Home / รักโบราณ / นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง / ๔ เจอหน้าพระรองครั้งแรก

Share

๔ เจอหน้าพระรองครั้งแรก

last update Last Updated: 2025-10-25 21:48:51

ดูเหมือนความคิดในหัวของนางจะดังเกินไปหน่อย ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ ถ้อยคำที่เอ่ยออกไปยังสะท้อนก้องอยู่ในโสตประสาท ทั้งที่ความคิดก่อนหน้านี้ยังตีกันวุ่นวายอยู่ในหัว แต่ไฉนกลับพูดออกไปราวกับตกหลุมพรางของความหล่อเหลาของอีกฝ่ายเสียแล้ว

เฟิ่งจิ่นหรงยืนนิ่ง ตัวแข็งชะงักคล้ายหยุดหายใจไปชั่วขณะ

ขณะที่จ้าวอวี้หมิงมองสตรีตรงหน้า หัวคิ้วเข้มขมวดอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าถ้อยคำเมื่อครู่ที่ได้ยินนั้นเป็นจริงหรือหูฝาดเพี้ยนไปเอง แต่กระนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าสติของสตรีตรงหน้าอาจเลอะเลือนไปเสียแล้ว

“ข้าไม่ใช่คุณชายเซียว…” น้ำเสียงของเขาเข้มขรึม แต่แฝงด้วยความเย็นชา “หากคุณหนูอยากไปสกุลเซียวนั้นอยู่เส้นทางหน้าวังหลวง หากจำไม่ได้ก็บอกให้สารถีพาไป นี่คือจวนสกุลจ้าว”

จ้าวอวี้หมิงถอนหายใจลึก ก่อนจะหันหลังจะเดินหนีคล้ายกับปฏิเสธพลางๆ

ทว่าด้วยนิสัยดื้อรั้นเฟิ่งจิ่นหรงกลับก้าวตามเข้ามา ร่างบางยืนขวางทางอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาแน่วแน่

“ข้า..ข้า มีเรื่องสำคัญจะพูดคุยด้วยเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานตะกุกตะกะเต็มไปด้วยความประหม่า นางเงยหน้าขึ้นพลันประสานสบเข้ากับดวงตาคมกริบเย็นเยียบตรงหน้าพอดี

จ้าวอวี้หมิงยืนนิ่ง มองสตรีตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ

บรรยากาศพลันตกอยู่ในความเงียบสงัดชั่วครู่ สายน้ำในสระบัวสะท้อนแสงแดดพลิ้วไหวราวกับรอคอยกำลังสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป…

จ้าวอวี้หมิงเลิกคิ้วถามกลับด้วยน้ำเสียงสงสัย “เรื่องสำคัญใดกัน จนทำให้คุณหนูบุกมาถึงสกุลจ้าวของข้า ทั้งที่ไม่เคยพูดคุยกันมาก่อนแม้แต่สักครึ่งคำ”

เฟิ่งจิ่นหรงยืนตัวตรง เชิดปรายคางขึ้นด้วยความประหม่าฉายชัดออกมา ดวงตาคู่งามเปล่งประกายแฝงความตั้งใจแน่วแน่ หัวใจดวงน้อยเต้นแรง นางสูดลมหายใจลึกกลั้นความหวาดหวั่นไว้ แล้วค่อยๆ เอ่ยเสียงดังฟังชัดถ้อยชัดคำ

“ข้า…ข้าอยากขอให้คุณชายรับข้าเป็นภรรยาเจ้าค่ะ”

ถ้อยคำพูดนั้นดังชัดเจน ราวกับก้อนหินกระแทกลงกลางสระน้ำ บรรยากาศโดยรอบเหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ แม้แต่สายลมก็พลันสงบ

จ้าวอวี้หมิงขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าถมึงทึงย่ำแย่งุนงงยิ่งกว่าเดิม เชามองสตรีตรงหน้าคล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน ริมฝีปากหนาเหยียดยกยิ้มเย้ยหยัน

“คุณหนูเฟิ่ง…ข้าได้ยินผิดใช่หรือไม่” เขาเอ่ยถามเสียงแผ่วลงอย่างไม่คาดคิด

สตรีตรงหน้าเคยเป็นคู่หมั้นของเซียวจิ้นอวิ้นก็จริงแต่นั้นก็คือเหตุการณ์ในอดีตก่อนที่การหมั้นหมายจะถูกยกเลิก เกรงว่าคงทำให้อับอายรู้สึกราวกับถูกหักหน้า คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องการเอาคืนคุณชายเซียวกระมัง

แต่แล้วเหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเขา?

หรือเพราะเขาเป็นสหายของไป๋หว่านชิงกัน?

ความคิดนั้นทำให้หัวใจของจ้าวอวี้หมิงกระตุกวูบ ใบหน้าค่อยๆ ซีดลง ร่างกายแทบไม่อาจนิ่งเฉย

เขาช้าไปเพียงก้าวเดียว…นางก็ยืนอยู่ในอ้อมกอดของผู้อื่นไปเสียแล้ว

เฟิ่งจิ่นหรงพยักหน้าแน่วแน่ ราวยืนยันว่าไม่ผิดแน่

“ไม่ผิดเจ้าค่ะ…ข้าเลือกแล้ว ข้าอยากอยู่เคียงข้างคุณชายเพียงผู้เดียว” น้ำเสียงหวานดังชัดก้องไปทั่วทั้งจวน ราวกับประกาศให้ทุกคนรับรู้ แม้แต่เหล่าสาวใช้ที่อยู่รอบๆ ถึงกับชะงักหยุดฟังด้วยความสนใจทันที

จ้าวอวี้หมิงเงียบไปชั่วขณะ สายตาคมกริบจับจ้องลึกลงไปในนัยน์ตาเมล็ดซิ่งราวพยายามค้นหาอะไรบางอย่าง

“คุณหนูต้องการจะใช้ข้าเป็นหมากในกระดานเพื่อประชดประชันคุณชายเซียวงั้นหรือ” เขาเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

จ้าวอวี้หมิงแค่ฮึดฮัดในลำคอ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวเจือความข่มขู่เต็มไปด้วยความหวังดี

“ข้าเป็นสหายของไป๋หว่านชิง…ย่อมไม่มีวันปล่อยให้ผู้ใดมาล่วงเกินหรือทำร้ายชีวิตคู่ของนางแน่”

พอเฟิ่งจิงหลินได้ยินแช้วพลันหลุดหัวเราะร่อออกมาราวกับเรื่องตลกขบขัน น้ำเสียงใสหวานกังวานออกมาด้วยความสงสัยและงุนงง “อืม…ไป๋หว่านชิงเลี้ยงบุรุษด้วยอันใดกัน เหตุใดถึงได้ทึ่มทื่อ ตาบอดและซื่อตรงยิ่งกว่าสุนัขที่ข้าเคยเลี้ยงมาเสียอีก!”

นางกำลังช่วยพระรองผู้น่าสงสารให้พ้นชะตากรรมที่เวทนา แต่ไฉนเขากลับมองความหวังดีของนางเป็นกบฏกัน!

“ข้าหรือจะใช้คุณชายจ้าวเป็นหมากในกระดานเพื่อเรียกความสนใจจากเซียวจิ้นอวิ๋น…ตอนนี้ข้ารู้แล้ว แต่ก็ช่างเถอะ ตอนที่ข้าขู่ว่าจะกระโดดลงแม่น้ำ เขากลับไม่สนใจ มิหนำซ้ำ ข้ากระโดดลงไปแล้วก็หาได้เหลียวแล เกรงว่าหากข้าตายไปจริงๆ เขาคงจะเฉลิมฉลองเสียด้วยซ้ำ ที่ข้าได้ไปพ้นหูพ้นตาไม่ต้องมารำคาญให้เห็นอีก” คำพูดของเฟิ่งจิงหลิน ราบเรียบแต่กลับเต็มไปด้วยความเย็นชาแฝงข่มขืนอย่างชัดเจน

บุรุษเห็นแก่ตัวผู้นั้นเหมาะสมกับนางเอกดอกบัวขาวที่สุด ราวกับผีเน่ากับโลงผุ!

จ้าวอวี้หมิงชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะประแอมไอออกมาคล้ายกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างที่ก่อขึ้นในใจอย่างไม่รู้ตัว

เขาเป็นผู้ที่กระโจนลงน้ำไปช่วยนางเอง…แต่ตอนนี้กลับยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมความเย็นยะเยือกและความคิดที่ซับซ้อนราวกับไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน

ว่ากันตามตรง เขาคิดว่าสตรีตรงหน้าจะได้ไปปรโลกเสียอีก แต่กลับมีชีวิตคืนมาได้ นับว่ามีความสามารถไม่ธรรมดา

น้ำเสียงทุ้มพึมพำออกมาแผ่วเบา เต็มไปด้วยความคาดเดา “หากกล่าวว่าเขาเห็นแก่ตัวนัก ก็อย่าได้คิดจะกระโดดลงน้ำประชดเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้ใดอีก คราวหน้า…เกรงว่าคงจะได้ตายไปจริงๆ ช่วยไว้ไม่ได้อีกแล้ว”

สายตาคมกริบจ้องสตรีตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเบนหน้าหันหนี หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยราวกับขัดใจตนเองที่ต้องยอมรับความจริงบางอย่าง

“เหอะ! น่าสมเพชนักที่แม้จะมีชีวิตอยู่ก็ยังทำเรื่องโง่เช่นนี้”

เฟิ่งจิงหรงยังคงจ้องมองบุรุษตรงหน้าไม่ลดละ นางเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะยกมือกอดอก แค่นเสียงถามอย่างจริงจัง

“พูดออกมาราวกับว่ากระโจนน้ำลงไปช่วยข้าเสียเอง…”

จ้าวอวี้หมิงได้ยินถึงกับต้องหันกลับมาทันที พลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอา น้ำเสียงทุ้มต่ำพร่ำพึมพำ “โง่งม…”

คาดว่าคงไม่มีผู้ใดบอกกระมัง ว่าใครที่กระโจนลงน้ำเป็นผู้ช่วยนางขึ้นมาให้รอดพ้นจากความตาย

ช่างเถอะ…เขาเองก็หาได้ติดใจทวงถามบุญคุณอะไรนัก

ถือว่าได้ทำบุญช่วยเหลือชีวิตผู้คนอนาถาก็พอใจแล้ว

ใบหน้าคนงามเริ่มฉายแววโกรธเคืองไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน ริมฝีปากบางยกยิ้มเย้ยหยัน “คำก็สมเพช…สองคำก็โง่งม…เจ้าดีกว่าข้านักหรืออย่างไรกัน จ้าวอวี้หมิง! ตามต้อยติดสตรีผู้นั้นราวกับสุนัข หากนางมาเจ้าก็สะบัดหางรับ หากนางไปก็หม่นหมองไม่เป็นอันทำสิ่งใด!”

พอสิ้นคำนั้น นางพลันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า เจือแววเวทนาในดวงตาอยู่บ้าง

ทั้งที่เป็นเพียงบทของนิยายน้ำเน่า แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางถึงถลำลึกจนกลายเป็นเรื่องที่นางโปรดปรานที่สุดไปได้!

จ้าวอวี้หมิงนิ่งไร้คำตอบไม่เอื้อนเอ่ยอันใด

จู่ๆ อีกฝ่ายก็บุกเข้ามาถึงจวน ประกาศปาวๆ ว่าอยากแต่งเป็นภรรยาของเขา ไหนยังจะมีหน้ามายืนสบถด่าเขาต่อหน้าในเรือนของเขาเองอีก สายตาคมกริบฉายแววเหนื่อยหน่ายเต็มไปด้วยความรำคาญ ก่อนจะเหลือบไปมองบรรดาสาวใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แล้วเอ่ยคำสั่งทันที “พาคุณหนูเฟิ่งออกไปเสีย วันนี้สกุลจ้าวไม่รับแขกแล้ว”

ทันใดนั้น สาวใช้ยังไม่ทันก้าวเข้ามาใกล้ เฟิ่งจิงหรงก็ชูมือขึ้นเป็นสัญญาณห้าม ใบหน้ายิ่งทะนง นัยน์ตาเมล็ดซิ่งจ้องบุรุษตรงหน้าไม่ลดละ

“จ้าวอวี้หมิง…คิดจะไล่ข้าออกไปง่ายๆ เช่นนี้ เพราะกลัวว่าข้าจะพูดความจริงที่ท่านซ่อนเอาไว้ใช่หรือไม่”

เสียงหวานกึกก้อง ทุกถ้อยคำราวกับมีหนามทิ่มแทงหัวใจ ชวนให้ผู้ฟังไม่อาจสงบได้ จ้าวอวี้หมิงนิ่งงัน ดวงตาคมกริบฉายแววขุ่นเคืองชั่ววูบก่อนจะกลับมาราบเนียบเย็นชาดังเดิม

เฟิ่งจิงหรงหัวเราะเยาะ นางเอียงศีรษะเล็กน้อย รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้า “ท่านว่าข้าโง่งม…แต่กลับทำตัวเหมือนบุรุษผู้ถูกสตรีจูงจมูก มิหนำซ้ำยังภาคภูมิใจนักหนาที่ได้เป็นเงาตามหลังนาง หากวันใดที่ไป๋หว่านชิงเบือนหน้าหนี ท่านเองคงเหลือเพียงความว่างเปล่าไม่ต่างอะไรจากหมาเร่ร่อนที่ไม่มีใครเหลียวแล”

คำพูดนั้นเหมือนคมมีดเฉือนลึกลงในอกจ้าวอวี้หมิง

เขากำมือแน่น ความอดทนใกล้ขาดสะบั้น แต่หัวใจกลับสั่นสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เฟิ่งจิงหรง!” น้ำเสียงตวาดดังลั่น เส้นเลือดบนขมับปูดนูนขึ้นมาอย่างชัดเจน ดวงตากลับไหววูบด้วยบางสิ่งที่เขาไม่อาจเข้าใจ

ทว่ากลับไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย ก้าวเข้าไปใกล้ ระยะห่างระหว่างทั้งสองเหลือเพียงลมหายใจรดริน ริมฝีปากขยับเอ่ยพูดช้าๆ เสียงเบาแต่ชัดเจนทุกถ้อยคำ

“หากท่าาไล่ข้าออกไป…อย่าลืมเสียเล่าว่า ข้าจะกลับมาอีก และทุกครั้งที่กลับมา ข้าจะทำให้ท่านไม่มีวันลืมว่าข้าคือใคร”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๗ สตรีใสซื่อไร้เดียงสา

    พอได้ยินถ้อยนั้น ไป๋หว่านชิงลอบยิ้มออกมาซ่อนความพึงพอใจและสะใจลึกๆ อยู่ภายในใจนางไม่ได้แม้แต่ลงแรงคิดแผนการใด เพียงโยนกระดูกชิ้นหนึ่งขวางทางไว้เท่านั้น อีกฝ่ายกลับคาบแน่นไม่ยอมปล่อยเสียเอง“แต่คุณหนูเฟิ่ง นายท่านเฟิ่งรวมถึงทุกคนในสกุลเฟิ่งคงจะเกลียดข้ามากนัก เกรงว่าแม้แต่หน้ายังไม่อยากมองด้วยซ้ำกระมัง” เสียงหวานพึมพำคล้ายบ่นกับตนเอง หากแต่ดังชัดพอจะลอดเข้าไปในหูเซียวจิ้นอวิ๋นราวกับตั้งใจให้ได้ยินไป๋หว่านชิงเหลือบตาขึ้นมองเพียงเสี้ยวหนึ่ง ก่อนรีบก้มต่ำหลบสายตาดุดันอย่างหวาดระแวง ราวกับแบกรับความผิดอันใหญ่หลวงที่มิอาจลบเลือน มือเรียวทั้งสองกำจอกชาแน่นจนสั่นไหว เผยให้เห็นความเก้ๆ กังๆ อย่าประหม่าและรู้สึกผิด“สุดท้าย ความจริงก็ยังคงเป็นข้าที่ได้แย่งคุณชายมาอยู่ดี” น้ำเสียงหวานสั่นพร่าราวจะขาดห้วงลงกลางคันเซียวจิ้นอวิ๋นพลันเงียบงันไปครู่ใหญ่ พอได้ฟังน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยถ้อยคำตัดพ้อนี้ สายตาคมกริบที่มักจะแข็งกร้าวแจือแววเย็นชาค่อยๆ อ่อนยวบลงอย่างห้ามไม่อยู่เขาถอนหายใจยาวเหยียด แววตาที่ทอดมองสตรีตรงหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีมาก่อน“ไป๋หว่านชิง…” เสียงทุ้มต่ำเรียกชื่ออย่างแผ่ว

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๖ ช่วยเหลือผู้คน

    “นึกไม่ถึงว่าคุณชายจ้าวจะมีน้ำใจช่วยเหลือผู้คน”น้ำเสียงทุ้มต่ำของซูเหรินเจี๋ยเอ่ยขึ้นเจือความเหน็บแนม สายตาเหลือบมองสหายตรงหน้าที่เอาแต่ทอดสายตาลงไปจากชั้นสองของโรงเตี๊ยม มองไปยังร้านเครื่องปั้นเคลือบของสกุลไป๋อย่างไม่ลดละ ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขาซูเหรินเจี๋ยยกน้ำชาขึ้นจิบพลางๆ แววตาฉายแววครุ่นคิดเมื่อหลายวันก่อนหน้า เขาและสหายนั่งจิบชาดวลหมากกันอยู่โรงเตี๊ยมตรงข้ามกิจการของสกุลไป๋ ทว่ากลับเกิดเหตุโกลาหลวุ่นวายขึ้นหน้าร้านเสียงดังเอะอะโวยวาย จนเขาและสหายอดมองด้วยความสนใจไม่ได้แท้จริงแล้วเป็นเพียงคุณหนูสกุลเฟิ่งที่ตามตื้อเซียวจิ้นอวิ้น นางประกาศเสียงดังว่าจะกระโดดลงน้ำ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สนใจ ใยดีเดินจากไปไม่เหลียวแลขณะที่เหตุการณ์ดูเสมือนจะสงบลง ทว่าไม่ทันไรเขากลับได้ยินเสียงดังโหวกวายตะโกนมาว่ามีคนกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย พอหันกลับไปมองสหาย กลับเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นลงไปยังชั้นล่างโรงเตี๊ยม วิ่งผ่าฝูงชนท่าทางคล้ายเข้าไปช่วยแล้วซูเหรินเจี๋ยไม่คาดคิดว่าสหายผู้นี้ที่มีนิสัยนิ่งเฉย หาได้สนใจเรื่องของผู้ใดหรือแม้แต่สตรีใด นอกจากคุณหนูไป๋ ทว่าเหตุใดกลับยอมเสี่ยงชีวิตช่วยคุณหนูเฟิ่งแทน ทั้งที่

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๕ เริ่มเปลี่ยนแปลง

    นายท่านเฟิ่งในยามนี้โกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด แววตาแข็งกร้าวจนแทบจะยกดาบไปฟาดฟันกับสกุลเซียวเสียให้รู้แล้วรู้รอดบรรยากาศภายในห้องโถงอึมครึมราวกับมีเค้าเมฆฝนหนาทึบลอยทับอยู่เหนือหัว เพราะหนึ่งวันของสกุลเฟิ่งกลับยาวนานราวหนึ่งปี เต็มไปด้วยเรื่องวุ่นวายที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดราวกับคลื่นซัดแม้ยามนี้จะล่วงถึงมื้อค่ำแต่ความสงัดเงียบกลับไม่ก่อความสงบ หากแต่ทำให้ทุกผู้คนในจวนรู้สึกกดดัน หนักหน่วงจนแทบจะหายใจไม่ออกท้องฟ้าแปรเปลี่ยนสี เริ่มมืดสลัว ประหนึ่งสะท้อนอารมณ์ของนายท่านเฟิ่งที่ยังพลุ่งพล่านไม่คลาย ความเงียบงัดแผ่ปกคลุมไปทั่วจวน ไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยหรือเสียงหัวเราะของบ่าวไพร่ บ้างก็ต่างก้มหน้าทำงานด้วยความหวาดกลัวเฟิ่งฮูหยินนั่งนิ่งอยู่ข้างสามี สายตาหันไปมองบุตรชายคนเล็กที่ซุกซนไปตามวัย ยามนี้เฟิ่งจื้อหานกำลังวิ่งเล่นอย่างไม่รู้เรื่องรู้ซุกซนตามวัย ไม่เข้าใจว่าบรรยากาศหนักอึ้งเพียงใด ตั้งแต่บุตรชายเริ่มเดินได้ นางเองก็ค่อยได้พักผ่อนนัก แล้วไหนจะเรื่องของบุตรสาวคนโตอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวราวกับมีเข็มนับร้อยทิ่มแทงอยู่ในขมับ“เรื่องนี้…จะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร!” น้ำเสียงทุ้มต่ำของนายท่า

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๔ เจอหน้าพระรองครั้งแรก

    ดูเหมือนความคิดในหัวของนางจะดังเกินไปหน่อย ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ ถ้อยคำที่เอ่ยออกไปยังสะท้อนก้องอยู่ในโสตประสาท ทั้งที่ความคิดก่อนหน้านี้ยังตีกันวุ่นวายอยู่ในหัว แต่ไฉนกลับพูดออกไปราวกับตกหลุมพรางของความหล่อเหลาของอีกฝ่ายเสียแล้วเฟิ่งจิ่นหรงยืนนิ่ง ตัวแข็งชะงักคล้ายหยุดหายใจไปชั่วขณะขณะที่จ้าวอวี้หมิงมองสตรีตรงหน้า หัวคิ้วเข้มขมวดอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าถ้อยคำเมื่อครู่ที่ได้ยินนั้นเป็นจริงหรือหูฝาดเพี้ยนไปเอง แต่กระนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าสติของสตรีตรงหน้าอาจเลอะเลือนไปเสียแล้ว“ข้าไม่ใช่คุณชายเซียว…” น้ำเสียงของเขาเข้มขรึม แต่แฝงด้วยความเย็นชา “หากคุณหนูอยากไปสกุลเซียวนั้นอยู่เส้นทางหน้าวังหลวง หากจำไม่ได้ก็บอกให้สารถีพาไป นี่คือจวนสกุลจ้าว”จ้าวอวี้หมิงถอนหายใจลึก ก่อนจะหันหลังจะเดินหนีคล้ายกับปฏิเสธพลางๆทว่าด้วยนิสัยดื้อรั้นเฟิ่งจิ่นหรงกลับก้าวตามเข้ามา ร่างบางยืนขวางทางอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาแน่วแน่“ข้า..ข้า มีเรื่องสำคัญจะพูดคุยด้วยเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานตะกุกตะกะเต็มไปด้วยความประหม่า นางเงยหน้าขึ้นพลันประสานสบเข้ากับดวงตาคมกริบเย็นเยียบตรงหน้าพอดีจ้าวอวี้หมิงยืนนิ่ง มองสตร

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๓ การตัดสินใจครั้งใหม่

    บรรยากาศภายในเรือนนอนยังอบอวลด้วยกลิ่นยาสมุนไพร เหล่าสาวใช้ต่างยืนตัวสั่นมองคุณหนูที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงด้วยสายตาหวาดหวั่น น่าแปลกที่อีกฝ่ายไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญโวยวายเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับเงียบงันเย็นชาเสียจนกระอักกระอ่วนกดดันยิ่งนักเฟิ่งจิงหรงยกมือขึ้นแตะแก้มเนียนช้าๆ สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาที่หลั่งรินอย่างไม่รู้ตัวของเจ้าของร่างเดิมไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นเพราะความเจ็บช้ำที่ครั้งหนึ่งเคยทุ่มเททั้งหัวใจให้บุรุษผู้นั้นจนยอมแลกด้วยชีวิต หรือเพราะเพลิงแค้นที่ยังคงครุ่กขุ่นแน่นอยู่ในอกกันแน่ “เจ็บปวดถึงเพียงนี้…นางต้องทนแบกรับความอับอายมานานเท่าใดกัน” น้ำเสียงหวานพึมพำพูดแผ่วเบาความทรงจำของร่างเดิมถาโถมเข้ามาไม่หยุด ทั้งถูกเยาะหยันว่าเป็นสตรีเอาแต่ใจ ถูกตราหน้าว่าใช้อำนาจข่มขู่บุรุษแต่งงานด้วยอย่างดื้อรั้นทุกภาพชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเฟิ่งจิงหรงเริ่มตั้งสติได้ริมฝีปากบางยกโค้งขึ้นเล็กน้อย หาใช่รอยยิ้มสดใสหากแต่เป็นรอยยิ้มเย็นชาเจือข่มความเจ็บปวดไว้ในอก“หากสวรรค์กำหนดให้ข้ามาอยู่ในร่างนี้ เช่นนั้น…ข้าก็จะใช้โอกาสนี้กลายเป็นนายร้ายตัวมัมที่พ่อพระเอกโง่งมเสียดายจนตาย”เฟิ่งจิงหรงหันขวับไป

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๒ ความทรงจำร่างเดิม

    ณ สกุลเซียวไป๋หว่านชิงเป็นเพียงบุตรสาวของตระกูลพ่อค้าที่ทำการค้าเปิดกิจการขายเครื่องปั้นเคลือบอยู่ในตลาด แม้เป็นเพียงสกุลพาณิชเล็กๆ หาได้มีเกียรติสูงส่งดังตระกูลขุนนางใหญ่ แต่ทว่าสวรรค์กลับประทานรูปโฉมอันงดงามให้ ที่ไม่ว่าผู้ใดที่เดินผ่านไปแล้วล้วนต้องเหลียวหลังหวนมองอีกทั้งยังมีวาทศิลป์การพูดจาละเมียดละไมอ่อนหวานจับใจ สามารถโน้มน้าวใจผู้คนให้ซื้อหาสินค้าได้โดยง่ายดังนั้น กิจการเครื่องปั้นเคลือบของสกุลไป๋จึงขายดิบขายดี มิใช่เพราะคุณภาพเพียงอย่างเดียว หากแต่ด้วยเสน่ห์การเจรจาของไป๋หว่านชิงเป็นสำคัญกระทั่งวันหนึ่ง…ในขณะที่ไป๋หว่านชิงเฝ้าร้านอยู่กับเหล่าคนงาน กลับถูกกลุ่มอันธพาลบุกเข้ามาก่อกวน หาได้หมายจะปล้นเครื่องปั้นราคาแพงไม่แต่กลับหมายจะฉุดนางไปเป็นภรรยาแทน!ทว่าสวรรค์เหมือนกำหนดไว้ เมื่อบุตรชายคนรองของสกุลเซียว…คุณชายเซียวจิ้งอวิ๋นผ่านมาพอดีและได้ช่วยเหลือนางเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดวันนั้นจึงเป็นวันที่ทั้งสองพบพานกันครั้งแรกและกลายเป็นรักแรกพบของทั้งสองฝ่ายและไม่นานหลังจากนั้น คุณชายเซียวก็สร้างเรื่องอื้อฉาวไปทั่วเมือง หักหน้าสกุลเฟิ่งด้วยการประกาศยกเลิกการหมั้นหมายกับ เฟิ่งจิง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status