป แล้วค่อยไปรายงานนายที่หลังว่าปืนลั่น”“ถ้าอีนี่ตายมึงก็ตายจำไม่ได้หรือไง”โจทวนความจำให้กับเพื่อนรักของเขาเผื่อว่ามันจะลืมว่าเจ้านายเคยพูดเอาไว้ยังไง ก็ด้วยอีนั้นของมันที่นอนอยู่บนเตียงนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของเจ้านาย ถ้าเจ้านาย
“ฝ่าวงล้อมออกไป”อัลวินสั่งการลูกน้องทั้งมือขวาที่นั่งอยู่ด้านหน้ารถกับคนขับรถคู่ใจเสียงดังลั่นรถเมื่อในตอนนี้สถานการณ์ด้านนอกไม่สู้ดีนักเขากำลังถูกล้อมโดยศัตรูที่เป็นใครสักคนก็ยังไม่รู้แต่เท่าที่รู้ในตอนนี้ก็คืออีกฝ่ายวางแผนมาดีมากจนเขาแทบไม่มีทางหนีออกไปได้แต่ทว่าเขากลับต้องทุ่มสุดกำลังเพื่อหาทางหนีไปให้ได้ แม้เป็นรถคันเดียวที่อยู่กลางวงล้อมด้วยรถของลูกน้องถูกกันออกไปด้านนอกหมดแล้วก่อนหน้านี้เพราะเขานั้นมีลูกสาวต้องดูแล ถ้าลำพังตัวเขาเพียงคนเดียวแล้วละก็คงตั้งหลักสู้ตายอยู่ตรงนี้ ไม่หนีให้เสียชื่อหรอก“ครับนาย”“ไม่ต้องกลัว ก้มหัวเอาไว้”มือหนาของคนเป็นพ่อวางลงบนศีรษะของลูกสาวอย่างเบามือที่สุดเพื่อมอบความปลอดภัยให้ แม้รู้ดีว่าสถานการณ์ด้านนอกเป็นรองจนแทบไม่มีทางรอดแล้วก็ตาม“ค่ะ”สายตาหวานหันมองผู้เป็นพ่อด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่ทว่าก็ยังพยายามเข้มแข็งสุดกำลังเพื่อไม่ให้พ่อต้องกังวลกัดปากตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวออกมา แอบปาดน้ำตาไปก็หลายรอบเพื่อไม่ให้พ่อต้องมาเห็นว่าเธอนั้นกลัวแค่ไหน“มึงไปทางนั้น”อัลวินมองหาทางออกจากวงล้อมของรถจำนวนม
“มายด์ เพียงพอใจ แกรนด์เดย์ หน้าตาเธอเป็นแบบนี้ซินะ หึ”มือหนาดึงรูปออกมาจากซองเอกสารที่ลูกน้องยื่นให้ก่อนหน้านี้ ซองนี้มาจากสายลับคนหนึ่งที่เขาส่งให้ไปแฝงตัวอยู่กับพวกตระกูลแกรนด์เดย์ ตระกูลชาติชั่วที่ฆ่าพ่อของเขา และลูกน้องคนนี้ก็ตายห่าไปแล้วหลงเหลือไว้เพียงซองเอกสารที่ถูกส่งเป็นจดหมายมาถึงเขาอย่างลับๆนี้ก่อนจะวางรูปหญิงสาวสวยที่อยู่ในวัยสดใสอายุเพียงแค่ยี่สิบสองเท่านั้นลงกับโต๊ะทำงานไม้สักอย่างดีหยิบเอามีดพกขนาดกำลังพอดีมือออกมาจากภายในเก๊ะของโต๊ะทำงานนั้นที่ด้ามมีดสลักชื่อตระกูลแกรนด์เดย์ออกมาปักมีดลงบนรูปภาพของหญิงสาวนั้นอย่างจงใจ ก่อนจะกรีดกรายปลายมีดไปทั่วจนรูปนั้นขาดไม่เหลือชิ้นดีมีดที่เคยปักบนอกของพ่อเขาต้องได้ย้อนกลับไปปักอกคนของพวกมันเร็วๆนี้ เลือดจำต้องล้างด้วยเลือดเท่านั้นถึงจะสาสมแล้วคนที่เขาหมายตาว่าจะให้เป็นเหยื่อของความแค้นสีเลือดนี้ก็คือเธอ เพราะมันคงทำให้พ่อของเธอทรมานจนแทบดิ้นตายเหมือนกับที่พ่อของเขาต้องพบเจอก่อนตาย“เธอจะต้องชดใช้”เซนต์จ้องมองรูปที่ขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดีนั้นอย่างไม่วางตา ไฟแห่งความแค้นกำลังลุกโชนภายในดวงตาแข็งกร้าวนั้นราวกับจะแผดเผ