หากสามวันแรกหลังจากตื่นขึ้นมาในหุบเขา เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ตลอดสามวันที่ผ่านมานี้ก็ยิ่งกว่าตกนรก
ไอ้จ้าวหุบเขาโฉดจิตใจโหดเหี้ยมนั่นไม่อ่อนข้อให้เธอสักนิด!
นับตั้งแต่โดนบรรดาไก่ตัวผู้ที่น่าจับมาต้มน้ำแกงให้หมดแข่งกันโก่งคอขันปลุก อาจูต้องรีบลุกขึ้นมาติดเตาไฟต้มน้ำอุ่นเตรียมไว้ให้เขาล้างหน้า ระหว่างรอน้ำเดือดก็ต้องรีบหอบสังขารไปอาบน้ำที่บ่อน้ำร้อนธรรมชาติท้ายหุบเขา จากนั้นก็ต้องรีบกลับมายกน้ำอุ่นไปให้เขาที่ห้อง โดยต้องไม่ลืมช่วยตระเตรียมเสื้อผ้าให้ด้วยอีกหนึ่งชุด
เมื่อไปถึงที่นั่น หลังจากจัดวางอ่างล้างหน้า ผ้าสะอาดสำหรับเช็ดหน้าและมือ รวมทั้งเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แล้ว เธอจะต้องรีบชงชาและติดเตาเล็กไว้รอท่า เผื่อว่าชาเย็นลงเมื่อไหร่จะได้พร้อมอุ่นกาให้เขาทุกเมื่อ แล้วหลังจากนั้นก็ต้องรีบกลับมาที่เรือนทิศใต้เพื่อหุงข้าวและปรุงอาหารสุกใหม่จำนวนสามชนิด
นี่เป็นเพียงแค่รายการ “สิ่งที่ต้องทำ” ในช่วงเช้าเท่านั้น ยังไม่นับว่าหลังจากที่เขากินอาหารเสร็จดีแล้ว เธอยังต้องไปเก็บจานชามมาล้าง โดยก่อนจากมาต้องไม่ลืมตรวจสอบกาน้ำชาว่ามีชาอุ่นร้อนอยู่เต็มกาหรือไม่ กว่าจะทำงานของช่วงเช้าครบถ้วนก็ใกล้เวลาอาหารกลางวัน เธอจึงต้องเริ่มเข้าครัวอีกครั้ง...ตลอดทั้งวันชีวิตวนเวียนอยู่ระหว่างเรือนใหญ่ใจกลางคฤหาสน์กับเรือนหลังเล็กทางทิศใต้
เขาจะใช้งานเธอก็ได้ งานบ้านทั้งหลายแหล่ก็ใช่ว่าเธอจะหยิบจับไม่เป็น
แต่...
งาน บ้า พวก นี้ มัน หนัก เกิน ไป ไหม!
แล้วการฝึกวิชาของข้าล่ะ! อะไรคือการเดินลมปราณ อะไรคือการทะลวงจุด!
นับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ที่ได้เรียนรู้ก็มีแค่ต้องจุดไฟอย่างไรให้ไฟติดเร็ว ต้องหุงข้าวอย่างไรให้สุกพอดี ต้องต้มข้าวต้มอย่างไรให้ซือฝุพึงพอใจ อาหารชนิดใดคือสิ่งที่ซือฝุชื่นชอบหรือไม่ชื่นชอบ ต้องชงชาอย่างไรจึงจะถูกใจซือฝุ ต้องซักผ้าล้างจานอย่างไรให้สะอาด ต้องเหวี่ยงขวานอย่างไรจึงจะผ่าฟืนได้...
ฮึ่ย! ร่างกายจวี๋ฮวาบอบบางนะยะ ตอนนี้สาวน้อยผู้นี้ปวดเมื่อยไปหมด แถมมือเล็กๆ คู่นี้ยังโดนความเย็นจากการซักผ้าล้างจานกัดจนมือจะทะลุอยู่แล้ว!
อาจูตีผิวน้ำตรงหน้าระบายความขัดใจ ตีไปแล้วก็เจ็บมือ ต้องลูบสองมือบอบบางที่ยิ่งลูบก็ยิ่งแดงจัดป้อยๆ
เมื่อผิวน้ำในบ่อน้ำร้อนค่อยๆ กลับคืนสู่ความสงบดังเดิม ภาพใบหน้าจิ้มลิ้ม ดูอ่อนหวานงดงามเหนือจินตนาการก็กระจ่างชัด
คนวิ่งวุ่นทำงานมาตลอดทั้งวันจ้องมองภาพเงาตัวเองแล้วได้แต่ทอดถอนใจ
ร่างใหม่นี้ช่างอ่อนเยาว์ ดูอย่างไรก็อายุอานามแค่ราวๆ 14 15 ทั้งยังเป็นเจ้าของใบหน้ารูปไข่เรียวเล็กชนิดปิดด้วยฝ่ามือเดียวก็แทบมิด
เด็กสาวคนนี้มีเสน่ห์อยู่ที่ดวงตาและริมฝีปาก
ยิ่งดู เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าดวงตาคู่สวยคู่นี้เรียวงามกำลังดี ปลายหางตาคมกริบทำมุมเฉียงขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ขนตางอนยาวเองก็ดูหนาเป็นแพ ตรงตามลักษณะที่เรียกกันว่า “ตาหงส์” ในตำราเป๊ะๆ ดูรับกันกับคิ้วโก่งโค้งสวยเหมือนคันศรกับจมูกน่ารักจิ้มลิ้มที่น่าเอ็นดูจนน่าจิ้มน่าหยิกเบาๆ สักหลายๆ ครั้ง ส่วนริมฝีปากน้อยๆ ที่ทรงเสน่ห์ไม่แพ้ดวงตาก็ดูระจุ๋มกระจิ๋มแต่อิ่มสวย ทั้งที่ไม่เคยแต่งหน้า แต้มชาด ก็ยังดูอวบอิ่ม แถมยังเป็นสีแดงจัด ชวนให้นึกถึงกลีบกุหลาบแรกแย้ม หรือไม่ก็ผลเชอรี่ที่สุกกำลังพอดี น่าจุ๊บ น่ากัด
พอริมฝีปากผิวบางใสสีแดงจัดมาเจอกับผิวขาวละเอียดเกลี้ยงเกลา กับเส้นผมยาวเหยียดตรงสีดำขลับที่ทิ้งตัวเป็นระเบียบส่องประกายเหมือนเส้นไหม...สีสันที่ตัดกันอย่างเด่นชัดก็ชวนให้นึกถึงสาวงามตามขนบจีนโบราณในภาพวาด
เคยมีกวีโบราณแต่งบทชมโฉมสาวงามลักษณะแบบนี้ไว้ว่ายังไงนะ?
อ้อใช่... “ริมฝีปากนางดั่งอิงเถา[1] คิ้วโก่งยาวดั่งคันศร ใบหน้าซับเลือดฝาดยืนอยู่ดายเดียว เส้นผมคลี่สยายดุจแพรไหมใต้แสงตะวัน”
คนงามระดับล่มเมืองแบบนี้ กลับต้องมาติดแหง็กอยู่ในหุบเขาร่วมกับ
จ้าวหุบเขาใจดำ วันๆ ทำงานงกๆ แทบจะไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ได้แต่นับเวลาถอยหลังรอแปลงร่างเป็นคุณป้า เฮ้อ...ช่างน่าเสียดายความงามระดับนี้นักยิ่งคิดอาจูก็ยิ่งสะท้านสะเทือนใจ ที่ทำให้รู้สึกสะเทือนใจมากที่สุดก็คือ ตอนนี้คนที่ติดอยู่ในร่างนี้เป็นเธอ...เธอคนนี้นี่แหละ!
“บ้าบอจริงๆ ทีนางเอกนิยายพวกนั้นหลงมิติมา แต่ละคนได้เป็นตั้งแต่ฮองเฮา สนมรัก ยันพระชายาอ๋อง...”
อาจูนั่งเอนหลังพิงโขดหิน หลับตาพริ้ม ปล่อยให้ความอุ่นร้อนจากสายน้ำช่วยผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
อาจเพราะสะเทือนใจหนักหรือเหน็ดเหนื่อยมากเกินไป คืนนี้เธอจึงเผลอแช่น้ำร้อนนานกว่าปกติ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงใครบางคนเดินลงน้ำ
เสียงใคร...?
นี่เป็นเพราะมาอาบน้ำผิดเวลางั้นเรอะ!
[1] เชอรี่
ข้างฝ่ายคู่ศิษย์อาจารย์ในห้องหับมิดชิด...ยามนี้จวี๋ฮวาคล้ายจะเสียขวัญจนลืมตัว นางแทบจะฝังร่างตนเองในอ้อมอกท่านจ้าวหุบเขา หน้าอกหน้าใจหนั่นแน่นบดคลึงแผงอกแกร่งไปถึงไหนต่อไหน สองมือเล็กๆ กอดรัดเขาแน่นด้วยความรักและไว้วางใจสูงสุด ทำราวกับในสายตานาง บุรุษผู้นี้คือที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวบนโลกนี้เธอไม่ค่อยแน่ใจนักว่าท่านจ้าวหุบเขาคิดเห็นเช่นไร เพราะเขาเอาแต่ยืนนิ่งเหมือนตุ๊กตาหน้าหล่อไร้ความรู้สึก...และเพราะเขาไม่มีปฏิกิริยาใดใด ไม่แม้แต่จะแข็งขืนหรือผลักไส ต่อให้อยากซุกไซ้แผงอกกรุ่นกลิ่นหอมดิบเถื่อนแปลกประหลาดที่ตัวเองเคยสักแต่เขียนบรรยายลงในนิยายทั้งๆ ที่ไม่เคยสัมผัสและไม่คาดคิดว่าจะมีอยู่จริงสักแค่ไหน นักเขียนสายมโนอย่างเธอก็ยังอดตะขิดตะขวงใจขึ้นมาไม่ได้อะ...ไอ้ความรู้สึกเหมือนว่าเป็นสีกาชั่วกำลังยั่วยวนพระตบะสูงแบบนี้มันคืออะไร?มีใครสักคนเคยบอกไว้ คนเราต้องไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงในสถานการณ์ที่ตัวเองไม่ได้เป็นผู้ควบคุม เพราะฉะนั้น...ก่อนที่ตัวเองจะทำอะไรไม่ถูกเพราะปฏิกิริยาเหนือความคาดหมายนี้ อาจูรีบดันตัวเองออกจากแผงอกอุ่นด้วยสีหน้าตกใจระคนสับสน เมื่อดวงตาคู่งามที่เต็มไปด้วยอารมณ์วาบ
เมื่อเทียบกับท่านจ้าวหุบเขาผู้ดูจะมีความสุขกับการเดินทอดน่องชมทิวทัศน์ยามค่ำแล้ว คนที่ใส่เกียร์โกยแน่บหนีความหนาวเหน็บกลับเรือนพักอย่างอาจูย่อมกลับมาถึงเร็วกว่าเขาเป็นเท่าตัว ทันทีที่กลับมาถึง อาจูก็ต้องตื่นตาตื่นใจเพราะหีบบรรจุเสื้อผ้าแพรพรรณชั้นดีและข้าวของเครื่องใช้สตรีแบบโบราณของแท้และดั้งเดิมที่วางเรียงกันอยู่บนลานเล็กๆ ด้านหน้าเรือนพัก เมื่อใช้สมองของศีรษะอันน่ารักจิ้มลิ้มชั่งตวงวัดแล้วเห็นว่าที่นี่ไม่มีสตรีอื่นใดนอกจากจวี๋ฮวา มิหนำซ้ำที่แห่งนี้ยังเป็นเรือนพักของนาง เจ้าของเรือนก็รีบกุลีกุจอขนถ่ายหีบ “สมบัติ” ทั้งสามใบเข้าไปเก็บในเรือนนอน อาการเหน็ดเหนื่อยปวดเมื่อยแขน ขา และเอวทั้งหลาย คล้ายจะหายไปชั่วขณะหลังจัดเก็บทุกอย่างไว้ที่มุมห้อง คนเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองกำลังหนาวก็รีบออกไปจุดไฟใส่กระถางไฟใบเล็กอันสะดวกแก่การขนย้าย แล้วค่อยๆ ยกมันเข้ามา จากนั้นก็เปลี่ยนมาสวมชุดผ้าไหมเนื้อดีสีเหลืองนวลซึ่งสุ่มหยิบมาจากบรรดาเสื้อผ้าสตรีหลากสีสันในหีบ โดยไม่ลืมเอาเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มของท่านจ้าวหุบเขาและเสื้อผ้าชุดเก่าของตัวเองไปตากไว้ที่ราวไม้เพื่อป้องกันกลิ่นอับชื้นที่ยากจะกำจัด
“ทั้งข้าและศิษย์ต่างเป็นผู้ฝักใฝ่ความเงียบสงบ ไม่สันทัดการรับรองผู้คน อาจจะดูเสียมารยาท ทว่ารังมุสิก[1]เล็กจ้อยไม่อาจรองรับคนร่างใหญ่ พวกท่านรีบออกจากหุบเขาเสียจะดีกว่า ยิ่งดึกลมแรง ข้ามหุบเหวตอนลมแรงนับเป็นเรื่องอันตราย อาจมีผู้ใดพลัดตกลงไปได้ทุกเมื่อ” จ้าวหุบเขาเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง น้ำเสียงก็ยังราบเรียบดุจเดิม ทั้งอย่างนั้น คนฟังต่างเย็นวาบไปทั้งศีรษะ ยิ่งนึกถึงภาพใบไม้ในก้อนหิน ในอกก็ยิ่งสั่นสะท้านนะ...นี่...นี่เขาเพิ่งขู่จะฆ่าทุกคนใช่หรือไม่!พ่อบ้านสกุลซุนกำหมัดแน่นขึ้นอีก“ท่านจ้าวหุบเขา แต่ว่ามือของนายน้อย...”“พ่อบ้านสกุลซุน ท่านช่างไม่รู้จักเกรงใจเสียเลย ท่านคิดว่าตอนนี้ล่วงเข้ายามใดแล้ว” จ้าวหุบเขาหยิบขวดใบจ้อยทรงรีเรียวออกมา แล้วซัดฝ่ามือเบาๆ เข้าใส่ ส่งมันเข้าสู่อุ้งมือพ่อบ้านชรา “เห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับประมุขซุน ข้าจะช่วยดูมือนั่นให้”พ่อบ้านชรารีบโค้งตัวคำนับเป็นการใหญ่ จวบจนจ้าวหุบเขาโบกมือปราม เขาจึงยอมหยุดกิริยานั้น“ให้เขากินยานั่นก่อน อีกไม่เกินสองเค่อ รอข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยดีแล้วจะช่วยต่อเส้นเลือดและเส้นเอ็นให้ ส่วนค่ารักษา...”“หนึ่งหมื่นตำลึงทอ
หลังพูดประโยคนี้ อาจูแทบอยากล้มตัวลงกรี้ดอัดหมอน หรือไม่ก็หลบมุมไปตบเข่าตัวเองสักฉาดได้ใจแม่มาก ได้ใจแม่มากกก ทำดีมาก ดีมากๆ ค่ะลูกสาว!...ในใจกรี้ดกร้าดไป ภายนอกก็แสร้งทำสีหน้าสับสนปนหวั่นไหวเล็กน้อยเสี่ยวจวี๋ฮวาไม่รอให้ซือฝุตอบรับหรือปฏิเสธ ร่างงดงามใต้แสงจันทร์ยกมือขึ้นปิดปาก พร้อมกับส่งเสียง “อ๊ะ...” ราวกับเพิ่งหลุดพูดสิ่งที่คิด ขณะเดียวกันดวงตาดอกท้อก็เบิกกว้างขึ้นอย่างไร้เดียงสา “ดะ..ดึกมากแล้ว คืนนี้อากาศเย็น ซือฝุโปรดรักษาตัวด้วย” หลังพูดประโยคที่ฟังดูโง่งม ร่างเล็กๆ ก็รีบกอดกระชับตัวเองแน่น แล้วพาร่างอ้อนแอ้นบอบบางวิ่งกลับเรือนพักไปทั้งอย่างนั้น...หึหึ...เธอไม่รู้หรอกว่าจ้าวหุบเขาผู้นั้นจะคิดอย่างไร รู้เพียงแต่ตอนนี้เสี่ยวจวี๋ฮวาได้ทำตัวเป็นนางเอกนิยายรักใสใสไปหนึ่งยก ทั้งยังไม่ต้องทนเดินทอดน่องตากลมหนาวไปอีกอย่างต่ำก็ราวๆ สิบห้านาทีสิบห้านาที...สิบห้านาทีเชียวนะ!อากาศหนาวตั้งขนาดนี้ ขืนเดินทอดน่องตากลมอีกแค่ห้านาทีก็ตัวแข็งเป็นเนื้อไก่ในช่องแช่กันพอดี! จ้าวหุบเขาเดียวดายมองแผ่นหลังเด็กสาวที่เมื่อครู่ยังเนื้อตัวสั่นเทาหนักราวกับหนาวเหน็บจนขาแข้งแทบแข็งแล้ว ก็เลิกคิ้วขึ
จ้าวหุบเขาเคยกำชับให้เธอลงมาแช่น้ำร้อนวันละสองเวลาเพื่อปรับสมดุลร่างกายตามเวลาที่กำหนดให้อย่างเคร่งครัด เธอก็ทำตามมาโดยตลอด แต่หลังจากทำงานหนักมาสามวันเต็ม เย็นวันนี้เธอจึงเปลี่ยนแผน เพราะอยากจะแช่น้ำอุ่นๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อก่อนเข้านอน มากกว่าเข้านอนโดยมีกลิ่นอาหารและกลิ่นควันไฟติดเส้นผมแย่แล้ว...คนอาบน้ำผิดเวลาแถมยังแช่น้ำนานนับครึ่งชั่วยามอยากจะร้องเตือน แต่เมื่อหันไปเห็นว่าผู้ชายที่แก้ผ้าแก้ผ่อนลงมาแช่น้ำร้อนชนิดไม่ดูตาม้าตาเรือไม่ใช่ท่านจ้าวหุบเขา ใบหน้าขาวผ่องก็ซีดลงอีกสามระดับไอ้ตี๋ร่างเล็ก หน้าหวาน แต่ท่าทางดูกวนประสาท แถมยังเอาแต่หัวเราะหึหึเป็นบ้าเป็นบออยู่คนเดียวคนนี้เป็นใคร!!!อาจูซ่อนตัวนิ่งสนิทโดยสัญชาตญาณ ในใจได้แต่นึกขอบคุณตัวเองที่ยังหน้าบางเกินกว่าจะแก้ผ้าแก้ผ่อนลงแช่น้ำร้อนกลางแจ้ง ก็เลยว่ายเข้ามาหลบมุมอาบน้ำหลังซอกหินแบบนี้ขณะอาจูกำลังคิดว่าจะเอายังไงดี ไอ้ตี๋ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนคนนั้นก็กางแขนกางขาถูเนื้อถูตัวอย่างน่าเกลียด ทำเอาคนที่คิดว่าตัวเองหน้าหนามากแล้วถึงขั้นอยากยอบกายคารวะอี๋...ร่างเด็กหนุ่มเพิ่งโตผอมแห้งพรรค์นี้น่าดูตรงไหนกันอะ...อนาจาร...นี่มัน
หากสามวันแรกหลังจากตื่นขึ้นมาในหุบเขา เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ตลอดสามวันที่ผ่านมานี้ก็ยิ่งกว่าตกนรก ไอ้จ้าวหุบเขาโฉดจิตใจโหดเหี้ยมนั่นไม่อ่อนข้อให้เธอสักนิด! นับตั้งแต่โดนบรรดาไก่ตัวผู้ที่น่าจับมาต้มน้ำแกงให้หมดแข่งกันโก่งคอขันปลุก อาจูต้องรีบลุกขึ้นมาติดเตาไฟต้มน้ำอุ่นเตรียมไว้ให้เขาล้างหน้า ระหว่างรอน้ำเดือดก็ต้องรีบหอบสังขารไปอาบน้ำที่บ่อน้ำร้อนธรรมชาติท้ายหุบเขา จากนั้นก็ต้องรีบกลับมายกน้ำอุ่นไปให้เขาที่ห้อง โดยต้องไม่ลืมช่วยตระเตรียมเสื้อผ้าให้ด้วยอีกหนึ่งชุดเมื่อไปถึงที่นั่น หลังจากจัดวางอ่างล้างหน้า ผ้าสะอาดสำหรับเช็ดหน้าและมือ รวมทั้งเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แล้ว เธอจะต้องรีบชงชาและติดเตาเล็กไว้รอท่า เผื่อว่าชาเย็นลงเมื่อไหร่จะได้พร้อมอุ่นกาให้เขาทุกเมื่อ แล้วหลังจากนั้นก็ต้องรีบกลับมาที่เรือนทิศใต้เพื่อหุงข้าวและปรุงอาหารสุกใหม่จำนวนสามชนิดนี่เป็นเพียงแค่รายการ “สิ่งที่ต้องทำ” ในช่วงเช้าเท่านั้น ยังไม่นับว่าหลังจากที่เขากินอาหารเสร็จดีแล้ว เธอยังต้องไปเก็บจานชามมาล้าง โดยก่อนจากมาต้องไม่ลืมตรวจสอบกาน้ำชาว่ามีชาอุ่นร้อนอยู่เต็มกาหรือไม่ กว่าจะทำงานของช่วงเช้าค